พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 207 เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของผม
ตอนที่ 207
เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของผม
คนรับใช้พาทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เจี้ยงไต้เอ๋อเดินเข้าไปหาลิ่นอวี๋เหยียนขณะที่น้ำตาไหลอาบหน้า
“อวี๋เหยียน ฉันขอร้องล่ะเธอช่วยอวี่ซีหน่อยได้มั้ย ลูกสาวฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ” เจี้ยงไต้เอ๋อร้องไห้สะอึกสะอื้น
ลิ่นอวี๋เหยียนสับสนเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
เธอมองดูเจี้ยงไต้เอ๋อที่กำลังร้องไห้และหันไปมอง ซ่งเผิงฟู่ที่กำลังทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ข้าง ๆ
เธอหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะขึ้นมาส่งให้เจี้ยงไต้เอ๋อแล้วถามด้วยความสงสัย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
“หงจวิ้นล่ะ?” ซ่งเผิงฟู่ถาม
“อยู่ในห้องทำงาน เดี๋ยวฉันให้คนไปตามเขาให้” ลิ่นอวี๋เหยียนตอบขณะสั่งให้หญิงรับใช้ขึ้นไปตามสามี
มู่หงจวิ้นเดินลงมาที่ชั้นล่างและเห็นว่าภรรยากำลังถือ ทิชชูปลอบใจเจี้ยงไต้เอ๋อที่กำลังร้องไห้อยู่ นอกจากนี้ซ่งเผิงฟู่ยังทำหน้าตาบึ้งตึงมาก บรรยากาศดูผิดแปลกไปจากปกติ
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่หงจวิ้นถาม
หลังจากที่เขาเข้ามานั่งลง ซ่งเผิงฟู่ก็พูดตอบด้วยน้ำเสียงทุกข์ใจ “หงจวิ้น มิตรภาพระหว่างครอบครัวเราน่าจะจบลงจริง ๆ แล้วล่ะ นายช่วยบอกทีว่าอวี้เฉิงทำแบบนี้ได้ยังไง?”
มู่หงจวิ้นงุนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วและถามว่า “อวี้เฉิงทำอะไร?”
เจี้ยงไต้เอ๋อที่อยู่ด้านข้างร้องไห้สะอื้น “เพราะผู้หญิงที่ชื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยว อวี้เฉิงถึงกับจับอวี่ซีเข้าคุก แล้วยังมาบอกด้วยว่าอวี่ซีวางแผนจะฆ่าผู้หญิงคนนั้น อวี๋เหยียน เธอก็เห็นอวี่ซีมาตั้งแต่เด็ก เธอจะไม่รู้เลยเหรอว่าอวี่ซีเป็นคนแบบไหน ลูกสาวฉันจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?”
ซ่งเผิงฟู่พูดต่อ “ใช่ น่าจะเข้าใจอะไรกันผิดไป พวกนายช่วยเกลี้ยกล่อมอวี้เฉิงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างสองครอบครัวเราที่ช่วยเหลือเกลื้อกูลกันมานานหลายปี บอกให้เขาหยุดทำให้อวี่ซีอับอายสักทีเถอะนะ”
คนหนึ่งเล่นไม้อ่อน คนหนึ่งเล่นไม้แข็ง ช่วยกันแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
สีหน้าของลิ่นอวี๋เหยียนอึมครึมขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่มาข้องเกี่ยวกับมู่อวี้เฉิงอีก
แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้โกหกเธอเพียงเดียว แต่ยังวางแผนจะทำลายมิตรภาพระหว่างสองครอบครัวที่มีให้กันมายาวนานอีกด้วย เธอจะไม่มีวันให้อภัยเรื่องนี้เด็ดขาด
ลิ่นอวี๋เหยียนตบไหล่ปลอบโยนเจี้ยงไต้เอ๋อเบา ๆ “เดี๋ยวฉันไปคุยเรื่องนี้กับอวี้เฉิงให้ มันดึกแล้ว พวกเธอกลับไปกันก่อนเถอะ”
จุดประสงค์ในการมาเยือนของตระกูลซ่งก็เพื่อให้พวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
ตอนนี้อีกฝ่ายบรรลุเป้าหมายแล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องอยู่ต่อ
ทั้งสองกลับออกไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น
มู่หงจวิ้นนั่งทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยไม่พูดไม่จา
ลิ่นอวี๋เหยียนถาม “คุณคิดว่าที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริงมั้ยคะ?”
มู่หงจวิ้นขมวดคิ้ว รัศมีที่ทรงอำนาจแผ่ออกมาจากร่างกาย “มันก็พูดยากอยู่นะ”
ไม่มีใครรู้จักลูกชายดีไปกว่าผู้เป็นพ่อ และมู่อวี้เฉิงไม่ใช่คนทำอะไรตามใจตัวเอง
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เช้าวันรุ่งขึ้น ลิ่นอวี๋เหยียนแวะเข้ามาที่มู่กรุ๊ป
เธอเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปแล้วเห็นว่ามู่อวี้เฉิงกำลังเซ็นกองเอกสารอยู่
“มาแล้วเหรอครับ” มู่อวี้เฉิงเงยหน้ามองลิ่นอวี๋เหยียนแล้วพูดทักทายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“แม่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ลิ่นอวี๋เหยียนพูด
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าและอ่านเอกสารต่อ
เมื่อวานมีคนมาบอกเขาว่าสามีภรรยาจากตระกูลซ่งแวะเข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ มู่อวี้เฉิงจึงรู้จุดประสงค์การมาเยือนของเธอในวันนี้ดีว่าเธอจะเข้ามาวิงวอนขอร้องให้ซ่งอวี่ซี
ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ลิ่นอวี๋เหยียนนั่งลงแล้วพูดว่า “อวี้เฉิง ลุงซ่งบอกว่าแกแจ้งจับน้องอวี่ซีเข้าคุก นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“จริงครับ” มู่อวี้เฉิงมองดูกองเอกสารและพูดตอบรับอย่างใจเย็น
ลิ่นอวี๋เหยียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบ “เข้าใจผิดอะไรกันไปหรือเปล่า หรือว่าผู้หญิงที่ชื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวอะไรนั่นมาปั่นหัวลูก?”
“เธอไม่ได้ทำอะไรครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของซ่งอวี่ซี” มู่อวี้เฉิงเงยหน้าสบตาเธอ
ลิ่นอวี๋เหยียนไม่เข้าใจทำไมแววตาของลูกชายถึงได้ดูเย็นชาขึ้น
แต่เธอยังคงพูดต่อ “ไม่ว่าอวี่ซีจะยังไง น้องก็เป็นคนในตระกูลซ่ง ลูกจะต้องเห็นแก่มิตรภาพระหว่างตระกูลมู่กับตระกูลซ่ง ส่งคนไปถอนแจ้งความอวี่ซีซะ”
“ผมจะไม่ถอนแจ้งความ” มู่อวี้เฉิงตอบกลับอย่างเย็นชา
ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวเป่า ต่อให้เธอต้องตายลงนับพันครั้งเธอก็สมควรได้รับมัน และเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป
ลิ่นอวี๋เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นเดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน วางสองมือเท้าโต๊ะเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “แกทำแบบนี้เพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยวงั้นเหรอ? ผู้หญิงพรรค์นั้นมีดีอะไร? หนีงานแต่งแกยังไม่พอยังทำให้แกอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเขาอีก แถมตอนนี้มันก็มีลูกนอกคอกที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครแล้วด้วย”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเธอพูดว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกนอกคอกที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร
“เสี่ยวเป่าเป็นลูกของผม” มู่อวี้เฉิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างตรงไปตรงมา
เธอเปิดปากกว้างแล้วถามด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ลูก… พูดว่าอะไรนะ?”
ลิ่นอวี๋เหยียนพิจารณาตามคำพูดของลูกชายแล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายแท้ ๆ ของผม” มู่อวี้เฉิงพูดขึ้นอีกครั้งและพูดต่อว่า “ซ่งอวี่ซีจ้างฆาตกรให้มาฆ่าเสี่ยวเป่าแล้วจะให้ผมปล่อยเธอไปงั้นเหรอครับ ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้หรอก แม่อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย”
คำพูดของมู่อวี้เฉิงเต็มไปด้วยคำเตือน
ลิ่นอวี๋เหยียนตกตะลึงและพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจ “เด็กคนนั้นคือหลานชายของฉันเหรอ?”
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าเธอไม่เชื่อจึงหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชัก
ลิ่นอวี๋เหยียนเปิดดูรายงานแสดงผลตรวจความเป็นพ่อ จนกระทั่งเธอเปิดไปถึงหน้าผลตรวจระบุตัวตน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นขณะจ้องมองไปทางมู่อวี้เฉิง
ลู่หมิงที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายโดยสายเลือดของท่านประธานจริง ๆ ครับ ท่านประธานเป็นคนถ่ายเลือดช่วยชีวิตเสี่ยวเป่าตอนที่อยู่ต่างประเทศ”
ลิ่นอวี๋เหยียนรู้ดีว่ากรุ๊ปเลือดของมู่อวี้เฉิงพิเศษและหาได้ยากจากกลุ่มคนนับล้าน
ดูเหมือนว่าลูกของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะเป็นหลานชายของเธอจริง ๆ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสายเลือดตระกูลมู่
ลิ่นอวี๋เหยียนถอนหายใจแล้วไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่ลิ่นอวี๋เหยียนกลับออกไป มู่อวี้เฉิงก็สั่งการให้ ลู่หมิงไปจับตาดูที่สถานีตำรวจ
ตระกูลซ่งถึงกลับมาวิงวอนขอร้องแม่ของเขา ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ยอมแพ้จนกว่าจะช่วยซ่งอวี่ซีออกมาได้
ในอีกด้านหนึ่ง
ทนายประจำซ่งกรุ๊ปได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและซ่งอวี่ซีแล้ว จากนั้นซ่งเผิงฟู่จึงรับรู้ได้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษเธอ และแทบจะไม่มีทางประกันตัวซ่งอวี่ซีออกจากคุกได้เลย
ซ่งเผิงฟู่พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากเส้นสายและพรรคพวกที่ไว้ใจได้มาช่วยเหลือลูกสาว แต่หลังจากพวกเขารู้ว่าตระกูลมู่เป็นคนแจ้งจับซ่งอวี่ซีก็ไม่มีใครเต็มใจจะช่วยเหลือพวกเธออีก
ซ่งเผิงฟู่ถอนเงินสดกระแสรายวันของบริษัทออกมาฝากฝังความไว้วางใจแก่ผู้คนที่เชื่อถือได้ ทำให้บริษัทประสบปัญหาหนักมากจนมีข่าวลือออกมา
ราคาหุ้นดิ่งลงภายในพริบตา ทำให้ซ่งกรุ๊ปได้รับผลกระทบดังกล่าว
พันธมิตรรายใหญ่ของซ่งกรุ๊ปถึงกับโทรศัพท์มาขอยุติความร่วมมือกับซ่งกรุ๊ป
บางบริษัทฉวยโอกาสนี้เข้ามาขอส่วนแบ่งทางการตลาดจากอุตสาหกรรมของซ่งกรุ๊ป
กล่าวได้ว่าซ่งกรุ๊ปประสบความเสียหายอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้