พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 155 เธอคือตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว
ตอนที่ 155
เธอคือตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว
ณ สตีเฟนกรุ๊ป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังตรวจทานเอกสารอยู่โดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลถง
จนกระทั่งกู้ชิงวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของผู้จัดการ
“คุณถงแย่แล้วค่ะ! ข้างนอกบริษัทมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาบอกว่ามาทวงหนี้คุณค่ะ ตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังกันพวกเขาไว้อยู่!” กู้ชิงรีบพูดขึ้นขณะผลักประตูห้องทำงานเข้าไป
เธอรีบวิ่งเข้ามาจนหายใจหอบ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นเงยหน้าจากกองเอกสารและขมวดคิ้ว “ทวงหนี้เหรอ? ฉันไม่มีหนี้สักหน่อย พวกเขามาหาคนผิดแล้ว บอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่พวกเขาไป”
“แต่พวกเขาบอกว่าถ้าคุณไม่มาเจอ พวกเขาจะทำลายบริษัทค่ะ” กู้ชิงพูดขึ้นอีกครั้ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว หากกลุ่มคนพวกนั้นเข้ามาก่อปัญหาภายในบริษัทคงจะส่งผลกระทบที่ไม่ดี
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกมือขึ้นมานวดขมับ ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างประนีประนอม “ถ้าอย่างนั้นไปดูกัน”
บริษัททางเข้าของสตีเฟนกรุ๊ป
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ไหน? บอกให้เธอออกมา!” ชายที่มีแผลเป็นตะคอกใส่แผนกต้อนรับอย่างเกรี้ยวกราด กลุ่มคนในชุดดำมากมายยืนอยู่ข้างหลังเขา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้สิ แต่คนพวกนี้ดูไม่น่าจะใช่คนดีนะ”
“คุณถงก็ไม่น่าไปยุ่งกับคนพวกนี้ปะ”
“เห็นบอกว่านายถงเป็นหนี้คนพวกนั้น”
“อะไรนะ??? จริงเหรอ?”
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พนักงานในบริษัทจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์
พนักงานคนหนึ่งเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังจะเดินเข้ามาจึงรีบพูดเตือน “คุณถงมาแล้ว”
ห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเริ่มเงียบสงบอีกครั้ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินไปที่ประตูและถามชายที่มีแผลเป็นว่า “มาหาฉันมีธุระอะไรคะ?”
ชายที่มีแผลเป็นเหลือบมองเธอ “คุณคือถงเหมี่ยวเหมี่ยวใช่มั้ยครับ? ถงกัวฮุยเป็นหนี้เราสิบล้าน เขาบอกว่าคุณจะคืนเงินเราแทน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอรู้สึกเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าเธอจะมองถงกัวฮุยสูงส่งจนเกินไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะไร้ยางอายแบบนี้
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวบึ้งตึงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะขึ้นเสียงใส่ “ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลถงอีกต่อไป เงินที่ถงกัวฮุยยืนไปไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน พวกคุณมาผิดที่แล้วล่ะ”
“คุณกำลังล้อพวกเขาเล่นอยู่หรือไง?” ท่าทางของอีกฝ่ายดูยโสโอหังมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชี้ไปที่ประตูและจ้องมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ “เชิญออกไปจากที่นี่ด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“ขู่เหรอ?” ชายคนนั้นหรี่ตาลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอันตราย
เขาโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ชายชุดดำข้างหลังเริ่มลงมือ
พวกเขาเดินตรงเข้าไปในอาคาร พลิกเฟอร์นิเจอร์ข้าวของตกแต่งจนคว่ำและทำลายโต๊ะทั้งหมด
เสียงโครมครามทำให้ทั้งอาคารชุลมุนวุ่นวาย
พนักงานที่อยู่ด้านในต่างหวาดกลัวมาก ตะโกนกรีดร้องและวิ่งเข้าไปเกาะกลุ่มกัน
เมื่อเห็นว่าความเสียหายมีมากพอแล้ว ชายที่มีแผลเป็นจึงยกมือสั่งการให้ทุกคนหยุด
จากนั้นจึงหันไปตะคอกใส่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว “ผมเตือนคุณแล้วนะ วันนี้ถือว่าเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น หากยังไม่เอาเงินมาคืน ครั้งต่อไปมันจะยิ่งกว่านี้”
หลังพูดจบ เขาก็พาพวกลูกสมุนเดินกลับออกไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูอาคารสำนักงานที่ยุ่งวุ่นวายด้วยความรู้สึกโกรธเคือง
ตอนนี้ไม่มีทางที่จะทำงานต่อไปได้
เธอเดินตรงเข้าไปหากลุ่มพนักงานที่กระจุกกันอยู่มุมห้อง “พวกคุณกลับบ้านไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
พนักงานพยักหน้ารีบหยิบข้าวของตนเองและเดินกลับออกไป
ต่อมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่งให้กู้ชิงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายก็เดินทางมาถึงหน้าบริษัท “สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภาคตะวันตก พวกเราได้รับสายโทรแจ้งว่ามีผู้ก่อเหตุบุกรุกเข้ามาทำลายข้าวของ หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วยนะครับ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างหลังเขาเริ่มถ่ายทำหลักฐานในที่เกิดเหตุด้วยกล้องเอสแอลอาร์
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้รีบร้อนทำความสะอาดที่เกิดเหตุ เพียงแต่ปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเก็บรวบรวมหลักฐาน
“ผู้ก่อเหตุไปแล้ว ฉันก็ยินดีให้ความร่วมมือในการสอบปากคำกับคุณตำรวจค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูด
เจ้าหน้าที่ตำรวจหยิบสมุดจดขึ้นมาและเริ่มเขียน “ช่วยเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นทีครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “วันนี้จู่ ๆ ก็มีคนตามมาทางหนี้กับฉันค่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้ติดหนี้พวกเขา พอฉันไม่ให้เงินพวกเขา พวกเขาก็ทุบข้าวของและพูดข่มขู่ฉันค่ะ”
“คุณพอจะทราบสาเหตุที่พวกเขามาทวงเงินคุณถึงที่นี่มั้ยครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม
“ดูเหมือนว่าพ่อของฉันจะบอกให้พวกเขามาทวงเงินที่ฉันค่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางบ้านอีกต่อไปแล้ว และมันก็ไม่มีเหตุผลที่ตัวฉันเองจะต้องไปชดใช้หนี้สินแทนพวกเขา” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบอย่างใจเย็น
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคำร้องเดินเข้ามาหลังจากถ่ายรูปหลักฐานเสร็จ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนปิดสมุดหลังจากสอบปากคำ “พวกเราเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปแล้วครับ และเดี๋ยวเราจะคอยจับตาดูคนพวกนี้ให้”
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ให้กู้ชิงไปหาคนมาทำความสะอาด พร้อมทั้งบอกว่าให้จัดแจงสำนักงานให้อยู่ในสภาพเดิม
จากนั้นเธอก็พาเยี่ยชวงขับรถไปที่วิลล่าของตระกูลถง
ณ วิลล่าตระกูลถง
หลังจากกลุ่มคนเมื่อเช้ากลับออกไปแล้ว ถงกัวฮุยกับ โจวเพ่ยฮวาก็ทะเลาะกันใหญ่โต ขณะที่ถงอวิ๋นเหยียนร้องไห้จนตาบวมและตอนนี้ดวงตายังไม่กลับมาเหมือนปกติ
ทันทีที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้าประตู ถงกัวฮุยก็เหลือบเห็นเธอ
เขานั่งลงบนโซฟา ตบโต๊ะอย่างฉุนเฉลียวและตะคอกด่าทอเธอโดยตรง
“นังเนรคุณยังจะกล้ากลับมาอีก! ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะตกมาอยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ? กลับมาทำไม!”
ความโกรธของถงกัวฮุยทวีคูณขึ้นสูง และใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด
หากไม่ใช่เพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยว เขาคงจะไม่สูญเสียถงกรุ๊ปไป
หากเขายังบริหารถงกรุ๊ป เขาก็คงจะไม่ต้องไปเล่นการพนันเพื่อเล็กน้อยจำนวนนี้
และสุดท้ายเขาก็จะไม่เป็นหนี้
ทั้งหมดเกิดจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวคนเดียว!
เธอคือตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว!
ใบหน้าไร้อารมณ์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเย็นยะเยือกลงหลังจากที่ถงกัวฮุยด่าทอโดยไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด
เธอมองดูถงกัวฮุยที่กำลังเกรี้ยวโกรธและแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันก็ไม่อยากจะกลับมาเหยียบนักหรอก แต่ฉันคิดว่าฉันควรจะทำอะไรบางอย่างให้ชัดเจน อย่างแรกคือฉันออกจากตระกูลถงแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทีหลังอย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้องอีก อย่างที่สองฉันไม่สนใจว่าพวกคุณจะอยู่หรือจะตาย รวมถึงเงินก้อนโตที่คุณเป็นหนี้ด้วย ฉันจะไม่ช่วยคุณจ่ายหนี้ก้อนนั้น และต่อให้ฉันมีเงิน ฉันก็จะไม่ช่วยจ่ายหนี้อยู่ดี”
คำพูดของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูรุนแรงทันทีเมื่อทะลุเข้าหูของถงกัวฮุย
ถงกัวฮุยโกรธเคืองกับคำพูดของเธอมาก เขาลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้าไปหาเธอแล้วยกมือขึ้นสูง “นังเด็กชั่ว!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ขยับเขยื้อนและไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือกำลังตกกระทบลงบนใบหน้า เยี่ยชวงก็คว้ามือของถงกัวฮุยเอาไว้และเหวี่ยงเขาลงกับพื้น
ถงกัวฮุยถูกเยี่ยชวงเหวี่ยงลงกับพื้นจนปวดร้าวไปทั้งกระดูก
แต่ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน เขาก็ได้ยินถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดต่อ “อย่างที่สาม ที่วันนี้พวกคุณตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะว่าพวกคุณทำตัวเอง อย่ามาฝากความหวังอะไรไว้ที่ฉัน อีกอย่างตอนนี้พวกคุณยังมาไม่ถึงจุดสิ้นหวังกันหรอกใช่มั้ย? เพราะว่าวิลล่าที่อยู่ตรงหน้าก็น่าจะขายได้เงินดี ขายมันทิ้งซะสิ”
โจวเพ่ยฮวาเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ยอมช่วยเหลือพวกเธอ หนำซ้ำยังจะให้พวกเธอขายวิลล่าทิ้ง
เธอจึงมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ และตะคอกด้วยความโกรธจัด “ถ้าขายวิลล่าทิ้งแล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน! ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ถึงยังไงพ่อก็เลี้ยงดูแกมานะ ทำไมแกถึงโหดร้ายแบบนี้ แกรู้บ้างมั้ยว่าน้องสาวแกเกือบจะถูกพวกมันจับตัวไปขายแล้ว”