พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 201 แด๊ดดี้เก่งที่สุดเลย!”
ตอนที่ 201
แด๊ดดี้เก่งที่สุดเลย!”
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินคำถามรู้สึกหมดหนทางสู่เล็กน้อย
เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกลู่หมิงว่า “สั่งให้ เฟิงเหลี่ยหยางพาเจมาที่นี่ เขาน่าจะยังพอมีประโยชน์อะไรอยู่บ้าง”
ลู่หมิงพยักหน้าเข้าใจได้ในทันที “เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ของเฟิงเหลี่ยหยางดังขึ้นขณะที่เขากำลังจะสตาร์ทรถออกไปข้างนอก
เฟิงเหลี่ยหยางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วตกตะลึงอยู่ ครู่หนึ่ง
ลู่หมิงเป็นผู้ช่วยของท่านหัวหน้า โดยปกติแล้วจะไม่โทรศัพท์หาเขาง่าย ๆ แสดงว่าคราวนี้จะต้องมีเรื่องสำหรับมากแน่ถึงได้โทรศัพท์มาหาเขาโดยตรง
เฟิงเหลี่ยหยางกดรับสาย “ผู้ช่วยลู่ ท่านหัวหน้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลู่หมิงตอบ “มี พอดีว่าหัวหน้าอยากให้คุณพาเจมาที่เมืองเป่ยหน่อย”
“เจ? ทหารรับจ้างขององค์กรมือน่ะเหรอครับ?” เฟิงเหลี่ยหยางรู้สึกประหลาดใจ
พวกเขาสอบปากคำเจเสร็จเรียบร้อยแล้วและไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ท่านหัวหน้าถึงนึกถึงเขาขึ้นมาอีก
“มันน่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” ลู่หมิงอธิบาย
เฟิงเหลี่ยหยางตอบตกลงทันที “รับทราบครับ ผมจะให้คนพาเขาไปส่งที่ประเทศเอ็มโดยด่วนที่สุด”
หลังจากวางสายลงแล้ว เฟิงเหลี่ยหยางก็จัดแจงให้คนพาตัวเจเดินทางไปยังประเทศจีน
ในอีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลมู่
คณะมายากลที่เพิ่งทำการแสดงทั่วโลกได้มาจัดแสดงที่เมืองเป่ย และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะแสดงในเมืองเป่ย
กล่าวได้ว่าตั๋วเข้าชมการแสดงนั้นหาได้ยากมาก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ วันนี้กลับมีใครบางคนนำตั๋วมามอบให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นของขวัญ
ประจวบเหมาะกับที่เสี่ยวเป่าเข้าไปเห็นตั๋วเหล่านั้น เขาจึงเริ่มสนใจเป็นพิเศษ
เสี่ยวเป่าเข้าไปจับมือของถงเหมี่ยวเหมี่ยวและพูด ออดอ้อน “หม่ามี้ พาเสี่ยวเป่าไปหน่อยสิฮะ!”
“ไม่ได้ ลูกยังไม่หายดี จะวิ่งซะไปทั่วไม่ได้” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด
เสี่ยวเป่าอยากไปดูการแสดงมากทว่าบาดแผลของเขายังไม่หายดี และจำนวนผู้ชมที่มีมากจนเกินไปทำให้เธอเป็นกังวล
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะถูกปฏิเสธ แต่เขากลับไม่ย่อท้อเลยสักนิด
เขากะพริบดวงตากลมโตที่เหมือนกับลูกองุ่นสีดำ “หม่ามี้ เสี่ยวเป่าหายป่วยแล้วจริง ๆ ไม่เชื่อก็ลองดูสิ”
เสี่ยวเป่าหันกลับมาต่อกรกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวและบอกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้วจริง ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่อาจต้านทานท่าทางออดอ้อนของเขาได้ จนในที่สุดเธอก็จำใจตอบตกลง
เธอสร้างเงื่อนไขกับเสี่ยวเป่าโดยห้ามไม่ให้ลูกปล่อยมือจากเธอเด็ดขาด
ต่อมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าออกไปชมการแสดงอันยอดเยี่ยม
จนกระทั่งเมื่อกลับมาบ้าน เสี่ยวเป่ายังคงตื่นเต้นมากและคอยพูดถึงนักมายากลกับถงเหมี่ยวเหมี่ยว
…
กลางคืน
เสี่ยวเป่าเห็นว่ามู่อวี้เฉิงกลับมาแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปที่ประตูใหญ่
มู่อวี้เฉิงกังวลว่าหากเสี่ยวเป่าวิ่งแบบนี้บาดแผลจะปริเอาได้ ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวเข้ามาข้างหน้าและจับคนตัวเล็กเอาไว้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินตามหลังเสี่ยวเป่าออกไปเช่นกัน
จากนั้นเสี่ยวเป่าก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของมู่อวี้เฉิงและร้องตะโกนเรียกว่า “แด๊ดดี้”
คำว่า ‘แด๊ดดี้’ ช่วยขจัดความเหนื่อยล้า ความหงุดหงิดและความเบื่อหน่ายในวันนั้นออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกอ่อนโยนที่ตราตรึงอยู่ในใจ
เขาถามพร้อมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตารักใคร่ “วันนี้เสี่ยวเป่าเป็นยังไงบ้าง?”
“มีความสุขมากฮะ หม่ามี้พาไปดูการแสดงมายากลด้วย” เสี่ยวเป่าเล่าเรื่องขณะยิ้มกว้าง
มู่อวี้เฉิงอุ้มเขาขึ้นมา คอยฟังเสี่ยวเป่าเล่าเรื่องถึงการแสดงมายากลในวันนี้ต่อไป
มู่อวี้เฉิงตอบเป็นครั้งคราวและพาเขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
เขารู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเธอจะต้องออกไปชมการแสดงมายากล เพราะคนที่ส่งมอบตั๋วสองใบให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคือใครบางคนที่เขาจ้างวานอีกที
เสี่ยวเป่าพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน มู่อวี้เฉิงจึงกลัวว่าเขาจะหดหู่จนฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เขาจึงมอบตั๋วสองใบนี้ให้พวกเธอ
หลังจากที่เสี่ยวเป่าหยุดพูด มู่อวี้เฉิงก็หันกลับไปมอง ถงเหมี่ยวเหมี่ยว “เสี่ยวเป่าดีขึ้นบ้างมั้ย?”
เสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนรีบพูดตอบรับ “เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรแล้ว แด๊ดดี้หม่ามี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกยิ้มมุมปากเบา ๆ “วันนี้ตอนที่คุณหมอประจำบ้านมาตรวจร่างกาย เขาบอกว่าเสี่ยวเป่าดีขึ้นมากแล้ว เดี๋ยวหลังจากนี้ก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า
ในเมื่อคุณหมอบอกอย่างนั้น เสี่ยวเป่าก็น่าจะปกติดี
มู่อวี้เฉิงมองดูท่าทางกระตือรือร้นของเสี่ยวเป่าแล้วสามารถบอกได้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูแลลูกชายอย่างดี
เสี่ยวเป่าที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมายาวนานไม่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจใด ๆ เลย
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เสี่ยวเป่าก็เข้าไปก่อกวนมู่อวี้เฉิงอีกครั้ง
“แด๊ดดี้ วันนี้ยุ่งมั้ย?” เสี่ยวเป่าเอื้อมมือเล็ก ๆ ออกไปจับนิ้วมือของเขาเอาไว้
มู่อวี้เฉิงจึงกุมมือเล็ก ๆ แล้วถามว่า “ทำไม?”
“แด๊ดดี้เล่นกับเสี่ยวเป่าได้มั้ย?” เสี่ยวเป่าพูดแกมขอร้องพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ
มู่อวี้เฉิงมองดูเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อยากเล่นอะไรล่ะ?”
“แด๊ดดี้ ผมอยากเล่นเกมกับแด๊ดดี้”
“แด๊ดดี้… แด๊ดดี้…” มู่อวี้เฉิงไม่สามารถต้านทานเสียงร้องเรียกคำว่าแด๊ดดี้ของเสี่ยวเป่าได้เลย
“ได้ เดี๋ยวแด๊ดดี้ไปเล่นด้วย” มู่อวี้เฉิงตอบตกลง
“ขอบคุณฮะแด๊ดดี้” รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวเป่า แม้แต่ดวงตายังเป็นประกาย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถือโทรศัพท์มือถือและเริ่มเล่นเกมกันอยู่บนโซฟา
“ปัง ๆ ๆ” เสียงยิงปืนจากโทรศัพท์มือถือของมู่อวี้เฉิงดังขึ้นติดต่อกันอยู่หลายครั้ง
เสี่ยวเป่าถึงกับร้องอุทานว่า “แด๊ดดี้เก่งที่สุดเลย!”
มู่อวี้เฉิงยิ้ม “เสี่ยวเป่าก็เก่งเหมือนกัน แด๊ดดี้ยังต้องพึ่งเสี่ยวเป่าถึงจะชนะได้”
“แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเสี่ยวเป่าเอารางวัลมาให้เอง” เสี่ยวเป่าพูดอย่างมั่นใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนด้วยความรู้สึกสับสน
แต่หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอไม่สามารถห้ามไม่ให้สองคนติดต่อกันได้อีกต่อไป
เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามู่อวี้เฉิงรักเสี่ยวเป่ามากจริง ๆ
…
เฟิงเหลี่ยหยางจัดการทุกอย่างรวดเร็วมาก คนที่เขาส่งมาและเจเดินทางมาถึงเมืองเป่ยในเช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่พวกเขาออกมาจากสนามบิน พวกเขาก็ตรงไปขึ้นรถยนต์ที่ลู่หมิงจัดเตรียมไว้ให้พาเจไปยังโรงแรม
ขณะเดียวกันมู่อวี้เฉิงรออยู่ในโรงแรมลู่อี้เติงมานานแล้ว
หลังจากที่เจถูกส่งตัวมายังห้องพักโรงแรม เขาก็เห็นชายคนหนึ่งยืนหันหลังมองไปนอกหน้าต่าง
รูปทรงตรงหน้าดูคุ้นเคยเล็กน้อย แต่กลับไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่
มู่อวี้เฉิงหันกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจอกันอีกแล้วนะเจ”
เจมองดูชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดผวา ผู้ชายคนนี้คือหัวหน้าองค์กรเสินอิ่นไม่ใช่เหรอ?
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ มู่อวี้เฉิงก็ถามเขาว่า “ยังอยากมีชีวิตรอดอยู่มั้ย?”
เจตกตะลึงเมื่อได้ยินคำถาม
จากนั้นเขาก็ตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะคิด “อยาก! อยากครับ!”
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะให้โอกาสเขามีชีวิตอยู่ต่อ
มู่อวี้เฉิงแสยะยิ้มเมื่อได้ว่าคนตรงหน้ารีบตอบรับ “ถ้าไม่อยากตายก็มาร่วมมือกับฉันสิ”
“คุณจะยกโทษให้ผมจริง ๆ เหรอ?” เจมองดูมู่อวี้เฉิงด้วยสายตาเหลือเชื่อแล้วถามขึ้นอีกครั้ง
มู่อวี้เฉิงไม่ตอบโต้และยังคงจ้องมองเขาราวกับราชาที่มองดูมด
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบกลับ ดวงตาของเจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีราวกับว่าเขากลัวว่าโอกาสจะหลุดลอยไป จึงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว “ผมจะทำครับ”
ในเมื่อมีโอกาสรอดชีวิต เขาก็จะต้องคว้ามันไว้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากอายุสั้น
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าเขาแสดงท่าทางเช่นนั้นจึงพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคนที่จ้างแกออกมา แล้วฉันจะบอกให้ว่าแกต้องทำยังไงบ้าง”
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แทบจะเอาผิดซ่งอวี่ซีในทางอาชญากรรมไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้รับคำสารภาพแล้ว แต่มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรถึงซ่งอวี่ซี
เขาต้องการหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเพื่อนำตัวเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และวิธีการเดียวที่จะได้หลักฐานมากคือการให้เจออกไปล่อซ่งอวี่ซี