พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 162 แกะรอยถงอวิ๋นเหยียน
ตอนที่ 162
แกะรอยถงอวิ๋นเหยียน
ถงอวิ๋นเหยียนทำแบบนี้เพื่อปกป้องเขาหรือเปล่า?
“คุณกำลังจะบอกว่าลูกทำเพื่อผมเหรอ?”
“ใช่ ก็เพื่อคุณนั่นแหละ”
ถงกัวฮุยประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อโจวเพ่ยฮวาพูดเช่นนั้น แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
เขาพยายามคิดพิจารณาอีกครั้งและพบว่าถงอวิ๋นเหยียนอาจจะเป็นเหมือนที่โจวเพ่ยฮวาพูดเอาไว้ เธอคงจะโกรธจัดและต้องการปกป้องเขาถึงได้ขับรถพุ่งชนนังเนรคุณนั่น
ถงกัวฮุยคิดอยู่ครู่หนึ่งและเห็นด้วยกับคำพูดของ โจวเพ่ยฮวา เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะหาคนไปจัดการเรื่องนี้ให้”
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มคิดในใจว่าใครเหมาะสมกับเรื่องนี้
ถงกัวฮุยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่ามีเพียงบุคคลเดียวเท่าที่เหมาะสมในการจัดการกับเรื่องนี้มากที่สุด
…
ณ ร้านขายของชำในเขตเหลาเฉิง
“ขอบคุณค่ะ” ถงอวิ๋นเหยียนวางสายลง ก้มศีรษะและส่งโทรศัพท์ถือให้เถ้าแก่ จากนั้นจึงพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่เป็นไร” เถ้าแก่ยิ้มตอบรับ
ถงอวิ๋นเหยียนบรรลุเป้าหมายแล้วและวางแผนจะกลับไปซ่อนตัวที่อาคารร้างต่อ
แต่ในขณะเดียวกันหางตาของเธอกลับเหลือบเห็นนมและขนมปังมากมายบนชั้นวางของข้างแคชเชียร์
ถงอวิ๋นเหยียนมองดูอาหารและเครื่องดื่ม จากนั้นจึงกลืนน้ำลายอึกใหญ่และยืนนิ่งไม่ไหวติง
เธอไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว และท้องไส้เริ่มหิวโหย
นอกจากนี้ระยะทางระหว่างอาคารร้างกับที่นี่ยังห่างไกลกันมาก ทำให้เรี่ยวแรงของเธอใกล้จะหมดลง
ถงอวิ๋นเหยียนอยากกินแต่เธอไม่มีเงินติดตัวเลยสักหยวนเดียว
เถ้าแก่ไม่ได้คิดอะไรมากนักเมื่อเห็นเธอยืนมองอย่าง โง่เขลา เพียงแต่ถามขึ้นอย่างสุภาพ “อยากซื้ออะไรมั้ย?”
ถงอวิ๋นเหยียนกัดริมฝีปากและตอบรับเสียงแผ่ว “ไม่”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินออกไป ทำให้เถ้าแก่ไม่สนใจเธออีก
แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อถงอวิ๋นเหยียนเดินไปถึงประตูร้านแล้วเธอจะหันหลังกลับ
เธอหันกลับมาแล้วเหยียดแขนออกไปคว้านมสองขวดบนชั้นวางของ ก่อนจะรีบสอยเท้าวิ่งออกไปสุดกำลัง
“เฮ้ย!ทำอะไรอะ?” เถ้าแก่ร้องตะโกน
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเคืองกับพฤติกรรมของเธอมาก ถึงรีบปิดประตูร้านขายของชำและวิ่งตามเธอออกไป
แต่กว่าเถ้าแก่จะวิ่งตามมา ถงอวิ๋นเหยียนก็หายตัวไปแล้ว
“นังหัวขโมย อย่าให้ข้าจับได้นะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่!” เถ้าแก่ร้องตะโกนใส่ท้องถนนที่ว่างเปล่า แต่คำตอบที่เขาได้รับมีเพียงเสียงลมกรรโชกเท่านั้น
ในความจริงแล้วถงอวิ๋นเหยียนไม่ได้วิ่งไปไหนไกล เธอแค่หมอบลงและซ่อนตัวอยู่ในเงาบ้านหลังหนึ่ง ทว่ามันมืดมากจนเถ้าแก่หาเธอไม่เจอ
เธอนั่งฟังเสียงร้องคำรามของเถ้าแก่ด้วยร่างกายที่สั่นเทา แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยที่ทำเช่นนี้
หลังจากเสียงด่าทอของเถ้าแก่หายไป ถงอวิ๋นเหยียนก็นั่งพักอยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง
เธอรอจนกระทั่งขาหายเหมื่อยจึงวิ่งถือนมสองขวดกลับเข้าไปในอาคารร้างอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เถ้าแก่ร้านขายของชำโกรธเคืองมาก และรู้สึกว่าความเมตตาของตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม
แม้ว่าถงอวิ๋นเหยียนจะจากไปแล้ว แต่เถ้าแก่ก็ยังคงด่าทออยู่
“น่าฆ่าให้ตายจริง ๆ กล้าดียังไงมาขโมยของฉัน!”
“ผู้หญิงบ้าอะไรตอบแทนน้ำใจคนอื่นด้วยการขโมยของ อย่าให้ฉันได้เจอแกอีกนะ!”
“ถ้าเจอตัวอีกรอบ ฉันพาแกไปสถานีตำรวจแน่!”
เถ้าแก่ยังคงสาปแช่งต่อด้วยความขุ่นเคือง จนกระทั่งมีชายสองคนเดินผ่านเข้ามา เขาก็เงียบลง
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนี้จะสวมใส่เสื้อผ้าลำลอง แต่ก็สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อแกร่งผ่านเสื้อผ้าของเขาได้ นอกจากนี้พวกเขายังเปล่งประกายรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
“คุณสองคนต้องการซื้ออะไรครับ?” เถ้าแก่ถามอย่างกระตือรือร้น
“เอาบุหรี่สองซอง” หนึ่งในนั้นตอบกลับ
“ครับ ได้ครับ” เถ้าแก่ตอบรับครั้งแล้วครั้งเล่า
เขารับรู้ได้ในทันทีที่ว่าผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าปล่อยปละละเลยสองคนนี้ และหยิบบุหรี่ยี่ห้อที่ดีที่สุดออกมาส่งให้ทั้งสอง
“นี่ครับบุหรี่”
ทั้งสองรับบุหรี่มาจ่ายเงินผ่านการรูดบัตรและเตรียมพร้อมจะเดินออกไป
แต่ก่อนจะจากไป หนึ่งในนั้นจำอะไรบางอย่างได้จึงถามเถ้าแก่ว่า “สองวันมานี้เห็นคนที่น่าสงสัยผ่านมาทางนี้บ้างมั้ยครับ?”
เถ้าแก่หัวเราะเมื่อได้ยินคำถาม “คุณทั้งสอง แถวนี้มีคนน่าสงสัยเต็มไปหมดเลยครับ”
คำพูดของเถ้าแก่กระตุ้นความสนใจของชายทั้งสอง หนึ่งในนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้น “โอ้? หมายความว่ายังไงครับ?”
“ที่นี่คือชานเมือง มีคนจากหลายอาชีพอยู่เต็มไปหมดแหละครับ” เถ้าแก่ตอบ
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเถ้าแก่แล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะคนจากหลายอาชีพไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่พวกเขากำลังตามหาอยู่
ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินจากไป เถ้าแก่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เมื่อกี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขอยืมโทรศัพท์ ผมเห็นว่าเธอดูผอมแห้งแรงน้อย น่าสงสารเลยให้ยืมโทรศัพท์ไป แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะขโมยเอาของในร้านผมไปด้วย โปรดสัตว์ได้บาปจริง ๆ”
ผู้หญิง?
ใช่ถงอวิ๋นเหยียนเหรือเปล่า?
คำพูดของเถ้าแก่ดึงดูดความสนใจของชายทั้งสองมาก
“ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง?” ชายทั้งสองถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เถ้าแก่ตกใจกับทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของฝ่ายตรงข้าม
เขาจึงรีบตอบออกไปทันที “ไม่ทันได้สังเกตเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นมีลักษณะแบบนี้หรือเปล่า?” ชายคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดภาพถ่ายของถงอวิ๋นเหยียน
เถ้าแก่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และพูดตามความเป็นจริง “เธอเอาแต่ก้มหน้าลง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผมไม่ทันได้เห็นหน้าเธอและก็ไม่ได้สนใจด้วย”
“แล้วอันนี้ล่ะ?” ชายคนนั้นเปิดภาพจากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมา
“สีชุดของเธอคล้ายกันเลย รูปร่างก็เหมือนกัน” เถ้าแก่มองดูแล้วพยักหน้า
ชายทั้งสองมองหน้ากันหลังจากได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่าถงอวิ๋นเหยียนจะซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้
“ขอบคุณ” ชายทั้งสองคนขอบคุณเถ้าแก่และเดินจากไป
หลังจากออกมาจากร้านขายของชำ ทั้งสองก็กลับเข้าไปในรถยนต์ คนหนึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ ส่วนอีกคนหยิบชุดหูฟัง บลูทูธออกมาหนีบไว้ที่หูแล้วกดหมายเลขติดต่อหาลู่หมิง
ผู้ชายทั้งสองคนนี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่อวี้เฉิง หลังจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวประสบอุบัติเหตุ มู่อวี้เฉิงจึงสั่งการให้พวกเขามาแกะรอยถงอวิ๋นเหยียน
คราวเมื่อได้เบาะแสบางอย่าง ทั้งสองจึงรีบโทรศัพท์รายงานทันที
“ผู้ช่วยลู่ ดูเหมือนว่าถงอวิ๋นเหยียนจะมาแถวเขต เหลาเฉิงนะครับ”
ลู่หมิงพยักหน้า “อืม เข้าใจแล้ว พวกนายเร่งค้นหากันไปก่อน เดี๋ยวฉันส่งกำลังคนไปเพิ่ม”
ลู่หมิงออกคำสั่งก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลง และกดหมายเลขอื่นเพื่อออกคำสั่งคนอื่นเพิ่มเติม
ลู่หมิงส่งกำลังคนเข้าไปค้นหาเพิ่มเติมอีกสิบกว่าคน และแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับถงอวิ๋นเหยียนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คืนนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่อวี้เฉิงกว่าสิบคนเดินทางมาที่เขตเหลาเฉิงและเริ่มออกค้นหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงส่งกำลังคนมาปิดล้อมพื้นที่รอบนอกแบบเงียบ ๆ
ในอีกด้านหนึ่ง ถงอวิ๋นเหยียนเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในอาคารร้างอีกครั้ง เธอเดินผ่านช่องว่างระหว่างแผ่นเหล็กและเดินเข้าไปยังชั้นใต้ดิน
เธอขึ้นไปนั่งทับบนแผ่นหินก้อนสูงและกอดนมทั้งสองขวดเอาไว้ในอ้อมแขน
เธอหยิบนมขวดหนึ่งขึ้นมาดื่มอย่างหิวโหย ขณะที่ดวงตาเปล่าประกายเจิดจรัสอยู่ในความมืดมิด
ภายในใจแอบคิดว่าเพียงแค่วันพรุ่งนี้มาถึง เธอก็จะสามารถออกไปจากสถานที่ผีสิงแห่งนี้ได้
เธอคาดหวังสำหรับวันพรุ่งนี้เป็นอย่างมาก และไม่รู้เลยว่าลูกน้องของมู่อวี้เฉิงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินทางมายังที่ซ่อนของเธอ