พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 164 ดูสิว่าจะหนีไปไหนรอด
ตอนที่ 164
ดูสิว่าจะหนีไปไหนรอด
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงตอนที่คนรับใช้กำลังจะเดินออกไป
ถึงแม้ว่าที่คนคนหนึ่งมาปรากฏตัวใกล้สถานที่รกร้างจะเป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่พวกเขาไม่สามารถจับกุมชาวบ้านทั่วไปได้
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของชายคนนี้เพิ่มความสงสัยให้กับอาคารร้างแห่งนี้เป็นอย่างมาก
“ปิดล้อมอาคารร้างตึกนี้ อย่าส่งเสียงดัง อย่าทำให้เหยื่อไหวตัวทัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งการ
“ครับ” ตำรวจคนอื่น ๆ ดำเนินตามคำสั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าปิดล้อมอาคารร้างแห่งนี้
อาคารร้างแห่งนี้เป็นสถานที่อันตรายและถูกปิดร้างมายาวนาน พวกเขาจึงเริ่มมองหาทางเข้าไปในตัวอาคาร
หลังจากตรวจค้นแล้วก็มีรายงานเข้ามาจากทางวิทยุสื่อสาร
“รายงาน ตรวจพบว่ามีช่องว่างให้ผ่านเข้าไปด้านในได้ทางฝั่งตะวันตกของตัวอาคาร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสั่งการทันที “ส่งคนเข้าไปตรวจค้น และให้คนอื่น ๆ นั่งยอง ๆ กับพื้น คอยป้องกันอย่าให้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้”
หลังจากได้รับคำสั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทางฝั่งตะวันตกและลูกน้องของมู่อวี้เฉิงก็เริ่มดำเนินการ
พวกเขาใช้เครื่องมือเปิดขยายช่องทางอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งช่องโหว่มีขนาดใหญ่เพียงพอให้ผู้ชายร่างกำยำมุดลอดเข้าไปได้
หลังจากขยายเปิดทาง ลู่หมิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายสิบนายบุกเข้าไปในตัวอาคาร
ภายในอาคารร้าง
ถงอวิ๋นเหยียนได้ยินคนรับใช้เก่าบอกว่าข้างนอกมีคนรายล้อมอยู่ เธอจึงรีบเข้าไปซ่อนตัว
คราวนี้เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องชั้นใต้ดิน เพราะเธอไม่อยากกลับไปที่มืดมิดและอับชื้นแบบนั้นอีก
เธอพบกองขยะถูกทิ้งร้างอยู่ด้านนอกจึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังมัน
เดิมทีถงอวิ๋นเหยียนวางแผนจะรออีกสักพักให้คนด้านนอกกลับออกไปก่อนแล้วเธอค่อยออกไป
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหลังจากนั้นเธอจะได้ยินเสียงแผ่นเหล็กถูกงัด
หรือว่าตำรวจจะเข้ามาแล้ว?
ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในใจของถงอวิ๋นเหยียน แต่หลังจากนั้นเธอก็สลัดมันทิ้ง
ไม่ พวกเขาไม่น่าจะมาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้
เธอสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นจึงค่อย ๆ โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังของก้อนหินเพื่อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ช่องโหว่ตรงนั้น
เธอค้นพบว่าช่องว่างดังกล่าวถูกเครื่องมือบางอย่างขยายขึ้นเล็กน้อย จนกลายเป็นช่องว่างที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินเข้าออกได้
หลังจากนั้นผู้ชายหลายสิบคนในชุดลำลองก็เดินผ่านช่องว่างเข้ามา
คนสุดท้ายที่เข้ามาคือลู่หมิงกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
…
ลู่หมิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกลุ่มลูกน้องบุกเข้าไปในอาคารร้าง จากนั้นทั้งสองจึงเริ่มออกคำสั่ง
“พวกคุณไปตรวจดูชั้นใต้ดิน พวกคุณไปดูที่ชั้นบน และพวกคุณไปตรวจดูทางด้านซ้าย…”
หลังจากได้รับคำสั่งการแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย
ภายในอาคารมีทั้งเหล็กและคอนกรีตผสมเข้าด้วยกัน
พื้นที่ที่ไม่เรียบเนียนและฝุ่นหนาเตอะทิ้งรอยเท้าเอาไว้ทุกย่างก้าว
กลุ่มคนตรวจสอบทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่หมิงก็ได้รับรายงานผ่านชุดบลูทูธ หูฟัง “ผู้ช่วยลู่ พบร่องรอยบางอย่างในห้องใต้ดินครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็พาลูกน้องอีกสองสามคนไปยังห้องใต้ดินทันที
พวกเขายกก้อนหินภายในห้องใต้ดินขึ้นและพบขวดนมเปล่าสองขวดกับรอยเท้าสะเปะสะปะเต็มไปหมด
ลู่หมิงรู้ได้ในทันทีว่าถงอวิ๋นเหยียนมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่
“ตรวจค้นให้ละเอียด!” เขาหันไปสั่งการคนที่อยู่ด้านหลัง
“ครับ” กลุ่มคนพยักหน้าและหยิบไฟฉายออกมาตรวจคนอย่างละเอียด
อีกด้านหนึ่ง ถงอวิ๋นเหยียนจำลู่หมิงได้ เธอจึงรีบถอยหลังกลับไปยังกองเศษซาก
พระเจ้า! นั่นลู่หมิงนิ!
สีหน้าของถงอวิ๋นเหยียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอรีบ ยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงตนเองเล็ดลอดออกไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจและคนของมู่อวี้เฉิงเริ่มทำการตรวจค้นภายในอาคาร ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นถงอวิ๋นเหยียนที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังกองซากปรักหักพัง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้เริ่มค้นหาพื้นที่รอบนอก แต่การค้นหาสถานที่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
ถงอวิ๋นเหยียนเหลือบมองช่องว่างอีกครั้งและพบว่าด้านนอกมีคนสองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่ แม้เธอจะต้องการหลบหนีแต่ก็ไม่สามารถหลบไปไหนได้
เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอไม่อยากถูกจับกุม และไม่อยากติดคุกตั้งแต่อายุยังน้อย มันจะต้องมีวิธีสิ
ถงอวิ๋นเหยียนพยายามบังคับตนเองให้สงบสติอารมณ์
เธอสังเกตต่อไปอีกสักพักและพบว่ามีคนเฝ้าช่องว่างอยู่เพียงแค่สองคน นอกจากนี้ช่องว่างยังถูกขยายออกจนกว้าง ทำให้เธอสามารถออกไปได้อย่างง่ายดาย
ตราบใดที่สองคนนี้เดินออกไป ความเป็นไปได้ที่เธอจะสามารถหลบหนีได้ก็สูงมาก
ถงอวิ๋นเหยียนจึงตัดสินใจลองทำบางอย่าง
เธอใช้เท้าคีบของบางอย่างขึ้นมาและโยนมันจนเกิดเสียง
ทั้งสองที่กำลังยืนเฝ้าช่องว่างอยู่หันมามองหน้ากันและเดินไปยังจุดที่เกิดเสียง
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ค่อย ๆ ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของพวกเขา
ทั้งสองเริ่มลงมือค้นหาและไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ตรงนั้น ถงอวิ๋นเหยียนจึงวิ่งไปทางช่องว่างโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงอย่างนั้นเธอสนใจแต่ทางข้างหน้า ไม่ได้มองดูสิ่งของบนพื้น หลังจากวิ่งผ่านไปได้ครึ่งทาง เธอก็สะดุดท่อนไม้ล้มลงกับพื้น
ร่างกายของเธอล้มกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดัง
ชายทั้งสองมองย้อนกลับไปที่ต้นเสียง แล้วพบหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงที่มีท่าทางยากลำบากกำลังทรุดตัวลงกับพื้น
พวกเขามั่นใจได้ในทันทีว่านี่คือถงอวิ๋นเหยียน
พวกเขากดอินเตอร์โฟนโทรหาพวกพ้องที่อยู่ด้านนอกอาคาร
“ข้างนอกเตรียมตัวให้พร้อม เจอตัวถงอวิ๋นเหยียนแล้ว อย่าปล่อยให้เธอหนีไปได้”
เขาพูดและวิ่งไล่ตามเธอไป
ถงอวิ๋นเหยียนตระหนักได้ว่าผู้คนที่อยู่ด้านหลังกำลังวิ่งไล่ตามเธอมา เธอจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังช่องว่าง
เนื่องจากถงอวิ๋นเหยียนหกล้มเมื่อสักครู่นี้จึงทำให้สะเก็ดแผลเปิดออก เลือดไหลออกมาตามทางผสมกับดินทราย
ถึงอย่างนั้นเธอยังคงวิ่งต่อไปราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด โชคดีที่ตอนเธอหกล้มเธออยู่ใกล้ทางออกมาแล้ว
ถงอวิ๋นเหยียนกลับไปมองด้านในและรีบลอดออกมาจากช่องว่างอย่างง่ายดาย แต่แล้วภาพด้านนอกกลับทำให้เธอต้องตกใจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบหลายสิบนายเข้ามาล้อมเธอทันทีที่เธอออกมา
ตำรวจหลายนายจ่อปืนมาที่เธอ “อย่าขยับ!”
ถงอวิ๋นเหยียนตื่นตระหนกจนถอยเข้าไปในอาคารร้าง แต่ชายทั้งสองคนเมื่อสักครู่นี้กลับตามเธอมาทันเช่นกัน
พวกเขาคอยปิดทางเอาไว้ไม่ให้เธอหนีรอดไปได้
“ดูสิว่าจะหนีไปไหนรอด!” ทั้งสองคนหัวเราะเยาะ
ถงอวิ๋นเหยียนรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถหลบหลีได้แม้ว่าเธอจะมีปีกก็ตาม ดวงตาของเธอมืดมนลงช้า ๆ ขณะที่ความสิ้นหวังค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
จบแล้ว จบเห่แล้ว ถ้าเธอออกไปตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงคนมา เธอคงจะไม่ถูกจับแบบนี้ เธอไม่อยากติดคุก
ถงอวิ๋นเหยียนรู้สึกเสียใจอย่างมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าเธอยืนนิ่ง เขาก็รีบเข้ามาใส่กุญแจมือเธอและพาเธอขึ้นรถ
หลังจากที่ถงอวิ๋นเหยียนถูกนำตัวเข้ากระบวนการยุติธรรม ลู่หมิงก็พาลูกน้องถอนกำลังออกไป
หลังจากขึ้นรถยนต์ไปแล้ว เขาก็กดโทรศัพท์หามู่อวี้เฉิงทันที
ลู่หมิงรายงานสถานการณ์ด้วยความเคารพ “ท่านประธาน ถงอวิ๋นเหยียนซ่อตัวอยู่ที่เขตเหลาเฉิง ตอนนี้ถูกตำรวจจับกุมตัวแล้วครับ”
“อืม” มู่อวี้เฉิงตอบรับเบา ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น