ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 821 บันทึกประจำวันของสวี่ชีอันฉบับที่สอง
- Home
- All Mangas
- ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
- บทที่ 821 บันทึกประจำวันของสวี่ชีอันฉบับที่สอง
บทที่ 821 บันทึกประจำวันของสวี่ชีอันฉบับที่สอง
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สอง วันนี้เป็นวันที่สามหลังแต่งงานของข้า นับนิ้วคำนวณ มาถึงโลกนี้สองปีครึ่งแล้ว แนะนำอย่างเป็นทางการสักหน่อย ข้าคือสวี่ชีอันจอมยุทธ์ฝึกหัดที่ฝึกฝนมาสองปีครึ่ง ชอบรบราฆ่าฟัน และฟังเพลงที่หอคณิกา
ชาติก่อนได้ยินคนพูดว่าบุรุษมีสามช่วง ได้แก่ โสดจากท้องแม่…ก่อร่างสร้างตัว…นอนอยู่ในโลง!
ยามนี้ข้าเข้าสู่ช่วงที่สอง รู้สึกว่ามีความหมายมาก คิดว่าควรบันทึกช่วงเวลานี้ไว้
ตามประเพณี หลังแต่งงานวันที่สาม ข้ากับหลินอันต้องกลับวังขอบพระทัย ฮว๋ายชิ่งจะจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ในและนอกลานพระราชวัง เชิญขุนนางเข้าร่วม นอกจากสวี่หลิงเยวี่ยกับมู่หนานจือที่ ‘พักฟื้น’ อยู่บ้าน ทั้งครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงในวัง
หลิงเยวี่ย พี่ใหญ่เชื่อว่าเจ้าเป็นหญิงแกร่ง เจ้าผ่านพ้นวิกฤตการณ์ล่มสลายของมนุษย์ครั้งนี้ได้ อืม อาหารอย่างหนึ่งในงานเลี้ยงคือสมองลิง ข้าจำได้แม่น เพราะมันอร่อยจริงๆ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สาม
วันที่สี่หลังแต่งงาน กลัวหลินอันเหน็ดเหนื่อยเกินไป เมื่อคืนนอนเฉยๆ หลินอันเอ๋ยหลินอัน เจ้าเป็นหญิงสาวที่ข้าอยู่บนเตียงก็ไม่อาจหักใจออกแรง
ข้ามอบที่พึ่งทางใจซึ่ง ‘ใจข้าสงบสุข’ ให้มู่หนานจือ มอบโอกาสแห่งความปรารถนาที่จะจัดการ ‘ดับไฟแห่งกรรม เลื่อนสู่ขั้นหนึ่ง’ ให้ลั่วอวี้เหิง
สิ่งที่ข้าให้เจ้าได้กลับมีเพียงฐานะและชื่อเสียง ดังนั้นข้าจะโปรดปรานเจ้าเป็นเท่าตัว
นับแต่วันนี้ ข้าไม่ไปฟังเพลงที่หอคณิกาแล้ว (ขีดฆ่าทั้งวรรค) ภายหลังไปหอคณิกาน้อยลง นอกจากนี้ ไม่คลุกคลีกับมู่หนานจือ ลั่วอวี้เหิง และฝูเซียงชั่วคราว ข้าจะตั้งใจดูแลหลินอัน ให้นางปรับตัวกับชีวิตหลังแต่งงานได้อย่างสมบูรณ์”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สี่
หลินอันก็เขินอายเกินไปแล้วกระมัง จนถึงบัดนี้ ยังไม่อาจควบคุมพื้นฐาน (ท่าทาง) การบำเพ็ญคู่ ไม่ได้การ เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญตบะของข้า
หลินอัน เจ้าต้องสู้ๆ นะ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ห้า
วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ ได้ยินไฉ่เวยบอกว่าเมื่อวานศิษย์พี่ซุนกับศิษย์พี่หยางทะเลาะกันภายใน ศิษย์พี่ซุนไล่ฆ่าศิษย์พี่หยาง จนบัดนี้ยังไม่กลับมา น่าแปลก หรือต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำสำนักโหราจารย์?
แต่ศิษย์พี่ซุนไม่ใช่คนที่มีนิสัยเช่นนี้
ลี่น่ากับหลิงอินตามไฉ่เวยไปเที่ยวเล่นสำนักโหราจารย์
หลังพลบค่ำ ลี่น่ากับหลิงอินยังไม่กลับมา อาสะใภ้ร้อนใจมาหาข้า ให้ข้าไปดูที่สำนักโหราจารย์ ข้าถึงสำนักโหราจารย์แล้วจึงพบว่าหลิงอิน ไฉ่เวย และลี่น่านั่งยองหน้าห้องลับของซ่งชิง ไม่ขยับเขยื้อน
สองคนจ้องประตูเขม็ง ราวกับในนั้นมีสิ่งล้ำค่าหายากแห่งยุค ข้าพูดว่า ‘สวี่หลิงอิน แม่เรียกเจ้ากลับบ้านกินข้าวแล้ว!’ นางกลับไม่หือไม่อือ ยังคงรักษาท่าทางลึกซึ้งและลึกล้ำ จ้องประตูเขม็ง
ข้าจึงถามลี่น่า ลี่น่าบอกข้าว่าผู้พิทักษ์หยวนซ่อนอยู่ในห้องลับของซ่งชิง ประตูห้องลับแข็งแกร่งเกินไป นางก็ไม่อาจทำลายได้ ดังนั้นนางกับหลิงอินจึงนั่งยองรอผู้พิทักษ์หยวนที่นี่
ข้าเข้าใจทันที เพราะงานเลี้ยงสมองลิงนั้นเมื่อวันก่อน ฮว๋ายชิ่งจงใจใช่หรือไม่ มิน่าล่ะวันนี้ฉู่ไฉ่เวยเชิญลี่น่ากับสวี่หลิงอินไปเที่ยวเล่นสำนักโหราจารย์ คงคิดจะยืมมีดฆ่าลิง ในหมู่นักกินทั้งสามคน ไฉ่เวยนับว่าฉลาดมาก
เดี๋ยวนะ ถ้าจำไม่ผิด ห้องลับของซ่งชิง ยกเว้นประตูบานนี้ กำแพงเป็นกำแพงอิฐธรรมดา…ข้าถอนคำชมเชยเมื่อครู่”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่หก
ราชครูบอกเป็นนัยว่าจะบำเพ็ญคู่กับข้า ข้ากลั้นใจปฏิเสธ ยามนี้ข้าต้องตั้งใจช่วยหลินอันให้กลายเป็นคนที่มีความสามารถ สำเร็จการศึกษาอย่างราบรื่น ในทำนองเดียวกัน ข้าปฏิเสธการบอกเป็นนัยของหนานจือ ถือโอกาสเอ่ยถึงสักหน่อย หลังจากงานแต่งงาน สายตาที่อาสะใภ้มองเทพดอกไม้ก็แปลกไป
“แปลกที่ใด ข้าสรุปสักหน่อย: ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่น้องหญิง แต่เจ้าอยากนอนกับหลานชายข้า!
“เวลาจะเยียวยาผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี อาเมน!”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่แปด
ในที่สุดหลิงเยวี่ยก็ออกมาจากห้อง หวังว่านางจะเดินออกจากเงามืด จิตใจมุ่งสู่แสงสว่าง ในที่สุดหลินอันก็ควบคุมเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่เบื้องต้นได้ อาจารย์ปลาบปลื้มมาก หลิงอินกับลี่น่าไปสำนักโหราจารย์นั่งยองรอผู้พิทักษ์หยวนอีกแล้ว ผู้พิทักษ์หยวนน่ารักขนาดนั้น เหตุใดต้องกินผู้พิทักษ์หยวน
ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวชวนข้าไปฟังเพลงที่หอคณิกา ข้าปฏิเสธอย่างจริงจัง คนเราต้องรู้จักโต ข้าไม่ใช่หนุ่มน้อยในยามนั้นแล้ว ยามนี้ข้าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่เก้า
วันนี้ส่งของขวัญล้ำค่าให้เทพบุตร รายชื่อของขวัญ: ไฉซิ่งเอ๋อร์ เหวินเหรินเชี่ยนโหรว จ้าวซู่ซู่ อวี๋หานซิ่ว หลานหลาน เหมยเอ๋อร์ (อาจารย์หรงหรง) และอินหลิง…
เทพบุตรเอ๋ย พี่น้องเช่นข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ หวังว่าเจ้าจะสงบสุขสบายใจ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบ
ตลาดชายแดนที่ฮว๋ายชิ่งก่อตั้งขึ้นเริ่มเห็นผล วัตถุปัจจัยจำนวนมากไหลเข้าที่ราบลุ่มภาคกลาง เช่น วัว แกะ เครื่องปรุงยาจีน และวัสดุไม้ หลังจากเกิดการค้าบ่อยครั้ง ตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวต้าฟ่งมีงานทำ อนารยชนและชายแดนตอนใต้รวมทั้งอาณาจักรหมื่นปีศาจก็ได้สิ่งที่พวกมันต้องการ
ดีจริงๆ โลกหล้าสันติ อยู่เย็นเป็นสุข นี่คือยุคทองในอุดมคติของข้า
ปัญหาเดียวก็คือได้ยินฮว๋ายชิ่งบอกว่าเด็กเผ่าลี่กู่ปฏิเสธที่จะนำอาหารมาเอง ที่เกินไปกว่านั้นคือพวกเขาส่งเด็กที่เพิ่งหย่านมมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนรัฐ ไร้จิตสำนึกจริงๆ
ข้าวางแผนว่าอีกไม่นานจะไปชายแดนตอนใต้ สั่งสอนเผ่าลี่กู่ที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ไม่ใช่เพราะหลวนอวี้เขียนจดหมายรักถึงข้าแน่นอน อืม ในจดหมายรักมีคำผิดอยู่เล็กน้อย ข้าต้องไปช่วยนาง”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบสอง
วันนี้ไปนิกายสวรรค์กับราชครู บรรลุข้อตกลงศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ยอดฝีมือเหนือมนุษย์แห่งต้าฟ่งไปกินเผือกกันหมด องค์เทพดูท่าทางไม่ค่อยดีใจ อาจเป็นความเข้าใจผิดของข้า องค์เทพไม่มีความรู้สึกใดๆ จะโกรธเพราะเรื่องเล็กพวกนี้ได้อย่างไร
แต่พูดตามจริง นักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ดื่มสุราอยู่โต๊ะข้างๆ ก็ไม่สมควรแล้ว”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบสี่
สิ้นศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ราชครูได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ข้ารู้สึกได้อย่างชัดเจน หลังจากช่วงชิงแหล่งพลังขององค์เทพ ไฟแห่งกรรมของนางเกือบดับสนิทแล้ว องค์เทพค่อนข้างดี เขากลายเป็นเหมือน ‘มนุษย์’ มากขึ้น
รู้สึกได้ว่าที่จริงเขาอยากฆ่าลั่วอวี้เหิงยึดแหล่งพลัง ถ้าไม่มีการดำรงอยู่ของข้า เป็นไปตามสถานการณ์ปกติ ในศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ราชครูต้องตายอย่างแน่นอน
เช่นนี้ก็ดี หลังศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ตบะของราชครูเลื่อนสูงขึ้น เมื่อบุกจู่โจมอรัญตา นางอยู่รักษาการณ์เมืองหลวงก็มั่นใจมากขึ้น”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบเจ็ด
ไม่รู้เหตุใด ไม่กี่วันมานี้เป็นทุกข์อยู่บ้าง หาสาเหตุไม่ได้ รู้เพียงหดหู่อยู่บ้าง ข้าลองพิจารณาตนเอง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งเช้าวันนี้ ข้าเห็นอารองกับเอ้อร์หลาง ต่างคนต่างหิ้วถุงส้มเขียวกลับมา…”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบแปด
เมื่อวาน ข้าที่ตื่นรู้ขึ้นมานั้นรวมกลุ่มกับซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวฟังเพลงที่หอคณิกา บรรยากาศที่คุ้นเคย ท่วงทำนองที่คุ้นเคย การแสดงกายกรรมที่คุ้นเคย พวกสาวๆ ที่คุ้นเคย…ในโลกที่ขาดแคลนความบันเทิงนี้ มีเพียงการฟังเพลงที่หอคณิกามอบเศษเสี้ยวความอบอุ่นให้ข้าได้
ยามที่เขียนบันทึกประจำวันฉบับนี้ ความคิดหนึ่งแวบผ่านในใจข้า: ข้ายังเป็นหนุ่มน้อยผู้นั้นเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สิบเก้า ฟังเพลงที่หอคณิกา!”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบ ฟังเพลงที่หอคณิกา”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบเอ็ด ฟังเพลงที่หอคณิกา”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบสอง ฟังเพลงที่หอคณิกา วันนี้ดื่มชากับเว่ยกง เขาถามถึงตบะ ข้าบอกว่าก้าวหน้าเล็กน้อย แต่ห่างจากขั้นหนึ่งกลางอีกมาก ระดับขั้นหนึ่งเลื่อนขึ้นยากจริงๆ
เว่ยกงแสดงความกังวล ไม่ต้องเอ่ยถึงภัยพิบัติในอนาคต เพียงเอ่ยถึงสงครามอรัญตาก็ไม่อาจมองข้าม ข้าเรียนรู้จากความเจ็บปวด ตัดสินใจตั้งใจบำเพ็ญตบะ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบสาม ยามบ่าย จู่ๆ มู่หนานจือก็ส่งไป๋จีมาหาข้า บอกว่ากำไลหายไป ลนลานตื่นตระหนก ข้าจึงไปช่วยหาที่ห้องนาง…เมื่อหาก็ถึงพลบค่ำ
ไม่ได้นะสวี่หนิงเยี่ยน นี่เพิ่งไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ควบคุมตนเองไม่ได้แล้ว? เจ้ารู้สึกผิดต่อหลินอันหรือไม่ ครั้งหน้าไม่ว่ามู่หนานจือใช้เหตุผลอะไร ข้าจะไม่ติดกับดักแล้ว”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบสี่ ปักดอกไม้”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบห้า ปักดอกไม้”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบหก ปักดอกไม้ วันนี้ยามบ่าย ราชครูบอกว่าเชิญข้าไปดื่มชาที่อารามรัตนะ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบเจ็ด ปักดอกไม้แต่งหยก!”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบแปด ปักดอกไม้แต่งหยก!”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่ยี่สิบเก้า ปักดอกไม้แต่งหยก หลินอันเอ๋ย สามีทำก็เพื่อบำเพ็ญตบะ ข้าต้องรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต…
บำเพ็ญตบะไม่กี่วัน ผลลัพธ์ไม่เลว นอกจากนี้ วันนี้สวี่หยวนไหวเข้าเป็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล ข้าคิดว่าดีมาก ออกไปทำงาน ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ มากนัก ข้าฝากฝังซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวดูแลน้องชายผู้น่าสงสารคนนี้ นับว่าตอบแทนแม่ผู้ให้กำเนิด”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สามสิบ แม่ผู้ให้กำเนิดรีบมาหาข้า พูดอย่างวิตกกังวล ทุกวันกลับบ้าน สวี่หยวนไหวมีกลิ่นแป้งชาดติดตัว คงได้เรียนรู้เรื่องไม่ดีจากภายนอก เขายังไม่ถึงวัยสวมหมวก
นั่นสิ เขายังเป็นเด็ก จะเที่ยวเล่นสำนักสังคีตได้อย่างไร ข้าจึงลอบสั่งสอนวิธีใช้ส้มเขียวที่ถูกต้องแก่สวี่หยวนไหว”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสามวันที่สามสิบเอ็ด แม่ผู้ให้กำเนิดไม่มาฟ้องแล้ว ดีมาก
ที่จริงวัยเท่าสวี่หยวนไหวนี้ ควรถึงเวลาคิดถึงสตรีแล้ว ถูกซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวพาเสียคนก็เป็นเรื่องปกติ แทนที่จะงดเว้น ไม่สู้เป็นคนปกติหน่อย สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตในอดีตของเขากับหยวนซวงค่อนข้างแปลกประหลาด บ่มเพาะเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีนัก
มีคำพูดหนึ่งว่าอย่างไรนะ วัยเด็กที่ไม่ดีต้องใช้ทั้งชีวิตไปเยียวยา ปล่อยให้หญิงสาวสำนักสังคีตใช้หน้าอกอันอบอุ่นเยียวยาเขาเถอะ
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงยามที่ข้าอายุเท่าเขา ก็มีคนรัก รู้จักแต่งี่เง่าชวนทะเลาะ ทุกครั้งที่อาละวาดขึ้นมาก็น่าหวาดกลัว ต้องตรึงมันไว้บนคีย์บอร์ด ถึงไม่ให้โอกาสมันเสแสร้งได้ เทียบกันแล้ว สวี่หยวนไหวนับว่าโชคดี”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสี่วันที่หนึ่ง วันนี้ไปชายแดนตอนใต้ สถานการณ์ของจี๋เยวียนยังนับว่ามั่นคง แต่รอยแตกบนรูปสลักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ลุกลามถึงบริเวณท้อง ภายในหนึ่งปี เทพกู่จะทำลายผนึกออกมาอย่างแน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภายในหนึ่งปี จะเกิดภัยพิบัติขึ้น ยามนี้ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงโหราจารย์ ยามนี้เฒ่าดวงซวยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ฮวงพาเขาไปตุรกีแห่งสีสัน หรือไปโตเกียวกับปารีส…
อืม หลวนอวี้รสชาติดีจริงๆ”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสี่วันที่สอง หลินอันพูดคุยหัวเราะกับอาสะใภ้ได้แล้ว ความสัมพันธ์กับแม่ผู้ให้กำเนิดก็ไม่เลว แม้นิสัยดื้อรั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาสะใภ้กับแม่ผู้ให้กำเนิดก็อดทนได้
เพียงแต่บางครั้งก็ต่อสู้กับหลิงเยวี่ย แทบไม่เคยชนะเลย…กากไม่เจียม เฮ้อ รังแกหลิงอินกับลี่น่าสักหน่อยไม่ดีหรือ จะรังควานหลิงเยวี่ยให้ได้ ฝูเซียงดีกว่า ไม่สร้างปัญหาให้ข้า”
“รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสี่วันที่สาม หลี่เมี่ยวเจินคำนับเป็นศิษย์นิกายปฐพีอย่างเป็นทางการ นักบวชเต๋าจินเหลียนตั้งนามฉายาให้นาง เรียกว่าหลานเหลียน หลานเหลียนอะไรกัน ยามนี้ทุกครั้งที่เห็นหลี่เมี่ยวเจิน ในหัวข้าก็ดังก้องว่า…ดอกหลานเหลียน อา อา…”
…
รัชศกฮว๋ายชิ่งที่สอง เดือนสี่วันที่เจ็ด
ในวังหลวง
ในตำหนักบรรทมที่หรูหราสง่างาม ประตูหน้าต่างปิดสนิท นางกำนัลและขันทีถูกไล่ออกไปทั้งหมด
สวี่ชีอันอยู่ในตำหนักบรรทม ใต้ฝ่าเท้าเป็นพื้นกระเบื้องที่เงาวาวส่องได้ ในปากสัตว์ทองคำริมหน้าต่างพ่นควันไม้จันทน์ตลบอบอวล
บนพระแท่นบรรทม ม่านเตียงสีเหลืองสว่างปักลายมังกรม้วนขึ้น ฮว๋ายชิ่งสวมชุดลำลองจักรพรรดิ ในรูปโฉมเย็นชา ผสมผสานด้วยเสน่ห์ของเสื้อผ้าบุรุษ
บุรุษสวมเสื้อผ้าสตรีก็ดูไม่ได้ สตรีสวมเสื้อผ้าบุรุษกลับมีเสน่ห์มาก ไม่ยุติธรรมจริงๆ อืม หลี่หลิงซู่ เอ้อร์หลาง และหนานกงเชี่ยนโหรวสวมเสื้อผ้าสตรี คงฆ่าสตรีส่วนใหญ่ในเสี้ยววินาทีได้แน่นอน…สวี่ชีอันคิดในใจ ถามว่า
“เตรียมพร้อมหรือยัง”
ผ่านการเตรียมตัวและสะสมเดือนกว่าๆ ฮว๋ายชิ่งปรับสถานะให้ดีที่สุด เตรียมเข้าสู่ขั้นสามในวันนี้
“พร้อมแล้ว!” ฮว๋ายชิ่งพูด
“หลังจากที่เราเลื่อนสู่ระดับเหนือมนุษย์ แมลงวันน่ารำคาญพวกนั้นคงเงียบไปสักพัก”
ตามสภาพสังคมที่ค่อยๆ สงบสุข เรื่องใหญ่ที่สุดตรงหน้าขุนนางพลเรือนและทหารก็คือการแต่งงานของจักรพรรดินี
เรื่องนี้ยับยั้งได้ยากมาก เพราะมันสำคัญอย่างยิ่ง แน่นอนว่าในนี้มีผู้สูงศักดิ์และขุนนางใหญ่ที่ทะเยอทะยาน หวังจะ ‘เป็นดอง’ กับจักรพรรดินี แต่สมาชิกส่วนหนึ่งของพรรคเว่ยกับพรรคหวางก็เร่งให้ฮว๋ายชิ่งแต่งงานเช่นกัน
พวกเขาก็คือคนที่ไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาท ถ้าฮว๋ายชิ่งชักช้าไม่แต่งงาน ‘ตั้งวังใน’ เช่นนั้นตำแหน่งองค์รัชทายาท ช้าเร็วต้องตกเป็นของสกุลอื่น ถ้าแต่งตั้งลูกหลานชินอ๋องอื่นก็ช่าง
ถ้าลูกหลานจักรพรรดิหย่งซิ่งกลายเป็นองค์รัชทายาท ขุนนางครึ่งราชสำนักต้องถูกแก้แค้นในอนาคต
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา” สวี่ชีอันยิ้มพูด
จากนั้นเขาหยิบเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมา ส่วนฮว๋ายชิ่งล้วงยาโลหิตจากในอ้อมแขน
ชั่วพริบตา กลิ่นอายแห่งชีวิตอันเข้มข้นรุนแรงอบอวลในตำหนักบรรทม ดอกไม้กระถางที่ตั้งอยู่ตรงมุม เริ่มแรกเติบโตเขียวชอุ่ม จากนั้นเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว ตายไปเงียบๆ
ยาโลหิตแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่มหาศาล แต่เป็นยาพิษร้ายแรงถึงชีวิตสำหรับสิ่งมีชีวิตและมนุษย์ธรรมดา
‘เคร้ง!’
สวี่ชีอันเคาะผิวกระจกหนังสือปฐพีเบาๆ ปราณมังกรที่หนาแน่นและเสมือนจริงพุ่งออกมา แยกเขี้ยวกางกรงเล็บใส่ฮว๋ายชิ่ง แสงสีทองตรงหน้าอกของนางกระเพื่อมออกไปราวกับคลื่นน้ำ
หลังจากที่ฮว๋ายชิ่งซึมซับปราณมังกร หยิบยาโลหิตขึ้นมา พินิจพิเคราะห์
ยาโลหิตแวววาวโปร่งใส สัมผัสอ่อนโยน นางสูดกลิ่นอายยาโลหิต ก็รู้สึกโลหิตพลุ่งพล่าน หัวใจเต้นรัว รูขุมขนขยายตัว ราวกับผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง
นางแก้มแดงเรื่อ ในร่างร้อนระอุ
ฮว๋ายชิ่งกลืนน้ำลาย ไม่กลั้น ‘ความอยากอาหาร’ อีก อ้าปากกลืนยาโลหิตลงท้อง
…………………………………………………