ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 93 ไฟล์ 11 เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง 3
- Home
- All Mangas
- ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 93 ไฟล์ 11 เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง 3
โซราโอะ… โซราโอะ…
ใครกำลังเรียกฉันอยู่ด้วย
นี่… ตื่นสิ…
โทริโกะเหรอ?
นี่ฉันอยู่ไหนเนี่ย?
เร็วเข้า―เธอต้อง…
เผามัน… เร็วเข้า…
“อ้า…!”
อยู่ดีๆ สติของฉันก็ถูกกระชากกลับมา พอฉันลืมตาขึ้นมา สายตาของฉันก็โดนถุงที่คลุมหัวอยู่บังเอาไว้ ถุงผ้าหยาบๆ นี่มีแสงลอดเข้ามาได้แค่นิดเดียวเอง
ยังมึนๆ เมาๆ อยู่เลย อาจจะเพราะฤทธิ์ของยาล่ะมั้งที่ทำให้หัวปวดตุบๆ แบบนี้น่ะ ทั่วทั้งร่างกายก็ปวกเปียกไม่มีแรงเลย อยากจะลงไปนอนมันซะตรงนี้เท่าที่จะทำได้จัง ฉันพยายามจะขยับตัวแล้วนะ แต่ทั้งมือทั้งเท้าของฉันก็โดนมัดอยู่หมดเลย ฉันถูกจับนั่งเก้าอี้ แล้วก็มัดมือไขว้หลังเอาไว้ด้วย
“อึก…”
มีเสียงครวญครางดังมาจากข้างๆ ฉันด้วย นี่โทริโกะก็โดนจับมาด้วยเหมือนกันเหรอ? พอฉันรู้สึกตระหนกแล้วกำลังจะเรียกเธอออกไป ฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่แถวนี้ด้วย
“ดูเหมือนจะตื่นแล้วสินะ”
เป็นเสียงของผู้ชาย
มีเสียงก้าวเท้าเดินมาจากทางด้านหลังด้วย และถุงก็ถูกดึงออกมาจากหัวของฉัน
สายตาที่ถูกเปิดกว้างของฉันก็มีภาพของกำแพงและพื้นคอนกรีตเข้ามาเติมเต็ม ตรงที่ฉันอยู่ทั้งกว้าง ทั้งมืด แล้วก็ไม่มีหน้าต่างเลยซักบ้าน รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงงานผลิตอะไรซักอย่างที่ร้างไปแล้วเลย
รอบๆ เรามีทั้งผู้ชายผู้หญิงยืนล้อมรอบอยู่ห่างๆ สายตาทุกคนจับจ้องมาที่พวกเรา เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมมีหลากหลายตั้งแต่ชุดสูทไปถึงเสื้อยืดกางเกงยีนเลย ไม่มีใครที่คุ้นหน้าฉันซักคน
ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ฉันว่าฉันคุ้นอยู่คนนึงนะ
ป้าที่น่าสงสัยคนนั้น ที่เรียกพวกเราในอิเคบุคุโระเมื่อตอนบ่ายนี่นา พอฉันสบตากับป้าคนนั้น เธอก็สะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี แล้วก็ไปหลบหลังอีกคนนึง
ฉันหันไปมองข้างๆ จะดูว่าโทริโกะเป็นอะไรมั้ย แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็ทำเอาตกใจกว่าอีก
คนที่ถูกจัดมัดกับเก้าอี้อยู่ห่างจากฉันไปไม่กี่เมตรไม่ใช่โทริโกะ แต่เป็นคุณโคซากุระต่างหาก เธอมีสีหน้าบึ้งตึง ส่ายหัวไปมา เหมือนสติของเธอจะยังไม่กลับมาตื่นเต็มร้อยนะ
“พวกนายเป็นใครเนี่ย…? ฉันจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรให้โดนลักพาตัวเลยนะ”
คุณโคซากุระถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ดูแล้วไม่น่าใช่พวกยากุซ่า นี่พวกนายอยากเรียกค่าไถ่รึไง? โทษทีนะ เงินฉันก็มีไม่เยอะหรอก เด็กคนนี้ก็แค่นักศึกษากระเป๋าแห้งคนนึงเอง เข้าใจเราผิดกับเพื่อนบ้านคนไหนรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรผิดหรอกค่า คุณโคซากุระ~”
เสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำฉันสะดุ้งโหยงเลย
ฉันรู้จักเสียงนั่น เสียงที่ฟังแล้วน่าดึงดูดเกินไปนั่น ทั้งนุ่ม ทั้งอ่อนไหว รู้สึกเหมือนกับว่ามันสามารถคืบคลานเข้าจากหูฉันไปถึงสมองได้เลย
เจ้าของเสียงนั่นเดินตรงเข้ามาพร้อมกับก้าวเท้าหนักๆ เดินผ่านตรงกลางระหว่างฉันกับคุณโคซากุระไป ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับพวกเราตรงๆ เธอเป็นเด็กนักเรียนในเสื้อไหมพรมคาร์ดิเกินกับชุดกะลาสี ผมของเธอค่อยข้างยาว ถักเปียเป็นวงกลมอยู่ข้างหัวเธอ 2 ข้าง ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไปตามหลังของเธอ ตาของเธอหรี่มองอย่างพอใจมาที่พวกเรา ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ขยับอะไรไม่ได้เลย ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเธอคนนี้ แต่ฉันก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเธอคนนี้คือใครกัน
“…อุรุมิ รูนะ”
“ถูกต้องนะค้าาาาา”
อุรุมิ รูนะปรบมือให้ฉันก่อนจะพูดต่อ
“ขอโทษน้าที่ทำให้กลัวกัน ยังดีอยู่มั้ย? อย่างน้อย เค้าก็ขอให้ไม่ใช่อะไรที่มันแรงเกินกับพวกเธอแล้วนะ โอ๊ะ ไม่ต้องสนใจคนพวกนั้นก็ได้นะ ถึง พวกนั้นจะมีประโยชน์ดีเลยก็เถอะ เค้าสั่งอะไรไปพวกนั้นก็ทำตามหมดเลย”
อุรุมิ รูนะพูดพลางหัวเราะคิกคัก
“อ้อ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เค้ามีธุระสำคัญม๊ากมากกับคุณโคซากุระด้วยล่ะ”
“มีอะไร?”
“เค้าอยากให้เล่าเรื่องของท่านซัทสึกิให้ฟังหน่อยน่ะ”
คุณโคซากุระเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าของอุรุมิ รูนะ แล้วก็นิ่งเงียบไปพักนึงเลย
“เนี่ยนะสาเหตุที่ลักพาตัวฉันมา? แค่อยากจะถามเรื่องนี้น่ะนะ?”
“ก็น้า ถ้าเค้าถามตามปกติ แน่ใจเลยล่ะว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางเล่าอะไรให้เค้าฟังอยู่แล้วนี่”
พวกคนมุงรอบๆ คนนึงเอาเก้าอี้ยกมาตรงนี้อีกตัว อุรุมิ รูนะก็หย่อนตัวนั่งลงเหมือนกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำตรงนี้อยู่แล้ว ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับพวกเราตรงๆ
“เค้าดูมาแล้วนะ คุณจับมือร่วมงานกับท่านซัทสึกิเพื่อศึกษาเรื่องของโลกสีฟ้า แล้วตั้งแต่ที่ท่านหายไป ก็มีคุณกับนิชินะ โทริโกะนี่แหละที่อยู่ใกล้กับท่านที่สุดแล้ว เค้าเข้าใจถูกใช่ม้า?”
“…”
คุณโคซากุระดูไม่มีทีท่าจะตอบอะไรเลย โลกสีฟ้าที่เด็กคนนี้เรียกคงจะเป็นคำที่พวกนี้ใช้เรียกโลกเบื้องหลังล่ะมั้ง
แล้วคุณโคซากุระก็ถามพร้อมความโกรธเคืองที่ปนออกมากับน้ำเสียง
“เธอเป็นแฟนคลับของซัทสึกิเหรอไง…? เป็นเด็กมอปลายสินะ? ไปเจอเธอมาตอนไหนล่ะ? นี่ยัยนั่นไปล่อลวงเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมากี่คนกันแล้วเนี่ย?”
“อ้อ นี่คิดจะงัดมุกผู้สูงอายุมาเล่นเหรอคะเนี่ย? แบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ คุณโคซากุระ”
รูนะพูดอย่างติดตลก
“ประเด็นคือ เค้าไม่เคยเจอท่านซัทสึกิเลย”
“ฮะ?”
“ถ้าให้ถูก เค้าเคยได้ยินท่านนะ แต่เราไม่เคยได้คุยกันเลย”
พอรูนะเห็นสีหน้างงงวยบนหน้าของฉันกับคุณโคซากุระ เธอก็เริ่มเล่าเรื่องของเธอออกมาอย่างภูมิใจ
“เค้าน่ะเป็นสตรีมเมอร์มาตั้งแต่มอต้นแล้ว สมัยนั้น เค้าก็ไม่ได้มี PV (page view : ยอดผู้เข้าชม) เยอะแยะอะไรหรอก รู้ใช่ม้า? ก็ สั้นๆ เค้าไม่ได้ดังอะไรเลย เค้าลองเปลี่ยนแอพที่ลงแล้ว ทำนู่นทำนี่ดูก็แล้ว แต่ก็ยังจมปลักอยู่กับที่ไม่ไปไหน… ตอนที่เค้าคิดว่าจะยอมแพ้แล้ว ก็เป็นตอนนี้แหละที่เค้าได้ฟัง วิดีโอ ASMR ของคนอื่นๆ มาอ้างอิง โอ๊ะ รู้กันหรือเปล่าคะว่า ASMR คืออะไร?”
“Autonomous Sensory Meridian Response (การตอบสนองของระบบประสาทที่ถูกกระตุ้นด้วยเสียง การมองเห็น และการสัมผัสอย่างอัตโนมัติ)”
คุณโคซากุระตอบมาทันที รูนะได้ยินแบบนั้นก็ปรบมือ
“ถูกต้องนะค้าาาา! ใช่ นั่นแหละ แสดงว่าเข้าใจเรื่องแล้วนี่”
“…มันคืออะไรเหรอคะ?”
ฉันกระซิบถามคุณโคซากุระดู เธอก็ตอบกลับมาแบบไม่แทรกมุกพูดเล่นอะไรเลย
“พูดอย่างกว้างๆ ยัยนั่นกำลังพูดถึงพวกวิดีโอเสียงสนองความใคร่ของตัวเองนั่นแหละ เป็นการอัดเสียงนู้นเสียงนี้อย่างเสียงตัดผม เสียงพิมพ์คีย์บอร์ด เสียงพลิกหน้ากระดาษ หรืออะไรพวกนั้นที่ได้ฟังแล้วรู้สึกดี”
“ช่าย พวกแนวๆ เสียงคลีนหูกับเสียงกระซิบน่ะเป็นที่นิยมเลย แต่ว่า… ที่เค้าได้เจอตอนนั้น มันเป็นเสียงที่เค้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“นี่เธอติดพวกของ 18+ รึไง?”
“เฮ่ อย่าถามอะไรโง่ๆ แบบนั้นจะได้มั้ย?”
รูนะพูดสวนมาแบบชัดเจนทุกคำ ก่อนที่สีหน้าปลื้มปิติที่จะแทรกเข้ามาแทน
“มันคือ… เสียงของพระเจ้า”
ได้ยินแบบนั้น ฉันกับคุณโคซากุระก็หันมามองหน้ากันเลย
“ขนาดตอนนี้ เค้าก็ยังจำได้อยู่เลยนะ วิดีโอที่ตั้งชื่อเอาไว้ง่าโลกสีฟ้า ภาพปกก็… เป็นรูปเด็กผู้หญิงต่างชาติผมบลอนด์คนนึง ที่น่าจะเป็นแค่รูปไม่มีลิขสิทธิ์อันนึงเท่านั้นเอง เค้าฟังตอนแรก ก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่ มันฟังแล้ว อาจจะเป็นท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต กับสายลมที่โบกพัดผ่าน หรืออาจจะจมดิ่งลงไปใต้ก้นทะเลลึก เป็นเสียงที่ลึกลับ ได้แต่สงสัยกับตัวเองว่าเค้ากำลังฟังอะไรอยู่กันแน่… แล้วตอนนั้น พระผู้เป็นเจ้าก็ได้ปรากฏขึ้น”
“พระเจ้านี่ หมายความว่ายังไง?”
“บางอย่างที่ใหญ่โตมาก น่ากลัวสุดๆ แถมไร้ความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง… ลอยเด่นออกมาจากเสียงพวกนั้น”
“ใหญ่โต น่ากลัว ไม่เป็นมนุษย์…? นั่นมัน…”
ฉันพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แล้วรูนะก็พยักหน้าให้อย่างดี๊ด๊า
“ใช่! ต้องเป็นพระเจ้าแหงอยู่แล้ว! เค้าตกใจสุดๆ ไปเลย แบบว่า ก็ฟัง ASMR อยู่ดีๆ ก็มีพระเจ้าปรากฏตัวขึ้นในหัวแบบนั้น ใครจะไปคิดล่ะว่าจะได้เจออะไรแบบนั้น ว่ามั้ยล่ะ!”
เออ ไม่อะ ฉันว่าฉันไม่น่าจะคิดนะ…
“ทั้งช็อคทั้งกลัว แต่เพราะอะไรไม่รู้ เค้าถึงหยุดฟังไม่ได้เลย พอเค้าทำแบบนั้น คำพูดของผู้หญิงที่ส่งต่อคำพูดของพระเจ้าก็ออกมา นั่นก็คือ―”
“ซัทสึกิ?”
“ถูกต้อง! ท่านซัทสึกิยังไงหล้า! ตอนนั้น เค้าก็เข้าใจได้เลย เค้าอยู่มาตลอดนี่ก็เพื่อท่าน แล้วก็ตลอดไปนับต่อจากนี้ด้วย พอได้รู้แบบนั้น มันก็ทำให้เค้าทรุดลงคุกเข่าไปทันทีเลย ท่านซัทสึกิได้สัมผัสกับฉันจากภายในน้ำเสียง แล้วก็ยังประทานของขวัญมาให้เค้าด้วย มันคือ ‘เสียง’ ของเค้าไงหล้า พรสวรรค์จากโลกสีฟ้า พรสวรรค์ที่ทำให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต้องทำตามที่เค้าสั่งทุกอย่าง เค้าน่ะรู้ดีเลยล่ะน้าาาาาาา ว่าควรจะใช้ของขวัญนี้ไปทำอะไรดี”
“…คลิปนั่นยังอยู่มั้ย?”
“ตอนนี้รู้สึกอยากฟังขึ้นมาแล้วเหรอ? ก็ แย่หน่อยนะ คลิปมันไม่อยู่แล้วล่ะ เค้าหมายถึง พอเค้าฟังมันจบ ก่อนจะทันรู้ตัว คลิปนั้นก็หายไปแล้ว จะหายังไงเค้าก็หาไม่เจอเลย ไม่อยู่ในแคชภายในเครื่องด้วย ประวัติการเล่นก็ไม่มี จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปเจอคลิปนั้นได้ยังไง เค้าถึงขนาดเริ่มจะสงสัยตัวเองเลยว่านี่คลิปๆ นั้นมันมีอยู่จริงๆ รึเปล่า แต่เค้าจำได้แม่นเลยนะ จำได้ดีไม่หาย ขนาดว่าสามารถเล่นคลิปนั้นซ้ำในหัวได้เลย เค้าแน่ใจว่าคลิปนั้นมันเปลี่ยนรูปร่างตัวเองไปกลายเป็น ‘เสียง’ แล้วก็เข้ามาอยู่ในตัวเค้าแล้ว แบบนี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียกกันว่าการเปิดปมน่ะ?”
เรื่องนี้มันยังไงกันเนี่ย? เสียงจากในวิดีโอที่ไม่รู้เลยว่ามีอยู่จริงมั้ย มันฝังแน่นลงไปในความทรงจำของเธอคนนี้ ‘พระเจ้า’ อะไรไม่รู้ การที่อุรุมะ ซัทสึกิจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในเรื่องที่มันสะเปะสะปะนี่ แล้วไหนจะเรื่องพรสวรรค์ของเธออีก…
คุณโคซากุระถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆ
“แล้ว นั่นก็คือสาเหตุที่เธอเทิดทูนซัทสึกิหรือไง?”
“เทิดทูนเหรอ? ใช่เลยล่ะ! เค้าเทิดทูนท่านซัทสึกิ! ท่านผู้หญิงที่ประทาน ‘เสียง’ นี้มาให้เค้า ผู้ส่งสารจากโลกสีฟ้า… เค้ารู้อยู่แล้วว่าท่านมีตัวตนอยู่ เค้าพยายามจะไล่ตามท่าน หวังแค่ว่าจะได้พบท่านอีกซักครั้งนึงก็คงดี”
“เธอจะเล่าละเอียดยังไง เรื่องนี้มันก็ยังแปลกอยู่ดี เธอน่ะบ้าไปแล้ว พวกเธอทุกคนเลย”
“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ มีแค่เค้าคนเดียวนี่แหละที่เทิดทูนท่านซัทสึกิ คนที่เหลือเขาเทิดทูนเค้าต่างหาก”
พอรูนะหันไปมองที่คนอื่นๆ ที่ยืนล้อมรอบเราอยู่ ทุกคนที่พยักหน้ากันอย่างเอาจริงเอาจัง ขนาดเป็นที่ที่แสงสลัวๆ แบบนี้ ฉันยังเห็นแก้มที่แดงแจ๋กับน้ำตาที่ปริ่มล้นออกมาได้เลย
ฉันรู้สึกได้เลยว่าคิ้วของตัวเองกำลังขมวดเข้ามาแน่นมาก
ว่าแล้วเชียว พวกนี้เป็นพวกลัทธิสินะ…
ความคิดนี้มันเข้ามาในหัวของฉันตั้งแต่ที่เห็นว่ายันป้าขอบคุณอยู่ในคนกลุ่มนี้แล้ว แต่ได้พิสูจน์ว่าถูกอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลยซักนิด เราไม่สามารถใช้เหตุผลคุยกับพวกลัทธิได้ ไม่ว่าพวกนั้นจะบูชาอะไรก็ตาม ในบรรดาผู้คนทั้งโลก พวกลัทธินี่แหละคือคนที่ฉันอยากจะไปยุ่งด้วยน้อยที่สุดแล้วล่ะ เอาจริงๆ ถ้าต้องมาเจอกับพวกลัทธิแบบนี้ ฉันขอไปสู้กับพวกตัวประหลาดจากโลกเบื้องหลังยังจะดีใจซะกว่าเลย
บางที อาจจะเพราะเธอรู้สึกถึงสายตาของฉันที่มองเธออยู่ได้ล่ะมั้ง อุรุมิ รูนะถึงได้หันมามองที่ฉัน
“อ้อ จริงสิ―อีกเรื่องนึงที่เค้าอยากให้เธอช่วยบอกหน่อย นี่ใครเนี่ย?”
“นี่ลักพาตัวฉันมาโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเหรอ?”
“เอาจริงๆ คนพวกนั้นควรจะพาตัวคุณโคซากุระกับคุณนิชินะมาหาฉันนะ แต่ว่า น่าตกใจจริงๆ ที่พวกเขาดันพาใครที่ไหนไม่รู้ที่เค้าไม่รู้จักมาซะงั้น”
“““ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ!”””
เสียงตะโกนอย่างดังร้องมาจากด้านหลังของพวกเรา ฉันหันคอเอี้ยวตัวกลับไปมองข้างหลัง ก็เห็นผู้ชาย 4 คนลงไปหมอบทั้งมือทั้งเข่าค้ำอยู่กับพื้น โหยหวนอยู่ข้างหลังพวกเรา พวกผู้ชายพวกนี้คงจะเป็นพวกคนที่ลักพาตัวฉันกับคุณโคซากุระมาที่นี่ล่ะมั้ง
““โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยครับ! ท่านลูน่า!””
“ขอโอกาสอีกครั้งด้วยเถอะนะครับ! คราวนี้ พวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนครับ!”
ผู้ชายพวกนั้นตะโกนโหวกเหวกกันใหญ่ แต่รูนะก็ตอบกลับด้วยเสียงถอนหายใจอย่างไม่แยแส
“เอาเถอะ อะไรที่แล้วก็แล้วกันไป แล้ว…? คุณเป็นใครนะ? เกี่ยวอะไรกับท่านซัทสึกิงั้นเหรอ?”
“นักเรียนของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซัทสึกิเลย”
คุณโคซากุระชิงตอบก่อนที่ฉันจะทันได้พูดอะไร
“นักเรียน? ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้เป็นศาสตราจารย์น่ะเหรอ?”
“เป็นเด็กแปลกๆ ที่มาถึงบ้านฉันเพื่อเรียนรู้นู่นนี่จากฉันเท่านั้นแหละ”
“เป็นเด็กแปลกๆ ที่พกของอันตรายน่าดูเลยนะคะเนี่ย?”
พวกลัทธิคนนึงยื่นกระเป้าโท้ทของฉันไปให้รูนะ เธอมองดูข้างใน แล้วก็หยิบมาคารอฟออกมาจากข้างในนั้น ตัวปืนยังอยู่ในซองใส่อยู่เลย
“คุณเองก็เคยไปที่โลกสีฟ้าเหมือนกันนี่นา ยังงี้นี่เอง เค้าเข้าใจถูกสินะ?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไร รูนะก็ปล่อยมือออกจากมาคารอฟ
“เค้าหมายถึง ตาข้างนั้นน่ะ”
รูนะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาตรงหน้าฉัน แล้วก็จ้องเข้ามาที่หน้าของฉันใกล้ๆ เลย
“ท่านลูน่า! มันอันตรายนะคะ ยัยผู้หญิงนั่นมีนัยน์ตาปีศาจอยู่”
ป้าขอบคุณตะโกนเสียงดังลั่นมาจากข้างหลังพวกเรา
“นัยน์ตาปีศาจ?”
“ดวงตาอันชั่วร้ายที่สามารถนำพาความวิบัติมาหาได้ อย่าปล่อยให้นังนั่นมองท่านเด็ดขาดนะคะ มันสามารถเป็นอันตรายกับร่างกายของท่านได้เลย”
“เห จริงเหรอเนี่ย?”
คำถามนั่นถามมาที่ฉันตรงๆ เลย แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน
“…ไม่รู้สิ”
“หืม ถ้ามันน่ากลัวขนาดนั้น งั้นพวกเราคงต้องควักมันออกมาก่อนสินะ”
ทันทีที่รูนะพูดออกมาแบบนั้น ก็มีผู้ชายคนนึงที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเราชักมีดออกมา แล้วก้วออกมาข้างหน้า ฉันกลัวมากจนพยายามจะหนี แต่ทั้งมือทั้งเท้าก็ไม่ขยับเลยซักนิด ฉันโดนอะไรซักอย่างที่เหมือนกับซิปไทร์พลาสติกแบบที่เขาใช้มัดสายไฟสายเคเบิล มัดฉันเอาไว้กับเก้าอี้อยู่
ไม่จริงน่า พวกเขาคงไม่ได้จู่ๆ จะมาควักลูกตาคนอื่นเอาง่ายๆ แบบนั้นหรอกใช่มั้ย… ตอนที่ฉันจ้องเขม็งไปที่มีดแวววับเล่มนั้นแบบไม่อยากเชื่อสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังตกอยู่ในตอนนี้ รูนะก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“ฮิฮิ ล้อเล่นน่า! ล้อเล่น! กลับไปยืนที่เดิมได้แล้ว”
ผู้ชายคนนั้นกลับไปยืนที่เดิมตามคำสั่งของรูนะอย่างว่าง่าย ฉันกลัวจนตัวสั่นไปหมด ในขณะที่รูนะก้มลงมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้ม
“พวกเขาหัวอ่อนกันเกินไปซักหน่อยน่ะนะ พวกเขารักเสียงของเค้าม๊ากมากเลย เค้าสั่งอะไร พวกเขาก็พร้อมจะทำตามทุกอย่าง ขนาดไม่ได้บอกชัดๆ ด้วยซ้ำว่าจะให้ทำอะไร พวกเขาก็ยังเข้าใจเองได้ว่าเค้าอาจจะอยากได้อะไรกันแน่ แล้วก็เตรียมการเผื่อไว้ให้เค้าล่วงหน้าก้าวนึง ถ้าเค้าไม่สั่งให้หยุดล่ะก็ เธอคงไม่มีตาข้างนั้นแล้วล่ะตอนนี้”
รูนะยื่นมือออกมาบีบที่แก้มของฉัน
“แต่ว่า น่าเสียดายจังเลยเนอะ? ออกจะเป็นตาที่สวยออกขนาดนี้… นี่ก็เป็นพรสวรรค์จากโลกสีฟ้าเหมือนกันงั้นเหรอ?”
ฉันทำได้แค่หายใจไม่ทั่วท้อง มองที่หน้าของรูนะโดยไม่ส่งเสียงตอบอะไรออกไปไม่ได้เลย
“นี่ เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวอะไรซักหน่อย มีอะไรที่อยากรู้ก็มาถามเอาที่ฉันสิ”
คุณโคซากุระพูดแทรกขึ้นมา รูนะก็ผละมือออกจากหน้าฉัน ก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณโคซากุระแทน
“จริงด้วยสินะ ยังไงซะ เค้าวางแผนเอาไว้ว่าจะมาสัมภาษณ์คุณตั้งแต่แรกแล้วล่ะ”
รูนะเดินวนอ้อมไปข้างหลังของคุณโคซากุระ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“งั้น มาเริ่มจาก… บอกชื่อของเด็กผู้หญิงที่มีตาสีฟ้าข้างนึงหน่อยได้มั้ย?”
“ฮึก…!”
คุณโคซากุระร้องเสียงหลงแล้วก็ก้มหน้าหนี เธอน่าจะกระซิบไม่ใช่เหรอ อยู่ห่างกันตั้งขนาดนี้ แล้วไหงฉันถึงได้ยินเสียงนั่นได้ด้วยล่ะ
เสียงของเธอก่อนหน้านี้มันก็ชวนน่าดึงดูดอยู่แล้วนะ แต่ครั้งนี้มันคนละระดับกันเลย ต้องเป็นอะไรซักอย่างเหมือนกับการเปลี่ยนโหมดแน่ๆ ได้ฟังใกล้ๆ แบบนี้ ชักท่าไม่ดีแล้วสิ แต่ถ้าเธอมากระซิบที่ข้างๆ หูของฉันบ้างเนี่ยใครจะไปรู้ล่ะ
คุณโคซากุระบิดไปมา ตัวเกร็งอยู่บนเก้าอี้ ตาเบิกโพลง ขนลุกเกรียวไปถึงท้ายทอยเลย
“อะ… อะ…”
“นี่ บอกเค้าหน่อยสิ เธอชื่ออะไร?”
“คา-… มิโคชิ-… โซรา-… โอะ…”
“แล้ว วิธีเขียนล่ะ”
“ตัว ‘คามิ (紙)’… หมายถึงกระดาษ ส่วน ‘โคชิ (越)’… เป็นตัว ‘เอสึ’… จากเมืองโจเอ็ตสึ (上越 : เมืองนึงในจังหวัดนีกาตะ 新潟)”
คุณโคซากุระแพ้ให้กับ ‘เสียง’ แล้วก็คายข้อมูลออกไปจนได้ แล้วจู่ๆ ฉันก็สังเกตสายตาของพวกสาวกพากันจับจ้องไปที่คุณโคซากุระที่กำลังโดนสอบปากคำกันเป็นตาเดียว พวกเขาทุกคนดูอิจฉากันสุดๆ จนหน้าแดงก่ำเลย น่าขนลุกเป็นบ้า―นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่จะเป็นได้แล้วเนี่ย
“เธอคือคุณคามิโคชินี่เอง? ยินดีที่รู้จักนะ”
พอรูนะยืนขึ้นตัวตรง คุณโคซากุระก็นั่งคอตกเหมือนหุ่นเชิดที่โดนตัดสายเส้นเอ็นทิ้งเลย
“ช่วยรอซักหน่อยได้มั้ย? เดี๋ยวอีกแป๊บนึง เค้าจะพาเพื่อนเธออีกคนอย่างคุณนิชินะมาที่น―”
“อย่ามาแตะต้องโทริโกะนะ!”
ฉันเผลอตะโกนออกไปจนทั้งรูนะทั้งคุณโคซากุระหันมามองฉันกันอย่างอึ้งๆ เลย
“เห ยังงี้นี่เอง คุณคือคู่หูของคุณนิชินะสินะ?”
รูนะผละตัวออกมาจากคุณโคซากุระ พยักหน้าอย่างพอใจกับการอธิบายของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงมาหาฉัน
เธอโอบแขนไว้รอบฉันจากข้างหลังเก้าอี้ ก่อนจะขยับริมฝีปากของเธอมาที่ข้างหูของฉัน แล้วเธอก็พูดกับฉันด้วยการกระซิบเบาๆ
“เค้าแน่ใจเลยล่ะว่าเธอต้องบอกอะไรน่าสนุกให้เค้าได้เหมือนกัน―”
“ฮึก!”
กลัวจนตัวแข็งขยับไม่ได้เลย
มันทำให้ฉันนึกถึงภาพของนรกที่เคยเห็นในตอนเด็กเลย ต้องหวาดกลัวกับการดูการลงโทษด้วยการหยอดโลหะหลอมเหลวลงไปในทุกรูเปิดของร่างกายมนุษย์
เสียงของอุรุมิ รูนะทำให้ฉันจำเรื่องพวกนั้นขึ้นมาได้เลย
มันเหมือนกับว่า มีโลหะเหลวเย็นๆ ถูกเทลงมาในหูของฉันเลย
ไม่ได้มีอะไรเหมือนกับตอน [กระซิบเล่าเรื่องผี] เลยซักนิด ตอนที่ดูเธอจากอีกฟากนึงของจอ ฉันฟังเสียงของเธอจากลำโพง เสียงมันมีทั้งน้ำหนัก ทั้งความกดดัน ทั้งอาการชาเหมือนไฟช็อตเลยนะ
ถ้ายังฟังเสียงนี้ต่อไป มันต้องทำให้สติฉันพังยับไม่เหลือชิ้นดีแหงๆ ต้องกลายเป็นบ้าไปชัวร์เลย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ทุกอย่างที่ฉันทำได้ ก็มีแต่ฟังเธออยู่แบบนั้นเฉยๆ เลย
รูนะกระซิบบอกกับฉัน
“เค้าจะมาคุยด้วยทีหลังนะ โอเคมั้ย? เพราะงั้น ตอนนี้ นั่งอยู่เฉยๆ”
“ย-… หยุด…”
“ชู่ว… เงียบๆ สิ ฝันดีนะ คุณคามิโคชิ โซราโอะ”
‘เสียง’ โลหะเหลวนั่นไหลท่วมสมองของฉันจนมิด ก่อนจะไหลลงไปตามไขสันหลัง ถลำตัวเองลงไปถึงสติของฉัน แล้วฉันก็หยุดมันเอาไว้ไม่ได้เลย
TN: …ถึงจะมีดวงตา แต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
ขนาดเป็นคนขี้กลัว แต่ก็เอาตัวเองรับหน้าแทนโซราโอะเลยนะครับเนี่ย โคซากุระซัง~ ^^