พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 141 แกว่งเท้าหาเสี้ยน
ตอนที่ 141
แกว่งเท้าหาเสี้ยน
เช้าวันรุ่งขึ้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงบินกลับมาพร้อมกัน
“หม่ามี้!”
ทันทีที่ทั้งสองคนดินทางมาถึงสนามบินในประเทศ เสียงของเด็กน้อยก็ดังขึ้นชัดแจ๋ว
จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็สอยเท้าวิ่งเข้าไปกอดต้นขาของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลดระดับสายตาลง และเห็นใบหน้าอมชมพูที่ไร้เดียงสา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเสี่ยวเป่าด้วยสายตาอ่อนโยน “เสี่ยวเป่า มานี่ที่ทำไม?”
“ก็เสี่ยวเป่าไม่ได้เจอหม่ามี้เลย คิดถึงหม่ามี้มาก เลยบอกให้คุณลุงลู่พามา”
เสี่ยวเป่าพูดอธิบายก่อนจะยกนิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปทางลู่ซีจวี๋ที่อยู่ด้านหลัง
ลู่ซีจวี๋อยู่ในชุดสูทยืนอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเป่า มองตรงมาที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาอบอุ่น
“คุณลุงสุดหล่อ เสี่ยวเป่าก็คิดถึงคุณลุงเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองมู่อวี้เฉิง ดวงตาที่ดูคล้ายกับลูกองุ่นสีดำกำลังแวววาวสดใส
มู่อวี้เฉิงยื่นมือใหญ่ออกมาอุ้มเสี่ยวเป่า “ลุงก็คิดถึง เสี่ยวเป่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเป่าหัวเราะคิกคักและดูมีความสุขมาก
“คุณลุงสุดหล่อ คุณลุงลู่จองร้านอาหารเอาไว้ด้วยฮะ เดี๋ยวเราจะไปกินข้าวกัน”
เสี่ยวเป่าโอบกอดรอบคอของมู่อวี้เฉิง และพูดด้วยน้ำเสียงแบบเด็ก ๆ
มู่อวี้เฉิงยิ้ม “จริงเหรอ? เกรงใจคุณลุงลู่ ไปรบกวนเขาได้ยังไง?”
ลู่ซีจวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้เชิญบุคคลตรงหน้าไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงกลับกลายเป็นว่าเขาตอบตกลงซะได้?
แต่ดูเหมือนว่ามู่อวี้เฉิงจะเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินตาม ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับลู่ซีจวี๋ออกจากสนามบิน และอุ้มเสี่ยวเป่าเอาไว้ในอ้อมแขน
ลู่หมิงที่รอคอยอยู่ด้านนอกสนามบินมองเห็นมู่อวี้เฉิงจึงรีบกล่าวทักทาย “ท่านประธานครับ”
เขาหยิบกระเป๋าจากมือของมู่อวี้เฉิงและเดินตามหลัง
บังเอิญว่ารถยนต์ของทั้งสองฝ่ายจอดใกล้กันมาก
พวกเขาทั้งหลายจึงเดินตรงมาที่รถยนต์ของตนเอง ลู่ซีจวี๋ช่วยถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกสัมภาระขึ้นเก็บอย่างสุภาพ
ทว่ามู่อวี้เฉิงกลับรีบขยิบตาให้ลู่หมิงทันทีที่ได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
ลู่หมิงเข้าใจได้ในทันทีและรีบคว้ากระเป๋าเดินทางของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาจากลู่ซีจวี๋
“คุณลู่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมจัดการได้ครับ ทำไมจะต้องรบกวนคุณด้วย?”
เขากล่าวและนำกระเป๋าเดินทางของถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปใส่ท้ายรถยนต์รวมกับกระเป๋าเดินทางของมู่อวี้เฉิง
ลู่ซีจวี๋มองดูการเคลื่อนไหวของเขาและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
มู่อวี้เฉิงไม่ได้สังเกตเห็นและถามเสี่ยวเป่าในอ้อมกอดว่า “เสี่ยวเป่าอยากนั่งรถคันไหน?”
ดวงตากลมโตของเสี่ยวเป่าจับจ้องไปที่รถยนต์สองคัน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเป่าก็มองไปที่มู่อวี้เฉิง “คุณลุงสุดหล่อ เสี่ยวเป่าอยากนั่งรถคุณลุงฮะ”
“โอเค” หลังจากได้ยินคำตอบ มู่อวี้เฉิงก็คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่อยู่ด้านข้างรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเป่ากับมู่อวี้เฉิงกำลังใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เสี่ยวเป่าไม่ชอบนั่งรถกับคุณลุงลู่เหรอ?” ลู่ซีจวี๋ถาม
ตามความเป็นจริงแล้วเสี่ยวเป่าชอบลู่ซีจวี๋ หากแต่เปรียบเทียบกับมู่อวี้เฉิง เขาชอบมู่อวี้เฉิงมากกว่า
“คุณลุงลู่ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เสี่ยวเป่าไม่ได้เจอคุณลุงสุดหล่อมานานแล้ว อยากอยู่กับคุณลุงสุดหล่อสักพัก”
“แต่เสี่ยวเป่าไม่ได้เจอหม่ามี้มานานแล้วเหมือนกัน ไม่อยากอยู่กับหม่ามี้สักพักเหรอ?”
ลู่ซีจวี๋พยายามใช้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เสี่ยวเป่ายุติความคิดที่จะนั่งรถไปกับมู่อวี้เฉิง
เสี่ยวเป่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองตรงไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว “หม่ามี้ เรานั่งรถของคุณลุงสุดหล่อไปด้วยกันได้มั้ยฮะ?”
ลู่ซีจวี๋ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
เขาแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือเปล่า?
ทำไมผลลัพธ์ถึงตรงกันข้ามแบบนี้?
ในทางกลับกัน ใบหน้าของมู่อวี้เฉิงเผยให้เห็นรอยยิ้ม จาง ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงเช่นกัน เธอมองไปที่มู่อวี้เฉิงและบอกเสี่ยวเป่าว่า “เสี่ยวเป่า คุณลุงสุดหล่อไปทำงานกลับมาเหนื่อยมาก ตอนนี้ต้องกลับไปพักผ่อน เราอย่าไปรบกวนเขาเลย”
“อย่างนั้นเหรอฮะ? คุณลุงสุดหล่อ” เสี่ยวเป่ามองดู มู่อวี้เฉิงและถามด้วยความผิดหวัง
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยแววตาลึกซึ้งและตอบว่า “เสี่ยวเป่า ลุงไม่เหนื่อยเลย คุณลุงลู่ก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอว่าเราจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน?”
เสี่ยวเป่ามองดูคนตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอ? ดีจัง เสี่ยวเป่าไม่ได้ไปกินข้าวกับคุณลุงสุดหล่อนานแล้ว”
ลู่ซีจวี๋มองดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกขมขื่นในใจ
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสายสัมพันธ์ของพ่อลูกใช่ไหม?
ไม่ว่าเขาจะดีกับเสี่ยวเป่าสักแค่ไหนก็ยังดีได้ไม่ถึงของมู่อวี้เฉิงเหรอใช่ไหม?
“หม่ามี้ อย่างนั้นนั่งรถคุณลุงสุดหล่อไปกับผมได้มั้ยครับ?”
ทันทีที่เสี่ยวเป่าพูดจบ ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองทั้งสามคนด้วยความรู้สึกกดดัน
“หม่ามี้ เรานั่งรถไปด้วยกันนะโอเคมั้ย?”
เสี่ยวเป่ารีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงียบไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่สามารถต้านทานเขาได้จึงพยักหน้าตอบตกลง “ได้”
“เย้! ดีจัง!”
เสี่ยวเป่าส่งเสียงดีใจ “ดีจัง คุณลุงสุดหล่อ ในที่สุดเราก็ได้นั่งรถคันเดียวกันแล้ว”
มู่อวี้เฉิงส่งเสียงตอบรับ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีมาก
ขณะที่ลู่ซีจวี๋กลับรู้สึกหดหู่ลง
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจเฝ้าดูทั้งสามคนเข้าไปในรถยนต์คันเดียวกัน
หลังจากนั้นรถยนต์ทั้งสองคนจึงขับควบคู่กันไปที่รับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร
ระหว่างทาง เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ด้านข้างมู่อวี้เฉิงคอยเล่าเรื่องที่น่าสนใจและเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอนุบาลให้มู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวฟัง
ทำให้เบาะหลังมีชีวิตชีวากันมาก!
ลู่หมิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับมองผ่านกระจกหลังและรู้สึกเห็นภาพลวงตาราวกับว่าเขากำลังมองดูครอบครัวหนึ่งอยู่
ขณะที่เบาะหลังทางด้านฝั่งของลู่ซีจวี๋ดูเยือกเย็นเล็กน้อย
เดิมทีเขาวางแผนพาเสี่ยวเป่ามารับถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่สนามบิน และจะพาพวกเขามารับประทานอาหารด้วยกัน
แต่นึกไม่ถึงว่าตอนจบมันจะกลายมาเป็นแบบนี้
เยี่ยชวงที่อยู่ในตำแหน่งที่นั่งคนขับเหลือบมองลู่ซีจวี๋ที่อยู่เบาะหลังและรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นร้ายกาจจริง ๆ
ยอมทำสิ่งต่าง ๆ อาทิ มารับประทานอาหารเย็นด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้คุณถงมาอยู่กับเจ้านายของเธอเพียงลำพัง
หลังจากนั้นไม่นาน รถยนต์ทั้งสองคันก็เคลื่อนตัวมาถึงร้านอาหาร
ลู่ซีจวี๋ลงจากรถยนต์ก่อนและมองดูรถยนต์ที่ขับตามมาทีหลัง
วินาทีต่อมา ประตูรถยนต์ก็ถูกเปิดออก
มู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวจับมือเสี่ยวเป่าคนละข้างพาเขาลงมาจากรถยนต์
ดูเหมือนเป็นครอบครัวกันจริง ๆ!
ลู่ซีจวี๋มองดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน
เขาเดินเข้าไปข้างหน้าและพูดกับเสี่ยวเป่าเบา ๆ “เสี่ยวเป่า ลุงอุ้มมั้ย?”
เสี่ยวเป่าส่ายหัว “ไม่เป็นไรฮะคุณลุงลู่ เสี่ยวเป่าเดินเองได้”
ลู่ซีจวี๋จึงจำใจดึงมือกลับมา
หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัวที่จองเอาไว้
เนื่องจากเสี่ยวเป่าจับมือพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงนั่งลงด้วยกัน
ลู่ซีจวี๋ไม่ได้คัดค้านอะไรและนั่งลงข้าง ๆ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ลู่ซีจวี๋รับเมนูมาสั่งอาหารบางอย่างที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวเป่าชื่นชอบ
“คุณมู่ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไร ดูเมนูเองมั้ยครับ?”
ลู่ซีจวี๋ยื่นเมนูในมือให้มู่อวี้เฉิง เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะแขก
มู่อวี้เฉิงไม่สนใจอะไร รับสมุดเมนูมาเปิดดูผ่าน ๆ เพียงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ”
จากนั้นเขาก็ปิดสมุดเมนูและส่งคืนให้พนักงาน