พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 202 คุณซ่ง ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ
ตอนที่ 202
คุณซ่ง ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ
“ครับ ผมจะทำ” เจพยักหน้าตอบตกลง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงจะให้เขาชวนนายจ้างออกมาเจอทำไม แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ดังนั้นเขาจึงเต็มใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด
แม้ว่าเจจะตกลงทำตามทุกอย่าง แต่มู่อวี้เฉิงก็ยังระแวงอยู่ดี
มู่อวี้เฉิงส่งสัญญาณทางสายตา แล้วจากนั้นลู่หมิงก็พยักหน้า
“จับเขาไว้” ลู่หมิงสั่งบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้าง
บอดี้การ์ดก้าวไปข้างหน้าและกดทับมือข้างซ้ายกับข้าวขวาของเจเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาขยับเขยื้อน
เจตื่นตระหนกและพยายามดิ้นรนในทันที ทว่าสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขากลับไม่สามารถต่อกรกับบอดี้การ์ดทั้งสองคนได้เลย
เจรีบถามอย่างร้อนรน “ผมสัญญาว่าจะร่วมมือกับ พวกคุณไงแล้ว พวกคุณจะทำอะไร?”
ลู่หมิงหยิบขวดแก้วสีน้ำตาลที่มีฝาปิดสีขาวออกมาจากกระเป๋าแล้วเทเม็ดยาออกมา
เขาเดินตรงเข้าไปหาเจแล้วป้อนยาใส่ปากเจ
เจที่ไม่ทันระมัดระวังตัวเผลอกลืนยาลงไป
แต่หลังจากนั้นเจกลับมีสีหน้าตื่นตระหนกและส่งเสียงขัดขืนทันที พยายามคลายยาที่ลู่หมิงป้อนออกจากปาก
เขารู้ดีว่าเม็ดยานั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่
ทว่าการบีบรัดทำให้เจไม่สามารถคลายยาออกมาได้
หลังจากที่พยายามอาเจียนออกแต่ก็ไร้ผลประโยชน์ เจก็เงยหน้ามองลู่หมิงด้วยดวงตาเฉียบคม “คุณเอาอะไรให้ผมกิน?”
“ไม่ต้องตื่นตระหนกหรอก ก็แค่ยาเม็ด” ลู่หมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยาเม็ดเหรอ?” เจถามขึ้นอย่างสงสัย
หากแต่เขารู้สึกว่าเรื่องราวต่าง ๆ มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ถ้าเป็นยาเม็ดธรรมดาทั่วไป ทำไมจะต้องให้บอดี้การ์ดจับกุมตัวเขาเอาไว้ด้วย
ลู่หมิงมองดูสีหน้าสงสัยของเขาแล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น “แต่เมื่อกินยาเม็ดนี้เข้าไปแล้ว มันจะออกฤทธิ์กัดกร่อนภายในหนึ่งวัน จากนั้น…”
เจรีบถามขึ้นขณะที่เขายังพูดไม่จบ “จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”
ลู่หมิงยิ้มมุมปากแสดงสีหน้าเยาะเย้ยและพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้ม “จากนั้นเมื่อยาออกฤทธิ์แล้ว แกก็จะรู้สึกเจ็บปวดไปตลอดกาล สุดท้ายแล้วแกจะต้องตายลงเพราะลำไส้ระเบิดและร่างเน่าเปื่อย แต่ถ้ากินยาถอนพิษตรงเวลา แกก็จะมีชีวิตรอด เพราะฉะนั้นฟังที่พวกเราสั่ง อย่าได้คิดนอกลู่นอกทาง”
คำพูดของลู่หมิงเต็มไปด้วยภัยคุกคาม
ใบหน้าที่มีชีวิตชีวาของเจเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดด้วยความตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เดิมทีเขาคิดว่าเขาสามารถฉวยโอกาสจากเวลานัดพบทำการหลบหนีได้ แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำแบบนี้
คราวนี้เจไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป เขาจึงจำใจเชื่อฟังคำสั่งการของพวกเขา
“เข้าใจแล้วครับ” เขาก้มหน้าตอบรับด้วยเสียงสั่นเครือ “ผมจะเตรียมตัวทำตามแผนการของคุณ”
เจไม่เคยรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมขนาดนี้มาก่อน
ลู่หมิงพึงพอใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปยืนด้านหลังมู่อวี้เฉิง
มู่อวี้เฉิงมองดูเจที่กลายเป็นคนซื่อสัตย์ขึ้นมาในทันทีแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “คืนนี้แกต้องชวนเธอออกไปเจอที่ห้องส่วนตัวในไนต์คลับให้ได้”
“ครับ” เจพยักหน้า
หลังจากลู่หมิงพูดอธิบายแผนการที่เหลือแล้วว่าเจจะต้องทำอะไรบ้าง เจก็ออกจากโรงแรมไป
ถึงอย่างนั้นบอดี้การ์ดในชุดลำลองสองคนคอยเดินตามหลังเขาไปด้วย
เจเดินออกจากโรงแรมมายังสถานที่รกร้างและกดหมายเลขโทรศัพท์หาซ่งอวี่ซี
ณ ซ่งกรุ๊ป
วันนี้ซูฟางไม่ได้มาทำงานที่บริษัท ซ่งอวี่ซีจึงคิดว่าเธอมีธุระด่วนและลางานกะทันหัน
แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่เสมอ
เธอมองดูเอกสารในมือ แต่จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
ซ่งอวี่ซีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก เธอจึงเอื้อมมือไปกดปัดเพื่อวางสาย
แต่หลังจากนั้นเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีก
ซ่งอวี่ซีขมวดคิ้วขณะมองดูโทรศัพท์แล้วจากนั้นก็กดรับสาย
“ว่าไง” ซ่งอวี่ซีตอบรับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอนึกว่าเป็นสายที่โทรมาก่อกวน
แต่ใครจะคิดว่าน้ำเสียงอันอ่อนโยนจะดังลอดออกมาจากปลายสาย “คุณซ่ง ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ”
ดวงตาของซ่งอวี่ซีเบิกกว้างเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย มือที่กำโทรศัพท์อยู่กระชับเข้าหากันแน่น
เสียงขอปลายสายเหมือนกับเสียงของทหารรับจ้างก่อนหน้านี้มาก
“คุณเป็นใคร?” ซ่งอวี่ซีถาม เธอต้องการรู้ตัวตนของคนที่อยู่ปลายสาย
เจสูดจมูกเบา ๆ และพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คุณซ่งนี่สมกับเป็นผู้ดีที่ขยันลืมจริง ๆ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนหน้านี้คุณจ้างให้ผมทำอะไรในต่างประเทศ?”
คำพูดของเจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ มู่อวี้เฉิงกับเสินอิ่นก็คงจะไม่โกรธเคืองเขา
ตอนนี้เขาไม่มีทั้งอิสรภาพ และอาจจะมีชีวิตเหลืออยู่แค่วันเดียวเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นความคิดของผู้หญิงคนนี้
ซ่งอวี่ซีขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ติดต่อฉันมาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เจแสยะยิ้มและพูดเข้าประเด็น “เรื่องที่คุณสั่งการให้ผมลงมือทำก่อนหน้านี้ถูกเปิดเผยหมดแล้ว มู่อวี้เฉิงโกรธมากจนองค์กรมืดถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก ตอนนี้ผมไม่มีที่อยู่ในประเทศเอ็มอีกแล้ว…”
“เป็นไปได้ยังไง!” ซ่งอวี่ซีร้องอุทาน
สีหน้าของเธอดูตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
เรื่องทุกหมดถูกเปิดเผยแล้วเหรอ?
มู่อวี้เฉิงรู้หรือเปล่าว่าเป็นเธอ?
ไม่ ไม่มีทาง จนถึงตอนนี้มู่อวี้เฉิงยังไม่มาหาเธอด้วยซ้ำ นั่นก็พอพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่รู้
ส่วนเรื่องขององค์กรมืดมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เธอจ่ายเงินไปหมดแล้วก็เป็นอันว่าจบสิ้นกัน
เจไม่รู้ว่าซ่งอวี่ซีกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงแค่กำลังจะขอเงินซ่งอวี่ซีตามแผนการ
จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “มู่อวี้เฉิงมีความสามารถมากและน่ากลัวว่าที่คุณคิด ตอนนี้ฉันต้องการเงินและคุณจะต้องส่งเงินมาให้ผมอีกล้านหนึ่ง”
ซ่งอวี่ซีโมโหจนเลือดพลุ่งพล่านทันทีเมื่อได้ยินปลายสายโทรศัพท์มาขอเงิน “ฉันจ่ายค่าจ้างก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ทำไมฉันจะต้องเอาเงินให้แกอีก”
เจแสยะยิ้มและพูดบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่จ่ายเงินมาก็อย่าถือโทษที่ผมเปิดเผยเรื่องนี้แล้วกัน”
“แกต้องการจะทำอะไรกันแน่?” ซ่งอวี่ซีถาม สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เธอกังวลเล็กน้อย
เจหัวเราะเยาะใส่ความโง่เขลาของเธอ
จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแกมข่มขู่ว่า “ผมจะเปิดเผยเรื่องนี้กับมู่อวี้เฉิง ถ้าเขาโกรธขึ้นมา คุณคงจะรู้ผลที่ตามมาใช่มั้ย?”
ซ่งอวี่ซีโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น แน่นอนว่าเธอรู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมา
เหตุการณ์ที่ซ่งกรุ๊ปถูกมู่อวี้เฉิงลงโทษยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเธอ คราวนี้เธอจะปล่อยให้มู่อวี้เฉิงค้นพบเรื่องที่เธอลงมือทำไม่ได้เด็ดขาด
ซ่งอวี่ซีไม่ต้องการจ่ายเงินให้เจ แต่ในเมื่อเขาข่มขู่แบบนี้เธอก็ต้องจำใจตอบตกลง
เธอกัดริมฝีปากแน่นและพูดอย่างประนีประนอม “ฉันเข้าใจแล้ว แต่ถ้าจะให้โอนเงินเข้าบัญชีแกอย่างโจ่งแจ้งฉันคงจะทำให้ไม่ได้หรอกนะ”
เจจึงเสนอว่า “ถ้าอย่างนั้นเรานัดเจอกันก็ได้ ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองเป่ยแล้ว คืนนี้มาเจอกันที่ไนต์คลับ”
“โอเค” ซ่งอวี่ซีตอบรับเบา ๆ
จากนั้นเธอก็วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้ามืดมนและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ในอีกด้านหนึ่ง
หลังจากวางสายลงแล้ว เจก็กดหมายเลขโทรศัพท์ที่ มู่อวี้เฉิงทิ้งไว้ให้
“จัดการเรียบร้อยแล้วครับ คืนนี้ผมนัดซ่งอวี่ซีไปเจอกันที่ไนต์คลับ หวังว่าหลังจากที่คุณมู่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วจะปล่อยผมไปสักทีนะครับ”
“ได้ ขอแค่แกจัดการมันให้เรียบร้อยก็พอ”