ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 100 ไฟล์ 11 เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง 7
- Home
- All Mangas
- ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 100 ไฟล์ 11 เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง 7
เกทปิดลงตามหลังพวกเรา ตอนนี้ พวกเราอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดิน ใต้ตึกที่ตั้งของศูนย์วิจัย DS ตรงนี้ไม่มีใครอยู่เลยซักคน พวกเราเดินผ่านตรงกลางระหว่างรถหรู 2 คันที่จอดอยู่ตรงนี้ ก่อนจะรีบเข้าลิฟต์มา
พอคุณมิงิวะกดให้ลิฟต์ขึ้น เสียงกระดิ่งก็ดัง แล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออก พอพวกเราเข้ามาแล้ว ก็เห็นว่าแผงควบคุมถูกงัดเปิดออก จนเห็นแผงตัวเลขสำหรับเข้าไปในชั้นของศูนย์วิจัย DS ที่ซ่อนเอาไว้เลย
คุณมิงิวะกดตัวเลขเข้าไป ก่อนที่ตัวลิฟต์จะเริ่มวิ่งขึ้น ตอนนั้น เขาก็พูดขึ้นมา
“พวกเราต้องคิดเรื่องมาตรการความปลอดภัยใหม่แล้วสิ”
พวกเราต่างคนต่างเช็คกระสุนในซองปืนระหว่างที่รอให้ลิฟต์ขึ้นไปถึงที่หมาย
“คุณคามิโคชิ จากที่คุณเห็น สิ่งที่อันตรายที่สุดในกลุ่มนั้นคืออะไรครับ?”
“เสียงของอุรุมิ รูนะค่ะ มันเป็นเหมือนหนวดที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากโลกเบื้องหลังเลย ถ้าเราฟังเสียงนั้นอยู่ มันจะสามารถล้างสมองเราได้เลย เผลอๆ ก็น่าจะทะลุผ่านที่อุดหูได้เลยด้วยซ้ำนะคะ”
“แล้ว เราจะรับมือกับมันยังไงล่ะ?”
“จากที่ฉันเห็น มือเธอจับ [เสียง] นั่นได้นะ แบบที่เธอทำก่อนหน้านี้เลย”
ได้ยินแบบนั้น โทริโกะก็ทำหน้าบึ้งใส่เลย
“นั่นอีกแล้วเหรอ…? มันรู้สึกแปลกสุดๆ เลยนะ รู้มั้ย? ยังกับเป็นตัวอะไรซักอย่างที่มันมีชีวิตเลยนะ อดจินตนาการภาพของมันไม่ได้เลยว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง”
“ถ้ามองเห็น มันก็ไม่ได้น่าขยะแขยงอะไรขนาดนั้นหรอกนะ สบายใจได้เลย”
“ไว้เธอมาจับบ้างแล้วก็พูดแบบนั้นให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ”
“ตอนนั้น คุณบอกว่ามีประเภท 4 อีก 2 คนด้วยใช่มั้ยครับ? แล้วรู้หรือเปล่าว่าพวกเขาเป็นยังไง?”
“คนนึงจะเหมือนโทริโกะค่ะ สามารถสัมผัสกับสสารจากโลกเบื้องหลังได้ แต่อีกคนนี่ฉันไม่ได้เห็นเลย”
“แล้วนอกนั้น ก็มีกลุ่มคนติดอาวุธอีกประมาณ 10 คนที่ใช้อุปกรณ์ก่อสร้างเป็นอาวุธด้วยสินะครับ?”
“เรื่องจำนวนกับอาวุธนี่ เป็นแค่การคาดเดาตามหลักการเฉยๆ นะคะ คงต้องหาทางรับมืออย่างเหมาะสม…”
“ขอบคุณครับ ขอเตือนเอาไว้ก่อนเลย: เมื่อจำเป็น ผมจะยิงทันที เรื่องนี้อาจทำให้พวกคุณตกใจกัน แต่ขอให้เข้าใจถึงความจำเป็นด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“โอเค”
ฉันกับโทริโกะพยักหน้าตอบรับ
“พวกคุณ 2 คน มีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหนครับ?”
“เรื่องแบบนี้?”
“ผมจะว่ายังไงดีน้า…? เรื่องการบุกเข้าแล้วถอยร่นน่ะครับ”
บุกเข้าแล้วถอยร่น? น่าจะมีวิธีพูดที่ดีกว่านั้นนะ
“ครั้งแรกเลยค่ะที่ได้ทำอะไรแบบนี้”
“หม่าม้าเคยสอนวิธียิงปืนให้อย่างเดียว แต่เรื่องที่ลงมือแบบนี้จริงๆ นี่ก็ครั้งแรกเหมือนกันนะ”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมดึงความสนใจเอง เพราะงั้น ทั้ง 2 คนก็พยายามหลบออกจากสายตาของฝั่งนั้นให้มากที่สุด แล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแบบเน้นความปลอดภัยนะครับ ผมหาทางรับมือกับพวกที่เหลือเอง แต่คงต้องขอให้พวกคุณ 2 คนรับมือกับอุรุมิ รูนะด้วย”
ลิฟต์ค่อยๆ ช้าลง แล้วก็หยุดนิ่ง
ประตูเปิดออกตรงหน้าปืนที่ตั้งขึ้นมาเตรียมพร้อม ก่อนที่ภาพของโถงทางเดินมืดๆ ที่แทบไม่เห็นแสงอะไรเลยจะปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเรา พอออกมาจากลิฟต์แล้ว คุณมิงิวะก็นำทางพวกเรา มือกระชับด้ามปืนไว้พร้อม ป้ายคำว่า [LAB] เขียนอยู่ที่กำแพงตรงโถงทางเดินหน้าลิฟต์
ที่นี่คือชั้นที่มีห้องวิจัยของอุรุมะ ซัทสึกินี่นา ฉันจำได้แม่นเลย
ตรงนี้มันเงียบกริบไปหมด แต่ในบรรยากาศกลับมีความรู้สึกที่ไม่สบายใจอัดอยู่เต็มเลย เหมือนกับว่ามีคนหลายคนอยู่ที่นี่จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้เอง ฉันเหลือบมองดูไปที่โถงทางเดินจากตรงโถงทางเดินหน้าลิฟต์ ตรงนั้น มีประตูเปิดทิ้งเอาไว้บานนึง กับแสงไฟที่ลอดออกมาจากในนั้น
“ห้องวิจัยของซัทสึกินี่”
โทริโกะพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
พวกเราเดินเข้าไปหาประตูที่เปิดเอาไว้นั่น กวาดสายตามองโดยรอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันเดาเอาไว้เลยว่าในห้องนั้นต้องโดนรื้อเละเทะแน่นอน แต่กลับผิดถนัด ห้องมันยังดูดี เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เลย
จะว่าไป พอมาลองคิดๆ ดูแล้วนี่ มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? เธอคนนั้นเทิดทูน ‘ท่านซัทสึกิ’ นี่นะ ยังไงยัยนั่นก็ไม่มีทางมารื้อห้องนี้จนเละเหมือนตำรวจมารื้อค้นบ้านหรอก
สมุดที่เคยอยู่บนโต๊ะเมื่อคราวก่อนตอนที่พวกเรามาที่นี่ ตอนนี้มันหายไปแล้ว เท่าที่ฉันจำได้ คุณมิงิวะบอกว่ามันถูกส่งไปเก็บเอาไว้ที่โกดังเก็บ UB อาร์ติแฟกต์แล้วสินะ
หลังจากที่เราตรวจสอบดูที่ห้องแล้ว คุณมิงิวะก็กลับมาที่โถงทางเดินเข้าประตู
“พวกนั้นต้องอยู่ที่ชั้นบนแน่ ไปกันเถอะครับ”
“…อือ”
โทริโกะตอบกลับด้วยเสียงเศร้าๆ ที่ต้องออกจากห้องนี้ไป
“มีอะไรเหรอ?”
“…ก่อนหน้านี้ ตอนที่เราอยู่ในโถงทางเดินมืดๆ มันมีแสงไฟออกมาจากห้องนี้ใช่ม้า? ตอนที่ฉันเห็น ก็อดคิดไม่ได้เลยว่า ‘โอ้! ซัทสึกิกลับมาแล้ว’ ก็เลย เสียใจนิดหน่อยน่ะ…”
ไม่น่าถามเลย น่ารำคาญชะมัด
ก่อนที่ฉันจะพูดกับโทริโกะด้วยเสียงที่ขนาดฟังเองก็คงต้องยอมรับว่ามันฟังดูอารมณ์เสียจริงๆ นั่นแหละ
“มันไม่ใช่เวลาซักหน่อยนี่? เอ้า เร็วเข้า รีบไปกันเถอะ ดูสิ คุณมิงิวะออกไปแล้วนะ”
ฉันเริ่มเดินก้าวยาวๆ ออกไป พร้อมกับกำมือของโทริโกะเอาไว้แน่นด้วย
“เอ๋! เดี๋ยวก่อนสิ!”
“เร็วเข้าเถอะน่า เร็วสิ”
ฉันกึ่งๆ ลากโทริโกะออกมาจากห้องนั้น ก่อนที่คุณมิงิวะจะพยักหน้าให้ แล้วก็เดินต่อไปตามโถงทางเดิน ฉันเดินตามหลังเขาไปโดยไม่ยอมปล่อยมือของโทริโกะเลย ไม่ยอมให้เธอหันมองกลับไปข้างหลังหรอกน่า
พวกเรามาจนถึงบันได แล้วก็เริ่มเดินขึ้นไปข้างบน มีเสียงดังก้องเบาๆ ลอยมาจากบนนั้นด้วย ชั้นบนมีห้องแล็บมืดๆ ห้องอื่นๆ อีก แถมไม่มีใครอยู่เลยซักคน พอเราขึ้นบันไดไปอีกชั้นนึง เราก็มาเจอชั้นที่เปิดไฟสว่างผิดจากชั้นอื่นๆ เลย
จากที่เหลือบดูจากตรงบันได ฉันก็เห็นโถงทางเดินสีขาว ชั้นการแพทย์ที่กักตัวประเภท 4 เอาไว้นี่นา
ตามพื้นตรงนู้นตรงนี้ มีเลือดกระเซ็นไปทั่วเลย พอมองไล่ไปตามรอยเลือดแล้ว ฉันก็เห็นผู้ชายคนนึงนั่งพิงกำแพงอยู่ กับพยาบาลอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนนั้นคือคุณหมอโกนผมโล้นที่เจอกันก่อนหน้านี้นี่นา
คุณหมอเหงื่อแตกพลั่ก หายใจหอบแรงเลย ทั้งไหล่ซ้ายทั้งหน้าอกของเขามีตะปูปักอยู่หลายดอก ทำเอาเสื้อแล็บของเขาถูกย้อมจากสีขาวกลายเป็นสีแดงเลย ถูกปืนตะปูยิงใส่สินะ คุณหมอกับพยาบาลเงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา คุณมิงิวะเอานิ้วมาทาบที่ริมฝีปาก เพื่อบอกให้พวกเขาเงียบๆ เอาไว้ พยาบาลชี้นิ้วไปที่หัวมุม คุณมิงิวะก็พยักหน้ารับ
โทริโกะหยิบสมาร์ตโฟนออกมา พอเอาแค่ส่วนกล้องโผล่พ้นหัวมุมไป ที่หน้าจอก็มีภาพของโถงทางเดินขึ้นมา เราเห็นสาวกลัทธิอยู่ 2 คนอยู่ในโถงทางเดินของห้องพักรักษาผู้ติดต่อประเภท 4 กำลังเดินมาทางพวกเรา
กำแพงที่หันไปหาโถงทางเดินมีหน้าต่างของห้องพักรักษามีหน้าต่างอยู่เต็มเลย ถ้ายิงลูกซองตรงนี้ล่ะก็ ห้องได้เสียหายแน่ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี คุณมิงิวะก็จับไปที่ปลายปากกระบอกปืนลูกซอง หมุนให้ปากจระเข้จากทึ่เคยอยู่ในแนวนอนมาเป็นแนวเฉียงแทน ปลดเซฟตี้ กระชับด้ามจับกับลูกซองเอาไว้แน่น แล้วก็ออกไปให้อีกฝ่ายเห็นตัว
“หยุด! ทิ้งอาวุธ! ไม่งั้นฉันยิง!”
2 คนนั้นตกใจชะงักไป แล้วต่างคนต่างก็เริ่มตะโกนขึ้นมา พร้อมกับยกปืนยิงตะปูหันมาทางพวกเรา
แล้วคุณมิงิวะก็ลั่นไก
*ปั้ง!*
กระสุนที่สาดออกไปด้วยปากกระบอกสาดกระจายเป็นมุม 45 องศา โดน 2 คนนั้นเข้าเต็มๆ ส่งทั้งคู่ลงไปนอนกับพื้น เสียงกระสุนลูกซองดังก้องไปตามโถงทางเดินจนค่อยๆ จางหายไป
คุณมิงิวะเดินเข้าไปดูที่ 2 คนนั้น แล้วก็เตะปืนยิงตะปูออกมาทางพวกเรา ดูเหมือนทั้ง 2 คนจะยังหายใจอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะขัดขืนได้แล้วล่ะ คุณมิงิวะรีบเอาสายซิปไลน์พลาสติกมามัดทั้งคู่เอาไว้ แล้วก็รีบกลับมาหาพวกเรา
“มิงิวะ ที่เหลืออยู่ข้างบน”
คุณหมอพูดบอกพวกเราทั้งที่ยังหายใจติดขัดอยู่เลย
“พวกนั้นตรงไปที่โกดังแล้ว มีตัวคุณโคซากุระอยู่ด้วย”
“รู้แล้ว―”
ตอนนั้นแหละ ที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น: มีผู้ชายคนนึงโผล่มาจากประตูที่เปิดไปหาบันได แถมคนนั้นมีปืนลูกซองอยู่ในมือด้วย เขายกปากกระบอกขึ้นมา ชี้ตรงมาที่พวกเรา ตอนนี้คุณมิงิวะหันหลังมาหาพวกเราอยู่; ไม่ทันเห็นคนคนนั้นแน่
“ระวั―”
ก่อนที่ฉันจะทันเตือนออกไปได้
*ปั้ง!!*
โทริโกะลั่นไกออกไป
กระสุน AK พุ่งเข้าใส่ต้นแขนของชายคนนั้น แรงกระแทกทำเขาเซเบี้ยงไปทางซ้าย แล้วอีกฝ่ายเองก็ลั่นไกออกมาแทบจะพร้อมกันเลย ปากกระบอกปืนก็สะบัด กระสุนที่สาดออกมาก็เข้าใส่กำแพง…
เฉียดเหนือหัวฉันไปนิดเดียวเอง
ปืนลูกซองร่วงจากมือของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะล้มลงไป โทริโกะหันมาหาฉัน แต่พอเธอเห็นรูกระสุนที่อยู่ข้างหลัง เธอก็หน้าซีดเผือดเลย
“โซราโอะ! บาดเจ็บตรงไหนมั้ย!?”
“ฉ- ฉันไม่เป็นไร!”
ฉันตะโกนตอบเธอกลับไป โทริโกะขมวดคิ้วอยู่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างโล่งอก
“ฟิ่ว… ตกใจหมดเลย”
กับฉันที่เกือบโดนยิงตายแล้วเมื่อกี้นี่ โทริโกะดูจะกลัวจนตัวสั่นยิ่งกว่าฉันซะอีกนะ ฉันก็เลยเดินเข้าไปหาเธอ แล้วก็วางมือเอาไว้บนหลังของเธอด้วย
“ฉันไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรจริงๆ ขนาดแผลถลอกถากๆ ยังไม่มีเลย”
ระหว่างที่ยังตบหลังเธอเบาๆ ฉันก็รู้สึกถึงความเกร็งของกล้ามเนื้อของเธอได้เลย
นั่นสินะ เรื่องนี้มันก็เป็นครั้งแรกของโทริโกะเหมือนกัน บางที เธออาจจะเครียดยิ่งกว่าฉันซะอีกนะ เพราะเธอเข้าใจดีกว่าฉันเยอะเลยว่าปืนมันอันตรายมากขนาดไหน
ก็จริงที่เธอบอกว่าเธอยิงแม่น แล้ว AK เองก็เป็นอาวุธที่พึ่งพาได้ แต่โทริโกะก็ไม่ใช่มือโปรอยู่ดี ตอนที่เธอเข้ามาช่วยฉันที่ฟาร์มในภูเขา มือเธอก็ยังสั่นระริกอยู่เลย
โทริโกะเป็นคนใจดีออกนี่นะ กลัวที่จะต้องยิงคน แล้วก็กลัวการที่ต้องยิงสวนใส่กันยิ่งกว่าอีก เธอทนเรื่องพวกนั้นเพื่อฉันด้วย ขนาดฉันเองก็ยังรับรู้ได้ขนาดนี้เลย
คุณมิงิวะเอาลูกซองออกมาจากชายคนนั้น ก่อนจะมัดเขาเอาไว้เหมือนกับ 2 คนเมื่อกี้
“ขอโทษนะครับ ประมาทไปซะได้ น่าอายจริงๆ เลย”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ โทริโกะช่วยดูให้อยู่ เนอะ โทริโกะ?”
โทริโกะถอนหายใจยาวเลย ก่อนจะพยักหน้าตอบ ฉันรู้สึกว่า ที่มือฉันเนี่ย ความตึงเครียดของเธอจะคลายลงมาบ้างแล้วนะ
“ขอบใจนะ ตอนนี้ใจเย็นลงแล้วล่ะ”
“อื้อ”
“เดี๋ยวฉันไปดูก่อนแล้วกัน โอเคนะ?”
โทริโกะผละไปจากฉัน ก่อนจะยื่นหน้าออกไปดูที่ประตูที่ผู้ชายคนนั้นพุ่งตัวออกมา
“…ดูจะไม่มีใครลงมาเพิ่มแล้วนะ”
“รับทราบ กำลังไป”
พอคุณมิงิวะกำลังจะเริ่มออกเดิน คุณหมอก็เรียกเขาไล่หลังมา
“พวกนั้นมันเป็นใครกันแน่เนี่ย?”
“กลุ่มลัทธิที่นำโดยผู้ติดต่อประเภท 4 พวกนั้นบูชาคุณอุรุมะ”
“อ่า บ้าชิบ นี่สินะ สาเหตุที่เจ้าบ้าพวกนั้นมันถามหาว่าสมุดโน้ตเล่มนั่นอยู่ที่ไหนน่ะ”
“ได้บอกไปรึเปล่า?”
“ก่อนที่จะทันรู้ตัวก็คายข้อมูลให้พวกนั้นไปหมดทุกอย่างแล้ว รหัสสำหรับเข้าประตูโกดังเก็บของก็ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
“คุณทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีทางต่อต้านเสียงของยัยนั่นได้เลย”
ฉันช่วยพูดตอบคุณหมดที่กำลังหงุดหงิดให้ ก่อนที่คุณมิงิวะจะมาเสริมต่อ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก พักอยู่เฉยๆ ก็พอ ฝากดูแลเขาต่อทีนะ?”
ท่อนหลังนั่น เขาหันไปพูดกับพยาบาลโดยตรงเลย ดูเหมือนจะดึงสติกลับมาหาตัวเธอได้ทันทีเลยนะนั่น เพราะพยาบาลก็พยักหน้ารับแล้ว
“ไปกันเถอะ โซราโอะ”
“อ- อื้อ”
โทริโกะหยิบปืนลูกซองที่ผู้ชายคนนั้นถือมาด้วยขึ้นมา ก่อนจะส่งให้ฉันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเลยที่ต้องทำแบบนี้
ระหว่างที่พยาบาลกำลังจัดการปฐมพยาบาล พวกเรา 3 คนก็ขึ้นบันไดไป
TN: สถานการณ์ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย ให้ตายเถอะ