พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 199 ช่วยด้วย! มีคนถูกลักพาตัว!
ตอนที่ 199
ช่วยด้วย! มีคนถูกลักพาตัว!
ณ คฤหาสน์ตี้หลาน
เนื่องจากเสี่ยวเป่ายังต้องพักฟื้นอยู่ มู่อวี้เฉิงจึงขอให้ ลู่หมิงแจ้งอาจารย์ว่าเสี่ยวเป่าจะหยุดเรียนสักพัก
ขณะที่ลู่ซีจวี๋ออกอำนาจให้สตีเฟนกรุ๊ปอนุญาตให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลาพักร้อนระยะสั้น
หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า มู่อวี้เฉิงก็เข้ามารับประทานอาหารเช้ากับสองแม่ลูกถงเหมี่ยวเหมี่ยว จากนั้นจึงเดินทางออกไปทำงาน
…
ณ มู่กรุ๊ป
เนื่องจากขั้นตอนการอนุมัติของบริษัทจะแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน จึงทำให้การอนุมัติค่อนข้างซับซ้อน เอกสารหลายอย่างต้องได้รับการอนุมัติโดยลายเซ็นของมู่อวี้เฉิง ทำให้เอกสารกองเป็นพะเนินอยู่ในห้องของประธานบริษัท
ถึงแม้ว่ามู่อวี้เฉิงจะทำงานบางส่วนที่ต่างประเทศด้วย แต่นั่นก็เป็นเพียงเอกสารเร่งด่วนที่ลู่หมิงคัดเลือกออกมาจากกองเอกสารมากมาย
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่ฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนยื่นเอกสารที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา
หัวหน้าฝ่ายการตลาดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของมู่อวี้เฉิง แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ท่านประธานเพิ่งสั่งให้ใครบางคนมาตามเขา แต่ตอนนี้กลับยังไม่ยอมพูดอะไรเลย
เพียงแต่รัศมีที่เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวมากจริง ๆ
หัวหน้าฝ่ายการตลาดพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่าน… ท่านประธาน ไม่ทราบว่าเรียกผมมา…”
“ดูเอาเอง” มู่อวี้เฉิงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาและโยนเอกสารไปตรงหน้าเขา
หัวหน้าฝ่ายการตลาดจับเอกสารขึ้นมาดูด้วยมือที่สั่นเทาแล้วหลับตาลง
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พิจารณาจากอุปนิสัยที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ของท่านประธานแล้ว เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
เขาเตรียมใจมาตั้งแต่มู่อวี้เฉิงเรียกเขาขึ้นมาแล้ว เขาจึงยอมจำนนต่อโชคชะตาของตนเองและก้มหน้ารอคำตัดสินจากมู่อวี้เฉิง
‘ก๊อก ๆ ๆ!’ จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา” มู่อวี้เฉิงสั่งการด้วยเสียงทุ้ม
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่หมิงก็เปิดประตูและเดินเข้ามา
มู่อวี้เฉิงจ้องมองหัวหน้าฝ่ายการตลาดด้วยสีหน้าเย็นชา “กลับลงไปก่อนแล้วทำอันใหม่มาส่ง”
“ครับ” หัวหน้าฝ่ายการตลาดตอบรับ ปาดเหงื่อบนหน้าผากและรีบเดินถือเอกสารกลับออกไป พลางคิดในใจว่าท่านประธานน่าจะกำลังอารมณ์ดี
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่ลู่หมิงวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ เขาก็พูดรายงานว่า “ท่านประธาน เจอไอพีคนที่จ้างงานแล้วครับ”
มู่อวี้เฉิงวางเอกสารลงหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น
ใบหน้าของเขาเดิมทีดูเย็นชากลับจริงจังขึ้น น้ำเสียงฟังดูกร้าวราว “พูดมา!”
เขาอยากจะรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร ถึงกล้ามาแตะต้องคนของเขา
ลู่หมิงรายงานว่า “ไอพีที่ถูกค้นพบอยู่บนหมายเลขโทรศัพท์ที่ยกเลิกการใช้งานไปแล้วครับ”
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงทันทีเมื่อได้ยินลู่หมิงบอกว่าไอพีดังกล่าวมาจากโทรศัพท์ที่ยกเลิกการใช้งานไปแล้ว แบบนี้เบาะแสจะหายไปด้วยหรือไม่?
ลู่หมิงรู้สึกหนาวสั่นจนเข้ากระดูกจึงรีบพูดขึ้นว่า “แต่ผมได้ตรวจสอบเบอร์มือถือจนค้นพบข้อมูลแล้วครับ”
“คือใคร?” มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“จากการตรวจสอบของผมพบว่าคนที่ลงทะเบียนเปิดใช้งานหมายเลขโทรศัพท์นี้คือผู้ช่วยของคุณซ่งครับ” ลู่หมิงตอบ
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ซ่งอวี่ซีเหรอ?”
ลู่หมิงพยักหน้าและตอบกลับด้วยความเคารพ “ใช่ครับ เธอเป็นผู้ช่วยของคุณซ่งอวี่ซี”
เขาขมวดคิ้วพลางคิดในใจว่าทำไมถึงเกี่ยวข้องกับซ่งอวี่ซีอีกครั้ง?
มู่อวี้เฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่าซ่งอวี่ซีมุ่งเป้าไปที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวครั้งแล้วครั้งเล่า
เป็นไปได้ไหมว่าเธอคิดจะเอาชีวิตของถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับลูกชาย?
มู่อวี้เฉิงเกิดความสงสัยที่คลุมเครืออยู่ในใจ
ใบหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลง เขากัดฟันและพูดว่า “ไปพาคนคนนั้นมา ฉันอยากจะถามว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอทำ”
“ผมจะรีบจัดการทันทีครับ” ลู่หมิงพยักหน้าและเดินออกไป
มู่อวี้เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา
ถึงแม้ว่าคำตอบจะถูกเฉลยแล้ว แต่เขาก็ยังคาดเดาอยู่ในใจ และจากการคาดเดาดังกล่าวเขายังไม่สามารถสรุปได้ว่า ซ่งอวี่ซีเป็นคนลงมือทำ
เขาต้องการหลักฐานเพิ่มเติม
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงมืดมนลง พลางคิดในใจว่าถ้าหาก ซ่งอวี่ซีไม่ได้เป็นคนลงมือทำก็คงจะดี ไม่อย่างนั้นเขาจะทำให้เธอได้สัมผัสกับนรก
…
คืนนั้น
หลังจากจัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูฟาง ผู้ช่วยของซ่งอวี่ซีเลิกงานตรงเวลาตามปกติ
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้นั้นคือลู่หมิงกับกลุ่มบอดี้การ์ดอีกหลายคนกำลังนั่งยอง ๆ รอเธออยู่ข้างนอกซ่งกรุ๊ป
ซูฟางออกจากบริษัทและเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์
เธอสวมหูฟัง ก้มหน้าลงกดโทรศัพท์มือถือโดยไม่ได้มองถนนข้างหน้ามากนัก
แต่จู่ ๆ เธอก็เดินชนเข้ากับกำแพงมนุษย์อันแข็งแกร่ง
เธอเงยหน้ามองและเห็นสุภาพบุรุษผูกเนกไทคนหนึ่ง
เธอจำเขาได้ในทันทีว่าเขาคือผู้ช่วยของประธานแห่ง มู่กรุ๊ป
“บังเอิญจังค่ะคุณลู่” เธอหัวเราะแฮะ ๆ
“บังเอิญว่าผมมารอคุณซะด้วยสิ” ลู่หมิงพูดอย่างใจเย็น
ซูฟางตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หรือว่าพวกเขาจะค้นพบเบาะแสเข้าแล้ว?
ไม่ ไม่มีทาง เธอกำจัดร่องรอยทุกอย่างทิ้งหมดแล้ว
เธอไม่เชื่อว่าพวกเขาจะค้นพบอะไร
เมื่อนึกขึ้นได้เช่นนั้น ซูฟางก็สงบสติอารมณ์ลง “ไม่ทราบว่าคุณลู่มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”
“ผมอยากจะเชิญผู้ช่วยซูไปกับพวกเราสักหน่อยน่ะครับ” ลู่หมิงพูดและโบกมือส่งสัญญาณให้พวกบอดี้การ์ดข้างหลังเข้ามาพาตัวเธอออกไป
ซูฟางหวาดกลัวมากรีบถอยหลังกลับไปหลายก้าว แต่แผ่นหลังของเธอกลับชนเข้ากับกำแพงมนุษย์อีกครั้ง
เธอหันหลังกลับมามองและเห็นว่าเป็นบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำสวมแว่นตาดำอีกคน
เธอถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาจนไม่มีทางหนีรอดออกไปได้
“พวกคุณจะทำอะไรกันแน่?” ซูฟางตั้งรับขณะมองดูพวกเขา
ลู่หมิงไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดพาตัวเธอเข้าไปในรถยนต์
ซูฟางดิ้นรนและร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ช่วยด้วย! มีคนถูกลักพาตัว!”
ทว่าเสียงร้องตะโกนของความช่วยเหลือของเธอกลับไร้เสียงตอบรับ และในที่สุดเธอก็ถูกมัดเอาไว้ในรถยนต์
ซูฟางนั่งอยู่บนเบาะหลังโดยมีบอดี้การ์ดนั่งขนาบสองข้าง ไม่มีทางที่จะหลบหนีได้
หลังจากขึ้นรถยนต์มาแล้ว กระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอก็ถูกลู่หมิงยึดไป ทำให้เธอไม่สามารถติดต่อหาซ่งอวี่ซีได้
รถยนต์เคลื่อนตัวมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
บอดี้การ์ดหลายคนพากันแบกเธอเข้ามาทางชั้นใต้ดินผ่านช่องทางวีไอพีขึ้นไปโผล่ตรงหน้าประตูบ้านหนึ่ง จากนั้น บอดี้การ์ดก็โยนเธอลงกับพื้น
รองเท้าหนังคู่หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ซูฟางค่อย ๆ มองตามรองเท้าหนังขึ้นไปจนกระทั่งใบหน้ามัจจุราชปรากฏแก่สายตา
ซูฟางหรี่ตาลงเล็กน้อย เธอจดจำผู้ชายตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
มู่อวี้เฉิง ท่านประธานแห่งมู่กรุ๊ป
หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมู่อวี้เฉิง
การแสดงออกของมู่อวี้เฉิงในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก
เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาชั่วร้าย ถามเสียงแฝงความเย็นชา “อุบัติที่เหตุที่เกิดขึ้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวในประเทศเอ็มเป็นฝีมือของพวกเธอหรือเปล่า?”
ซูฟางตื่นตระหนกมากรีบกุมชายเสื้อทั้งสองข้างเอาไว้แน่น
“คุณมู่พูดถึงเรื่องอะไรคะ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอะไร เรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” ซูฟางก้มหน้าลงและกัดริมฝีปาก
มู่อวี้เฉิงหรี่ตาลงเมื่อเห็นว่าเธอปฏิเสธ เขาถามขึ้นอีกครั้ง “ซ่งอวี่ซีให้เธอจ้างทหารรับจ้างในประเทศเอ็มเหรอ?”
“ทหารรับจ้างอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” ซูฟางตอบ