พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 145 คุณอยากตายนักหรือไง
ตอนที่ 145
คุณอยากตายนักหรือไง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพยายามดิ้นรน
เธอดิ้นรนอยู่สองสามครั้งแต่กลับไม่สามารถผลักมู่อวี้เฉิงออกไปได้เลย
“มู่อวี้เฉิง? มู่อวี้เฉิง?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเรียกชื่อเขาอยู่หลายครั้ง
แต่คนที่อยู่ข้างกายเธอกลับผล็อยหลับไปและไม่ตอบโต้อะไรเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามผลักมู่อวี้เฉิงออกอีกสองสามครั้ง แต่ชายที่นอนเกยแขนของเธอกลับหนักอึ้งราวกับก้อนหินหนักห้าร้อยกิโลกรัม กดทับถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้จนแน่นิ่ง
ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหนเธอก็ผลักเขาออกไปไม่ได้
ในที่สุดถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เป็นฝ่ายยอมพ่ายแพ้
เธอลืมตามองเพดาน คิดว่าตนเองจะลุกขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมู่อวี้เฉิงนอนพลิกตัว
แต่กลับไม่คาดคิดว่าความง่วงจะเข้ามาครอบงำจนเธอผล็อยหลับไป
ตกกลางดึก ท้องไส้ของมู่อวี้เฉิงเริ่มปั่นป่วน
เขาลืมตาขึ้นด้วยความอึดอัด และมองเห็นใบหน้าของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ตรงหน้า
มู่อวี้เฉิงมองดูและตกอยู่ในภวังค์
ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่รู้ตัวจนกระทั่งปวดท้องอีกครั้ง
เขาหยิบมือออกอย่างระมัดระวังและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
มือข้างหนึ่งกุมท้องขณะที่ยกมืออีกข้างขึ้นมาบิดลูกบิดบานประตู เดินออกมาที่โต๊ะอาหารโดยวางแผนจะรินน้ำร้อนดื่มสักหนึ่งแก้ว
การเคลื่อนไหวของเขาเงียบสงบมาก เพราะหวาดกลัวว่าจะรบกวนคนในห้อง
ภายในห้อง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่กำลังหลับใหลอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตื่นขึ้นมาลุกขึ้นนั่งทันที
เธอมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังและคอยฟังเสียงจากด้านนอกบ้านประตูอีกครั้ง
หลังจากได้ยินเสียงลอดออกมาจากบานประตูจนแน่ชัด ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากประตูไป
เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและพบกับร่างสูงที่กำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร
ดูเหมือนว่าเขากำลังดื่มน้ำ
“มู่อวี้เฉิง?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเรียกเขาด้วยความลังเล
“ตื่นแล้วเหรอ?” น้ำเสียงอันน่าหลงใหลดังขึ้นซึ่งทำให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกสบายใจ
“ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดพร้อมกับเดินไปเปิดสวิตช์
วินาทีต่อมา ห้องนั่งเล่นก็สว่างไสว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับตัวให้เข้ากับแสงสว่าง
เธอมองดูใบหน้าของมู่อวี้เฉิงและตระหนักได้ว่าสีหน้าของเขาดูซีดเซียว
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเธอ ก่อนจะเดินถือแก้วน้ำไปนั่งลงบนโซฟา
เขาเอนแผ่นหลังกว้างลงบนโซฟา ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหลับตาเงียบ ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสังเกตเห็นท่าทางแปลกประหลาดจึงรีบเดินเข้าไปหา
เธอเห็นว่าแก้วน้ำบนโต๊ะมีไอจาง ๆ และเขายังคอยเอามือกุมหน้าท้อง ดูไม่สบายท้องอย่างมาก
“เป็นอะไรไป?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามด้วยความเป็นห่วง
“ปวดท้อง” น้ำเสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่พยายามอดกลั้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้วทันทีและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณท้องไม่ดีแล้วยังดื่มนักอีก! คุณอยากตายนักหรือไง?”
น้ำเสียงติเตียนของเธอทำให้หัวใจของมู่อวี้เฉิงเต้นระรัว
“เป็นห่วงผมเหรอ?” มู่อวี้เฉิงลืมตาขึ้นมาตั้งใจมองดูเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตก นี่เธอกำลังเป็นห่วงเขาอยู่หรือเปล่า?
แต่ว่านี่เป็นแค่ประโยคเดียวที่เธอนึกขึ้นได้
หากเป็นคนอื่น เธอก็คงจะพูดแบบเดียวกัน
ก่อนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะตอบ มู่อวี้เฉิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ปกติผมไม่ได้ดื่มหนักขนาดนี้หรอก”
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาดื่มไวน์แทนเธอ
หัวใจของเธออ่อนยวบลง แม้แต่น้ำเสียงยังอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “แล้วคุณปวดท้องแบบนี้มานานหรือยังคะ?”
ทันใดนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ตระหนักได้ว่าเธอยังไม่รู้จักเขาดีพอ แม้ว่าทั้งสองคนจะเคยเป็นคู่หมั้นที่ยังไม่ได้แต่งงานกันมาก่อนก็ตาม
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า “ตอนที่ผมเข้ามาบริหารบริษัทช่วง แรก ๆ ผมยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้กินข้าว พอเวลาผ่านไป โรคก็ค่อย ๆ รุนแรงขึ้น”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรับฟังและเข้าใจได้ว่าตอนนั้นมันยากลำบากสำหรับเขามากแค่ไหน
ทั้งที่พวกเขาหมั้นหมายกันแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยเจอเขาที่วิลล่าเลย
ตอนนั้นเขาคงจะยุ่งมาก และไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้จริงจังกับเธอใช่ไหม?
ความทุกข์ทรมานจากการปวดท้องยังคงดำเนินต่อไป มู่อวี้เฉิงหลับตาลงด้วยความรู้สึกอึดอัดท้อง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูและขมวดคิ้วเล็กน้อย อารมณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้นอยู่ในใจของเธอราวกับว่าเธอกำลังทุกข์ใจ
“คุณไปนอนต่อเถอะ ผมดื่มน้ำร้อนสักหน่อยเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น”
เสียงทุ้มของมู่อวี้เฉิงดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศอันน่าหดหู่
ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังดูสงบ แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันเป็นผมและมือที่กำเข้าหากันแน่น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองแก้วน้ำบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
ทว่าเขาไม่รู้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกไปหายาแก้ปวดท้องมาให้เขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินไปหากระเป๋าที่อยู่ในตู้เก็บของ ใกล้ ๆ
เธอจำได้ว่าเธอมียาติดอยู่ในกระเป๋าที่เคยซื้อเก็บไว้ก่อนจะบินไปต่างประเทศครั้งล่าสุด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวควานหายาจนเจอและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอหยิบยาออกมาและเดินเข้าไปหามู่อวี้เฉิง
“ฉันมียาอยู่พอดี คุณกินยาแล้วก็นอนพักผ่อนซะนะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดและเปิดขวดยา
มู่อวี้เฉิงประหลาดใจเล็กน้อย ลืมตาขึ้นและชำเลืองมองเธอ
“อะ กินยาสิ!” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่งยาและแก้วน้ำให้เขา
มู่อวี้เฉิงไม่ขยับเขยื้อน เอาแต่จ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“มองฉันทำไม? รีบกินยาสิคะ!” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกมือขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอดังก้องกว่าเดิมเล็กน้อย
มู่อวี้เฉิงมองดูยาและแก้วน้ำในมือเธอก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบยา
เขาเอายาใส่ปาก ดื่มน้ำและกลืนลงคอ
“คุณเข้าไปพักในห้องต่อเถอะค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยิบแก้วน้ำคืนมาและพูด
มู่อวี้เฉิงตอบรับเสียงเบาและเดินเข้าไปในห้องนอนของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ขณะที่เขาเอื้อมมือออกไปจับลูกบิด จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออกและมองไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“มีอะไรคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวงุนงงเมื่อเห็นเขาจ้องมองมา
“คุณไม่มานอนด้วยกันเหรอ?” มู่อวี้เฉิงถามขึ้นโดยไม่ตอบคำถามของเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหวนนึกถึงตอนที่พวกเขาสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกันด้วยสีหน้าแดงก่ำ “ไม่ค่ะ!”
“แต่เมื่อกี้เรา…”
“ก็เพราะว่าคุณเมาแล้วดึงฉันลงไปต่างหาก แถมยังไม่ยอมปล่อยฉันอีก!”
ก่อนที่มู่อวี้เฉิงจะพูดจบ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ขัดจังหวะขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
น่าอับอายจริง ๆ เขากล้าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนได้ยังไง!
ถ้าเขาไม่ออกแรงดึงเธอ เธอจะลงไปนอนกับเขาได้ยังไง?
พอได้เห็นเธอแบบนี้ มู่อวี้เฉิงก็รู้สึกดีอย่างอธิบายไม่ถูก
“งั้นราตรีสวัสดิ์!” เขายิ้มและหมุนลูกบิดเดินเข้าไปในห้อง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อยู่นาน
เธอรู้สึกสับสนมาก จู่ ๆ เธอก็บอกให้ลู่หมิงพาคนคนนี้กลับมาด้วย หนำซ้ำยังลุกขึ้นมาหายาให้เขากลางดึก
ในตอนนั้นหากเธอปล่อยให้ลู่หมิงดูแลเขา บางทีคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขากลางดึกอาจจะเป็นลู่หมิง
หลังจากจินตนาการถึงฉากนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็แอบยิ้มมุมปาก และรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเขาช่วยดื่มไวน์แทนเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ขัดขืนเขา
หลังจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวเก็บยาและแก้วน้ำแล้ว เธอเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของเสี่ยวเป่า
คืนนี้เธอจะนอนกับเสี่ยวเป่า
เธอย่อตัวลงไปที่เตียง ซุกผ้าห่มของเสี่ยวเป่าและพยายามนอนตะแคง