ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 122 ไฟล์ 13 แพนโดร่าข้างห้อง 7
“ว-… หวัดดีค่ะ”
คุณโคซากุระที่มาเจอฉันที่ประตูดูมีสีหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าทุกทีซะอีก
“ฉันไม่ได้เปิดห้องพักให้เช่าเอาไว้ที่นี่ซักหน่อยนะ”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ”
“เธอบอกว่ากำลังตกที่นั่งลำบากอยู่นี่ ฉันจะยกเว้นให้เธอเป็นพิเศษก็แล้วกันนะโซราโอะจัง”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”
ฉันก้มหัวขอโทษคุณโคซากุระอยู่แบบนั้น ในขณะที่เดินเข้าบ้านของเธอไป
“ขอพูดเอาไว้ให้เธอเข้าใจชัดๆ แล้วกัน ฉันไม่ได้จะช่วยดูแลอะไรเธอเป็นพิเศษหรอกนะ”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรเลยค่ะ ให้ฉันมีเตียงได้นอนกับมีน้ำได้อาบ แค่นั้นก็ดีพอแล้วค่ะ”
แค่คืนเดียว ฉันก็ออกจากอพาร์ตเมนต์ของอาคาริแล้ว ถึงเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่นัตสึมิทำท่าทางระแวงฉันออกมาแบบโจ่งแจ้งเลย
แล้วตัวฉันเองก็ทำใจยอมรับว่าตัวเองจะค้างที่นั่นต่อไม่ไหวเหมือนกัน ที่นั่นมันรู้สึกมีความเอื้อเฟื้อกับความอิหลักอิเหลื่อปนๆ กันแบบแปลกๆ ยังไงไม่รู้
อีกอย่าง ฉันไม่อยากจะไปบังคับให้เจ้าของอพาร์ตเมนต์ห้องเดี่ยวเขาลงไปนอนกับพื้นหลายวันหรอก
เมื่อคืนฉันก็โหยอยากนอนมากเลยด้วย หัวถึงหมอนแป๊บเดียวฉันก็หลับแล้ว แต่ถ้าไม่ได้อยู่แบบนั้น ฉันก็คงกระวนกระวายจนไม่เป็นอันนอนกันพอดี
ตรงจุดนี้ บ้านของคุณโคซากุระก็มีห้องหลายห้องอยู่แล้ว ต่อให้จะขอให้เธอช่วยเตรียมห้องไว้ให้หน่อยซักห้อง… ก็คงไม่เป็นไรหรอก มั้ง? ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เธอเคยขอให้ฉันค้างอยู่ด้วยตอนเธอกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวด้วยนี่นา
“แต่ ฉันจะให้เธอไปนอนตรงไหนดีนะ? ห้องฉันก็มีเตียงแค่หลังเดียวเอง”
คุณโคซากุระบ่นงึมงำด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อ่า ฉันนอนที่ม้านั่งก็ได้นะคะ หรือจะอะไรก็ได้”
“นอนบนโซฟามันจะยิ่งทำให้เธอเหนื่อยเข้าไปใหญ่เลยนะรู้มั้ย?”
“ต่อให้เป็นบนพื้น ฉันก็นอนได้ค่ะ”
“ถ้าแบบนั้นเธอไม่ติดอะไร งั้นฉันว่าก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ”
ฉันเลือกจะสั่งพิซซ่ามาเป็นมื้อเย็นนะ ฉันจ่ายเอง เพราะคิดว่าแทนที่จะเลือกของขวัญมาฝากแบบไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าฉันสั่งอาหารมาทานที่นี่ด้วยคุณโคซากุระก็น่าจะทำให้เธอดีใจกว่านะ
แล้วแผนนี้ก็มันก็ได้ผลแบบตรงจุดด้วย คุณโคซากุระอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ ตอนที่เธอหยิบพิซซ่าหน้า 4 ชีส จำกัดเวลาเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นที่ฉันสั่งมาเคี้ยวหงับๆ เลย
เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเดินเข้ามาในห้องครัวร่วมกับห้องทานอาหารที่บ้านของคุณโคซากุระนะเนี่ย ในนี้มีโต๊ะเรียบๆ ตัวใหญ่ตัวนึง กับเก้าอี้อีก 4 ตัว พวกเรานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ทานพิซซ่าขอบกรอบกับชีสร้อนๆ กันด้วยมือเลยนี่แหละ
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมารับแขกแบบนี้น่ะ”
คุณโคซากุระบ่นงึมงำกับตัวเอง ท่าทางจะสะเทือนใจกับอะไรซักอย่างเลย
มีห้องครัวรวมกับห้องทานอาหารแบบนี้ก็เจ๋งดีนะ แต่ว่าในห้องนี้ นอกจากตู้เย็นตู้ใหญ่แล้ว มันก็แทบจะไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ทำเอาห้องนี้มันรู้สึกอ้างว้างเหมือนกัน ตรงมุมห้องมุมนึงก็มีถุงขยะที่มีขวดพลาสติกเปล่าๆ อยู่ข้างในจนเต็ม วางกองๆ กันอยู่
“ฉันว่า มันมากไปหน่อยนะคะ”
“อือ… บ้านนี้มันมีที่ว่างเยอะไปสำหรับคนคนเดียวล่ะนะ”
“เอ๊ะ? อ้อ เปล่าค่ะ พอดีฉันหมายถึงพิซซ่าน่ะ ฉันสั่งถาดใหญ่มาตั้ง 2 ถาดแน่ะ ดูท่าจะเยอะไปหน่อย ว่ามั้ยคะ?”
คุณโคซากุระจ้องเขม็งใส่ฉันเลย
“เธอนี่เป็นคนยุ่งยากจริงๆ เลยนะ”
“ไหงงั้นล่ะ!?”
“โอ้ย เงียบไปเลย กินๆ ให้เสร็จ แล้วก็ไปนอนซะไป”
“นี่มันยังไม่ 3 ทุ่มเลยนะคะ!”
“เป็นเด็กเป็นเล็กก็รีบนอนซะตั้งแต่หัวค่ำสิ”
“ฉันเป็นเด็กมหาลัยแล้วนะคะ! คือ ฉันยังมีรายงานต้องทำก่อนด้วย…”
ได้ยินแบบนั้น คุณโคซากุระก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจเลย
“หืม เธอนี่จริงจังกับเรื่องเรียนเหมือนกันสินะเนี่ย? งั้นก็อยู่ทำการบ้านไปเถอะ”
“อ่า ขอบคุณค่ะ”
ฉันตอบเธอไปแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่
แล้วอยู่ๆ คุณโคซากุระก็ถามขึ้นมา พลางเลียซอสมะเขือเทศที่เลอะนิ้วของเธอไปด้วย
“เดี๋ยวนี้มหาลัยเป็นไงบ้าง? ฉันได้ยินว่าเรียนกันยากน่าดูเลยนี่”
“ก็ ฉันว่ามันก็ยากอยู่นะคะ เด็กมีตังก็กินอยู่ได้เลยด้วยเงินพ่อเงินแม่ ส่วนคนอื่นๆ อย่างเราก็ต้องทำงานพิเศษ หาเงินมาให้พอใช้จ่ายได้ แล้วเราก็ไม่ได้มีเดดไลน์ส่งงานยืดออกไปไกลกว่าคนพวกนั้นด้วย”
“นี่เธอก็ทำงานพิเศษด้วยเหรอเนี่ยโซราโอะจัง?”
“เคยทำค่ะ ทำอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ตอนนี้พอไม่ต้องทำงานพวกนั้นแล้วเรื่องมันก็ง่ายขึ้นเยอะเลย ต้องขอบคุณคุณโคซากุระตรงเรื่องนี้ด้วยนะคะ”
“หืมมม…”
ฉันพยายามจะชมเธอซักหน่อย แต่คุณโคซากุระกลับขมวดคิ้วขึ้นมาซะงั้น
“เอาเถอะ… ถ้ามันแปลว่าฉันช่วยให้เธอมาจดจ่อกับเรื่องเรียนได้มากขึ้น ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“แต่ว่ากันตามตรง ฉันคิดว่าบางทีฉันอาจจะเลิกเรียนมหาลัยไปอาจจะดีกว่านะคะ”
“เอ๊ะ?”
“ที่ฉันเข้าเรียน ก็เพราะฉันสนใจในเรื่องของตำนานพื้นบ้าน มานุษยวิทยา แล้วก็เรื่องอะไรพวกนั้นค่ะ แต่ถ้าฉันออกสำรวจที่โลกอีกฝั่งนึงได้แบบนี้ ฉันว่าแค่นี้สำหรับฉันก็พอแล้ว ทำงานหาเงินจากการหาของจากโลกเบื้องหลังมา—”
“อย่าเชียว”
“เอ๊ะ?”
ฉันพูดออกไปแบบติดตลก พอโดนคุณโคซากุระพูดตัดบทฉันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบนี้ก็ทำเอาตกใจเลย
สายตาของเธอดูดุยิ่งกว่าทุกทีอีก
“ถ้าเธอตัดสิ่งที่เชื่อมโยงเธอเอาไว้กับโลกนี้แบบนั้นล่ะก็ คราวนี้เธอจะกลับมาอีกไม่ได้แล้วนะ”
“เปล่านะคะ คือ—”
“ในตอนที่อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย การยึดติดอยู่กับความคิดอยู่ว่าต้องมีชีวิตรอดกลับมาบ้านให้ได้น่ะมีผลต่างกันระดับหน้ามือกับหลังมือเลย ถ้าเธอมีใครที่เธอสนิทด้วย คนคนนั้นก็ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนสมอเรือคอยรั้งเธอเอาไว้ได้นั่นแหละ แต่ทั้งเธอทั้งโทริโกะก็ดันติดโลกเบื้องหลังมากกว่าโลกฝั่งนี้ซะอีก แถมเป็นกันทั้งคู่เลยด้วย ถ้าเธอทิ้งชีวิตที่โลกฝั่งนี้ไปล่ะก็ พวกเธอ 2 คนได้หายสาบสูญกันไปทั้งคู่แน่”
คุณโคซากุระเหลือบมองลงต่ำ ดูอึกอักที่จะพูดต่อ
“ฉันก็หวังว่าตัวเองจะทำหน้าที่เป็นสมอให้พวกเธอได้นะ แต่ฉันรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก เพราะงั้น อย่างน้อยก็ขอให้เธอเอาใจใส่กับชีวิตปกติอย่างที่มีนี่เถอะ ถือว่าฉันขอแล้วกัน”
“…”
แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตรงที่ฉัน
“เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดรึยัง!?”
“ค- ค่ะ”
“เหรอ ดีแล้วล่ะ”
คุณโคซากุระพึมพำ ก่อนจะดึงพิซซ่าขึ้นมากินพร้อมๆ กับมีสีหน้าไม่พอใจด้วย เป็นครั้งแรกเลยที่เธอดุฉันแบบนี้ ทำเอาตระหนกเหมือนกันแฮะ
แต่ ก็… มันก็จริงนะว่าฉันไม่อยากจะทำอะไรที่มันลดโอกาสรอดชีวิตของฉันหรอก
“ฉันจะพยายามไม่โดดเรียนนะคะ”
“ทำแบบนั้นแหละ”
“จะพยายามเท่าที่ทำได้ค่ะ”
“ทำเรื่องที่เหมาะที่ควรน่ะดีแล้ว ใช้ชีวิตอย่างขยันพากเพียรไปเถอะ”
ฉันมองรอบๆ ไปตามห้องครัวที่ดูอิเระเขะขะด้วยความสงสัย เธอเองก็ดูจะไม่ได้มีชีวิตในแบบที่เหมาะเท่าไหร่เหมือนกันล่ะมั้ง…
แต่ฉันก็ยังมีหัวคิดล่ะนะว่าอย่าพูดเรื่องที่คิดนี่ออกไปเชียว
พอเธอกินอิ่มแล้ว คุณโคซากุระก็กลับไปที่ห้องเธอ ส่วนฉันก็เลือกจะไปอาบน้ำซะก่อนเลยดีกว่า ห้องอาบน้ำของเธอปูกระเบื้องสไตล์ย้อนยุค ยังคงความรู้สึกร่วมสมัยกับตอนที่บ้านหลังนี่ถูกสร้างขึ้นเอาไว้อยู่เลย อาจจะเป็นยุค ’70 ก็ได้มั้ง? แถมไม่มีร่องรอยการบุกเข้ามาของพวกลัทธิอยู่แล้วด้วย ฝักบัวกับก๊อกน้ำถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่แล้ว พอรวมพวกนั้นกับแชมพูมียี่ห้อตรงนี้แล้ว ก็ทำเอาดูผิดที่ผิดทางจากความสวยงามยุคโชวะในห้องนี่เลย
พอฉันได้ลงแช่น้ำในอ่างเป็นครั้งแรกหลังจากที่ห่างหายไปนาน ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองดูที่ฝ้าเพดานลายคลื่นไปเรื่อยๆ ฉันชอบอยู่คนเดียวนะ แต่ถ้าอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่แบบนี้ ฉันเองก็คิดว่ามันใหญ่ไปหน่อยที่จะอยู่คนเดียวเหมือนกัน คือ เธอใช้ชั้น 2 เป็นแค่ที่เก็บของเท่านั้นเองล่ะนะ
ฉันออกจากอ่างน้ำ แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่ห้องอาหาร ระหว่างที่เปิดคอมที่เอามาด้วยทำการบ้านอยู่ คุณโคซากุระก็ยื่นหน้าเข้ามาหา
“โซราโอะจัง นี่เธอใกล้จะไปนอนหรือยังนะ?”
“อ้อ ค่ะ อีกแป๊บนึง”
“เธอไปนอนที่ห้องนอนได้เลยนะ”
“เอ๊ะ? แต่…”
“เดี๋ยวฉันกะจะทำงานไปถึงเช้าน่ะ ไว้เธอออกไปฉันค่อยไปนอนต่อ”
“งั้นเหรอคะ? ถ้างั้น ขอใช้ก็แล้วกันนะคะ”
“อ้อ แล้วก็ อย่าฉี่รดที่นอนล่ะ”
“นี่คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันคะเนี่ย?”
เตียงที่ห้องคุณโคซากุระนี่เป็นเตียงใหญ่เลยนะ ควีนไซส์? เรียกแบบนั้นก็คงได้มั้ง ฉันนอนกลิ้งไป 2 ทียังไม่ตกเตียงเลย ตั้งแต่ตอนพักที่รีสอร์ตในเกาะอิชิงาคิมาก็ยังไม่เคยนอนบนเตียงที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย ผ้าปูที่นอนนี่ก็ไม่ได้เปลี่ยน เลยยังมีกลิ่นของคุณโคซากุระติดอยู่เลย
ฉันนอนเหยียดอยู่ซักพัก ดูคลิปเล่นในมือถือไปเรื่อย ในห้องมันเงียบมาก แป๊บเดียวฉันก็ง่วงแล้ว กลิ้งไปกลิ้งมาก็หลับไปตั้งแต่ยังไม่ทันเที่ยงคืนเลย
ตื่นมาอีกที ฉันก็กำลังนอนตะแคงอยู่ ก่อนจะรู้สึกขึ้นมาว่าที่หลังมันอุ่นแปลกๆ
พอเอี้ยวกลับไปมองข้างหลัง ก็เห็นว่าคุณโคซากุระกำลังเกาะหลังฉันอยู่ นอนหลับไปพร้อมกับหายใจเบาๆ
เอ๊ะ?
ภาพที่คาดไม่ถึงตรงหน้านี่ ทำฉันเกร็งไปทั้งตัวเลย
นี่เธอทำอะไรของเธอล่ะเนี่ย…?
“เออ… คุณโคซากุระคะ?”
“อ๊ะ!!”
พอฉันเรียกชื่อออกไป เธอก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะหันมองไปรอบห้องอย่างกระวนกระวาย
“ก- เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ฉันถามออกไปอย่างละล่ำละลัก แล้วหน้าของคุณโคซากุระก็หันขวับมาที่หน้าฉันตรงๆ เลย
“โซราโอะจัง! ขอร้องล่ะนะ!”
“ค- คะ?”
“ขอทีเถอะ! ช่วยอย่าเอาของแปลกๆ เข้ามาในบ้านฉันจะได้มั้ย!?”
“เอ๋?”
พอฉันเข้าใจเรื่องที่คุณโคซากุระเล่าให้ฟังในขณะที่เจ้าตัวก็กลัวแทบตายอยู่แล้ว ก็กลายเป็นว่ามันมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันหลับไปด้วย
จากที่เธอเล่ามา ระหว่างที่เธอกำลังทำงานอยู่จนดึก เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินย่ำไปรอบบ้าน เซนเซอร์อินฟราเรดที่ประตูหน้าบ้านก็ทำงานข้ึนมาหลายครั้งเลย พอเธอเปิดกล้องขึ้นมาเช็คว่ามันมีอะไร กลับเห็นว่ามันไม่มีใครเลย
พอเธอรวบรวมความกล้า เดินออกไปดูที่ประตูว่ามันล็อกอยู่ใช่มั้ย ทั้งตัวบ้านก็เริ่มสั่นนิดๆ แถมมีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากชั้น 2 ด้วย ทั้งๆ ที่บนนั้นไม่ควรจะมีใครอยู่
มาถึงจุดๆ นี้แล้ว คุณโคซากุระก็เหมือนจะมั่นใจในข้อเท็จจริงข้อนี่เลย ว่าสิ่งที่เธอกำลังเจออยู่นี่ต้องไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ แล้วเธอก็กลัวขั้นสุดจนรับมือเองไม่ไหวแล้ว เธอก็เลยหนีมาที่เตียงที่ฉันกำลังหลับอยู่ แล้วระวังที่ตัวสั่นหงักๆ เธอก็สลบไป…
“นี่ความผิดของเธอใช่มั้ย!? แล้วตอนฉันเข้ามาที่นี่ เธอก็ดันไม่ยอมตื่นอีก! เอาแต่นอนกรน ไม่สนโลกอะไรเลยเนี่ย!!”
“ต- แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนี่คะ ก็ นี่เช้าแล้วนี่นา”
“ก็ตอนกลางคืนมันเป็นไรไง!!”
“จ- ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
“ยัยบ้า!! คิดว่าฉันจะใจเย็นได้รึไงเล่า!?”
“…เอ๊ะ? เมื่อกี้คุณได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่องนะ!!”
“เปล่านะคะ มันมีเสียงจริงๆ ฉัน—”
ตอนนั้นแหละ ที่อยู่ดีๆ ประตูห้องมันก็เปิดออกเอง
“กรี๊ดดดดด!”
คุณโคซากุระกรี๊ดดังลั่น แล้วก็โดดมาเกาะฉันแน่นเลย
ฉันมองไปที่ประตูด้วยความประหลาดใจเหมือนกัน แล้วตรงนั้น…
โทริโกะนี่เอง
ตอนที่เธอดูที่เตียง เห็นคุณโคซากุระเกาะฉันอยู่ เธอก็ตาเบิกกว้างเลย
“…ทั้งสองคน ทำอะไรกันอยู่น่ะ?”
พอโล่งอก ก็รู้สึกเรี่ยวแรงมันอ่อนยวบไปเลยแฮะ
“โทริโกะ… ฟิ่ว ทำเอาตกใจหมดเลย”
“เอ๊ะ? โทริโกะเหรอ…?”
คุณโคซากุระผละตัวออกจากฉัน ก่อนจะหมดเรี่ยวหมดแรง ล้มตึงลงบนผ้าปูที่นอนเลย
“ย-… อย่ามาทำให้กลัวกันจะได้มั้ย ยัยบ้านี่…”
“นี่ ทั้ง 2 คนทำอะไรกันอยู่น่ะ?”
“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ… เดี๋ยวนะ ฉันมั่นใจว่าครั้งนี้ ฉันล็อกประตูหน้าบ้านแล้วแน่ๆ แล้วนี่เธอเข้ามาได้ไง?”
“ฉันมีกุญแจ”
“ว่าไงน้า!?”
“โทริโกะ แล้วเธอมาทำอะไรที่บ้านคุณโคซากุระตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้เป็นอย่างแรกของวันเนี่ย?”
“อาคาริบอกฉันน่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เธอมีปัญหาที่บ้านใช่มั้ย? เมื่อวันก่อนเธอไปค้างที่บ้านอาคาริมา แล้วเมื่อวานเธอก็มาค้างที่บ้านโคซากุระ… ได้ฟังมาหมดแล้ว”
เสียงของเธอที่พูดอยู่มันเรียบเฉยแบบที่ไม่ค่อยได้ยินจากเธอเท่าไหร่เลย
“อ- อืม”
“นี่ แล้วทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่เธอไม่ยอมบอกล่ะ?”
โทริโกะถามฉันมาด้วยเสียงกดต่ำ
ดูท่า เธอจะโมโหฉันน่าดูเลยแฮะ
TN: ถ้ามีรูปประกอบนี่ หน้ากากละครโนะพร้อมออร่าทมิฬ ゴゴゴゴ ต้องมาละ 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r