พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 195 พวกแกเป็นใคร
ตอนที่ 195
พวกแกเป็นใคร
โรงแรม?
เริ่มต้นจากโรงแรมจริง ๆ เหรอ?
มู่อวี้เฉิงตกใจมาก
เขาขมวดคิ้วแน่น “ใครบอกแกว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมไหน?”
“เอ่อ… นายจ้าง”
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง
นายจ้างคนนี้คือใคร?
ถึงกับรู้ช่วงเวลาที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินทางมาต่างประเทศด้วย
เขาเป็นจองที่พักโรงแรมให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัวเขาหรือเปล่า?
มู่อวี้เฉิงคิดพิจารณาถึงผู้คนรอบตัว แต่กลับไม่เจอเบาะแสอะไรเลย
เขาหันกลับมามองชายที่ตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในเมื่อทหารรับจ้างนายนี้ชี้ตัวนายจ้างไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หากแต่ปล่อยให้เขาตายลงแบบนี้คงจะง่ายดายเกินไป เขาจะทำให้องค์กรมืดทั้งหมดต้องชดใช้
ด้วยวิธีการนี้เท่านั้นถึงจะขจัดความเคียดแค้นในใจของเขาออกไปได้
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงฉายแววอันตราย น้ำเสียงเต็มเปี่ยมด้วยความเย็นชา “ถ้าอยากมีชีวิตรอด ก็บอกชื่อรหัสในองค์กรมืดของแกมา”
“รหัสประจำตัวของฉันคือเจ” เจพูดขึ้นอย่างจริงใจขณะที่ดวงตาดูสับสน เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามชื่อรหัสประจำตัวของเขาไปทำไม
หลังจากที่เขาตอบกลับ มู่อวี้เฉิงถามต่อ “แล้วสมาชิกในองค์กรของพวกแกติดต่อกันยังไง?”
“พวกเราจะได้รับข้อมูลจากผู้บัญชาการให้ไปยังสถานที่ที่กำหนด” เจตอบ
เจกำลังรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจเงยหน้าขึ้นและมองดูมู่อวี้เฉิงด้วยแววตาสงสัย
ภายในใจพลางคิดว่าคนตรงหน้าถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม?
คำถามที่มู่อวี้เฉิงถามนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลที่ร่วมกันทำร้ายถงเหมี่ยวเหมี่ยว
แม้แต่ลู่หมิงกับเฟิงเหลี่ยหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างก็สับสนว่าเขาต้องการทำอะไร
“องค์กรพวกแกมีสมาชิกกี่คน?” มู่อวี้เฉิงถามอีกครั้ง
คำถามแกมบีบบังคับกระตุ้นให้เจระมัดระวังตัวมากขึ้น
“ไม่แน่ใจ แกคิดจะทำอะไร?” ดวงตาของเจหวาดระแวงเมื่อได้ยินเขาถามถึงสมาชิกในองค์กร
เขาไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าต้องการทำอะไร แต่เขาจะไม่มีวันทรยศต่อเพื่อนของเขาเด็ดขาด
มู่อวี้เฉิงเพิกเฉยคำถามของเขาและถามต่อ “แล้วพวกแกติดต่อผู้บัญชาการกันได้ยังไง ใครคือผู้บัญชาการของแก?”
เจรีบส่ายหัวด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำถามถึงผู้บัญชาการ “ฉันจะไม่มีวันตอบคำถามนี้เด็ดขาด”
มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจสายตาที่หวาดผวาตรงหน้าอย่างมาก “ทำไมล่ะ? หรือว่าอยากกลับเข้าไปในห้องทรมานอีก?”
เขาอยากรู้ว่าผลที่ตามมาคืออะไร ทำไมผู้ชายตรงหน้าถึงปฏิเสธคำถามของเขา
ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ด้านข้างดูกระตือรือร้นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของมู่อวี้เฉิง ดูเหมือนว่าตราบใดที่ท่านหัวหน้าออกคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมจะรุดเข้ามาลากตัวเจออกไปในทันที
เจรู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาทที่ส่งตรงมารอบข้าง
ทว่าเขากลับกัดฟันและพูดขึ้นด้วยความหมดอาลัยตายอยาก “ต่อให้ฉันต้องเข้าห้องทรมานฉันก็จะไม่มีวันบอกพวกแก ถ้าฉันเปิดเผยข้อมูลของเบื้องบนฉันก็ไม่รอดเหมือนกัน”
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความข่มขู่ “ในเมื่อแกไม่บอก ฉันก็จะฆ่าแกตอนนี้ซะเลย”
รัศมีเย็นยะเยือกไหลเวียนออกมาจากร่างกายของ มู่อวี้เฉิงจนทำให้เจหวาดกลัว
เจคิดในใจว่าผู้ชายตรงหน้าคงจะลงมือสังหารเขาจริง ๆ
ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษ จ้องมองมู่อวี้เฉิงด้วยดวงตาหวาดผวา “พวกแกเป็นใคร?”
มู่อวี้เฉิงเมินเฉยต่อเจ เขาไม่มีภาระผูกพันและไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของเจ
“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีหรอก” เฟิงเหลี่ยหยางแสยะยิ้ม
จากนั้นเขาก็เหลือบมองเจแล้วพูดว่า “เพราะเดี๋ยวก็ตายแล้ว”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเจก็เบิกกว้างไปทางพวกเขา
เขาไม่รู้ว่าตนเองเผลอไปยั่วโมโหใครเข้า
เฟิงเหลี่ยหยางรู้ดีว่าในเมื่อเจไม่เต็มใจตอบคำถาม ประโยชน์ของเขาก็หมดลงเท่านี้
เฟิงเหลี่ยหยางเห็นว่ามู่อวี้เฉิงไม่มีทีท่าว่าจะถามคำถามต่อจึงโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องพาตัวชายตรงหน้าลงไป
ชายร่างกำยำตอบรับคำสั่งการและลากเจลงไปข้างล่าง
หลังจากที่เจถูกพาตัวออกไป เฟิงเหลี่ยหยางก็รายงานมู่อวี้เฉิงว่า “ท่านหัวหน้า ผมส่งคนไปตรวจสอบไอพีนั้นแล้วครับ”
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเขาที่อยู่ด้านข้างแล้วพ่นเสียงเย็นชา “จะรู้ผลได้เมื่อไหร่?”
“อย่างช้าสุดก็น่าจะทราบข่าวตอนรุ่งสางครับ” เฟิงเหลี่ยหยางตอบ
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า “อืม ถ้าได้ข่าวอะไรก็ส่งข่าวมาบอกฉันด้วย”
“ครับ” เฟิงเหลี่ยหยางตอบรับ
หลังจากนั้นมู่อวี้เฉิงก็สั่งการด้วยเสียงทุ้ม “ส่งคนเข้าไปตรวจสอบรายชื่อสมาชิกในองค์กรมืดแล้วกวาดล้างทิ้งซะ ฉันไม่อยากเห็นพวกมันมีชีวิตอยู่ต่อ”
เฟิงเหลี่ยหยางตกตะลึงและรีบพยักหน้า “ครับท่านหัวหน้า ผมจะรีบจัดการให้”
เขาพลางคิดในใจว่าท่านหัวหน้ากำลังเคืองโกรธเพราะหญิงงามหรือเปล่า? ถึงกับวางแผนจะลงมือทำลายล้างองค์กรมืดจริง ๆ
ถึงแม้ว่าในสายตาของเสินอิ่นองค์กรมืดจะไม่มีอะไรเลย แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านหัวหน้าระดับสูงออกคำสั่งการเป็นการส่วนตัว
หลังจากได้รับคำตอบแล้ว มู่อวี้เฉิงก็หันหลังกลับและเดินออกจากฐานทัพเสินอิ่นไป
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล
เรื่องราวต่าง ๆ ได้รับการจัดสรรรวดเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก และถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวเป่ายังคงนอนหลับอยู่
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงดูอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อมองดูทั้งสองคนที่กำลังนอนหลับ
เขาพึมพำกับตนเอง “ผมจะไม่มีวันปล่อยให้พวกคุณถูกทำร้ายอีก”
หลังจากเฝ้าดูพวกเขาอยู่ระยะหนึ่ง มู่อวี้เฉิงก็เดินเข้าไปงีบหลับบนโซฟาใกล้ ๆ
…
ผู้ช่วยรีบเข้าไปเคาะประตูห้องของลู่ซีจวี๋กลางดึกดื่น
ลู่ซีจวี๋ขมวดคิ้วเดินไปประตูและถามว่า “มีอะไร?”
ผู้ช่วยรู้ดีว่าท่านประธานไม่พอใจที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกดื่นแบบนี้
ทว่าถ้าเขาไม่รายงานท่านประธานในตอนนี้เลย เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวของท่านประธาน
ผู้ช่วยก้มศีรษะลงและบอกว่า “ท่านประธาน คนร้ายถูกจับตัวไปก่อนที่พวกเราจะตามหาเขาเจอครับ”
ลู่ซีจวี๋ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ใครจับตัวมันไป?”
“เหมือนว่าจะเป็นคนของเสินอิ่นครับ” ผู้ช่วยตอบ
“เสินอิ่น?” ดวงตาสีฟ้าเข้มของลู่ซีจวี๋ฉายแววสงสัย
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรนี้มาก่อนแต่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะองค์กรนี้ค่อนข้างทำตัวลึกลับและไม่เปิดเผยตัวตน
ทว่าการลงมือจู่โจมแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร?
ลู่ซีจวี๋ถามด้วยความสงสัย “พวกเขาทำแบบนี้ไปทำไม?”
ผู้ช่วยตอบตามตรง “ไม่ทราบครับ”
เขาไม่รู้ว่าทำไมเสินอิ่นถึงเลือกเคลื่อนไหวในครั้งนี้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเสินอิ่นจึงจับกุมตัวคนที่พวกเขาต้องการ
ลู่ซีจวี๋ตำหนิอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เอาแต่บอกว่าไม่รู้ ไม่รู้อยู่นั่นแหละ พวกแกรู้อะไรกันบ้างมั้ย!”
ตอนนี้เขากำลังโมโหมาก หนำซ้ำเสินอิ่นยังจับกุมตัวคนร้ายไปอีก หากไม่มีฆาตกรแล้วเขาจะแก้แค้นแทน เหมี่ยวเหมี่ยวได้ยัง
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ลู่ซีจวี๋ก็จ้องมองผู้ช่วยด้วยสายตาเย็นชา “ไปหาทางมา ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องจับตัวมันมาจากเสินอิ่นให้ได้”