พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 206 จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนที่ 206
จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
มู่อวี้เฉิงลดระดับสายตาลงขณะจ้องมองไปทางซ่งอวี่ซี
ดวงตาสีนิลมองดูเธออย่างมืดมน ดูน่าสะพรึงกลัวมาก
คำพูดของมู่อวี้เฉิงที่ทะลุเข้ามาในรูหูของซ่งอวี่ซีราวกับใบมีดคมกริบ
ซ่งอวี่ซีเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วต้องพบเจอกับดวงตาคู่หนึ่งที่เป็นดั่งขุมนรก
ความกลัวค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น เธอรู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมมาดึงเธอสู่ความมืดมิด
หัวใจของซ่งอวี่ซีจมดิ่งลงทันที ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ปลายนิ้วอีกต่อไป
พลางคิดในใจว่าเขามองเธอเช่นนี้ หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเขา?
ซ่งอวี่ซีตื่นตระหนกมาก เธอรีบก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาดวงตาสีนิลคู่นั้นอีก
เธอรู้ตัวว่าตนเองกำลังจบสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้บัญชาการตำรวจกระแอมไอสองสามครั้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินรุดเข้าไปข้างหน้า
มู่อวี้เฉิงยกเท้าที่เหยียบย่ำมือของซ่งอวี่ซีออกแล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวเธอไป
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับออกไป มู่อวี้เฉิงก็พยักหน้าสั่งการให้ลูกน้องถอยกลับออกไป
เหลือเพียงเขากับถงเหมี่ยวเหมี่ยวสองคนอยู่ในห้อง
มู่อวี้เฉิงเดินเข้าไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปโอบไหล่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เขาลดระดับสายตาลงมองดูใบหน้าสวยงามของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฆาตกรถูกส่งตัวเข้ากระบวนการยุติธรรมแล้ว ที่เหลือผมจะจัดการให้คุณเอง”
“อืม” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและตอบรับเบา ๆ
ตอนนี้เธอยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย
ถึงอย่างนั้นอ้อมกอดของมู่อวี้เฉิงกลับน่าอัศจรรย์มากที่มันสามารถทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกผ่อนคลายลง
มู่อวี้เฉิงยกยิ้มราวกับสังเกตเห็นปฏิกิริยาดังกล่าวและกอดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่ขัดขืนใด ๆ และรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็น ๆ ที่รดอยู่บนร่างกาย
หลังจากนั้นไม่นาน มู่อวี้เฉิงก็ผละอ้อมกอดออกและพูดเบา ๆ “เรากลับบ้านกันเถอะ เสี่ยวเป่ากำลังรออยู่”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวเป่าผู้น่าสงสารกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง
เธอพยักหน้า จากนั้นมู่อวี้เฉิงก็จับมือพาเธอเดินออกไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูชายที่อยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกสับสน
ประเทศเอ็มกว้างใหญ่ไพศาลมาก เขาแทบจะไม่มีเบาะแสอะไรเลย เปรียบเสมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่สุดท้ายแล้วเขาก็หาคนร้ายท่ามกลางทะเลฝูงชนจนเจอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ว่าเขาหาคนร้ายเจอตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอรู้เพียงแต่ว่าตั้งแต่ที่เธอกับเสี่ยวเป่าเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เขาก็ปลีกตัวจากงานมาเฝ้าดูแลพวกเธอทั้งสอง
ทำให้ตอนนี้เขาต้องนั่งทำงานจนดึกดื่นอยู่บ่อย ๆ
ขณะที่เขากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานในบริษัท เบื้องหลังกลับยังส่งคนออกไปตามหาตัวคนร้าย ซึ่งการทำสองสิ่งพร้อมกันจะต้องใช้พลังงานอย่างมาก
ถึงอย่างนั้นเธอกลับนึกไม่ถึงว่าคนที่คิดจะลงมือฆ่าพวกเธอคือซ่งอวี่ซี
“ขอบคุณค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยแววตาชัดเจนและพูดขอบคุณเขาเบา ๆ
เธอถามต่อด้วยความลังเล “เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลมั้ย?”
เมื่อสักครู่นี้เธอได้ยินซ่งอวี่ซีพูดชัดเจนว่าตระกูลมู่กับตระกูลซ่งเป็นพันธมิตรกันมานานหลายปีแล้ว
เขาจับกุมตัวบุตรสาวตระกูลซ่งไปยังสถานีตำรวจ หากตระกูลซ่งรู้เรื่องเข้า พวกเขาจะไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ ๆ
มู่อวี้เฉิงปลอบโยนเธอเบา ๆ “เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง คุณไม่ต้องกังวลหรอก”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า
เธอไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเขาเกี่ยวกับเรื่องตระกูลซ่งได้จริง ๆ
กลางดึก ซ่งเผิงฟู่กับเจี้ยงไต้เอ๋อเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์
พวกเขาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำที่อยู่ห่างไกลออกไปและเพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากงานเลี้ยงเลิกราในยามค่ำ
หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน แม่บ้านก็เดินเข้ามาทักทายพวกเขา
“คุณหนูละ?” ซ่งเผิงฟู่ถามกลับด้วยเสียงทุ้ม
เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านและพบว่ารถยนต์ของซ่งอวี่ซีหายไปจากโรงจอดรถคันหนึ่ง
แม่บ้านโค้งคำนับและตอบกลับว่า “คุณหนูออกไปข้างนอกค่ะ”
“ออกไปไหน?” ซ่งเผิงฟู่มองดูแม่บ้านและถามกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ทราบค่ะ คุณหนูไม่ได้บอก” แม่บ้านตอบกลับ
สีหน้าของซ่งเผิงฟู่มืดมนลงเมื่อได้ยินคำตอบ
หลังจากเกิดเรื่องก่อนหน้านี้ ซ่งเผิงฟู่ก็ให้ความสนใจกับตำแหน่งที่อยู่ของซ่งอวี่ซีเป็นพิเศษ
หากซ่งอวี่ซีต้องการออกไปข้างนอก เธอจะต้องอธิบายว่าจะออกไปไหน
ครั้งนี้ซ่งอวี่ซีต้องการแก้ปัญหาและจัดการปัญหาของเจให้เร็วที่สุด เธอจึงออกไปข้างนอกโดยไม่ได้อธิบายอะไร
พฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ ของซ่งอวี่ซีทำให้ซ่งเผิงฟู่รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีด้วยเหตุผลบางประการ
ขณะที่ซ่งเผิงฟู่กำลังจะโทรศัพท์หาผู้ช่วย โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ส่งเสียงร้อง
“สวัสดีครับ คุณเป็นญาติกับซ่งอวี่ซีหรือเปล่า? ผมโทรศัพท์มาจากสถานีตำรวจเฟิงเฉียว พวกเราได้ทำการจับกุมตัวซ่งอวี่ซีในข้อหาจ้างวานฆ่า…”
จ้างวานฆ่า?
ถูกจับกุมตัวเหรอ?
เกิดขึ้นได้ยังไง?
ซ่งเผิงฟู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ และไม่ทันได้ฟังคำพูดต่อมาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จนกระทั่งสายถูกตัด เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังลอดออกมา มือของเขาก็ยังกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
“ใครโทรมาคะ? เกิดอะไรขึ้น?” เจี้ยงไต้เอ๋อถามขึ้นด้วยความสับสน “ทำไมคุณรับสายแล้วทำสีหน้าน่ากลัวขนาดนั้นล่ะ?”
ซ่งเผิงฟู่ที่ถูกเจี้ยงไต้เอ๋อเขย่าตัวหลุดออกจากภวังค์ความคิด
เขาตอบกลับด้วน้ำเสียงแหบแห้ง “อวี่ซีถูกตำรวจจับ บอกว่าลูกจ้างวานฆ่า?”
เจี้ยงไต้เอ๋อเบิกตากว้างและรีบพูดอย่างใจร้อน “เป็นไปได้ยังไง? อวี่ซีจะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเขาเข้าใจผิดหรือเปล่า? คุณรีบส่งคนไปตรวจสอบสิคะ”
ซ่งเผิงฟู่ที่ได้ยินเช่นนั้นรีบโทรศัพท์หาผู้ช่วยทันที “แกไปหาคำตอบมาว่าทำไมอวี่ซีถึงถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจ”
“ครับ ผมจะรีบจัดการให้” ผู้ช่วยตอบรับ
หลังจากวางสายลง เจี้ยงไต้เอ๋อที่อยู่ด้านข้างก็พูดเร่งเร้า “เราไปหาอวี่ซีที่สถานีตำรวจกันเถอะค่ะ!”
ซ่งเผิงฟู่พยักหน้าและรีบตรงไปที่สถานีตำรวจโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า
เนื่องจากชั่วโมงเยี่ยมนักโทษได้หมดลงแล้ว ทั้งสองจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามปรามเอาไว้และไม่มีโอกาสได้เจอหน้า ซ่งอวี่ซี
ทั้งสองจึงจำใจกลับไป
หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจ ผู้ช่วยก็โทรศัพท์มาหา
ทันทีที่กดรับสาย เสียงตื่นตระหนกของผู้ช่วยก็ดังขึ้น “ท่านประธาน คุณมู่แห่งมู่กรุ๊ปเป็นคนแจ้งจับคุณหนูครับ เขาแจ้งความในนามของผู้หญิงที่ชื่อว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยว และแจ้งตำรวจในข้อหาสงสัยว่าคุณหนูเป็นคนจ้างวานฆ่า”
สีหน้าของซ่งเผิงฟู่มืดมนลงและถามกลับเสียงทุ้ม “ฆ่าคนเหรอ? ฆ่าใคร?”
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจากสตีเฟนกรุ๊ปครับ” ผู้ช่วยตอบ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอีกแล้ว
ทำไมถึงเป็นเธออีกครั้ง
สีหน้าของซ่งเผิงฟู่มืดมนลงมากราวกับถูกแต่งแต้มด้วยน้ำหมึก
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เข้าใจแล้ว แกไปติดต่อฝ่ายกฎหมายของบริษัทบอกให้เขาออกโรงมาเตรียมการปกป้องอวี่ซีซะ”
หลังจากนั้นซ่งเผิงฟู่ก็สั่งการให้คนขับรถพาเขาไปยังคฤหาสน์ตระกูลมู่
ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่
ลิ่นอวี๋เหยียนเพิ่งดูละครโทรทัศน์จบและกำลังจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน
คนรับใช้เดินเข้ามาหาและรายงานเธอด้วยความเคารพ “คุณหญิงคะ คุณชายกับภรรยาจากตระกูลซ่งมาหาค่ะ”
ลิ่นอวี๋เหยียนประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
พลางคิดในใจว่าดึกแล้ว ทำไมเจี้ยงไต้เอ๋อกับสามีถึงยังแวะเข้ามาหาอีก?
แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่คนไม่รู้จักกาลเทศะ หรือว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร?
“เชิญพวกเขาเข้ามา” ลิ่นอวี๋เหยียนสั่ง