ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 106 ไฟล์ 12 เรื่องราวของฟาร์มนั้น 1
“นี่ ดูสิ ไม่ได้เลอะเทอะอะไรขนาดนั้นซักหน่อยนะ แถมก็ไม่ได้พังของอะไรมากมายขนาดนั้นด้วย ว่ามั้ย?”
ที่โทริโกะพูดนั่น ไม่ได้ช่วยให้คิ้วของคุณโคซากุระที่ขมวดอยู่คลายลงเลยซักนิด
“เธอจะบอกว่านี่มันไม่เลอะเทอะงั้นเรอะ? ก็ใช่ ไม่มีอะไรแตกเสียหายก็จริง แต่—”
“เอ๊ะ?”
“…กลิ่นอายความรุนแรงนี่มันโชยหึ่งเลยเนี่ย”
พวกเรา 3 คนอยู่ในบ้านของคุณโคซากุระ กำลังมองลงไปในอ่างอาบน้ำอยู่ ตัวบ้านนี้มันเก่าอยู่นะ—ถึงตัวห้องน้ำดูเหมือนจะมีการซ่อมปรับปรุงมาแล้วนิดหน่อยก็เถอะ—แต่ก็มีรอยคราบเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกลากเข้ามาเป็นทาง หัวฝักบัวถูกวางทิ้งเอาไว้อยู่กับพื้น ผ้าเช็ดตัวที่ห้อยพาดขอบอ่างอยู่นั่น เปียกเลือดอยู่จนชุ่มเลย
ก็อย่างที่คุณโคซากุระว่านั่นแหละ ลางสังหรณ์มันร้องบอกเลยว่ามีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นในห้องนี้แน่นอน
มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจากโถงทางเดิน ก่อนที่คุณมิงิวะจากศูนย์วิจัย DS จะยื่นหน้าเข้ามาในห้องนี้
“ทีมทำความสะอาดจะมาถึงช้านิดหน่อยนะครับ ทางนั้นบอกมาว่าพวกเขาขับลงไปตามถนนเลนเดียวตรงหน้าสถานี แล้วก็หลงทางจนได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องให้รอนานเลย”
“ไม่เป็นไร ช่างเถอะ”
ถึงคุณโคซากุระจะพูดด้วยห้วนๆ ก็เถอะ แต่คุณมิงิวะก็ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพและให้เกียรติเหมือนเดิม
“เดี๋ยวผมจัดการส่วนที่เหลือเองครับ เพราะงั้น คุณโคซากุระ แล้วก็ทุกท่าน เชิญนั่งพักผ่อนกันตามสบายได้เลยนะครับ… ถึง อาจจะแปลกๆ ซักหน่อยที่ผมจะเป็นคนพูดแบบนั้นก็เถอะนะ”
“แน่อยู่แล้วสิ นี่มันบ้านฉันนะ”
คุณโคซากุระหันเดินออกจากห้องน้ำไปโดยที่เจ้าตัวก็ยังโมโหอยู่เลย ฉันกับโทริโกะก็เดินตามออกไป ตอนที่เดินผ่านคุณมิงิวะ ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปถามเขา
“คุณ เล่นกับน้ำเหรอคะ?”
“ครับ?”
“เห็นคุณพูดถึงเรื่องอย่างขอยืมใช้ผ้าเช็ดตัวด้วยนี่คะ…”
ฉันพูดไปแบบนั้น แล้วรอยยิ้มของคุณมิงิวะก็กดลงลึกขึ้น
เมื่อ 3 วันก่อน ฉันกับคุณโคซากุระโดนลักพาตัวไปจากข้างถนนจากพวกสาวกของลัทธิล้างสมอง พวกนั้นบูชาอุรุมิ รูนะ เด็กสาวมอปลายที่สามารถดึงดูดผู้คนได้ด้วย [เสียง] พิเศษที่ได้มาจากโลกเบื้องหลัง จริงๆ ตอนแรกพวกนั้นวางแผนจะลักพาตัวโทริโกะนะ แต่ไปๆ มาๆ มันดันมั่วซั่วไป แล้วก็จับตัวคุณโคซากุระไปด้วย
พวกลัทธิงัดเข้ามาในบ้านคุณโคซากุระเพื่อพยายามจับตัวโทริโกะรอบที่ 2 แต่ที่นั่น โทริโกะกับคุณมิงิวะ—ที่พอเธอโทรเรียก เขาก็รีบมาหาเลย—ก็ดักรออยู่แล้ว
พอพวกเขาจัดการกลุ่มคนที่งัดเข้ามาเรียบร้อยแล้ว คุณโคซากุระก็สอบปากคำพวกนั้นเพื่อหาว่าฉันกับคุณโคซากุระโดนจับไปตัวไปที่ไหนกันแน่ แต่ก็ มันแน่อยู่แล้วล่ะนะว่าการจะเค้นข้อมูลมาจากสาวกลัทธิคลุ้มคลั่งเนี่ยมันไม่มีทางเป็นงานง่ายๆ อยู่แล้ว ตอนที่ฉันถามเขาว่าเขาใช้วิธีไหน คุณมิงิวะก็ตอบว่าเขา “แค่ยืมใช้อ่างอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวมาหลายผืน” แล้วก็ “เล่นน้ำกันนิดหน่อย”
“ตอนนี้ ผมคงจะบอกไม่ได้หรอกนะครับว่ามีประสบการณ์ แต่จากที่มีคนเขาบอกกัน เวลาคุณอยากให้ใครบอกอะไรซักอย่าง วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก็คือการใช้น้ำครับ มันไม่ทำให้เละเทะ ไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้ และไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ”
คุณมิงิวะอธิบายให้ฟังอย่างใจดีเลยนะ
แต่ ถึงเขาจะไม่ได้บอกตรงๆ ฉันก็ยังบอกได้เลยว่าเขากำลังพูดถึงการทรมานอยู่แน่ๆ
ผู้อำนวยการขององค์กรส่งเสริมการวิจัย DS มิงิวะ โยอิจิโร่ คนที่ดูเหมือนกับพ่อบ้านในชุดสูทสามส่วนคนนี้ ดูจะช่ำชองในเรื่องการใช้ความรุนแรงมากกว่าที่แค่เห็นภายนอกเยอะเลย
แต่ ฉันรู้นะว่าใต้แขนเสื้อของเขานั่น มีรอยสักอักขระมายันอยู่เต็มปลายแขนเลย
น่ากลัว!
ถึงยังงั้นก็เถอะ ถ้าคุณมิงิวะไม่เค้นคอเอาข้อมูลมาจากพวกลัทธิได้ แล้วรีบรุดมาช่วยพวกเรากับโทริโกะล่ะก็ พวกนั้นคงยิงฉันตายไปแล้ว คุณโคซากุระก็คงโดนล้างสมองไปไม่เหลือแน่
เรื่องนี้ แน่ล่ะว่าฉันขอบคุณมากๆ เลย แต่ก็ยังกลัวมากอยู่ดี แบบว่า ยังไงฉันก็เป็นแค่นักศึกษามหาลัยธรรมดาๆ เท่านั้นเองนี่นา
“ช่วยอย่าเอาเรื่องอันตรายพรรค์นั้นมาคุยในบ้านฉันจะได้มั้ย?”
“ต้องขอโทษด้วยครับ”
พอคุณโคซากุระบ่นแบบนั้น คุณมิงิวะก็ขอโทษเธออย่างสุภาพ
พวกเราเดินมาตามโถงทางเดินในบ้าน และมุ่งหน้าไปที่ห้องรับแขก ในห้องโถงเองก็มีรอยเท้าเปื้อนเต็มไปหมด แล้วก็มีเส้นลวดกับขวดพลาสติกใช้พวกคุณมิงิวะต้องเอามาใช้ทำกับดักใส่พวกผู้บุกรุกแน่ๆ หล่นกระจายอยู่ด้วย พวกเขาใช้เทปสีเขียวสว่างมาแปะไว้เป็นสัญลักษณ์ให้เด่นเพื่อเป็นการเตือนเอาไว้ก่อนชั่วคราว
พอกลับมาที่ห้องรับแขกแล้ว พวกเราก็หย่อนตัวนั่งลงที่โซฟา ส่วนคุณมิงิวะยังยืนอยู่เลย
“ให้ผมต้มชาหน่อยมั้ยครับ?”
“อ้อ รบกวนด้วยนะคะ”
“เอาอีกแล้ว นี่ทำไมเธอถึงเป็นคนตอบน่ะฮะ โซราโอะ? ที่นี่บ้านฉันนะ เข้าใจมั้ย?”
ถึงคุณโคซากุระจะเอ็ดแบบนั้น แต่เธอก็ไม่ได้ขัดอะไร คุณมิงิวะก็เลยทำชาให้เผื่อทุกคนเลย
ระหว่างจิบชาเขียวร้อนอยู่ คุณโคซากุระก็บ่นขึ้นมา
“เดินพล่านไปทั่วกันทุกคนเลยนะ ทำตามใจชอบในบ้านฉันกันเต็มที่เลยนี่”
“ต้องขอโทษด้วยครับ มันเป็นเหตุฉุกเฉิน พวกเราก็เลยไม่มีทางเลือก… ทางกลุ่มวิจัย DS จะชดใช้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่จำเป็นทั้งหมดเองครับ”
“เยี่ยมเลยนี่ ช่วยซ่อมปรับปรุงที่นี่ด้วยเลยได้มั้ย?”
“แน่นอนครับ ช่วยเขียนเป็นรายการเอาไว้ด้วยนะครับว่าต้องการอะไรบ้าง ถ้าทำได้—“
“ล้อเล่นน่า… ทำให้ที่นี่มันสะอาดเรียบร้อยก็พอแล้ว”
“นี่ โซราโอะ”
โทริโกะที่นั่งเงียบมาซักพักใหญ่ๆ แล้วก็มองมาที่ฉันอย่างล่อกแล่ก
“อะไรเหรอ?”
“คือ เรื่องงานเลี้ยงหลังจบงาน… เธออยากทำอะไรเหรอ?”
“…ฮะ?”
ฉันกับคุณโคซากุระจ้องไปที่โทริโกะกันทั้งคู่เลย
“ก็ แบบว่า พวกเราไปที่โลกเบื้องหลังมา แล้วก็กลับออกมาแล้วนี่? เพราะงั้นก็ต้องมางานเลี้ยงปิดงานไง”
โทริโกะดูจะยึดติดกับ [งานเลี้ยงปิดงาน] ที่พวกเราจะไปกินไปดื่มกันทุกครั้งหลังจากไปสำรวจที่โลกเบื้องหลังแบบแปลกๆ ตอนแรกมันก็ทำให้ฉันงงๆ อยู่นะ แต่มันก็ช่วยให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าพวกเรากลับมาสู่ความธรรมดาแล้ว เพราะงั้น ฉันเลยคิดว่ามันก็เป็นธรรมเนียมที่ดีเหมือนกัน สำหรับการเดินทางจากโลกเบื้องหลังกลับมาที่โลกเบื้องหน้าน่ะ
คุณโคซากุระวางแก้วชาของเธอลงเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“โอเค! ได้สิ! ไปหาเนื้อกินกัน!”
“เอ๊ะ? แต่ว่า ฉันไม่มีเงินเท่าไหร่นะคะ”
คุณโคซากุระหันมามองฉัน ส่งเสียงหายใจขึ้นจมูกออกมา
“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง—ยังไงซะ พวกเธอก็ช่วยชีวิตฉันนี่นา”
“ยอดเลย โคซากุระ”
“สุดยอดเลยค่ะ คุณโคซากุระ”
พอได้ยินแบบนั้น คุณโคซากุระก็หันมาจ้องเขม้งที่พวกเราเลย
“โห นี่พวกเธอเป็นทหารรับจ้างหรือไงเนี่ย… เอาเถอะ ช่างมัน ไปกันโลด!”
“เอ๊ะ? ตอนนี้เลยเหรอคะ? ไม่รอทีมทำความสะอาดก่อนเหรอ?”
“เดี๋ยวผมคอยดูอยู่ที่นี่ช่วงที่พวกคุณไม่อยู่ให้ครับ พวกคุณออกไปกันได้เลย”
พอคุณมิงิวะบอกส่งพวกเรามาแบบนั้น พวกเรา 3 คนก็เลยออกไปเที่ยวแบบปุบปับเพื่อจะไปกินเนื้อกัน
อาจจะเพราะการทิ้งบ้านของเธอให้อยู่ในการดูแลของคนอื่นทั้งหมดเลยมันก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมา คุณโคซากุระก็ต้องสามารถรีบกลับบ้านได้ด้วย เพราะแบบนั้น พวกเราก็เลยเลือกมองหาร้านที่อยู่หน้าสถานีที่ใกล้ที่สุด สถานีสวนสาธารณะชาคุจิอิ
“ฉันอยากหาเนื้อดีๆ กินจังเลยน้า”
นั่นเป็นความพอใจของคุณโคซากุระ แล้วเธอก็เป็นคนจ่ายด้วย เพราะงั้น ฉันกับโทริโกะก็แค่พยักหน้าตอบ แล้วมองหาร้านอาหารกันต่อ
พวกเราเข้าไปที่ร้านบาร์ แอนด์ กริลล์ที่เปิดตลอดวัน แล้วเริ่มมื้อด้วยไวน์โรเซ่ ถึงตอนนี้ฟ้ามันจะยังสว่างอยู่เลยก็เถอะ
ฉันไม่เคยคิดว่าไวน์โรเซ่มันจะเป็นอะไรไปมากกว่า [ของชมพูหวานแหวว] เลยนะ แต่รสชาติของมันเข้มข้นกว่าที่คิดเยอะเลย ชอบจัง
ต่อจากนั้น พวกเราก็สั่งโปรสชุตโต้ ซูชิเนื้อเซียไฟ แล้วก็ไวน์แดง พวกเราให้ทางร้านปรุงเนื้อสุดแพงที่ราคา 2,000 เยนต่อ 100 กรัม หลังจากที่นั่งดูมันส่งเสียงฉ่าอยู่ในเตาเหล็กร้อน พวกเราก็ได้กินสเต็กกัน ฉันว่าพวกเรา 3 คนเป็นคนกินเยอะอยู่แล้วนะ แต่ขนาดเอาเรื่องนั้นมาคิดด้วยแล้ว วันนี้พวกเราก็ดูจะเจริญอาหารยิ่งกว่าปกติอีกนะ หลังจากที่งัดกับพวกลัทธิ กับเอาชีวิตรอดมาจากตัวตนสุดอันตรายจากโลกเบื้องหลังมาได้ ร่างกายของพวกเราก็โหยหาสารอาหารเพื่อฟื้นสภาพกลับมาจากเรื่องพวกนั้นสุดๆ เลย
TN: ขอต้อนรับสู่มื้ออาหารบาร์ แอนด์ กริล
Rosé wine (ไวน์โรเซ่) เป็นไวน์ที่มีทั้งเอกลักษณ์ของไวน์ขาวและไวน์แดงในตัวเดียวกัน มีรสชาติแบบไวน์ขาว และเนื้อสัมผัสแบบไวน์แดง ไวน์โรเซ่มีสีชมพูไปจนถึงชมพูอมเหลืองที่มาจากเปลือกขององุ่นแดงที่ได้สัมผัสกับน้ำองุ่นในระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างการผลิต
Prosciutto (โปรสชุตโต้) คือส่วนที่ดีที่สุดจากขาหลังหมูนำมาทำการหมักและนำไปตากในอุณหภูมิที่เหมาะสม ปกติจะนิยมทำจากหมู มักนำมาทานกับไวน์ ชีสหรือผลไม้
ตัวตนสุดอันตรายจากโลกเบื้องหลัง…
ระหว่างที่หั่นสเต็กอยู่ ฉันก็เงยหน้าขึ้นมามองโทริโกะกับคุณโคซากุระ
ทั้ง 2 คนจะคิดอะไรกันอยู่นะ? ผู้หญิงที่ทั้งคู่เคยรู้จัก เคยสนิท โผล่ขึ้นมาตรงหน้า โดยที่ตอนนี้ เธอคนนั้นก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเคยเหลือบเห็นมานานแล้ว ปรากฏตัวในร่างที่ทั้งโทริโกะทั้งคุณโคซากุระสามารถมองเห็นได้ด้วยจนได้ ถึงทั้ง 2 คนจะยังมีความรู้สึกโหยหาเธออยู่ก็เถอะ แต่พวกเธอ 2 คนก็เข้าใจได้นะว่าเธอคนนั้นไม่ใช่คนที่พวกเธอเคยรู้จักอีกแล้ว
ตอนนี้ พวกเธอคงยอมแพ้แล้วใช่มั้ยเนี่ย?
ไม่รู้สิ… ไม่มั่นใจเลย
ถ้าหลังจากเจอกับสัตว์ประหลาดนั่นแล้ว ทั้ง 2 คนยังยึดติดไม่เลิกไม่ราล่ะก็ นั่นก็คงจะเกินเยียวยาแล้วล่ะ แต่ฉันก็คงประมาทไม่ได้หรอก ต่อให้จะเมินทุกอย่างที่โทริโกะหรือคุณโคซากุระพูดหรือทำในตอนที่อารมณ์อ่อนไหวไปแล้ว ฉันก็ยังบอกได้เลยว่าความรู้สึกที่พวกเธอมีให้มันฝังลงลึกมากเลย
ผู้หญิงคนนั้น อุรุมะ ซัทสึกิ
คนที่ฆ่าแม่ของอุรุมิ รูนะต่อหน้าต่อตาพวกเรา แล้วก็เกือบจะฆ่าตัวอุรุมิ รูนะแล้วด้วยเหมือนกัน พวกเราพยายามจนหนีกลับมาที่โลกเบื้องหน้าจนได้ ตั้งแต่ตอนนั้นมา ทั้งโทริโกะทั้งคุณโคซากุระก็ไม่พูดถึงอุรุมะ ซัทสึกิเลยซักคำ
พวกเธออาจจะคุยกันตอนที่ฉันไม่อยู่ก็ได้มั้ง แต่ถ้าแบบนั้น ฉันก็ไม่สนหรอก
มือถือของคุณโคซากุระที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา เธอดูที่หน้าจอ ก่อนจะบอกพวกเรา
“ดูเหมือนจะทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะ”
“โห เร็วจังเลยนะคะ?”
“เห็นมั้ย บอกแล้ว พวกเราไม่ได้พังของอะไรไปมากมายซักหน่อย”
โทริโกะพูดโม้ขึ้นมาเลย
“จ้าๆ รู้แล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นอวดเลย”
คุณโคซากุระตอบกลับมาแบบนั้น ก่อนจะกระดกไวน์แก้วที่ 3 ลงคอไป
“ดูท่าหลังกินเสร็จค่อยกลับก็แล้วกัน จะให้ช่วยเฝ้าตลอดเลยก็คงไม่ได้หรอก”
“คุณมิงิวะเขาดูแลคนอื่นเก่งจังเลยนะคะ?”
“ถึงยังไง เขาก็ทำงานได้เงินเดือนแบบเป็นกอบเป็นกำเลยเลยล่ะนะ”
“นี่ จะขอบคุณบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ โคซากุระ ทำตัวเป็นคนขวางโลกจังเลยเนี่ย”
“ฉันไม่อยากได้คำนั้นจากคนอย่างเธอหรอก”
การทะเลาะกันพร้อมกับแรงส่งจากแอลกอฮอล์ยังดำเนินต่อไปแบบนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจเข้าไปแทรกซะก่อน
“เหมือนคุณเคยบอกว่าคุณมิงิวะหาเงินได้เยอะเลยจากธุรกิจกับหน่วยงานรัฐสินะคะ?”
“องค์กรของเขาทำงานดูแลครอบครัวของพวกคนรวยบางกลุ่มน่ะ นั่นแหละที่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำเลย”
DS แล็บถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงปี ’90 แล้วก็คอยให้การดูแลถูกผลกระทบจากโลกเบื้องหลังแปรเปลี่ยนสภาพร่างกายและจิตใจไปอย่างลับๆ พวกเขาเหมือนจะเริ่มต้นจากกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ กลุ่มสมาชิกสภา แล้วก็นักวิจัยที่พยายามออกสำรวจไปในโลกเบื้องหลัง เขาบอกว่าเพราะพวกเขาให้การดูแลเหยื่อที่ถูกทำร้ายสาหัสไปหมดทั้งตัวจนขนาดว่าการจะรักษาให้หายก็ยังหมดหวัง พวกเขาก็ยังได้รับเงินทุนจากครอบครัวของเหยื่อมาประมาณนึงเลย ในฐานะผู้บริหาร คุณมิงิวะก็เลยใช้ชีวิตแบบค่อนข้างจะหรูหราเลยล่ะ
คุณโคซากุระทำงานกับกลุ่มวิจัย DS แล้วก็คอยจัดการรับซื้อพวกสิ่งของที่พวกเราไปเก็บมาจากโลกเบื้องหลัง เพราะเงินจากความใจบุญพวกนั้นเวียนมาหาพวกเราบ้านั่นแหละ พวกเราถึงได้มากินเนื้ออร่อยๆ แบบตอนนี้ได้
ตอนนี้ ข้างนอกก็เย็นแล้ว ระหว่างที่ฉันมองดูพวกคนพากันเดินออกมาจากสถานีกัน สายตาของฉันมันก็เผลอพยายามมองหาผู้หญิงคนนั้นในกลุ่มคนนั่นแบบไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว
ฉันขมวดคิ้ว มองลงไปในไวน์ที่ยังเหลือในแก้ว เพราะภาพหลอนของอุรุมะ ซัทสึกิคอยตามติดฉันมาพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้ มันเลยกลายเป็นว่าฉันชินกับการระแวงอยู่แบบนี้เนี่ยสิ แย่ชะมัดเลย
“มีอะไรเหรอ?”
โทริโกะถามขึ้นมา คงจะเห็นสีหน้าฉันเปลี่ยนไปสินะ
“กำลังคิดอยู่นะ”
“เรื่อง?”
“…เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน”
ฉันตอบเธอไปแบบอ้อมๆ ไม่อยากจะพูดคำตอบนั้นออกมาตรงๆ
“อ้อ… แย่เลยเนอะ ว่ามั้ย?”
คิ้วของโทริโกะขมวดเข้ามาเหมือนกันพอเธอพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนเธอจะไม่ยุ่มย่ามกับคำเลี่ยงของฉันแฮะคราวนี้
เมื่อวาน พวกเราถูกเรียกตัวมาที่ศูนย์วิจัย DS ตรงสถานีทาเมอิเกะ-ซันโนะ เพื่อมาทำงานที่มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ทำได้—กวาดล้างลัทธิของอุรุมิ รูนะ
อุรุมิ รูนะ (เหมือนนั่นจะไม่ใช่ชื่อจริงของเธอนะ—จริงๆ คุณมิงิวะบอกชื่อจริงให้ฉันแล้วล่ะ แต่ฉันดันลืมไปแล้วเนี่ยสิ) เป็นแฟนคลับเหนียวแน่นของอุรุมะ ซัทสึกิ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นมาก่อนเลย เธอใช้เสียงสะกดจิตที่ได้มาจากโลกเบื้องหลังมาล้างสมองผู้คน แล้วก็เปลี่ยนพวกเขาเป็นสาวกผู้ติดตามของเธอ พออุรุมิ รูนะถูกอุรุมะ ซัทสึกิจัดการจนหมดสติไปแล้ว พวกสาวกในลัทธิของเธอก็ยังอยู่เหมือนเดิม
พวกคนที่โทริโกะกับคุณมิงิวะจับตัวเอาไว้ก็ถูกคุมตัวเป็นนักโทษอยู่ที่สถานพยาบาลในศูนย์วิจัย DS พอพวกเราเข้าไปที่ห้องของพวกเขา ก็มีทั้งผู้ชายผู้หญิงอยู่กันเต็มเลย ทุกคนถูกพันผ้าแปะยารักษาเอาไว้กันแล้ว แถมยังมองมาที่พวกเราเขม็งด้วยท่าทางรังเกียจอย่างไม่ปิดบังอะไรเลยด้วย
พวกเขาต้องให้ฉันกับโทริโกะช่วยในการลบล้างการล้างสมอง ฉันมองเห็น [เสียง] ที่พันอยู่รอบหัวของพวกคนคลั่งพวกนี้เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างด้วยตาขวาของฉันได้ ระหว่างที่มองอยู่ โทริโกะก็ใช้มือซ้ายของเธอจับ [เสียง] นั่นได้ แล้วก็กระชากออกมาเลย
พอดึงเจ้านั่นออกมาจากหูเรียบร้อย สาวกลัทธิคนนั้นก็จะเหม่อมองพวกเราด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนกับหลับๆ อยู่แล้วจู่ๆ ก็โดนปลุกให้สะดุ้งตื่นอะไรแบบนั้น แล้วสีหน้าของพวกนั้นก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากกันหมดทุกคน ไม่มีข้อยกเว้นเลย
‘โชคดีนะที่มันไม่ได้เป็นการควบคุมจิตใจจริงๆ ไปเลยน่ะ’
คุณโคซากุระยืนดูพวกเราดึง [เสียง] ออกมาจากผู้คนทีละคนๆ อยู่ข้างหลัง ก็พูดแสดงความเห็นขึ้นมา
‘โชคดี? โชคดียังไงเนี่ย?’
โทริโกะพึมพำคำถามออกไปแบบงงๆ
เหล่าบรรดาอดีตสาวกตอนนี้ที่ถูกดึงเสียงออกไปแล้วทุกคนยังมีความทรงจำในช่วงที่พวกเขาถูกอุรุมิ รูนะล้างสมองอยู่ด้วย บางคนก็ร้องโหยหวนทันทีด้วยท่าทางสับสน บางคนก็เอามือขึ้นมาขยี้หัวตัวเอง รับรู้ถึงความผิดปกติทางจิตที่ตัวเองเผชิญมา… ฉันไม่แน่ใจขนาดนั้นนะ แต่ระหว่างที่ยังตกอยู่ใต้ผลของ [เสียง] บางคนคงจะทำเรื่องที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ลงไปแน่เลย อาจจะถึงกับตัดเพื่อนทิ้งครอบครัวไปเลยก็ได้ มันเป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่เลยล่ะ
‘การล้างสมองของอุรุมิ รูนะมันทั้งทรงพลังทั้งส่งผลได้เร็วเลย แต่แค่ดึงออกมาก็หายแล้ว ก็เลยจัดการได้ง่ายๆ ไงล่ะ ถ้าเกิดมันเป็นการล้างสมองในรูปแบบที่หนักหน่วงยิ่งกว่านี้ล่ะก็ การจะถอนผลของมันออกก็คงต้องใช้เวลาเยอะกว่านี้อีก อย่างน้อย ฉันว่าแบบนี้ก็ยังดีกว่านะ’
ระหว่างที่คุณโคซากุระว่ามาแบบนั้น เธอก็เอานิ้วขึ้นมาแคะหูตัวเองด้วย อาจจะเผลอทำแบบไม่ทันตั้งใจก็ได้ ตอนที่เธอโดนลักพาตัวไปพร้อมกับฉัน คุณโคซากุระเองก็โดน [เสียง] ของอุรุมิ รูนะล้างสมองด้วยเหมือนกัน ภาพที่เธอเห็นอยู่นี่มันอาจจะกวนใจเธอยิ่งกว่าพวกเราซะอีกก็ได้มั้ง
ฉันมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทั้งหมดอยู่ด้วยเหมือนกัน นี่ถ้าพ่อกับย่าที่เป็นบ้าไปเพราะลัทธิหลังจากที่คุณแม่เสีย หายกลับมาเป็นปกติได้ถ้าเกิดแก้เรื่องที่ถูกล้างสมองแบบนี้ล่ะก็ มันจะเป็นยังไงกันนะ? หรือต่อให้จะแก้เรื่องที่ถูกล้างสมองไปได้ สายสัมพันธ์กับความเชื่อใจที่พวกเราเสียมันไปแล้วจะยังขาดสะบั้นอยู่แบบนั้นเหมือนเดิม?
มาคิดเรื่องนั้นเอาตอนนี้ ฉันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดีนี่นะ
หลังจากที่ดึง [เสียง] ออกมาครบทุกคนแล้ว พวกเราก็เหนื่อยกันสุดๆ เลย ทางบุคลากรทางการแพทย์ของศูนย์วิจัย DS เองก็วิ่งวุ่นกัน คอยดูอาการของอดีตสาวกแต่ละคนๆ คุณหมอที่โกนผมคนนั้นที่เพิ่งโดนปืนยิงตะปูยิงใส่มาเองก็คอยคุมงานนี้ ออกคำสั่งไปโดยที่แขนข้างนึงยังใส่สายพยุงแขนอยู่เลย
เห็นชัดๆ เลยล่ะว่าพวกเขาขาดคน แต่จากที่คุณมิงิวะบอก เหมือนเขาจะส่งคนมาเพิ่มเร็วๆ นี้นี่แหละ อันที่จริง ในตึกก็มีคนอีกเยอะเลยนะ ทำงานซ่อมแซมทั้งเฟอร์นิเจอร์ทั้งอุปกรณ์ที่เสียหายไปในช่วงที่ถูกพวกลัทธิบุกรุกเข้ามา
ถึงยังงั้น พวกเราก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปสนใจแล้ว พวกเราก็เลยโบกแท็กซี่นั่งกลับบ้านกันเลย บางที ที่คุณโคซากุระอยากจะหา ‘เนื้อดีๆ’ กินเนี่ย อาจจะเพราะเธออยากจะหาวิธีคลายเครียดจากเรื่องเมื่อวานก็ได้มั้ง
หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินออกมาข้างนอก รอคุณโคซากุระจ่ายบิลค่าอาหารกัน
“แล้วหลังจากนี้ พวกเธอ 2 คนจะเอายังไงต่อ? กลับบ้านเหรอ?”
ฉันหันไปหาโทริโกะก่อนจะตอบ
“เดี๋ยวไปแวะที่บ้านคุณก่อนแล้วกันค่ะ พวกเราต้องไปคุยกับคุณมิงิวะก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ”
“อ้อ หรอ?”
คุณโคซากุระตอบกลับมาห้วนๆ
พวกเราเริ่มเดินลงมาตามถนน จากที่เป็นเวลาเย็น ตอนนี้ก็มืดแล้ว โทริโกะเดินอยู่ทางขวา ส่วนคุณโคซากุระเดินอยู่ทางซ้าย รู้สึกตัวอีกที พวกเราก็เดินกันเป็นหน้ากระดานเลย รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันแฮะ
รู้สึกไม่ค่อยถนัดกับการเดินร่วมกับคนเกิน 2 คนเท่าไหร่เลย พอคนเยอะ เราก็จะไปขวางทางเดิน ฉันกลัวว่าพวกเราจะไปขวางคนข้างหลังจนเดินไปต่อไม่ได้ เพราะแบบนั้นแหละ ฉันก็เลยพยายามเดินนำหน้า 2 คนนั้นไปหน่อย
หรือเพราะฉันเดินช้างั้นเหรอ? งั้น ฉันเดินนำหน้าไปก่อนแล้วกัน… แต่พอมาคิดอีกที ฉันก็เปลี่ยนใจ ช่างเถอะ ไม่จำเป็นหรอก ถนนเส้นนี้ก็ไม่ได้มีคนพลุกพล่านอะไร ฉันไม่ต้องไปกังวลเรื่องอะไรพวกนั้นหรอก ระหว่างที่พวกเราเดินไปด้วยกันไปที่สถานี ฉันก็เริ่มรู้สึกเมาๆ เซๆ แล้วสิ
ตอนนี้ฤดูใบไม้ร่วงสินะ ลมก็เย็นๆ แล้วด้วย ดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าที่ยังเป็นสีน้ำเงินอ่อนๆ สว่างจ้าลงมา เหมือนกับว่ามันกำลังจ้องพวกเราอยู่เลย
TN: รู้สึกเหมือน 2 สาวจะสนิทกับโคซากุระซังขึ้นมานิดๆ นะ ^^
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r