พระชายา - ตอนที่ 1 สตรีที่ไม่พึงใจ
เกี้ยวหลังใหญ่พร้อมขบวนสินเดิมเจ้าสาวยาวเหยียดบ่งบอกถึงฐานะของสตรีในเกี้ยวได้เป็นอย่างดี เดินทางผ่านประตูวังบานใหญ่สูงลิบเข้ามา ข้างในวังใหญ่โตไร้แขกเหรื่อไร้บรรยากาศรื่นเริงของงานมงคลไร้การประดับตกแต่งที่บ่งบอกว่าวันนี้เป็นวันอภิเษกของท่านอ๋องคนสำคัญกับคุณหนูตระกูลใหญ่ มีเพียงโต๊ะเซ่นไหว้ที่วางไว้ตรงกลางห้องโถงใหญ่และบุคคลสูงศักดิ์ที่มาเป็นพยานในการคำนับฟ้าดินในครั้งนี้
หวังไทเฮา หวังเหลียนฮวา พระมารดาในฮ่องเต้ฉินหย่งเหอ และชินอ๋องฉินเฟยหมิง บุรุษร่างสูงใหญ่พระพักตร์หล่อเหลาราวรูปสลักที่ประทับนิ่งเฉยมิยินดียินร้ายใดๆ แม้แต่ฉลองพระองค์ยังเป็นสีดำที่ทรงชื่นชอบ ร่างสูงไม่แม้แต่ออกไปรับเจ้าสาวออกจากเกี้ยวมีเพียงร่างเล็กของบ่าวรับใช้คนสนิทของเจ้าสาวเท่านั้นที่ทำหน้าที่ประคองร่างระหงบอบบางเดินเข้ามาในห้องช้าๆ
จงเฉิงโหว เฉินเจี่ยเอิน แม่ทัพพิทักษ์ดินแดนแห่งแคว้นฉินข้างๆ คือฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของจวนโหว อันไป๋ชิง ที่รอคอยการมาถึงของบุตรี ในใจของทั้งสองต่างกังวลและเจ็บปวด ท่านอ๋องเจ้าของวังแสดงออกชัดเจนเพียงนี้ว่ามิได้พึงใจในตัวบุตรีของพวกเขาและทรงมิอยากเข้าพิธีนี้ด้วยซ้ำหากแต่ทรงขัดพระเสาวนีย์ของพระมารดามิได้ คงเป็นชะตากรรมของบุตรีที่แม้แต่งเข้ามาถูกต้องตามประเพณีดำรงพระยศเป็นถึงชินหวางเฟย แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่าเมื่อเป็นได้เพียงภรรยาที่ไม่เป็นที่ต้องการของสามี
เมื่อร่างบอบบางของเจ้าสาวมาถึงแม่สื่อก็ทำตามหน้าที่ทันที ด้วยได้รับคำสั่งจากไทเฮาว่าให้พีธีการในวันนี้เสร็จสิ้นให้เร็วที่สุดเมื่อพิธีการยกน้ำชาผ่านไปก็ถึงคราวคำนับฟ้าดินและรับคำอวยพรจากบิดามารดาของทั้งสองฝั่งแต่ทันทีที่คำนับฟ้าดินเสร็จสิ้น ร่างสูงใหญ่ก็รีบเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนเมื่อมีนางกำนัลนางหนึ่งเข้ามารายงานผ่านองครักษ์คนสนิท
“คุณหนูหลานโดดน้ำฆ่าตัวตายพะยะค่ะ”
ลับหลังร่างสูงใหญ่บุคคลในห้องต่างมองหน้ากันอย่างกังวลยังมิถึงขั้นตอนส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอเลยด้วยซ้ำเจ้าบ่าวกลับรีบร้อนออกไปเพียงได้ยินว่าคุณหนูตระกูลหลานตกน้ำ
“มันผู้ใดปากมากให้เรื่องวันนี้หลุดออกไปเปิ่นกงจะทำให้มันผู้นั้นพูดไม่ได้อีก”
สุรเสียงเนิบนาบเด็ดขาดเปล่งออกมาจากริมฝีปากเคลือบชาดสีแดงสด นางกำนัลขันทีต่างหมอบกราบลงแนบพื้นด้วยเกรงกลัวพระอาญา ผู้ใดมิรู้บ้างว่าผู้ที่กุมอำนาจวังหลังที่แท้จริงคือพญาหงส์พระองค์นี้หาใช่ฮองเฮาไม่
“ฟางเออร์เด็กดี ขยับมาใกล้ๆ แม่”
สุรเสียงอ่อนโยนเอ่ยกับดรุณีน้อยที่นั่งอยู่อย่างสงบแตกต่างจากประโยคเมื่อครู่ยิ่งนัก
“ไทเฮาทรงมีสิ่งใดจะรับสั่งแก่หม่อมฉันหรือเพคะ”
“เสี่ยวยาโถว ต่อไปเจ้าต้องเรียกข้าว่าเสด็จแม่เข้าใจหรือไม่”
“เพคะเสด็จแม่”
“ลำบากเจ้าแล้วที่ต้องมาแต่งให้กับลูกชายไม่ได้ความของข้า”
“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”
ร่างบอบบางหมอบลงพลางกล่าว
“เอาเถิด ถึงอย่างไรเจ้าก็นับว่าเป็นบุตรอีกคนของข้าแล้ว ข้าย่อมมิละเลยเจ้าแน่ต่อไปขอให้เจ้าอดทนให้มากหากมีเรื่องใดอึดอัดใจเจ้าสามารถเอ่ยกับแม่คนนี้ได้ทุกเมื่อ”
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาเพคะ”
“ฟางเออร์ แม้เจ้าจะแต่งออกไปแล้วก็อย่าได้ลืมว่าอย่างไรตระกูลเฉินคือครอบครัวของเจ้าเสมอ ความทุกข์ใจใดๆ ของเจ้าพวกเราพร้อมแบกรับแทนทั้งสิ้นเพียงเจ้าเอ่ยปาก”
น้ำเสียงมั่นคงของแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนเอ่ยกับบุตรี
“แม่ขอให้เจ้าอดทน ไม่ว่าเมื่อใดจงมีสติอยู่เสมอ”
“ลูกขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ ลูกจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังเจ้าค่ะ”
เอ่ยรับคำสั่งสอนจากบิดามารดาเสร็จแล้วก็ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอซึ่งนับว่าเป็นเรือนหอได้หรือในเมื่อเจ้าบ่าวของนางหายไปที่ใดมิรู้
หลังจากส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอเสร็จแล้วหวังไทเฮาก็รับสั่งให้เหล่าข้ารับใช้ออกไปจากห้องทั้งหมดก่อนเอ่ยสนทนากับสองสามีภรรยา
“เปิ่นกงละอายใจแก่เจ้าทั้งสองนักที่นำความสุขทั้งชีวิตของฟางเออร์มาทิ้งไว้ที่นี่”
“ทรงอย่ากล่าวโทษองค์เองเลยเพคะ พวกเราตระกูลเฉินเข้าใจสถานการณ์ดีทรงอย่าได้กังวลจะส่งผลถึงพระวรกายได้เพคะ”
“กระหม่อมเชื่อว่าฟางเออร์เข้าใจทุกอย่างดีพะยะค่ะ”
“หวังว่าลูกโง่ของเปิ่นกงจะคิดได้เร็วๆ ”
“ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักมักมองสิ่งใดไม่รอบคอบนัก แต่อย่างไรกระหม่อมเชื่อในพระปรีชาของท่านอ๋องพะยะค่ะระหว่างความรักกับประชาชนและแคว้นฉินพระองค์ทรงต้องมีวิธีจัดการอย่างเหมาะสมแน่พะยะค่ะ”
“เปิ่นกงมิยอมให้เกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นขึ้นแน่นอน”
พระนางปกครองวังหลังมาตั้งแต่รัชสมัยฮ่องเต้องค์ก่อน น่าเสียดายที่พระสวามีอันเป็นที่รักมาจากไปก่อนทำให้องค์รัชทายาทในตอนนั้นที่มีอายุเพียง15 ชันษาขึ้นครองราชต่อ ท่ามกลางสงครามทางการเมืองและการแบ่งแยกกันของเหล่าขุนนาง กว่าพระนางจะยืนหยัดต่อสู้ปกป้องโอรสทั้งสอง รวบรวมอำนาจมาได้ก็ใช้เวลาและแผนการต่างๆ มากมาย ที่ผ่านมาก็ได้ตระกูลเฉินที่จงรักภักดีมาตลอดจนถึงตอนนี้ยังตัดใจส่งบุตรสาวอันเป็นที่รักเข้าวังอ๋อง เพื่อตัดโอกาสเพิ่มอำนาจแก่อีกฝั่งที่หมายปองอำนาจในมือของโอรสตามืดบอดของพระนาง ผู้ใดในต้าฉินจะมิอยากส่งบุตรีเข้าวังเสิ่นหยางกงอำนาจที่เป็นรองเพียงฮ่องเต้ ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติต่างพรั่งพร้อม พระนางได้แต่คิดในพระทัย เหตุใดโอรสองค์รองถึงได้โง่งมกับคุณหนูผู้นั้นนักทั้งๆ ที่ทรงรู้ดีว่าตระกูลของนางเป็นภัยต่อบัลลังค์มังกร ก็ยังมิยอมตัดพระทัย แต่เอาเถิด ตอนนี้พระนางได้ตัดวาสนานั้นไปแล้วหากฝั่งนั้นยังคงดึงดันจะแต่งเข้ามาให้ได้ก็คงเป็นได้เพียงชายารองเท่านั้น ตราบใดที่พระนางยังมีชีวิตอยู่ชินหวางเฟยของชินอ๋องฉินเฟยหมิงต้องเป็นสตรีแซ่เฉินเท่านั้นอำนาจใดๆ ที่นางไม่เคยมีแม่สามีอย่างพระนางจะประทานใส่มือให้นางเอง