พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 208 ฉันไม่สนใจหรอก
ตอนที่ 208
ฉันไม่สนใจหรอก
ซ่งอวี่ซีถูกจับกุมตัวและยังไม่มีข่าวคราวจากตระกูลมู่เลย ทำให้เจี้ยงไต้เอ๋อที่มีร่างกายอ่อนแอกังวลมากจนร่างกายทรุดตัวลง
ซ่งเผิงฟู่กลับมาบ้านและพบว่าภรรยานอนหลับอยู่บนเตียง
เดิมทีเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงคิดแค่ว่าจะเดินเข้าไปปลุกเธอให้ขึ้นไปนอนบนห้อง
แต่หลังจากตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง เธอก็ยังไม่ตื่น
ซ่งเผิงฟู่รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลทันทีและส่งตัว เจี้ยงไต้เอ๋อไปที่โรงพยาบาล
ตอนนี้เจี้ยงไต้เอ๋อกำลังนอนหลับลึกอยู่ในห้องผู้ป่วย วีไอพี
หลังจากที่แพทย์ทำการตรวจร่ายกายเสร็จ ซ่งเผิงฟู่ก็รีบถามขึ้นว่า “คุณหมอ อาการภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
แพทย์พูดตอบตามตรง “คุณเจี้ยงไต้เอ๋อมีร่างกายอ่อนแอและวิตกกังวลมากจนเกินไป คงต้องให้เธอพักผ่อนดูอาการอยู่ในโรงพยาบาลสักระยะหนึ่งก่อนครับ”
ซ่งเผิงฟู่พยักหน้า
ซ่งเผิงฟู่นั่งลงข้างเตียงพยาบาล จับมือของเจี้ยงไต๋เอ๋อเอาไว้แล้วก้มหน้าลงจบแนบติดกับหลังมือ
เขาเป็นคนเอาจริงเอาจังและเข้มแข็งมาโดยตลอดแต่ตอนนี้กลับแสดงความอ่อนแอออกมา
ถึงอย่างนั้นเจี้ยงไต้เอ๋อที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงกลับไม่ตอบสนองเลย
ในเวลานี้บริษัทของซ่งกรุ๊ปกับครอบครัวตระกูลซ่งกำลังยุ่งวุ่นวาย ลูกสาวถูกจับกุมตัวส่งเข้าไปอยู่ในคุกทั้งที่ยังไม่มีผลพิจารณาคดี ภรรยาเป็นห่วงลูกมากจนล้มป่วยติดเตียง ราคาหุ้นดิ่งลง หุ้นส่วนทยอยขอยกเลิกสัญญาความร่วมมือ แม้แต่ผู้ถือหุ้นรายอื่นก็เริ่มแทงข้างหลังบริษัท
ดวงตาของซ่งเผิงฟู่มืดมนลงมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือก็สั่นไหวและส่งเสียงร้อง ‘กริ๊ง ๆ’ ซ่งเผิงฟู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูใกล้ ๆ แล้วพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากผู้ช่วยตนเอง
ทันทีที่กดรับสาย ผู้ช่วยก็พูดขึ้นว่า “ท่านประธาน คุณเฉินกำลังจะถอนหุ้นครับ”
ตระกูลเฉินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงรายเดียวที่ถือหุ้นของซ่งกรุ๊ปอยู่ทั้งหมดถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์
เขากับซ่งเผิงฟู่เป็นเพื่อนกันมานานหลายปีแล้ว และโดยปกติพวกเขาจะไม่เลิกคบค้าสมาคมกันง่าย ๆ
นอกจากนี้การขายหุ้นทิ้งย่อมแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่เขามีต่อตระกูลซ่งด้วย
“เข้าใจแล้ว” ซ่งเผิงฟู่ตอบรับเบา ๆ
เขารู้ดีว่าไม่มีที่แห่งไหนให้ซ่งกรุ๊ปของพวกเขาได้ยืนหยัดอีกต่อไป
และเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยว หากไม่มีผู้หญิงคนนั้น อวี่ซีคงจะได้แต่งงานกับมู่อวี้เฉิงไปแล้ว
มิตรภาพระหว่างทั้งสองครอบครัวคงจะไม่มาถึงจุดนี้
ตระกูลซ่งไม่ได้เป็นเหมือนตระกูลซ่งในอดีตอีกต่อไป ตระกูลซ่งในปัจจุบันเทียบไม่ได้กับตระกูลมู่เลย
แต่ถึงอย่างนั้นซ่งเผิงฟู่ก็ยังเก็บงำความเกลียดชังนี้เอาไว้ในใจ ปลูกเพราะเมล็ดพันธ์ุชั่วร้ายเอาไว้ข้างในนี้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ซ่งเผิงฟู่ก็ยอมพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาไม่ได้พูดคุยเรื่องสัญญากับหุ้นส่วนอีกต่อไป และไม่ได้กังวลถึงอัตราการขึ้นลงของหุ้นบริษัท
เขาวางแผนจะขายทรัพย์สินของตระกูลซ่งทั้งหมดออกไปเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้ไปเริ่มต้นชีวิตที่ใหม่อีกครั้ง
ข่าวลือว่าตระกูลซ่งจะขายทรัพย์สินทั้งหมดได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง
บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างจับตาดูซ่งกรุ๊ปเพื่อจะขอแบ่งส่วนสักชิ้น
แต่สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าพบเจอปัญหาแต่ชีวิตความเป็นอยู่ก็ยังดีกว่าใครเพื่อน ตระกูลซ่งไม่ได้พบกับความหายนะอะไรและยังคงมีทรัพย์สินอยู่ในมือจำนวนมาก
ลู่หมิงย่อมรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับตระกูลซ่งในทันที
เขาเคาะประตูห้องประทานแล้วรายงานว่า “ท่านประธาน ซ่งเผิงฟู่ขายทรัพย์สินภายใต้ชื่อของซ่งกรุ๊ปออกไปจนหมดแล้วครับ ดูเหมือนว่าจะเตรียมส่งคนในครอบครัวออกไปจากที่นี่”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า
ลู่หมิงมองดูเขาแล้วถามว่า “เราจะใช้โอกาสนี้เข้า ยึดครองซ่งกรุ๊ปมั้ยครับ?”
หลายคนต้องการส่วนแบ่งจากซ่งกรุ๊ป ทว่าจนถึงตอนนี้แล้วมู่อวี้เฉิงยังคงนิ่งเฉย ลู่หมิงจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ฉันไม่สนใจหรอก” มู่อวี้เฉิงตอบรับเบา ๆ ขณะมองดูกองเอกสารโดยไม่มีท่าทีว่าจะเงยหน้าขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แยแสเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ ลู่หมิงพูดถึงเลย
ลู่หมิงถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นให้ผมส่งคนไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของซ่งกรุ๊ปมั้ยครับ?”
“จับตาดูต่อไปแล้วไปเอาโครงการนี้กลับมาด้วย” มู่อวี้เฉิงเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่อวี้เฉิงหยิบเอกสารข้อมูลอุตสาหกรรมที่ลู่หมิงมอบให้ก่อนหน้านี้ออกมา และส่งมอบคืนให้ลู่หมิงอีกครั้ง
ซ่งกรุ๊ปล้มละลายลงแล้วและอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่สอดคล้องกับมู่กรุ๊ป ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการต่อจึงไม่เกิดผลประโยชน์อะไร
ทว่าหนึ่งในอุตสาหกรรมของซ่งกรุ๊ปที่ได้รับการสนับสนุนจากมู่กรุ๊ปเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีค่ามาก
ลู่หมิงอ่านเนื้อหาข้างต้นและตอบกลับด้วยความเคารพ “ผมจะรีบจัดการให้ครับ”
…
ไม่รู้ว่ามีใครได้ยินข่าวลือว่ามู่อวี้เฉิงไม่มีความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของซ่งกรุ๊ปไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผู้คนที่สนใจใส่สีตีไข่แพร่กระจายข่าวลือออกไป
ข่าวลือว่าตระกูลซ่งทำให้ตระกูลมู่ขุ่นเคืองแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
ทุกคนมารวมตัวกันและอภิปรายถกเถียงในที่ประชุมใหญ่
“คุณได้ยินข่าวลือที่ว่าซ่งกรุ๊ปขายทรัพย์สินทิ้งเพราะลูกสาวติดคุกมั้ย?”
“ใช่ที่ไหนเล่า ผมได้ยินมาว่าซ่งกรุ๊ปไปทำให้มู่กรุ๊ปขุ่นเคืองถึงได้ถูกตอบโต้กลับเอาต่างหาก”
“จริงเหรอ? แต่ครอบครัวพวกเขาสนิทกันมานานไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่สิ ผมมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ไม่ผิดหรอก”
“ในเมื่อซ่งกรุ๊ปถูกมู่กรุ๊ปแบนแล้ว จะซื้อทรัพย์สินของเขาไปทำไม ซื้อไปเดี๋ยวก็ถูกตอบโต้กลับหรอก”
“ใช่ ๆ”
ข่าวลือดังกล่าวทำให้หลายคนสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับซ่งกรุ๊ปหรือไม่ และพวกเขาทำให้มู่กรุ๊ปขุ่นเคืองจริง ๆ หรือเปล่า
คนที่รอซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างรอคอยคำแถลงของมู่กรุ๊ป
ทว่ามู่กรุ๊ปยังคงนิ่งเงียบ
ตอนนี้ผู้คนทั้งหลายจึงทำได้แค่รอดูและไม่กล้าดำเนินการใด ๆ พวกเขากังวลว่าพวกเขาจะไปทำให้มู่กรุ๊ปขุ่นเคือง และมันจะกลายเป็นผลเสียมากกว่ากำไร
วันที่ซ่งเผิงฟู่ได้ยินข่าวลือ เขาทุบถ้วยชาด้วยความโกรธจัดและกวาดข้าวของทุกอย่างลงไปกองกับพื้น
สีหน้าของเขามืดมนมากราวกับมีน้ำหมึกหกเลอะใบหน้า ก่อนจะแค่นเสียงทุ้มออกมา “มู่อวี้เฉิง แกจะตัดเส้นทางหลบหนีของตระกูลซ่งทั้งหมดจริง ๆ ใช่มั้ย?”
ข่าวลือดังกล่าวทำให้ตระกูลซ่งขายทรัพย์สินไม่ออกแม้แต่เพียงครึ่งเดียว
ตระกูลมู่วางแผนจะฆ่าตระกูลซ่งให้สิ้นซากเลยหรือไง?
ดวงตาของซ่งเผิงฟู่มืดมนลงจนน่าสะพรึงกลัว จากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาผู้ช่วยบอกให้ปล่อยข่าวบางอย่างออกไป
หลายวันต่อมา
ลู่หมิงเห็นว่าจวนเวลาจึงคิดจะไปเอาโครงการดังกล่าวกลับมา แต่จู่ ๆ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ลู่หมิงเดินเข้าไปในห้องทำงาน ลดศีรษะลงและพูดด้วยความละอายแก่ใจ “ท่านประธาน ผมมันไร้ความสามารถเองครับ”
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่อวี้เฉิงเงยหน้ามองเขาแล้วถามเบา ๆ
“จิ้นกรุ๊ปเข้ามารับช่วงต่อและยึดเอาทรัพย์สินของซ่งกรุ๊ปไปถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ รวมถึงโครงการที่ท่านประธานอยากได้ด้วยครับ” ลู่หมิงตอบ
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ดวงตาสีนิลแฝงไปด้วยความเย็นชา “จิ้นเป่ยเฉิงเหรอ?”
มู่อวี้เฉิงพลางคิดในใจว่าคนคนนี้อยู่ทุกที่จริง ๆ
ลู่หมิงไม่กล้าเงยหน้ามองและพูดเสียงเบาว่า “ผมไร้ความสามารถเองครับ ที่ปล่อยให้พวกเขาเอาโครงการนั้นไปได้”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” มู่อวี้เฉิงพูดตอบ
ก่อนหน้านี้จิ้นกรุ๊ปพ่ายแพ้โครงการสร้างโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนและโครงการประมูลของเคเอ็นกรุ๊ปให้กับมู่กรุ๊ป ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนพวกนี้จะอยู่เงียบ ๆ กันสักพักหนึ่ง
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะกลับออกมาเฉิดฉายเร็วขนาดนี้
คนอย่างจิ้นเป่ยเฉิงจะต้องแข่งขันกับมู่อวี้เฉิงเท่านั้น ลู่หมิงยังมีทักษะไม่เพียงพอที่จะแข่งขันกับเขา
มู่อวี้เฉิงจึงไม่ได้ตำหนิเขาในเรื่องนี้