พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 154 กลับคำพูด
ตอนที่ 154
กลับคำพูด
วันรุ่งขึ้น ณ วิลล่าตระกูลถง
หลังจากถงกัวฮุยรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาก็เข้ามานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องนั่งเล่นตามปกติ
ส่วนโจวเพ่ยฮวากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
จู่ ๆ โจวเพ่ยฮวาก็นึกบางอย่างออกและถามออกไปว่า “เดือนนี้ที่บริษัททำกำไรได้มั้ย?”
ถึงแม้ว่าเงินรายเดือนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ่ายให้พวกเขาจะน้อยมาก แต่ค่าใช้จ่ายในครอบครัวทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเงินก้อนนี้
โจวเพ่ยฮวาไม่ได้แตะต้องเงินกำไรก้อนนี้มานานมากแล้ว และเธอแทบจะไม่มีเงินซื้อของเข้าบ้าน
รูม่านตาของถงกัวฮุยหดตัวลงทันทีที่ได้ยินคำถามของโจวเพ่ยฮวา ก่อนที่เม็ดเหงื่อจะค่อย ๆ ผุดออกมาจากหน้าผาก
เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาปิดหน้า แสร้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยท่าทางจริงจังและตอบรับเสียงทุ้ม “ไม่”
ถงกัวฮุยรู้สึกผิด เขาโชคดีมาระยะหนึ่งแล้วที่ได้ครอบครองเงินจำนวนเล็กน้อยเพียงลำพัง
เดิมทีเขาต้องการเงินมากจึงนำเงินที่ได้รับจากบริษัทไปเล่นการพนันเพื่อหวังว่าจะได้เงินติดไม้ติดมือกลับมาสักก้อน
ด้วยวิธีการดังกล่าว ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจะได้ไม่ต้องรัดกุมจนเกินไป
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาสูญเสียเงินทั้งหมดและยังเป็นหนี้คาสิโน
กำหนดระยะเวลาที่ทางคาสิโนกำหนดไว้คือหนึ่งสัปดาห์ต่อมา จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน
ในขณะเดียวกันเสียงทุบประตูดังขึ้น ดูเหมือนว่าเสียงดังกล่าวจะดังมาจากประตูรั้วเหล็กของวิลล่า
ถงกัวฮุยกับโจวเพ่ยฮวาตกใจกับเสียงดังสนั่น พวกเขามองหน้ากันและรีบเดินไปที่หน้าประตู
ถงอวิ๋นเหยียนที่นอนสลบอยู่ชั้นบนถูกเสียงดังกล่าวปลุกให้ตื่น
เธอหยิบหมอนขึ้นมาปิดหูแล้วพลิกตัวไปนอนต่อ
ถงกัวฮุยกับโจวเพ่ยฮวาเดินไปที่ประตูบ้านและเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำกำลังทุบบานประตู บางคนถึงกับเอาท่อนเหล็กมาทุบ
หลังจากทุบตีอย่างรุนแรง พวกเขาก็พังประตูบานใหญ่ได้สำเร็จและปล่อยให้กลุ่มชายฉกรรจ์เดินเข้ามา
ถงกัวฮุยกุลีกุจอรีบดึงโจวเพ่ยฮวาเข้าไปในบ้าน โดยที่ไม่ลืมล็อคประตูหน้าบ้าน
ชายร่างกำยำในชุดดำกลุ่มหนึ่งเดินมาที่ประตูวิลล่าและพบว่าประตูปิดอยู่ จึงเริ่มทุบบานประตูอีกครั้ง
“ถงกัวฮุย เปิดประตู! เป็นหนี้เราแล้วยังจะกล้าไปซ่อนตัวอีกเหรอ?”
“เอาเงินมาจ่ายหนี้ อย่าทำตัวเป็นคนขี้ขลาดมุดหัวอยู่ในกะลา!”
“ถงกัวฮุยรีบออกมาซะดี ๆ ถ้าไม่เอาเงินมาให้พวกเราก็อย่าหาว่าใจไม้ไส้ระกำล่ะ”
…
โจวเพ่ยฮวาเคยถูกกลุ่มคนแบบนี้ข่มขู่มาก่อน เธอจึงหวาดกลัวและสับสนมาก
เธอมองดูถงกัวฮุยเดินวนรอบบ้าน มองดูกลุ่มคนนอกบ้านที่กำลังสบถถ้อยคำหยาบคาย จากนั้นเธอก็เริ่มคิดบางอย่างออก
“คุณเป็นหนี้หรือเปล่า?” โจวเพ่ยฮวาเหลือบมองเขาด้วยความตื่นตระหนกแล้วพูดถาม
“ผม… ผม…” ถงกัวฮุยกำลังลังเลอยู่และไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไรดี
“พ่อแม่ เกิดอะไรขึ้นคะ?” ถงอวิ๋นเหยียนที่อยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าไหมสีขาวเดินลงมาที่ชั้นล่าง พูดถามขัดจังหวะ ถงกัวฮุย
เธอขยี้ตาทั้งที่ยังง่วงนอนอยู่แล้วบ่นอุบอิบ “เสียงดังเมื่อกี้คือเสียงอะไรคะ มันปลุกหนูจนตื่นเลยเนี่ย”
จากนั้นถงกัวฮุยก็ตระหนักได้ว่าเสียงด่าทอและสาปแช่งเมื่อสักครู่นี้ได้เงียบลง
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโลหะกระแทกกับบานประตูอย่างแรง
“อวิ๋นเหยียนกลับขึ้นไปที่ชั้นบนก่อน” โจวเพ่ยฮวาพูดเร่งขณะยื่นมือออกไปผลักถงอวิ๋นเหยียน
“อ๊ะ? เกิดอะไรขึ้นคะแม่? บอกหนูก่อนสิ!” ถงอวิ๋นเหยียนที่มีสีหน้ามึนงงพยายามดื้อดึง
ทันใดนั้นเสียงโครมก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวิลล่า และบานประตูก็ถูกเปิดออก
แสงสว่างและกลุ่มคนพากันเดินเข้ามา
ที่ด้านหน้ากลุ่มคนมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นยาว
ลูกน้องของเขาจับกุมถงกัวฮุยเอาไว้อย่างแน่นหนาทันทีที่บุกเข้ามา
ชายผู้มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินเข้าไปหาพวกถงกัวฮุย ก่อนที่คนเบื้องหลังจะขยับโซฟาให้เขาอย่างนอบน้อม
ชายผู้มีแผลเป็นนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ถงกัวฮุย กว่าจะหาตัวแกเจอนี่มันยากจริง ๆ! เตรียมเงินเอาไว้พร้อมหรือยัง?”
“ยังไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ที่กำหนดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?” ถงกัวฮุยจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“ก็ใช่ แต่ฉันจำได้ว่าฉันบอกแกว่าวันนี้นะ ฉันจะถามอีกครั้ง สิบล้านหยวนเตรียมไว้พร้อมหรือยัง?”
“ห้าล้านหยวนไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นสิบล้านหยวนได้!” ถงกัวฮุยเบิกตากว้างขณะที่พยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
ดอกเบี้ยที่ทำสัญญาเอาไว้ตอนกู้ยืมเงินมีไม่มากนัก แต่ตามความเป็นจริงแล้วมันคือจำนวนสองเท่า
“วันก่อนมันห้าล้าน แต่วันนี้มันสิบล้านแล้ว” ชายผู้มีแผลเป็นกลางมือออกและแสยะยิ้มชั่วร้าย
เขารีบร้องตะโกนใส่ชายที่มีแผลเป็น “พวกแก… ดอกเบี้ยที่พวกแกตกลงกับฉันก่อนหน้านี้ไม่ใช่แบบนี้นี่ พวกแกกลับคำพูด!”
“อัตราดอกเบี้ยมันขึ้นอยู่กับคำพูดของฉัน ฉันไปสัญญากับแกตั้งเมื่อไหร่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่เท่านั้น?” จากนั้นชายที่มีแผลเป็นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับว่าเขาขบขันกับท่าทางตกตะลึงของถงกัวฮุย
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้เตรียมเงินไว้ใช่มั้ย? ฉันบอกแกแล้วนี่ว่าฉันจะสับมือแกออก มือซ้ายดี? หรือมือขวาดี?” เขาถามขณะที่เหลือบมองไปทางมือซ้ายและมือขวาของถงกัวฮุย ถงกัวฮุยรู้สึกหวาดกลัวมากจนเหงื่อผุดออกมาจากแผ่นหลัง
คราวเมื่อกลุ่มคนพวกนี้เข้ามา ถงอวิ๋นเหยียนพยายามทำตัวไม่เป็นจุดเด่น และขดตัวจนกลายเป็นลูกบอลซ่อนตัวอยู่ทางด้านหลังโจวเพ่ยฮวา
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของชายที่มีแผลเป็น
เขาจึงพูดกับถงกัวฮุยต่อว่า “แกรู้มันว่ายังมีวิธีอื่นช่วยชำระหนี้ได้นะ?”
ถงกัวฮุยสับสนและเผลอถามกลับ “วิธีไหน?”
ชายที่มีแผลเป็นยิ้มกว้างและขยิบตาให้ลูกสมุน
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาลูกสาวแกมาขัดดอกสิ ลูกสาวสวยขนาดนี้เอามาขายคงจะคุ้มเงินอยู่”
หลังจากได้รับคำสั่ง คนพวกนั้นก็บุกเข้าไปหา ถงอวิ๋นเหยียน จับเธอมัดมือแล้วลากพาเธอออกไป
ถงอวิ๋นเหยียนดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ร้องตะโกนด้วยความทุกข์ใจ “พ่อ! แม่! ช่วยหนูด้วย! หนูไม่อยากไป! หนูกลัว!”
โจวเพ่ยฮวากระโจนเข้าใส่คนที่อุ้มถงอวิ๋นเหยียน ทั้งทุบตีทั้งกัดและตะโกนลั่น “ปล่อยลูกฉัน ปล่อยเธอไป!”
หลังจากนั้นโจวเพ่ยฮวาก็ถูกกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลังจับกุมตัวไป
ถงกัวฮุยเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบ ๆ โดยไม่ตอบสนองอะไร
เขาคิดว่าลูกสาวของตระกูลถงควรจะอุทิศตนให้เขากับตระกูลถง
ระหว่างแขนขาของเขากับถงอวิ๋นเหยียน ถงกัวฮุยเลือกที่จะปกป้องตนเอง
โจวเพ่ยฮวาเริ่มวิตกกังวลเมื่อเห็นว่าถงอวิ๋นเหยียนถูกนำตัวไป จึงเริ่มพูดอ้างถึงถงเหมี่ยวเหมี่ยว
โจวเพ่ยฮวาตะโกนเรียกพวกเขา เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว “เดี๋ยวก่อน! พวกแกต้องการเงินใช่มั้ย! พวกแกไปตามหาคนชื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่สตีเฟนกรุ๊ป เธอเป็นลูกสาวของถงกัวฮุยอีกคน! เพราะงั้นปล่อยลูกสาวฉันเถอะ! ไปหาเธอแทนนะ!”
ชายที่มีบาดแผลเงยหน้ามองเธอแล้วถามว่า “ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหรอ?”
“ใช่ พวกแกไปหาเธอสิ เธอมีเงิน”
“พวกแกคิดว่าฉันหลอกง่ายนักเหรอ ถึงได้จะหาคนมาหลอกฉันน่ะ” ชายที่มีแผลเป็นเดินเข้ามาหาโจวเพ่ยฮวา ทำให้เธอหวาดกลัวมากจนตัวสั่น
โจวเพ่ยฮวากัดริมฝีปากตนเองอย่างแรงเพื่อไม่ให้ตนเองเผลอสะดุ้ง “พวกแกก็ลองไปดูสิ เธอเป็นผู้จัดการของสตีเฟนกรุ๊ป มีหุ้นตระกูลถงอยู่ในมือ เธอมีเงินให้แกจริง ๆ นะ”
ชายที่มีแผลเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงจ้องมอง โจวเพ่ยฮวาและพูดว่า “อย่างนั้นก็ดี ถ้าฉันรู้ว่าแกโกหกมาเล่นตุกติกกับฉัน ถึงตอนนั้นจะไม่ใช่แค่ตัดแขนตัดขาแล้วจำเอาไว้”
หลังจากพูดจบ ชายที่มีแผลเป็นก็ส่งสัญญาณให้กลุ่มคนรอบข้าง โบกมือให้ลูกน้องปล่อยเธอและพากลุ่มคนออกไปนอกวิลลาตระกูลถง
ถงอวิ๋นเหยียนหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แขนขาของเธออ่อนแรงลงจนทรุดลงกับพื้น