พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 209 ประทับใจจนแอบชื่นชมP
ตอนที่ 209
ประทับใจจนแอบชื่นชม
“เราพอจะมีมาตรการอะไรมารับมือกับสถานการณ์นี้บ้างมั้ยครับ?” ลู่หมิงถาม ดวงตาฉายแววกังวล
ก่อนหน้านี้จิ้นกรุ๊ปปะทะกับมู่กรุ๊ปอยู่หลายครั้ง และผลลัพธ์ระหว่างพวกเขามักจะสลับเปลี่ยนกันแพ้ชนะอยู่เสมอ
ประธานของจิ้นกรุ๊ปเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมมากกว่าเดิม
บางทีครั้งนี้อาจจะมีการคิดไตร่ตรองเอาไว้แล้วว่าจะต้องขโมยโครงการที่มู่กรุ๊ปต้องการมาให้ได้
“ไม่ต้อง” ท่าทางของมู่อวี้เฉิงดูเฉยเมยมาก เขาพ่นคำสองคำออกมาโดยไม่สนใจไยดี
“แต่ท่านประธานครับ ครั้งนี้จิ้นกรุ๊ปไม่ได้มีเจตนาดีแน่ ๆ” ลู่หมิงพูดขึ้นด้วยความวิตกกังวล
ทำไมท่านประธานถึงไม่กังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เลยล่ะ?
เขาพลางคิดในใจว่าถ้ามู่กรุ๊ปไม่ระมัดระวังตัวให้ดี บางทีพวกเขาอาจจะถูกคนพวกนั้นหลอกลวงอีกเป็นได้
ดวงตาสีนิลของมู่อวี้เฉิงดูล้ำลึกขึ้น มุมปากแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “จิ้นเป่ยเฉิงคิดว่าการเข้าครอบครองโครงการนั้นจะได้ผลประโยชน์จากมู่กรุ๊ป แต่เขากลับไม่ได้มองดูแก่นแท้ของโครงการเลย”
“แก่นแท้?” ลู่หมิงขมวดคิ้วและถามขึ้นด้วยความสับสน
เขาเคยอ่านข้อมูลของโครงการดังกล่าวมาก่อนและพบว่าโครงการนั้นมีแนวโน้วที่จะพัฒนาได้กว้างขวาง
หากโครงการนี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมู่กรุ๊ป มันจะสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาลแน่นอน
ทว่าเขายังคงไม่รู้ว่าแก่นแท้ของโครงการนั้นคืออะไร
“วิศวกรวิจัยและพัฒนา” มู่อวี้เฉิงพูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
วิศวกรวิจัยและพัฒนานับว่าเป็นบุคคลที่ทรงมูลค่าสูงสุดของโครงการนี้
ลู่หมิงที่ได้ยินคำตอบตระหนักได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ จากนั้นดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เปล่งประกายขึ้น
ความรู้ทางด้านการวิจัยและการพัฒนาของวิศวกรเป็นสิ่งสำคัญในโครงการอย่างมาก
ด้วยทักษะฝีมือของวิศวกรวิจัยและพัฒนาแล้วยังจะต้องกังวลอะไรอยู่อีก?
หากแต่จิ้นกรุ๊ปไม่มีวิศวกรด้านนี้ โครงการก็จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างแน่นอน
การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมของท่านประธานนั้นเป็นไปได้สวยมาก
ลู่หมิงรู้สึกประทับใจในตัวท่านประธานของตนเองมากจนแอบชื่นชมอีกครั้ง
“แอบจ้างคนพวกนั้นให้มาทำงานกับมู่กรุ๊ป บอกพวกเขาว่าเราจะให้เงินเดือนสูงกว่า” มู่อวี้เฉิงสั่งการ
“ครับ” ลู่หมิงพยักหน้า
หลังจากนั้นไม่นานลู่หมิงก็ไปขอให้ทีมวิศวกรวิจัยและพัฒนาที่ดำเนินโครงการดังกล่าวมาเซ็นสัญญากับมู่กรุ๊ป
และจิ้นกรุ๊ปไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
…
เสี่ยวเป่าฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ดีมาก
คราวเมื่อแพทย์ประจำตระกูลมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็สังเกตเห็นว่าบาดแผลของเขาดีขึ้นทีละน้อย
แพทย์ประจำตระกูลบอกกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวว่า “เด็กฟื้นตัวขึ้นมากแล้วครับ อีกสักพักก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของแพทย์
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอกลับไปทำงานที่สตีเฟนกรุ๊ป อีกครั้ง และแน่นอนว่าเธอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับซ่งกรุ๊ปแล้ว นอกจากนี้ยังได้ยินเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างมู่กรุ๊ปกับจิ้นกรุ๊ปด้วย จิ้นกรุ๊ปเข้ายึดครองทรัพย์สินซ่งกรุ๊ปไปจากมู่กรุ๊ปเป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อต้องนึกจิ้นเป่ยเฉิง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เขาเป็นคนชั่วร้ายมาก ไม่เพียงแต่จะทำเรื่องไร้ยางอายแต่ยังไม่สนใจไยดีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น
ตอนนั้นจิ้นเป่ยเฉิงถึงกับลักพาตัวเธอเพียงเพราะโครงการโครงการเดียว หนำซ้ำยังร่วมมือกับถงกัวฮุยนำพาความอุปสรรคมาให้เธอคราวเมื่อเธอเข้ายึดครองถงกรุ๊ปในครั้งแรก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่มีความประทับใจในตัวเขาเลยสักนิด
แต่ตอนนี้เขาเข้ามารับช่วงโครงการต่อจากมู่กรุ๊ปแล้ว และไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป
ตกเย็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว แต่มู่อวี้เฉิงยังคงไม่กลับมา
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความดีใจทันทีเมื่อเห็นเธอ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาสดใสราวกับดอกทานตะวัน ดวงตาเป็นประกายก่อนที่เสียงเด็กน้อยจะดังขึ้น “หม่ามี้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบีบแก้มนุ่มแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “วันนี้เรียนกับอาจารย์เป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”
มู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวัน และเสี่ยวเป่าไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนแล้ว
ถึงอย่างนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับยังคงกังวลว่าเขาจะเบื่อหน่ายหากต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงพูดคุยกับมู่อวี้เฉิงว่าจะให้เขาเรียนคัดตัวอักษรกับอาจารย์ที่สอนคัดลายมือก่อน
“ดีมากฮะ อาจารย์ชมผมด้วย” เสี่ยวเป่ายิ้มมีความสุข
หลังจากนั้นเขาก็พาถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าไปในห้องเรียนรู้เพื่อแสดงผลการเรียนในวันนี้ให้เธอดู
ไม่นานหลังจากนั้น มู่อวี้เฉิงก็กลับมาถึงบ้าน
ทว่าวันนี้หลังจากเลิกงานกลับมาแล้ว เขากลับไม่เห็นร่างเล็กวิ่งเข้ามาหาเหมือนเคย มู่อวี้เฉิงจึงถามพ่อบ้านที่กำลังรับเสื้อคลุมไปแขวนว่า “คนอื่นล่ะ?”
“คุณหญิงกับนายน้อยอยู่ในห้องเรียนของนายน้อยครับ” พ่อบ้านตอบกลับ
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินดังนั้นเดินตรงขึ้นมายังห้องเรียนของ เสี่ยวเป่า
เขาเดินไปที่ประตูและได้ยินเสียงแม่ลูกหัวเราะกันอย่างมีความสุขดังลอดออกมาจากข้างใน
มู่อวี้เฉิงเคาะประตูและเดินเข้าไปหลังจากได้ยินคำตอบรับ
“คุยอะไรกันทำไมถึงมีความสุขขนาดนั้น?” มู่อวี้เฉิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รูปลักษณ์หน้าตาดูนุ่มนวลอย่างมาก
เสี่ยวเป่าเห็นว่าเขาเดินเข้ามาในห้องจึงถือแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรอยู่วิ่งเข้าไปหาเขา
เสี่ยวเป่ายิ้มแล้วพูดว่า “แด๊ดดี้ดูสิ เสี่ยวเป่าเขียนเองเลยวันนี้”
ดวงตากลมโตจ้องมองไปทางมู่อวี้เฉิงราวกับกำลังจะบอกว่า ‘รีบชมผมสิฮะ รีบชมผมสิ’
มู่อวี้เฉิงหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาดูแล้วพบว่าตัวอักษรเป็นรูปทรงสวยงาม ลายเส้นเรียบร้อย ดูไม่เหมือนลายมือฝึกหัดเลยสักนิด
“อืม เสี่ยวเป่าเก่งมาก” มู่อวี้เฉิงพูดชมเขา
เสี่ยวเป่าที่ได้รับคำชมยิ้มแก้มปริ ดวงตามีขนาดแคบลงจนเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
พวกเขาทั้งสามอยู่ในห้องเรียนหนังสือได้สักพักหนึ่ง พ่อบ้านก็เข้ามาเคาะประตู
“คุณชาย คุณหญิง นายน้อยได้เวลารับประทานอาหารแล้วครับ” พ่อบ้านยืนพูดอยู่หน้าประตู
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ลงไปรับประทานอาหารที่ชั้นล่าง
ระหว่างรับประทานอาหาร ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างจึงทำให้มู่อวี้เฉิงประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอหน้าเขาในห้องเรียนรู้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ มู่อวี้เฉิงจึงตัดสินใจมาพูดคุยกับเธอดี ๆ
เขาเรียกหาถงเหมี่ยวเหมี่ยวแล้วบอกให้เธอขึ้นไปยังห้องทำงานด้วยกัน
หลังจากปิดประตูลง มู่อวี้เฉิงก็ถามว่า “คุณมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า”
มู่อวี้เฉิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เขาคิดว่าหลังจากใช้เวลาร่วมกันมาหลายวันคงจะถึงเวลาที่เธอต้องบอกอะไรบางอย่างกับเขาแล้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลอยู่พักหนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ฉันได้ยินมาว่าจิ้นกรุ๊ปขโมยโครงการไปจาก มู่กรุ๊ป แทบจะเข้าไปยึดครองอุตสาหกรรมทั้งหมดของซ่งกรุ๊ป แบบนี้มันจะส่งผลกระทบต่อมู่กรุ๊ปมั้ยคะ?”
เธอเพียงรู้สึกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของมู่กรุ๊ปและเธอไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย มันจึงไม่ง่ายนักที่จะถามออกไปเช่นนี้
แต่ในเมื่อมู่อวี้เฉิงเป็นคนริเริ่มถาม เธอก็เลยพูดมันออกมาตรง ๆ
ทว่ามู่อวี้เฉิงกลับรู้สึกผิดหวังหลังจากได้ยินคำถามของเธอ
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก จิ้นเป่ยเฉิงก็แค่รีบมีความสุขเร็วไปหน่อย คิดว่าเข้ายึดครองซ่งกรุ๊ปได้แล้วจะสร้างภัยคุกคามให้กับมู่กรุ๊ปได้ เหรอ? นั่นมันยังเร็วไป”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาซ่งกรุ๊ปไม่น่าสนใจอีกแล้ว และ ซ่งกรุ๊ปค่อนข้างแย่กว่าเดิม
ในสายมุมมองปัจจุบันของมู่กรุ๊ปจะมีซ่งกรุ๊ปหรือไม่มีก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมู่อวี้เฉิงได้ดึงตัวทีมงานจากโครงการที่เขาสนใจมาแล้วด้วย คุณสมบัติอื่น ๆ ของซ่งกรุ๊ปจึงอยู่นอกสายตาของเขาอย่างสิ้นเชิง และเขาไม่รู้สึกเสียดายเลยที่จะต้องมอบมันให้ จิ้นเป่ยเฉิง