พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 153 เวรกรรมของตระกูลถง
ตอนที่ 153
เวรกรรมของตระกูลถง
ซ่งอวี่ซีกดวางสายโทรศัพท์และกวาดเครื่องสำอางทุกชนิดบนโต๊ะเครื่องแป้งลงไปกองกับพื้นจนเกิดเสียงโครมครามดังสนั่นอยู่ภายในห้อง
คำถามของฉือเหวยทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนอีกครั้ง
ซ่งอวี่ซีนึกไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์แบบนั้น มู่อวี้เฉิงยังจะเรียกนังสารเลวถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้มาหาแทนที่จะแตะต้องเธอ
นอกจากเธอจะไม่ได้ครอบครองมู่อวี้เฉิงแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังฉกฉวยผลประโยชน์ไปอีกด้วย
ตอนนี้ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันแล้ว ความผูกพันของพวกเขาจะต้องลึกซึ้งกว่าเดิม
“สงสัยจะต้องเริ่มลงมือจากเด็กคนนั้นก่อน” ซ่งอวี่ซีพึมพำพร้อมกับหลับตาลง
จะต้องกำจัดไอเด็กเวรนั้นก่อนที่มู่อวี้เฉิงจะรู้ความจริงทั้งหมด
ด้วยวิธีการนี้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะได้ไม่มีสิทธิ์แต่งงานเข้าตระกูลมู่เพียงเพราะตระกูลมู่เห็นคุณค่าในตัวลูกชายอีกต่อไป
ถึงตอนนั้นก็มาดูกันสักตั้งว่าหล่อนยังจะสู้ฉันได้อีกหรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตาที่เฉียบคมเหมือนกับงูพิษของ ซ่งอวี่ซีก็เปล่งประกายทะลุทะลวงออกมา
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ซ่งอวี่ซีก็เริ่มคิดว่าจะเริ่มลงมืออย่างไร
นับตั้งแต่เธอได้รับคำเตือนจากมู่อวี้เฉิงในครั้งที่แล้ว เธอก็ระมัดระวังตนเองอย่างมากโดยกลัวว่ามู่อวี้เฉิงจะค้นพบความจริงและเกลียดชังเธอ
เธอจะต้องคิดวิธีการกำจัดเด็กโดยไม่มีใครสังเกตเห็นและไม่มีใครสงสัยว่าเธอเป็นคนลงมือทำอย่างรอบคอบ
แต่จู่ ๆ ความคิดของเธอก็ถูกเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ
เธอหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งกวาดลงกับพื้นขึ้นมามองดูใกล้ ๆ และพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากลิ่นอวี๋เหยียน
เธอกระแอมไอแล้วกดตอบรับ
“คุณน้า” ซ่งอวี่ขานเรียกชื่อเธออย่างไพเราะ อากัปกิริยาท่าทางแตกต่างไปจากเดิมราวกับคนละคน
น้ำเสียงที่เป็นมิตรของลิ่นอวี๋เหยียนดังลอดมาจากปลายสาย “อวี่ซีจ๊ะ น้าไม่ได้เจอหนูมานานแล้ว คิดถึงหนูมากเลย!”
ซ่งอวี่ซีรีบพูดออดอ้อน “คุณน้า หนูก็คิดถึงคุณน้าค่ะ”
“เหรอจ๊ะ? แล้วทำไมไม่มาหาน้าบ้างเลยล่ะ?”
“ช่วงนี้งานยุ่งค่ะ ไม่มีเวลาได้ทำอะไรเลย”
ลิ่นอวี๋เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นพูดติดตลก “คิดว่าน้าแก่แล้ว หนูเลยไม่อยากเจอน้าซะอีก!”
“คุณน้าพูดผิดแล้วค่ะ แก่อะไรกันคะ! เวลาเราไปเดินซื้อของกัน คนอื่นก็คิดว่าเราเป็นพี่น้องกันหมด!”
“ปากหวานจังเลยนะ” ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้ม
ซ่งอวี่ซีพูดออดอ้อนจนทำให้ลิ่นอวี๋เหยียนมีความสุขมาก
“เอาล่ะ ไม่พูดเล่นแล้ว อวี่ซีจ๊ะ ช่วงบ่ายนี้ว่างมั้ย น้าไม่ได้เจอหนูมานานแล้วอยากจะชวนหนูออกไปทำสปาเสริมความงามด้วยกันสักหน่อย” ลิ่นอวี๋เหยียนพูด
“ได้เลยค่ะ” ซ่งอวี่ซีตอบ
น้ำเสียงของลิ่นอวี๋เหยียนเต็มไปด้วยความสุข “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลย เดี๋ยวบ่ายนี้น้าส่งคนไปรับนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ เจอกันนะคะคุณน้า”
ซ่งอวี่ซีกดวางสายด้วยอารมณ์ที่สงบลงมาก
โชคดีที่ลิ่นอวี๋เหยียนเอ็นดูเธอมาก
ตราบใดที่ตอนนี้เธอทำให้ลิ่นอวี๋เหยียนพึงพอใจได้ การแต่งงานเข้าตระกูลมู่ในอนาคตก็จะเป็นผลพลอยได้สำหรับเธอ
ตกบ่าย คนขับรถที่ลิ่นอวี๋เหยียนเข้ามารีบซ่งอวี่ซีและตรงดิ่งไปยังคลินิกเสริมความงาม
คลินิกเสริมความงามฉวินฟางลี่เซ่อเป็นคลินิกเสริมความงามที่จะต้องสมัครสมาชิก และเป็นสถานที่เสริมความงามยอดนิยมของสุภาพสตรีชื่อดังของเมืองเป่ย
หญิงสาวทุกคนมักจะเพลิดเพลินกับการบริการขั้นสูงสุดทุกครั้งที่เดินทางเข้ามาใช้บริการที่นี่
หลังจากซ่งอวี่ซีเข้ามา เธอก็ถูกพาไปยังห้องวีไอพี แน่นอนว่าลิ่นอวี๋เหยียนเป็นคนจัดเตรียมทุกอย่างให้ตั้งแต่เช้าตรู่
ขณะเดียวกัน ลิ่นอวี๋เหยียนกำลังนั่งดูนิตยสารอยู่ในห้องวีไอพี
ซ่งอวี่ซีผลักประตูเข้าไปและเรียกหาอย่างไพเราะ “คุณน้าลิ่น”
ลิ่นอวี๋เหยียนเงยหน้ามองผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ “อวี่ซีมาแล้ว!”
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน จับมือของซ่งอวี่ซีขึ้นมาตบเบา ๆ “สวยกว่าเดิมอีกนะ”
ซ่งอวี่ซีรีบก้มหน้าก้มตาราวกับกำลังเขินอายกับคำพูดของเธอ
ยิ่งลิ่นอวี๋เหยียนมองดูซ่งอวี่ซีมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น คนคนนี้สิสมควรเป็นลูกสะใภ้ของเธอ
เธอรีบพูดขึ้นว่า “เจ้าของคลินิกนี้เป็นเพื่อนเก่าแก่ของน้าเอง เห็นเธอบอกว่ามีนักบำบัดความงามมืออาชีพหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มหลายคน น้าเลยอยากให้หนูมาลองทำเป็นเพื่อน”
ซ่งอวี่ซียิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าเล็กน้อย
ลิ่นอวี๋เหยียนพาเธอเดินเข้าไปในห้องสปาของวีไอพี และเพลิดเพลินกับการนวดสปาชั้นยอดภายใต้กลิ่นหอมของพืชพรรณอันน่ารื่นรมย์
ระหว่างทำสปา ซ่งอวี่ซีหันศีรษะกลับมามอง ลิ่นอวี๋เหยียนด้วยดวงตาที่ฉายแววมืดมิด
เธอแอบคิดในใจว่าเธอจะทดสอบลิ่นอวี๋เหยียนดูว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมหรือไม่หากรู้ว่าตนเองมีหลานชาย
เธอจึงปริปากพูดว่า “คุณน้าคะ คุณน้าชอบเด็กมั้ยคะ?”
ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้ม “ชอบสิ แต่จะชอบมากกว่านี้ถ้าเป็นลูกของหนูกับอวี้เฉิง”
“คุณน้า!” ซ่งอวี่วีส่งเสียงอุทาน
ลิ่นอวี๋เหยียนหันกลับมาหัวเราะฮ่าฮ่า
ทว่าซ่งอวี่ซีอยู่ในตำแหน่งที่เธอมองไม่เห็น เธอจึงไม่เห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
ถึงแม้ว่าเธอจะยังถามไม่จบ แต่เธอก็พอคาดเดาได้ว่าลิ่นอวี๋เหยียนคิดอย่างไร
ลิ่นอวี๋เหยียนอยากได้หลานชาย!
หลังจากรับรู้ความคิดของลิ่นอวี๋เหยียนแล้ว ซ่งอวี่ซีก็มุ่งมั่นที่จะกำจัดเด็กคนนั้นมากขึ้น
ลิ่นอวี๋เหยียนขอตัวไปเข้าห้องน้ำหลังจากได้รับการผ่อนคลายแล้ว
ซ่งอวี่วีกำลังเฝ้ารอเธออยู่ และคอยเหลือบมอง ลิ่นอวี๋เหยียนจากปลายหางตา
ทันใดนั้นความคิดอันชาญฉลาดก็บังเกิด
หากปล่อยให้ครอบครัวของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดำเนินการแทนจะดีกว่าหรือไม่?
ด้วยวิธีการนี้ก็จะไม่มีใครสงสัยเธอ
ซ่งอวี่ซีหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและกดโทรหาผู้ช่วยของเธอ
“ไปตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลถงที รู้เรื่องเมื่อไหร่ให้รีบกลับมาบอกฉันทันที”
ผู้ช่วยตอบรับคำสั่ง “เดี๋ยวผมตรวจสอบให้ทันทีครับ”
ลิ่นอวี่เหยียนกลับออกมาจากห้องน้ำและเห็นว่าซ่งอวี่ซีกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“อวี่ซี มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ลิ่นอวี๋เหยียนถาม
เดิมทีทั้งสองคนนัดไปรับประทานอาหารต่อ หากอีกฝ่ายมีธุระ เธอก็ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้
“ไม่มีอะไรค่ะคุณน้า เราไปกันเถอะค่ะ” ซ่งอวี่ซียิ้มตอบ
หลังจากอาหารเย็น ลิ่นอวี๋เหยียนให้คนขับรถพาซ่งอวี่ซีมาส่งที่บ้าน
ซ่งอวี่ซีที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วย
“ผู้จัดการครับ ตอนนี้ตระกูลถงกำลังโดนเจ้าหนี้นอกระบบตามไล่ล่าตัวอยู่ครับ” ผู้ช่วยรายงาน
“โอ้? เกิดอะไรขึ้น?” ซ่งอวี่ซีรีบถาม
ผู้ช่วยยังคงอธิบายถึงสาเหตุต้นต่อว่า “หลังจากที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบุกเข้ามายึดครองถงกรุ๊ปแล้ว ถงกัวฮุยก็ทำได้แค่นั่งรอรับเศษกำไรจากบริษัททุกเดือน เงินเพียงแค่นั้นทำให้ ถงกัวฮุยที่ติดกินหรูอยู่สบายไม่พอใจ เขาจึงไปหาเงินเพิ่มจากการเล่นพนัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะโชคร้าย เสียเงินพนันบ่อยจนต้องไปยืมเงินจากบ่อนมาเล่นพนัน แต่เขาไม่คิดว่าเงินที่ยืมมาจากบ่อนจะคิดดอกเบี้ยพร้อมทบต้น ตอนนี้เขาเลยเป็นหนี้ก้อนใหญ่ครับ”
หลังจากฟังคำบอกเล่าของผู้ช่วยแล้ว ซ่งอวี่ซีก็วางสายลงแล้วนั่งครุ่นคิด
หลังจากคิดจนรอบคอบแล้ว ซ่งอวี่ซีก็ยิ้มกว้าง
ขณะที่เธอกำลังจะหมดหนทาง ใครบางคนก็หยิบยื่นโอกาสมาได้ทันเวลา
ถงกัวฮุยไม่ได้เป็นหนี้การพนันอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนี้นอกระบบด้วย
เธอสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้กำจัดไอ้เด็กเวรนั้นได้
ถึงตอนนั้นมันจะกลายเป็นเวรกรรมของตระกูลถง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย