พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 198 ดื่มฉลองงานแต่งของผมกับเหมี่ยวเหมี่ยว
ตอนที่ 198
ดื่มฉลองงานแต่งของผมกับเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้เก็บเอาข้อผิดพลาดของเขามาใส่ใจเลย เพราะอย่างไรเสียเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของ ลู่ซีจวี๋
ลู่ซีจวี๋รู้ดีว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพราะไม่ต้องการให้เขาตำหนิตนเองมากเกินไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพียงแค่ต้องการปลอบใจเขา
ทั้งสองคนไม่อยากพูดคุยหัวข้อดังกล่าวในเชิงลึกอีกต่อไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “รุ่นพี่ อาการของท่านประธานเป็นยังไงบ้างคะ?”
ใบหน้าของลู่ซีจวี๋เผยรอยยิ้มอันอบอุ่น “ยังเหมือนเดิม แต่ฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอเจอให้คุณตาฟังหรอกนะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า เธอรู้ว่ารุ่นพี่มีความคิดแบบเดียวกันคือไม่ต้องการบอกชายชราถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ลู่ซีจวี๋มองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาแน่วแน่และบอกว่า “รอให้เรื่องนี้คลี่คลายลงก่อนแล้วฉันจะกลับไปที่จีน จากนั้นจะแวะไปหาเธอนะ”
“ค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า
มู่อวี้เฉิงจ้องมองลู่ซีจวี๋และพูดขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว “เกรงว่าถ้าคุณลู่กลับไปที่จีนคราวนี้จะเป็นการบินไปร่วมดื่มฉลองงานแต่งของผมกับเหมี่ยวเหมี่ยวซะมากกว่านะครับ”
ลู่ซีจวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
ดูเหมือนว่าความไร้ยางอายของมู่อวี้เฉิงจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
เขาแสยะยิ้มเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “คุณมู่นี่ตลกนะครับ ผมเชื่อว่าสายตาของเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ย่ำแย่ขนาดนั้นหรอก”
มู่อวี้เฉิงค่อนข้างไม่พอใจกับการยั่วโมโหของอีกฝ่าย
“เธอเป็นคู่หมั้นของผม การที่เราจะแต่งงานกันก็เป็นเรื่องปกติ ยังต้องมาใช้สายตาอะไรอยู่อีกเหรอครับ”
ลู่ซีจวี๋ขมวดคิ้วและเยาะเย้ยกลับ น้ำเสียงของเขาฟังดูก้าวร้าวเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าคุณมู่จะไม่เคยพูดถึงเรื่องการแต่งงานกับเหมี่ยวเหมี่ยวเลยสักครั้ง มาพูดยืนกรานฝ่ายเดียวแบบนี้มันเป็นการไม่ให้เกียรติเหมี่ยวเหมี่ยวเลยนะครับ นอกจากนี้เธอยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับคุณด้วย มาพูดเอาตอนนี้คุณมู่ไม่คิดเพ้อฝันไปหน่อยเหรอครับ”
“ไม่ช้าหรือเร็วเธอก็ต้องกลายเป็นคนของผมอยู่ดี คุณลู่ไม่ต้องกังวลเรื่องของเราสองคนหรอกครับ” มู่อวี้เฉิงพูดอย่างมั่นใจ
ไม่ว่าอย่างไรถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็คือคู่หมั้นของเขา นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้เถียงได้
การที่ลู่ซีจวี๋เข้าหาเธออย่างโจ่งแจ้งก็เทียบเท่ากับการยั่วยุเขา
ทั้งสองคนจ้องเขม็งใส่กันจนเกิดเขม่าควันที่มองไม่เห็นลอยขึ้นมาในอากาศ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นหันไปมองมู่อวี้เฉิง “คุณพูดอะไรคะ?”
ดวงตาสีนิลจับจ้องไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแล้วถามว่า “ผมพูดผิดเหรอ? ก็คุณเป็นคู่หมั้นของผม จะแต่งงานกันแล้วมันผิดแปลกตรงไหน?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันหน้ากลับไปด้านข้างและพูดพึมพำกับตัวเอง “แต่ฉันไม่เคยบอกว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณ”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะเบาบางมาก แต่มันกลับไม่รอดพ้นหูของมู่อวี้เฉิง
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาอันตรายและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณคิดจะแต่งงานกับคนอื่นหรือไง?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกถึงความเย็นวาบบนกระดูกสันหลังและสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย เธอจึงเลือกที่จะเงียบ
ลู่ซีจวี๋เหลือบมองมู่อวี้เฉิงจากหางตา จากนั้นจึงหันไปมองถงเหมี่ยวเหมี่ยว
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ดวงตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ฉันเป็นห่วงเธอกับเสี่ยวเป่า เลยบอกให้เยี่ยชวงกับเยี่ยหานตามไปปกป้องพวกเธอที่จีนด้วย”
หากอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวในประเทศของเขาได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงประเทศจีนเลย
สมาชิกในตระกูลถงมักจะหาวิถีทางทำร้ายเธออยู่ตลอดเวลา เขาจึงกังวลมากหากต้องปล่อยให้พวกเธอกลับไปทั้งอย่างนี้
อีกประเด็นหนึ่งคือมู่อวี้เฉิงไล่จับตามองเธอมานานแล้ว
หลังจากเขาบินออกนอกประเทศได้ไม่นาน มู่อวี้เฉิงก็ลักพาตัวเธอไปอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
ตอนนี้เธอกำลังจะกลับไปที่ประเทศจีนและต้องพักอาศัยอยู่เดียวกันกับมู่อวี้เฉิง
หากไม่มีเยี่ยชวงกับเยี่ยหานคอยจับตาดูการกระทำของมู่อวี้เฉิง เขาคงจะกังวลมากกว่านี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มเบา ๆ และตอบตกลง “ถ้าอย่างนั้นรบกวนรุ่นพี่ด้วยนะคะ”
เธอหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มากจริง ๆ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธเมื่อได้ยินว่าลู่ซีจวี๋จะส่งเยี่ยชวงกับเยี่ยหานไปตามปกป้องเธอ
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าเธอตอบตกลงอย่างง่ายดาย ดวงตาสีเข้มของเขาก็มองลึกลงไปในอีกฝ่าย
และคอยส่งเสียงเย็นชามาจากด้านข้าง “ผมปกป้องคู่หมั้นเองได้ครับ คุณลู่ไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้หรอก”
แววตาของลู่ซีจวี๋ดูเย็นชาขึ้นทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ขณะที่กำลังจะพูด ลู่หมิงก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ท่านประธาน ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ เชิญไปรอที่เลาจน์วีไอพีก่อนเถอะครับ” หลังจากที่ลู่หมิงพูดจบ เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูน่าอึดอัด
เขาไปแค่ไปเช็คอินกระเป๋ามา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น?
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าตอบรับ
จากนั้นเขาก็หันไปเลิกคิ้วให้ลู่ซีจวี๋และบอกว่า “เอาไว้ผมกับเหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานกันเมื่อไหร่จะร่อนการ์ดเชิญไปหาคูณแน่นอน หวังว่าถึงตอนนั้นคุณลู่จะมาร่วมยินดีนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอดูครับ” ลู่ซีจวี๋แสยะยิ้ม
มู่อวี้เฉิงอุ้มเสี่ยวเป่าและหันหลังกลับไป
เขาหยอกล้อกับเสี่ยวเป่าระหว่างเดิน ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขดูสนิทสนมกันมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบอกลาลู่ซีจวี๋และรีบไล่ตามพวกเขาไป
มู่อวี้เฉิงอุ้มเสี่ยวเป่าเอาไว้ในอ้อมแขนและยืนอยู่ข้าง ๆ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ทำให้ภาพตรงหน้าดูเหมือนครอบครัวสามคนมาก
ลู่ซีจวี๋ยืนอยู่ข้างหลัง เฝ้ามองพวกเขาเคียงข้างกันด้วยดวงตาอิจฉาริษยา
…
พวกมู่อวี้เฉิงเดินขึ้นเครื่องบินผ่านช่องทางวีไอพี
หลังจากนั่งเครื่องบินนานกว่าสิบชั่วโมง พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองเป่ย
กว่าจะลงจากเครื่องบินมาก็เช้ามากแล้ว ท้องฟ้าด้านบนกลายเป็นสีขาวสว่าง
คนขับรถประจำคฤหาสน์ตระกูลมู่ได้มาจอดรถยนต์รอรับอยู่ที่สนามบินแล้ว
มู่อวี้เฉิงอุ้มเสี่ยวเป่าที่กำลังหลับอยู่เดินทางพา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไปที่คฤหาสน์
มู่อวี้เฉิงวางเสี่ยวเป่าลงบนเตียงนอน ห่มผ้าห่มให้เขาและเดินหันหลังกลับออกไป
ขณะเดียวกันดวงตาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวปิดลงมาครึ่งหนึ่ง เธอยืนพิงประตูราวกับว่ากำลังจะผล็อยหลับ
“คุณคงจะเหนื่อย ไปนอนก่อนเถอะ” มู่อวี้เฉิงเดินเข้าไปบอกเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขยี้ตาที่กำลังจะปิดลง จ้องมองเขาแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมยังมีงานที่ต้องจัดการอยู่ คุณไปนอนเถอะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและกลับไปที่ห้องนอน
หลังจากร่างของเธอหายไปจนลับสายตา บานประตูก็ค่อย ๆ ปิดลง มู่อวี้เฉิงหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ช่วงเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศมีงานที่ค้างคามากมาย
มีกองเอกสารจำนวนมากที่รอให้เขาตัดสินใจ มู่อวี้เฉิงจึงนั่งทำงานอย่างต่อเนื่อง
กว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เธอเข้าไปปลุกเสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องถัดไป และพาเขาเดินลงไปกินอาหารที่ชั้นล่าง
“คุณผู้หญิง” พ่อบ้านโค้งคำนับและกล่าวทักทาย
“…” ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลมู่ เธอพยายามจะแก้ไขคำเรียกอยู่หลายครั้ง แต่พ่อบ้านก็ยังเอาแต่เรียกเธอว่า ‘คุณผู้หญิง’ จนเธอเลิกสนใจเขา
พละกำลังและความอยากอาหารของเสี่ยวเป่ามีไม่น้อยเลย หลังจากกินโจ๊กหมดชามแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็หยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก
คนรับใช้เอาถ้วยน้ำอุ่นมาวางไว้หน้าเสี่ยวเป่า และ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ยื่นยาให้เขา
ทว่าเสี่ยวเป่ากลับลังเลที่จะกินยาตรงหน้า
“คนเก่งกินยาสิจ๊ะ จะได้หายไว ๆ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดแนะนำอย่างอ่อนโยน
เสี่ยวเป่าที่ได้ยินดังนั้นหยิบยาขึ้นมาผสมกับน้ำอุ่นและดื่มจนหมดภายในอึกเดียว
“หม่ามี้ เสี่ยวเป่าเก่งไหม” เสี่ยวเป่าพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มและบีบหน้าเล็ก ๆ ของเขา “เสี่ยวเป่าเก่งมาก”
“ส่วนนี่คือรางวัลของหนู” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแบมือข้างที่กำแน่นจนปรากฏให้เห็นลูกอมสีขาววางอยู่บนฝ่ามือ
ตกบ่าย ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้า
ลานหญ้าของคฤหาสน์ตระกูลมู่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวเป่าได้วิ่งเล่นด้วยกัน
มู่อวี้เฉิงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานมองลงมาเห็นเหตุการณ์ด้านล่างทุกอย่างบนสนามหญ้า
เขามองดูสองแม่ลูกกอดกันตัวกลม ยิ้มสดใสแล้วจึงหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด
มู่อวี้เฉิงคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถเปิดเผยว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของเขาได้สักที
เขาอยากจะทำความรู้จักกับลูกชายของเขา