พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 212 รู้จักได้ยังไง
ตอนที่ 212
รู้จักได้ยังไง
กำหนดการในวันพรุ่งนี้คือเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว มู่อวี้เฉิงก็กลับไปส่งทั้งสองคนที่บ้านและตรงดิ่งไปยังบริษัท
วันต่อมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้ามาในห้องนอนของเสี่ยวเป่าตอนเช้าตรู่ตามปกติ
เธอสะกิดร่างเล็กบนเตียงและร้องเรียกเบา ๆ “เสี่ยวเป่า ตื่นได้แล้ว”
“หม่ามี้?” เสี่ยวเป่าขยี้ตา เห็นได้ชัดว่ายังง่วงนอนอยู่
เมื่อวานเสี่ยวเป่าตื่นเต้นมาก ทำให้นอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน จนกระทั่งดึกดื่นจึงผล็อยหลับไป
“วันนี้เราจะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกัน ลูกลืมไปแล้วเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถาม
ความง่วงของเสี่ยวเป่าจางหายไปในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวช่วยเสี่ยวเป่าล้างเนื้อล้างตัวและสวมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้เขา
จากนั้นทั้งสองก็ลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ชั้นล่างด้วยกัน
หลังจากที่ทั้งสองมาถึงห้องอาหารได้ไม่นาน มู่อวี้เฉิงก็เดินลงมา
วันนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดสูทและสวมรองเท้าหนังอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่ดูเรียบง่ายกว่าปกติ
นอกจากชุดนอนแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่เคยเห็น มู่อวี้เฉิงสวมชุดอื่นนอกจากชุดสูทเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาแตกต่างไปจากปกติ
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าเธอมองมาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อวานนี้มู่อวี้เฉิงเปิดดูตู้เสื้อผ้าและพบว่าทั้งหมดล้วนเป็นชุดสูท ไม่เหมาะแก่การพาเสี่ยวเป่าออกไปเที่ยวเล่น
ชุดที่เขากำลังสวมใส่อยู่นั้นเป็นชุดที่ลู่หมิงหามาให้เมื่อคืนนี้
มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?
มู่อวี้เฉิงมองดูตัวเองและไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
“ไม่มีอะไร” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่ายหัวแล้วตอบ
มู่อวี้เฉิงไม่ได้สนใจนัก ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปรับประทานอาหารแบบเรียบง่าย
ตอนนี้คนขับรถมารออยู่ด้านนอกคฤหาสน์แล้ว
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่พวกเขาจะไปเยี่ยมชมในวันนี้เป็นพื้นที่ครอบคลุมขนาดใหญ่ ดังนั้นมันจึงถูกจัดตั้งอยู่ในเขตชานเมือง
เสี่ยวเป่าไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกกับมู่อวี้เฉิงบ่อยครั้งนัก เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นตลอดการเดินทาง
รถยนต์แล่นไปบนถนนผ่านตึกสูงตระหง่าน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ตกแต่งสีอาคารเป็นสีน้ำเงินและสีขาว มีเครื่องหมายสัญลักษณ์ปลาโลมาขนาดเล็กติดอยู่บนผนังด้านนอกและมีคำเขียนว่า ‘พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ’
“ฉันไปซื้อตั๋วก่อนนะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบอก
มู่อวี้เฉิงไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน ดังนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงไม่ได้บอกให้เขาไปซื้อตั๋วแทน
“ผมมีตั๋วแล้ว” มู่อวี้เฉิงหยิบตั๋วสำหรับวีไอพีสามใบและแผนที่เรียบง่ายของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นมา
เขารู้ดีว่าเขาไม่เคยมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลู่หมิงไปซื้อตั๋วมาเมื่อวานนี้ ลู่หมิงจึงนำแผนที่มาให้เขาด้วย
จากแผนที่บ่งบอกว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำถูกแบ่งออกเป็นสองโซน
โซนใต้น้ำท้องทะเลลึกจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและประกอบไปด้วยภาคต่าง ๆ มากมาย
ขณะที่โซนแสงขั้วโลกเหนือจะจัดแสดงหมีขั้วโลกเหนือ นกเพนกวินและสัตว์ขั้วโลกอื่น ๆ ซึ่งโซนนี้จะตั้งอยู่บริเวณชั้นสองของพิพิธภัณฑ์
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปยังจุดตรวจตั๋วของตั๋ววีไอพี
ในตอนนี้บริเวณตรวจตั๋วธรรมดาเต็มไปด้วยฝูงชนมากมาย ขณะที่โซนตั๋ววีไอพีมีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น
พวกเขาทั้งสามคนตรวจตั๋วและเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์
เมื่อเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว แสงด้านในก็ หรี่ลง
ห้องที่มืดสลัวปรากฏให้เห็นน้ำทะเลสีฟ้าและปลาชนิดต่าง ๆ ที่แหวกว่ายอยู่ด้านในตู้กระจก
เสี่ยวเป่าส่งเสียงร้อง ‘ว๊าว’ ขณะที่ดวงตาเป็นประกาย
สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจทั้งสามคนคือตู้กระจกใต้น้ำขนาดใหญ่ยักษ์ที่ปรากฏอยู่ในห้องโถง
บานกระจกแผ่นเดียวครอบคลุมทั้งพื้นผนัง
ฝูงชนมากมายเข้ามายืนมุงอยู่ทางด้านหน้ากระจก ทำให้เสี่ยวเป่าถูกบดบังจนไม่สามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้
เขากระโดดขึ้นลงพยายามจะโผล่ศีรษะขึ้นไปมอง
แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ และไปนั่งคร่อมอยู่บนไหล่กว้าง
“แด๊ดดี้!” เสี่ยวเป่าร้องตะโกนด้วยความตกใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้นั่งบนไหล่ของแด๊ดดี้
ดวงตาสีเข้มของมู่อวี้เฉิงแฝงไปด้วยความสุข “ตอนนี้เห็นแล้วหรือยัง?”
“อืม!” เสี่ยวเป่าพยักหน้างึกงัก
มู่อวี้เฉิงจับเอวของเสี่ยวเป่าเอาไว้แน่นเพื่อให้เขานั่งอย่างมั่นคง ทำให้เสี่ยวเป่ามองเห็นภาพในกระจกทั้งหมด
ภายในตู้กระจกมีปะการังสีสันสดใสนานาชนิด มีปลาการ์ตูนสีสวยคอยผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ท่ามกลางปะการัง นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นแอตแลนติสขนาดใหญ่ยักษ์
ปลาตัวใหญ่แหวกว่ายมาใกล้กระจกอยู่หลายครั้งจนทำให้เกิดเสียงอุทานตามมา
“หม่ามี้ ดูสิ ปลาตัวนั้นกำลังยิ้ม!” เสี่ยวเป่าชี้บานกระจกและพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองตามนิ้วของเขาและเห็นว่าปลาตัวแบนที่มีท้องสีขาวขนาดใหญ่กำลังแหวกว่ายมาทางพวกเขา
ปลาของมันคว่ำลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังยิ้มอยู่ ครีบด้านข้างค่อยกระเพื่อมไปมาเหมือนกับคลื่นชนิดหนึ่ง
“จริงด้วย” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร แต่น่ารักดีนะ”
มู่อวี้เฉิงยกยิ้ม “มันคือปลากระเบน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองเขาด้วยความประหลาดใจ
เขาเคยมาที่นี่แล้วเหรอ? รู้จักมันได้ยังไง?
“แด๊ดดี้! หม่ามี้! มีปลาอีกตัวอยู่ตรงนั้น รีบไปดูกันเถอะ” เสี่ยวเป่าพูดพร้อมกับบิดก้นน้อย ๆ เตรียมเดินออกไป
มู่อวี้เฉิงจับเสี่ยวเป่าไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งคอยจับมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินไปยังทิศทางที่เสี่ยวเป่าบอก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ถูกเขาจูงมืออยู่รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย
วันนี้พวกเขาเหมือนครอบครัวสามคนที่เธอเคยจินตนาการมาก่อน
พวกเขาเดินผ่านเสากระจกคริสตัลที่เต็มไปด้วยแมงกะพรุนเรืองแสงจนกระทั่งเดินมาถึงอุโมงค์ใต้น้ำทะเล
อุโมงค์กระจกโค้งยาวเสมือนกับว่าพวกเขาอยู่ใต้ท้องทะเลจริง ๆ
เต่าทะเลตัวใหญ่ยักษ์ว่ายอยู่เหนือศีรษะ ปกคลุมจนเกิดเงาดำ
ปลาตัวเล็กอยู่รวมกันเป็นฝูงและแหวกว่ายไปมา
นางเงือกที่ว่ายน้ำเล่นกับฝูงปลาคอยเข้ามาทักทายเป็นครั้งคราว
เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองฝูงปลาเหนือศีรษะแล้วร้องอุทาน
แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเมื่อปลาตัวใหญ่ว่ายน้ำเข้ามาใกล้
หลังจากเดินผ่านอุโมงค์ใต้ท้องทะเลมาแล้ว ทั้งสามคนก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง
บานกระจกขนาดยักษ์ที่อยู่ใต้น้ำเหมือนกับชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่หลังจากมองพิจารณาดูให้ดีจะพบว่าบานกระจกแผ่นนี้ครอบคลุมทั้งหมดสามชั้น แต่ละชั้นจะจัดแสดงทัศนียภาพที่แตกต่างกัน
ทั้งสามคนเดินเข้าไปยังโซนแสงขั้วโลกเหนือและเห็นนกเพนกวินเดินเรียงกันเป็นแถว เช่นเดียวกับหมีขั้วโลกเหนือที่มีขนสีขาวดุจดั่งหิมะ
จวนเวลาใกล้จะเที่ยง มู่อวี้เฉิงพาเสี่ยวเป่ากับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารอุโมงค์ใต้ท้องทะเลในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
จากนั้นพวกเขาจึงเดินเข้ามาชมจุดสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ นั่นคือการแสดงสัตว์น้ำ
โลมาโหม่งบอล กระโดดรอดห่วงและการแสดงอื่น ๆ ล้วนได้รับเสียงปรบมืออันแสนอบอุ่นจากผู้ชม
จนกระทั่งถึงเวลาแสดงของวาฬเบลูกา เสี่ยวเป่าก็ได้รับเลือกเป็นผู้โชคดี
เขาสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับวาฬเบลูกาตัวน้อยได้
แต่เนื่องจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงหวาดกลัวน้ำอยู่ มู่อวี้เฉิงจึงเป็นคนพาเสี่ยวเป่าลงไป
“ลูบมันเบา ๆ ไม่ต้องกลัว” พนักงานสวนสัตว์พูดแนะนำ
เสี่ยวเป่ารวบรวมความกล้ายื่นแขนออกไปลูบหัววาฬ เบลูกาเบา ๆ
มือของเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นและลื่นเล็กน้อย
วาฬเบลูกาเชื่อฟังมาก ไม่ยอมเคลื่อนไหวไปไหนและปล่อยให้เสี่ยวเป่าลูบหัวมัน