ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 108 ไฟล์ 12 เรื่องราวของฟาร์มนั้น 3
มีอีกอย่างนึงที่โทริโกะกับฉันต้องจัดการกวาดล้างให้เรียบร้อยหลังจากลัทธิของรูนะ ก็คือฟาร์มนี้นี่แหละ
พวกลัทธิสร้างที่นี่ขึ้นมาโดยยึดเอาต้นแบบมาจากเรื่องลี้ลับของจริงที่โด่งดังอย่าง [ฟาร์มในภูเขา (山の牧場)]
เรื่องต้นฉบับจะเป็นการพูดถึงสถานที่แปลกๆ ในภูเขาที่ผู้เล่าได้เข้าไปอย่างละเอียด เห็บแวบแรกมันก็เหมือนฟาร์มนั่นแหละ แต่ในคอกมันกลับไม่มีวัวซักตัว คนซักคนก็ไม่มี ห้องน้ำก็มีโถฉี่อัดกันอยู่แน่นเกินไป ที่ที่ดูเหมือนห้องแล็บก็มีเศษแก้วกระจายเกลื่อนไปหมด กับถ่านกองมหึมาที่ถมๆ เอาไว้อยู่ แม้กระทั่งตัวตึกเองก็แปลกไม่ต่างกัน
พอผู้เล่าเรื่องหาทางขึ้นไปจนถึงชั้น 2 ของโกดังที่มันไม่มีบันไดขึ้นไปจนได้ เขาก็ได้เจอกับห้องปูเสื้อทาทามิที่ตุ๊กตาแปะยันต์กระดาษวางเกลื่อนไปทั่วห้อง กับตัวอักษรเขียนไว้บนประตูเลื่อนด้วยหมึกว่า [ช่วยด้วย]
อาคารบนภูเขาในเมืองฮันโนที่ฉันกับคุณโคซากุระโดนจับตัวไปก็สร้างเลียนแบบมาจากเรื่องนี้เลย คอกสัตว์ที่ไม่ใช้งาน ห้องที่เขียนคำว่า [ช่วยด้วย] เอาไว้ และก็อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะที่ใกล้เคียงกับในเรื่องเบ่ามากๆ เห็นแวบเดียวฉันก็รู้แล้ว
เพื่อจะได้เข้าใกล้อุรุมะ ซัทสึกิ สิ่งเคารพบูชาของตัวเอง รูนะก็พยายามหาวิธีติดต่อกับโลกเบื้องหลังให้ได้ เพื่อจะทำแบบนั้น เธอก็จัดการเลียนแบบสถานการณ์มาจากเรื่องผีที่มีอยู่แล้วเอา
เธอก็ทำสำเร็จไปส่วนนึงนะ ก็จริงอยู่ที่เธอเปิดเกทได้ แล้วก็มีผู้ติดต่อประเภท 4 —คนที่ถูกแปรสภาพไปจากการติดต่อกับโลกเบื้องหลัง—ขังเอาไว้ด้วย แค่พูดถึง ก็โผล่หน้ามาเลย พิธีกรรมของรูนะในการเรียกตัวตนจากโลกเบื้องหลังมาก็สำเร็จจริงๆ ด้วย—ติดแค่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันไม่ใช่สิ่งที่รูนะตั้งใจเอาไว้เท่าไหร่
ถึงลัทธิของเธอจะล่มไปแล้ว แต่ตัวตึกมันก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แล้วมันก็อันตรายเกินกว่าจะปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆ ได้ด้วย เพราะแบบนั้น คุณมิงิวะก็ขอให้ฉันกับโทริโกะช่วยมาจัดการกับสถานการณ์ตรงนี้ด้วยอีกแรง
ระหว่างที่พวกเราขับผ่านถนนที่ไม่มีการปูพื้นเอาไว้ รถตู้ก็เด้งขึ้นเด้งลง ทั้งพุ่งไม้ทั้งกิ่งไม้ 2 ข้างทางก็ถูไถผ่านข้างตัวรถไป ถนนมันคดเคี้ยวแล้วก็แคบเกินกว่าจะขับสวนกันหรือกลับรถได้เลย หลังจากที่ไต่ขึ้นเขามาซักพัก ถนนก็กว้างขึ้น จนมาถึงหัวเลี้ยว ก็มีถังเหล็กใบนึงวางอยู่ข้างทาง กับคำที่ถูกหมึกเขียนเอาไว้ว่า [อีก 30 เมตร]
เห็นแบบนั้น ฉันก็เผลอหลุดพึมพำออกมา
“…ตรงนี้ก็ทำมาด้วยเหรอเนี่ย”
“ทำอะไรเหรอ?”
“มันเป็นของที่โผล่อยู่ในเรื่อง [ฟาร์มในภูเขา] ด้วยน่ะ”
พอฉันอธิบายให้ฟัง โทริโกะก็มองไปที่ถังใบนั้นที่เราขับผ่านไปอย่างงงๆ
“ก็แค่ป้ายบอกเองนี่?”
“ถ้าตัวมันเฉยๆ ก็ใช่นะ”
ระหว่างที่เรายังคุยกันอยู่นี่ เราก็ขับมาเจอถังอีกใบนึง ที่เขียนบอกว่า [อีก 20 เมตร]
“ตอนแรกที่มา พวกเราไม่ทันได้สังเกตเลย”
“ก็กลางคืนนี่นา มืดตึ๊ดตื๋อเลยด้วย”
พอโทริโกะกับคุณมิงิวะว่ามาแบบนั้น ฉันก็เข้าใจซักที ทั้ง 2 คนขึ้นมาตามถนนขึ้นเขาคดเคี้ยวนี่โดยไม่เอาไฟมาเลย เพื่อจะมาช่วยฉันกับคุณโคซากุระสินะ
ระหว่างทางก็ยังมีถังแปะป้ายต่อมาอีก
[อีก 15 เมตร]
[อีก 10 เมตร]
ระยะจริงๆ มันไกลกว่าที่ป้ายมันบอกนะ แล้วระยะห่างระหว่างป้ายก็ไม่เท่ากันด้วย ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ได้วัดระยะเลยสินะ แค่เอามาวางๆ ไว้ตามหัวเลี้ยวเท่านั้นเอง
แล้วที่ถังใบสุดท้าย—ที่เขียนเอาไว้ว่า [ถึงที่หมาย]—โผล่มาให้เห็น ทัศนวิสัยก็กว้างขึ้นมาทันที ตรงนั้น มีอาคารหลายหลังท่ามกลางต้นไม้หนาแน่นที่รายล้อมอยู่
พวกเรา มาถึง [ฟาร์ม] แล้ว
พื้นดินถูกยกให้สูงขึ้น แล้วก็ปกคลุมด้วยหินกรวดคล้ายกับลานจอดรถที่ไม่ได้ปูลาดยาง ทำเป็นลานว่างรอบ 3 ด้านของตึก พอเข้าไปกลางจัตุรัสปุ๊บ รถตู้ของพวกเราก็หยุดปั๊บเลย
“พวกคุณ 2 คน รอที่นี่ก่อนนะครับ”
คุณมิงิวะพูดทิ้งไว้ ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงไปจากรถ คนขับเองก็ลงรถไปพร้อมกันเลย
คุณซาซาสีกะลุกขึ้นจากเบาะ ออกไปจากตัวรถผ่านทางประตูเลื่อน ระหว่างที่ฉันมองตามไปพลางคิดว่าควรจะทำอะไรดี พวกเขาก็เปิดกระโปรงหลังรถ เริ่มขนกระเป๋าที่ดูหนักๆ กับตะกร้าพลาสติกที่ใส่อุปกรณ์เอาไว้ลงมา
พอเห็นเขาเอาลูกซองออกมาจากกระเป๋านั่นหลายต่อหลายกระบอก ฉันก็อึ้งไปเลย ไหนเมื่อกี้เพิ่งพูดว่าพวกเขาใช้ปืนในญี่ปุ่นไม่ได้ไง?
คนจากทอร์ชไลท์เติมกระสุนเข้าในตัวปืนอย่างชำนาญ ต่อด้วยการดึงลูกเลื่อนเข้ามา พวกคนที่ลงมาจากรถตู้คันอื่นเองก็มาเตรียมอุปกรณ์ด้วยเหมือนกัน
แล้วคุณมิงิวะก็เดินกลับเข้ามาเรียกพวกเราในรถ
“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับ ทั้ง 2 คน ขอให้มาทางนี้ด้วยครับ”
ฉันกับโทริโกะเดินลงมาจากรถตู้ ในขณะเดียวกัน สมาชิกของทอร์ชไลท์ก็กระจายตัวออกไปล้อมรอบรถ สังเกตการณ์พื้นที่โดยรอบอยู่ คนที่ลงจากรถตู้อีกคันมานั่น ดูจะเป็นชาวต่างชาติไปเกินครึ่งแล้วนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายหุ่นล่ำกัน ผู้หญิงมีแค่คุณซาซาสึกะกับผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นชาวฮิสแปนิกนะ
“แสดงว่า มีปืนใช้กันด้วยสินะเนี่ย”
โทริโกะพูดขึ้นมาแบบนั้น คุณมิงิวะก็ยิ้มอ่อนๆ มาให้
“พวกนี้เป็นของที่เราได้จากพวกลัทธิที่บุกเข้ามาที่ศูนย์วิจัย DS น่ะครับ หลังจากที่พวกคุณจัดการเรื่องที่พวกเขาถูกล้างสมองออกไปเรียบร้อยแล้ว พอเราถามถึงรายละเอียด ก็กลายเป็นว่า ปืนพวกนี้ พวกเขาได้มาด้วยวิธีการที่พอจะถูกกฎหมายอยู่ ก็ หลังจากที่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราก็เอาปืนออกมาจากมือของพวกเขาครับ”
ยังงี้เอง… ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ยังมีที่ที่เราจะหาปืนมาได้อยู่งั้นสินะ?
หลังจากที่คุยกับคนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว คุณซาซาสึกะก็กลับมาหาพวกเรา
“มิงิวะ ทางเราพร้อมแล้ว”
คุณมิงิวะได้ยินแล้วก็พยักหน้า
“เข้าใจแล้วครับ เอาล่ะ พวกคุณ 2 คนพร้อมหรือยังครับ?”
“อะ เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวเราเอาปืนออกมาก่อน”
ตอนที่กำลังเปิดเป้ตัวเอง คุณซาซาสึกะก็หยุดพวกเราเอาไว้ก่อน
“เรื่องนั้นไม่เป็นอะไรหรอกนะ ครั้งนี้ ทางเราจะปกป้องพวกเธอเอง”
“เอ๊ะ? แต่ว่า—”
“นี่เป็นงานของพวกเรา ให้ทางเราเป็นคนจัดการเองเถอะนะ”
ได้ยินแบบนั้น ฉันกับโทริโกะก็หันมามองหน้ากัน
“อ่า ค่ะ? ถ้างั้นก็ โอเค…”
ถีงฉันจะยังสงสัยอยู่ก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะไปต่อปากต่อคำอะไรกับพวกมืออาชีพเขาหรอก สุดท้าย เราก็หยุดมือที่กำลังเปิดกระเป๋าอยู่นั่นแบบเซ็งๆ
พอคุณซาซาสึกะกับคุณมิงิวะหันไปแล้ว โทริโกะก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับฉัน
“ฉันว่า พวกเขาไม่อยากให้มือสมัครเล่นอย่างเราแกว่งปืนไปมาแน่เลย”
“อ้อ… ก็จริงนะ”
นั่นสิเนอะ มือโปรอย่างเธอหรือคนกลุ่มนั้นคงไม่อยากให้มือสมัครเล่นอย่างฉันไปเดินถือปืนอยู่ข้างๆ พวกเขาหรอก ก็เช้าใจได้อยู่นะ แต่ถึงจะเข้าใจก็เถอะ มันก็ยังไม่สบอารมณ์อยู่ดีนั่นแหละ
“ฉันก็คงเป็นแบบนั้นแหละ แต่ฉันว่านะโทริโกะ เธอน่ะคุ้นเคยกับการถือปืนดีอยู่แล้วนี่นา”
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอะไรหรอกนะ แต่โทริโกะที่ขมวดคิ้ว แสดงท่าทางระแวดระวังให้เห็นอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มเบิกบานทันทีเลย
“เห!? อ้อ ให้ตายสิ จะชมกันมากเกินไปแล้วนะ”
ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เห็นโทริโกะดูดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้ยินอะไรแบบนี้ก็น่าตกใจอยู่เหมือนกันนะ
อะไรเนี่ย? นี่เธอจะตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอเวลาโดนชมน่ะ?
เอ เดี๋ยวนะ? ทุกทียัยนี่เป็นคนง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ…?
TN: อืม… อยากรู้จักว่าตอนนี้ ข้างในนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r