พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 216 ตราบใดที่มีผมอยู่ คุณจะไม่เป็นอะไร
ตอนที่ 216
ตราบใดที่มีผมอยู่ คุณจะไม่เป็นอะไร
หลังจากที่ออกมาจากร้านค้าแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เดินทางกลับไปที่สตีเฟนกรุ๊ปโดยไม่หยุดพักแม้แต่น้อย
เหตุการณ์ในวิดีโอดังกล่าวยังคงแพร่กระจายอยู่ในโลกออนไลน์
ข่าวลือแพร่กระจายออกไปว่าสตีเฟนขายแบรนด์เสื้อผ้าที่ด้อยคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเกิดอาการแพ้จนต้องเข้าโรงพยาบาล
ถึงแม้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะขอให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์อัปโหลดข้อมูลผลทดสอบเพื่อชี้ความกระจ่างแล้ว แต่ผลทดสอบกลับส่งผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มีเพียงน้อยคนบนโลกอินเทอร์เน็ตเท่านั้นที่จะเชื่อพวกเขา ชาวเน็ตต่างเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็นและเชื่อในหลักฐานที่ได้รับจากผู้ที่เกิดภูมิแพ้
พวกเขารู้สึกว่าสตีเฟนขายเสื้อผ้าด้อยคุณภาพ การออกมาแถลงก็เพื่อปกปิดความจริงเท่านั้น
ลูกค้าจำนวนมากที่ซื้อเสื้อผ้าของสตีเฟนไปก่อนหน้านี้เริ่มทยอยโทรศัพท์มาขอคืนสินค้าเช่นกัน
แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างยังไม่กระจ่างชัดเจน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น
กว่าเรื่องทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง
มู่อวี้เฉิงเลิกงานดึกจึงโทรศัพท์กลับไปที่คฤหาสน์ จากนั้นจึงได้ยินพ่อบ้านพูดว่า “วันนี้ไม่รู้ทำไมคุณหญิงยังไม่กลับบ้านมาเลยครับคุณชาย นายน้อยเองก็เอาแต่ถามหา”
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นนึกถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นกับ สตีเฟนกรุ๊ปในวันนี้
เขาคิดว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวน่าจะทำงานล่วงเวลาเพราะเรื่องนี้
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันพาเธอกลับไป” หลังจากพูดจบเขาก็วางสายลง
จากนั้นจึงสั่งการลู่หมิงให้ขับรถไปยังสตีเฟนกรุ๊ป
รถยนต์เคลื่อนตัวไปภายใต้แสงจันทร์ที่สุกสกาว เงาของต้นไม้ริมถนนค่อย ๆ จางหายไป
ทันใดนั้นมู่อวี้เฉิงก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากนอกรถยนต์ เขารีบพูดขึ้นว่า “หยุดรถ”
ลู่หมิงรีบเหยียบเบรคจนรถยนต์ส่งเสียงเอี๊ยดและหยุดลงทันที
ลู่หมิงมองทอดยาวตามสายตาของมู่อวี้เฉิงแล้วพบเข้ากับร้านอาหารจีนที่มีคิวยาวเหยียดอยู่ด้านหน้าประตู ดูเหมือนว่ากิจการจะรุ่งเรืองมาก
“ฉันส่งเมนูให้แล้ว ลงไปซื้อมาชุดมาหนึ่ง” มู่อวี้เฉิงสั่ง
“ครับ” ลู่หมิงตอบ
ท่านประธานสั่งให้เขาไปต่อแถวซื้ออาหารอีกแล้ว!
ลู่หมิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับความยากลำบากของตนเอง
หลังจากถอนหายใจ เขาก็เปิดประตูรถยนต์ลงไปต่อแถวซื้ออาหารอย่างเชื่อฟัง
สักพักกล่องอาหารที่ถูกบรรจุเรียบร้อยแล้วก็ถูกนำขึ้นมาใส่ท้ายรถยนต์
ก่อนที่ลู่หมิงจะขับรถยนต์พามู่อวี้เฉิงตรงไปยัง สตีเฟนกรุ๊ป
เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงตึกสำนักงานที่อยู่ใจกลางย่านธุรกิจ มู่อวี้เฉิงก็พูดกับลู่หมิงว่า “นายกลับไปก่อน”
เขาสั่งการและถือกล่องไม้อาหารเรียบง่ายเดินเข้าไปในห้องทำงานของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
มู่อวี้เฉิงเคาะประตูห้องเบา ๆ หลังจากนั้นน้ำเสียงที่ชัดเจนของถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ดังขึ้น “เข้ามา”
เขาผลักประตูเข้าไปและปิดประตูลง ทว่า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลย
ผ่านไปสักพักใหญ่ ทั้งสองก็ยังคงเงียบสนิท
“มีอะไร?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามขึ้นด้วยความสงสัยแต่กลับไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
มู่อวี้เฉิงอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะสังเกตเห็นเขาสักที ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบคำถามเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดทนรอคำตอบกลับไม่ไหวจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือมู่อวี้เฉิง เธอจึงปริปากพูดขึ้นด้วยความตกใจ “คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
มู่อวี้เฉิงไม่ตอบคำถามและพูดเปลี่ยนเรื่อง “กินข้าวหรือยัง? ผมเอาอาหารมาให้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่ายหัว ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ค่อยหิว”
เนื่องจากสาเหตุการเกิดผื่นแพ้ยังไม่ชัดเจน กิจการของบริษัทก็ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่
ตอนนี้เธอยุ่งมากจนไม่มีเวลารับประทานอาหาร
มู่อวี้เฉิงรู้ดีว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมกินข้าว เขายิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า “ผมซื้อของที่คุณชอบมาเยอะแยะเลยนะ กินสักหน่อยสิ แล้วค่อยพูดเรื่องงานกันทีหลัง”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่หิวเลยจริง ๆ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปฏิเสธเขาอีกครั้ง
หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ดวงตาสีนิลของมู่อวี้เฉิงจับจ้องไปที่เธออย่างแน่วแน่ จากนั้นเขาก็เข้าไปดึงเธอขึ้นจากเก้าอี้และโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง
เอกสารในมือของถงเหมี่ยวเหมี่ยวหล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
เธออารมณ์เสียขึ้นมาในทันทีรีบตบไหล่เขาแล้วร้องอุทานว่า “คุณทำอะไร! ปล่อยฉันลง”
“กินข้าวก่อน” มู่อวี้เฉิงอุ้มถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปยังโซฟาด้านข้าง
จากนั้นเขาก็หยิบกล่องข้าวขึ้นมาวางบนโต๊ะกาแฟและส่งสัญญาณให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปิดกล่องข้าว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้จักนิสัยเผด็จการของเขาดี เธอแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่และเปิดกล่องข้าว
กล่องข้าวมีทั้งหมดสองชั้น แต่ละชั้นจะถูกแบ่งออกเป็น สี่ช่อง และภายในแต่ละช่องจะมีข้าวและกับข้าวบรรจุอยู่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปิดกล่องข้าวและพบว่าอาหารทั้งหมดด้านในนั้นเป็นอาหารจานโปรดของเธอ
เธอหันหน้าไปมองมู่อวี้เฉิง “คุณซื้อมาจากอี้เซียงจวีหรือเปล่า?”
“อืม” มู่อวี้เฉิงยิ้มตอบรับเบา ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน
เธอจ้องมองกล่องอาหารด้วยสายตาว่างเปล่า นึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงจะจำได้ว่าเธอชอบกินอาหารของร้านอี้เซียงจวี และถึงกับไปซื้อมันกลับมาให้เธอ
มู่อวี้เฉิงตีไหล่ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเบา ๆ และพูดปลอบโยน “ตราบใดที่ยังมีผมอยู่ คุณจะไม่เป็นอะไร กินข้าวก่อนเถอะ”
ทันทีที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยินเช่นนั้นเธอก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว
แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกสบายใจมากขึ้นหลังจากที่ มู่อวี้เฉิงเข้ามา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและตักซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานขึ้นมากิน
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็พร้อมจะกลับไปทำงานอีกครั้งจึงหันไปพูดกับมู่อวี้เฉิงว่า “คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
มู่อวี้เฉิงสบตาเธอและตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ถ้าคุณจะให้ผมกลับไป คุณก็ต้องกลับไปกับผมด้วย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกหมดหนทาง “แต่ฉันยังต้องตรวจสอบเรื่องนี้อยู่”
มู่อวี้เฉิงพูดเข้าประเด็น “ถ้าอยากจะตามหาลูกค้ารายนั้น ผมจะบอกให้ลู่หมิงไปตรวจสอบมาให้ น่าจะได้ผลลัพธ์วันพรุ่งนี้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวประทับใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
ท้ายที่สุดมู่อวี้เฉิงต้องจัดการ โดยปกติเขาค่อนข้างจะยุ่งมากอยู่แล้ว แต่เขากลับรู้ว่าพวกเธอกำลังตามหาตัวลูกค้าคนนั้นอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาก็กังวลเกี่ยวกับเธอเช่นกัน
แต่ว่า…
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงลังเล เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ หากจัดการไม่ได้ทุกอย่างจะแย่ลง
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ของสตีเฟนในประเทศจีนด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ไม่สามารถทำตัวสบายใจกลับบ้านไปได้
“ฉันยุ่งอยู่” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแก้ต่าง
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงมากเมื่อได้ยินคำตอบ เย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง “วันนี้คุณต้องกลับบ้านกับผม”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในเมื่อยังไม่เจอตัวลูกค้าคนนั้น อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพิ่มเติม
แต่มู่อวี้เฉิงกลับพูดต่อว่า “ถ้าคุณยังทำงานแบบนี้แล้วเกิดล้มป่วยขึ้นมาจะทำยังไง? คุณอยากจะให้เสี่ยวเป่ามากังวลกับคุณเหรอ?”
เขาพูดถึงเสี่ยวเป่าซึ่งเป็นจุดอ่อนของถงเหมี่ยวเหมี่ยว จนทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถึงกลับพูดไม่ออก
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงพูดจบ เขาก็จับมือพาถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินออกจากบริษัทไป
สุดท้ายแล้วมู่อวี้เฉิงจะต้องบังคับเธอให้กลับไปพักผ่อน