cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 674 ลี่กู่

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 674 ลี่กู่
Prev
Next

บทที่ 674 ลี่กู่

หลงถูมองสวี่หลิงอินอย่างละเอียดถี่ถ้วนครู่หนึ่งด้วยใบหน้านิ่งสุขุม ก่อนเดินไปข้างหน้าและออกแรงนวดศีรษะของนาง

ฝ่ามือของเขาใหญ่กว่าโต้วเสี่ยวติง

“เจ้าในตอนนี้อ่อนแอเกินไป”

เสียงของหลงถูมีพลัง แต่น้ำเสียงกลับเรียบเฉย เขายกเสี่ยวโต้วติงขึ้นมาวางบนไหล่แล้วเอ่ยว่า

“อาจารย์จะพาเจ้าไปชมการต่อสู้ ให้เจ้าได้เห็นฉากทัศน์ของระดับบรรลุธรรมเสียหน่อย หากพี่ใหญ่เจ้าสิ้นชีพ เจ้าจงจดจำใบหน้าของพวกเขาไว้ แล้วทิ้งชีวิตไปบำเพ็ญพรต”

ผู้อาวุโสหลายคนพากันขมวดคิ้ว แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อวิธีการสั่งสอนลูกศิษย์เช่นนี้จากเขา

อีกฟากหนึ่ง สวี่ชีอันถอยออกไปสามสิบลี้ในพรวดเดียว และหยุดลงตรงที่ราบระหว่างภูเขาซึ่งรกร้างไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง

โหยวซือพุ่งตัวเข้ามาเหมือนศรแหลมคมพร้อมด้วยผ้าคลุมที่กระพืออย่างรุนแรงขณะที่เขาเหมือนจะตั้งตัวได้

สวี่ชีอันแสยะปากเอ่ยขณะมองไปยังคนสวมผ้าคลุมผู้มีท่าทางโหดเหี้ยมและไร้ทางหยุดยั้งว่า

“ข้าให้เจ้าเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้นเอง ดูท่าจะทำให้เจ้าได้ใจไป คิดว่าสามารถตีเสมอข้าด้วยการพึ่งพาร่างศพของระดับบรรลุธรรมนี่จริงๆ หรือ”

เขาเข้าปะทะโหยวซือโดยการโจมตีตอบโต้อย่างไม่ละถอย และจับศีรษะของคนสวมผ้าคลุมไว้ พลังปราณกลางฝ่ามือพ่นออกมาเสมือนเครื่องดีดลูกศรไฟหลังจากวงแหวนเพลิงท้ายศีรษะระเบิดอย่างรุนแรง

โหยวซือหลังเอนลอยคว่ำออกไปพร้อมด้วยเสียงดังเปรี้ยง หนังหน้าผากเปิดเห็นเนื้อ แต่ไม่มีเลือดไหล

โหยวซือที่อยู่ในท่าหลังเอนเหยียบลงบนพื้นด้วยเท้าทั้งสองข้าง ‘ตึงๆๆ’ …เขาถอยไปหลายก้าวติดต่อกัน ทุกการถอยแต่ละก้าวพื้นดินจะตามด้วยการสั่นสะเทือนดัง ‘ปัง’

ขณะที่เขาเพิ่งจะตั้งตัวได้ สวี่ชีอันก็ปรากฏตัวที่ด้านหลัง และประกบฝ่ามือสับไปยังหลังคอของเขา

‘ฉึบ’

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาจากด้านข้าง เงาม่วงเงาหนึ่งจู่โจมใบหน้าของสวี่ชีอันด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าลูกศร

เขาเอนร่างไปข้างหลังเพื่อขยับศีรษะหลบเงาม่วงนี้ และให้มันเฉียดผ่านจมูกไป

ฉุบ เงาม่วงเขพุ่งลงบนพื้นดิน และกลายเป็นแอ่งเมือกพิษกัดกร่อนพื้นดินจนเป็นหลุมลึก

และปลายจมูกของสวี่ชีอันก็เปื้อนด้วยสีม่วงบางๆ ชั้นหนึ่ง

ป๋าจี้ที่อยู่ไกลออกไปกำลังเคาะแก้ม เมือกพิษคำที่สองเตรียมพร้อมปล่อย

ในขณะเดียวกัน โหยวซือตอบโต้โดยการโผตัวไปข้างหน้า และถีบสวี่ชีอันที่อยู่ข้างหลังด้วยลูกเตะกลับหลังอันรุนแรง

‘ตู้ม!’

ลูกเตะระเบิดคลื่นพลังปราณตรงท้องน้อย

ปิ้ว…ศรพิษลูกที่สองจู่โจมเข้ามา ขณะสวี่ชีอันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกสั่นสะเทือนด้วยลูกเตะจนอ่อนกำลังพอดิบพอดี

ไร้ซึ่งทางหลบเลี่ยง

ขณะนี้เอง ข้อได้เปรียบของจอมยุทธ์สลายแรงก็แสดงออกมา ร่างกายของสวี่ชีอันบิดเป็นรูปตัวอักษร ‘凹’ ราวไม่มีกระดูก จึงทำให้ศรพิษพลาดเป้าอีกครั้ง

‘ปังๆๆ!’

โหยวซือถือโอกาสเข้าประชิดตัว และใช้ทั้งหมัดและเท้าเตะต่อยร่างกายของสวี่ชีอันจนเกิดเสียงดังราวเคาะระฆัง

ในขณะเดียวกัน ป๋าจี้พ่นศรพิษจู่โจมอย่างต่อเนื่อง หลังเสียงเป่า ขณะสวี่ชีอันขัดขวางการรัวกระบวนท่าของโหยวซือด้วยพลัง ในที่สุดป๋าจี้ก็ทำสำเร็จ ศรพิษยิงเข้าที่หัวเข่าของสวี่ชีอัน

ขากางเกงถูกกัดกร่อนจนแทบไม่เหลือในทันที ผิวหนังสีทองมืดเปื้อนด้วยสีม่วงเข้ม

คราบสีทองเข้มถูกแสงทองคุ้มร่างสีทองมืดจัดกัดขอบเขตไว้ที่หัวเข่า ไม่สามารถลุกลามต่อได้ แต่แสงทองคุ้มร่างก็ไม่อาจขับสารพิษออกไปได้เช่นกัน

สารพิษเป็นกลวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตู๋กู่ หากไม่สามารถสังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันด้วยพิษ เช่นนั้นก็จะไร้ความหมาย

แน่นอนว่าจอมยุทธ์ขั้นสามคงจะไม่ถูกสังหารด้วยพิษง่ายๆ เป้าหมายของป๋าจี้ชัดเจนมากว่าเป็นการทำสงครามตัดกำลัง

ขณะนี้เอง เงามนุษย์หกเงาพุ่งออกมาจากภูเขา พวกเขาพาดผ้าคลุม สวมหมวกคลุมศีรษะ และถือดาบกระดูกกู่เจ็ดเล่มไว้ในมือ

“มาแล้วสินะ”

คนสวมผ้าคลุมทั้งหกถือดาบไว้โดยไม่ได้รีบร้อนเข้าสนาม แต่วิ่งไปทางป๋าจี้แทน

ชายสวมเสื้อคลุมเข้าแถวตรงหน้าป๋าจี้โดยวางดาบไว้บนพื้น

รูปแบบของดาบพวกนี้เรียบง่ายดูโบราณ สร้างโดยการฝนจากกระดูก พื้นผิวของดาบกระดูกกู่กระจายไปด้วยจุดด่างดำและคราบเหลืองเล็กๆ แสดงให้เห็นถึงร่องรอยตามกาลเวลา

ประวัติของดาบกระดูกกู่ยาวนานอย่างยิ่ง ประมาณหนึ่งพันสามร้อยปีก่อน อสูรกู่ระดับบรรลุธรรมออกมาจากสุดห้วงลึก มันเหมือนห้วงลึกที่ไม่มีวันเต็มอิ่ม ที่ใดที่เคยผ่าน ทุกชีวิตล้วนดับสูญ

ผู้นำฝ่ายต่างๆ ของเผ่าพันธุ์กู่ร่วมมือกันต่อสู้กับอสูรกู่ที่ทุ่งรกร้างทางเหนือของซินเจียงตอนใต้ การต่อสู้อันดุเดือดผ่านไปสิบวันจึงจะสังหารมันลงได้

เพราะอสูรตนนี้คืออสูรลี่กู่ กายหยาบแกร่งกล้า ความสามารถในการรักษาตนเองสูงถึงขั้นเหนือกว่าจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน พลังกายไม่มีวันหมดสิ้น

ดาบกระดูกกู่หกเล่มทำจากการฝนกระดูกหกชิ้นที่แข็งที่สุดในร่างกายอสูรกู่ ซึ่งกินระยะเวลากว่าหกสิบปี ในที่สุดก็บรรลุผลสำเร็จ

คุณภาพวัสดุและระดับความคมของดาบกระดูกไม่ด้อยไปกว่าอาวุธวิเศษ

ป๋าจี้จับคมดาบของดาบกระดูกกู่เล่มหนึ่งไว้ แล้วกรีดเลือดเบาๆ ให้เปื้อนลงบนคมดาบ

เขาทำกับดาบกระดูกกู่ห้าเล่มที่เหลือด้วยวิธีเดียวกัน

“ไปเสีย” ป๋าจี้เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น

“อืม วันนี้จะใช้เลือดของเขาเซ่นไหว้เทพหกดารา”

คนสวมผ้าคลุมเอ่ยออกมาเป็นเสียงของโหยวซือ

ดาบกระดูกกู่ทั้งหกลงสนามอย่างอุกอาจ

ชั่วพริบตานั้น สวี่ชีอันรู้สึกเพียงว่ารอบด้านเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ลางล่วงรู้วิกฤตของจอมยุทธ์กลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

ปรมาจารย์ซินกู่ฉุนเอียนเอ่ยเบาๆ ว่า

“เจ็ดคนคือหนึ่งคน หนึ่งคนคือเจ็ดคน ทั้งยังมีอาวุธมีคมอย่าง ‘เทพหกดารา’ ติดตัว ต่อให้ไม่มีพวกเราช่วย พลังต่อสู้ของโหยวซือก็มากกว่าจอมยุทธ์ขั้นสามทั่วไป”

หลวนอวี้เลียริมฝีปากสีแดงของนาง และเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยว่า

“โหยวซือ เจ้าห้ามฆ่าเขา ข้าต้องการเพาะฉิงกู่ในร่างกายของเขา ทำให้เขาเป็นของข้าเท่านั้น”

คนที่พูดเป็นใครกัน…นางใคร่ที่มีรูปร่างสุดแสนเลิศเลอ หรือสตรีงามผู้มีตากลมโตที่ห้อยงูสองตัวไว้ที่ใบหู…สวี่ชีอันใบหูกระดิก

ฉับ!

คนสวมผ้าคลุมสองคนแวบผ่านจากด้านซ้ายและขวาของสวี่ชีอัน ดาบกระดูกกู่เฉือนลงเป็นรอยม่วงบางๆ สองคมที่เอวของเขา

รอยม่วงไม่อาจสลายหายไปเฉกเช่นบาดแผลที่เกิดในกระดูก

นี่มันดาบอะไรกัน ความแหลมคมด้อยกว่าดาบไท่ผิงเล็กน้อย แต่คงจะอยู่ในระดับอาวุธวิเศษ แม้จะทำลายพลังเทพวชิระของข้าไม่ได้ แต่ก็พอเจ็บอยู่บ้าง…สวี่ชีอันขมวดคิ้ว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณบั้นเอวทั้งสองข้างจากคมดาบ จึงหมดอารมณ์จับตามองสาวงามลงทันใด

ความเจ็บปวดแรกสุดคือคมดาบที่เฉือนลง การแผดเผาต่อเนื่องที่ตามมาภายหลังมีสาเหตุจากสารพิษ

ชายเสื้อคลุมดำสองคนเพิ่งจะแวบผ่านเอวของเขาไป กลับมีอีกสองคนม้วนตัวเข้ามาสะบั้นดาบกระดูกกู่ไปที่หัวเขาจากที่เดิม

สวี่ชีอันปล่อยให้ศัตรูทางด้านซ้ายฟันหัวเข่า และยกขาขวาขึ้นย่ำศัตรูทางด้านขวาไว้ใต้เท้าอย่างเหี้ยมโหด ในขณะเดียวกันก็กระเพื่อมพลังปราณเพื่อกระแทกมนุษย์ศพทั้งสองให้แหลก

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ แม้ฝ่าเท้าของเขาจะจมเข้าไปในอกของอีกฝ่ายและย่ำกระดูกหน้าอกจนหัก แต่ก็ไม่สามารถกระแทกมนุษย์ศพตนนี้ให้แหลกได้

ชัดเจนว่าลมปราณของคนสวมผ้าคลุมคนอื่นๆ ไม่ถึงระดับบรรลุธรรม ยกเว้นมนุษย์ศพที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่าตนนั้น

สวี่ชีอันพลันนึกถึงสิ่งที่ได้ยินจากตระกูลไฉ นึกขึ้นได้ว่าไฉเสียนรวบรวมของเซ่นไหว้สำหรับหลอมมนุษย์ศพ และสะสมเลือด เขาต้องการหลอมหุ่นเชิดระดับบรรลุธรรมด้วยรูปแบบเคล็ดวิชาการเลี้ยงศพของฝ่ายซือกู่

เขารู้ตัวในทันทีว่ามนุษย์ศพทั้งหกที่เพิ่งจะเข้าร่วมการต่อสู้สร้างขึ้นโดยใช้ศาสตร์ลับประเภทนี้ แม้พลังต่อสู้จะไม่ถึงระดับบรรลุธรรม แต่ระดับความทนทานของกายหยาบอยู่เหนือขั้นสี่ไปแล้ว

“พี่ใหญ่ถูกฟันเข้าแล้ว!”

สวี่หลิงอินที่อยู่ไกลออกไปนั่งบนไหล่ของหลงถู และมองลงไปข้างล่างจากที่สูง จึงมองการต่อสู้ในที่ราบระหว่างภูเขาได้ชัดเจน

ที่ที่ไกลออกไปยิ่งกว่า มู่หนานจือกำลังชมการต่อสู้อยู่หลังต้นไม้อย่างระแวดระวัง นางขมวดคิ้วเกร็ง ส่วนใต้เท้าของนางคือไป๋จีผู้มีสีหน้าเฉื่อยชา

หลงถูลูบศีรษะของลูกศิษย์ตัวน้อย และมองไปยังผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนักราวเปล่งเสียงจากในโอ่งว่า

“ค่ายกลเจ็ดศพของโหยวซือ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจแก้ไขได้ภายในเวลาอันสั้น ยิ่งประสานกับพิษของป๋าจี้อีก มันเหมาะกับการแล่เนื้อด้วยดาบทื่อเพื่อขูดรีดเลือดของจอมยุทธ์เป็นที่สุด

“หรือว่านี่ป๋าจี้ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ เงาซ่อนอยู่ในที่ลับ หลวนอวี้เพียงยืนมองอยู่ข้างๆ และฉุนเอียนก็ไม่เคยขี่อสูรไปก่อกวน”

ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยช้าๆ ว่า

“หนีตอนนี้ยังทัน…”

สีหน้าเขาเปลี่ยนในฉับพลัน “พวกเขาลงมือแล้ว”

จู่ๆ หลวนอวี้ที่มองอยู่ข้างๆ มาตลอดก็เดินออกไประยะหนึ่ง ก่อนเป่าเบาๆ ด้วยปากเรียวเล็กที่ยั่วยวนและแดงก่ำ

ราวว่ากำลังเป่าหูคนรัก

แต่ทั่วทั้งทุ่งราบระหว่างภูเขาถูกเติมเต็มไปด้วยปราณเสน่หาในชั่วพริบตา เสียงกรอกกรอกแกรกแกรกดังไม่ขาดหู แมลงที่ซ่อนอยู่ใต้ดินทยอยไต่ออกมาจากถ้ำ พร้อมส่งเสียงร้องระงมหาคู่

ฝูงนกบนกิ่งไม้ส่งเสียงสูงแหลมอย่างฮึกเหิม ดวงตาทั้งคู่ของสัตว์ขนาดใหญ่แดงก่ำ พวกมันหาคู่และเริ่มผสมพันธุ์กันอย่างบ้าคลั่ง โดยหนักถึงขั้นไม่แบ่งเผ่าพันธุ์และไม่สนเพศ ขอเพียงรูปร่างต่างกันไม่มากก็จะหมอบเข้าไปทันที และผสมพันธุ์กันตามสัญชาตญาณอย่างหิวโหย

“ข้าก็เอาด้วย”

ป๋าจี้ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า และออกแรงเป่าควันสีครามที่หนืดข้นเหมือนหมอกออกไปเฮือกหนึ่ง

มวลควันสีครามหนาแน่นกว่าอากาศ ลอยหมุนเป็นเกลียวกลางที่ราบระหว่างภูเขาเฉกเช่นผ้าไหมเนื้อบาง ปกคลุมหุ่นเชิดทั้งเจ็ดที่สวี่ชีอันและโหยวซือควบคุมไว้

พิษชนิดนี้ต่างกับศรพิษสีม่วงตรงที่มันมุ่งเป้าไปยังสิ่งมีชีวิตเท่านั้น หากมีผู้เผลอสูดดมเข้าไป อากาศพิษจะไหลไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายพร้อมกับเลือด และทำลายอวัยวะตันทั้งห้ากับอวัยวะกลวงทั้งหก[1]

ท่ามกลางทุ่งราบระหว่างภูเขา เสียงแมลงร้องหาคู่หายไปอย่างไม่รู้สึกตัว เพศผู้ที่กำลังผสมพันธุ์ล้มลงจากร่างกายของเพศเมีย และชักตายไปพร้อมกัน

สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ได้กลิ่นอากาศพิษ ไม่ว่าจะเป็นงู แมลง หนู มด สัตว์ปีกหรือสัตว์บก ล้วนสิ้นชีพทั้งสิ้น

หลวนอวี้และป๋าจี้ยิ้มมองซึ่งกันและกัน ก่อนอีกคนจะเอ่ยด้วยเสียงสูงว่า

“เงา เตรียมตัวให้ดี หากเจ้าหนุ่มนั่นหนีออกไป รีบบีบให้เขากลับมาทันที”

ตราบใดที่กล้าหายใจ เขาก็จะต้องเผชิญกับการทดสอบจากปราณเสน่หาและพิษ ยกเว้นว่าจะไม่หายใจ

ทั้งสองไม่สามารถสังหารจอมยุทธ์ระดับบรรลุธรรมได้ในเวลาอันสั้น แต่จะทำให้สภาพของสวี่ชีอันย่ำแย่ลงเพื่อตัดทอนพลังต่อสู้

และเดิมทีมนุษย์ศพก็เป็นคนตาย ไร้ซึ่งความใคร่และไม่กลัวพิษ

ขณะนี้ กระทั่งลี่น่าผู้ไร้หัวใจก็ไม่อาจทนไหว นางกระทืบเท้าอย่างรุนแรง

“แม่ย่า แม่ย่า…”

นางวิ่งตะบึงไปข้างๆ แม่ย่าแห่งเทียนกู่ด้วยความหวาดผวา และคว้าแขนของหญิงชราไว้แน่น พร้อมเอ่ยวิงวอนว่า

“ท่านให้พวกเขาหยุดเถิด ข้า ข้าพาสวี่ชีอันกลับเมืองหลวงไม่ได้หรือ เขาเป็นเพื่อนของข้า พวกท่านอย่าฆ่าเขาเลย”

ลี่น่าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจะเลยเถิดถึงขั้นนี้

ในตอนแรกเธอคิดจะใช้ชื่อเสียงของสวี่ชีอันเพื่อให้บรรดาอาวุโสและบิดารับสวี่หลิงอินเข้ามา ลี่น่าแอบปรบมือให้ความฉลาดและไหวพริบของตนเอง

ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ หากฆ่านางตายก็ไม่อาจพาสวี่ชีอันกลับมาได้ แม้การที่เผ่าพันธุ์กู่มาซินเจียงตอนใต้จะเป็นข้อเสนอของสวี่ชีอันก็ตาม

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

แม่ย่าแห่งเทียนกู่ตบหลังมือของนางเบาๆ พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สงบและเมตตาว่า

“เมื่อยิงศรออกไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับ ศึกนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ มิเช่นนั้นจะระบายความเคียดแค้นของพวกเขาเช่นไร ที่ราบลุ่มภาคกลางมีสำนวนที่ว่า ตีกลองครั้งแรกความฮึกเหิมพุ่งพรวด ตีกลองครั้งที่สามความฮึกเหิมหมดสิ้น[2]

“เผ่าพันธุ์กู่ต้องการผูกพันมิตรกับอวิ๋นโจว แต่สวี่ชีอันไม่ยินยอม ดังนั้นจึงต้องเลือกเผชิญสงคราม”

นางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเป็นนัยว่า “เผ่าพันธุ์กู่ยินยอมนั่งเจรจากับผู้แข็งแกร่งเท่านั้น”

ลี่น่าไม่เข้าใจคำบอกเป็นนัยแม้แต่น้อย นางกระทืบเท้าอย่างแรงแล้วเอ่ยตะโกนว่า

“พวกเขารังแกคน เก่งจริงก็สู้ตัวต่อตัวสิ”

เมื่อพบว่าแม่ย่าแห่งเทียนกู่เองก็พึ่งพาไม่ได้ ลี่น่าอกสั่นขวัญแขวนอย่างรุนแรง ขณะนี้เอง ความรู้สึกใจสั่นที่คุ้นเคยบังเกิดขึ้นในทันใด มีคนจากพรรคฟ้าดินส่งข้อความมา

พรรคฟ้าดิน พรรคฟ้าดินมีเหตุ…ลี่น่าคลำหาสิ่งของบริเวณอกอย่างลนลาน ก่อนคว้าเอาเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมา

หมายเลขเจ็ด ‘องค์หญิง ท่านมีชุดเกราะและอาวุธในกำมือหรือไม่ ข้าต้องการติดอาวุธให้กองกำลังของข้า จากนั้นพาพวกเขาไปต่อสู้ที่ชิงโจว’

หลี่หลิงซู่ส่งข้อความมา

ฮว๋ายชิ่งยังไม่ได้ตอบ หลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความมาด่าว่า

หมายเลขสอง ‘เพ้อฝัน ขาดแคลนกองกำลังและยุทโธปกรณ์ในช่วงสงคราม จะใช้กับฝูงชนไม่ได้ความที่อยู่ใต้บัญชาเจ้าได้อย่างไร หากต้องการอาวุธและชุดเกราะ ให้ไปสังหารศัตรูที่ชิงโจวด้วยตนเอง ยิ่งกว่านั้น บางคนเป็นเพียงองค์หญิงที่ไม่มีอำนาจแท้จริง’

ถือโอกาสเสียดสีฮว๋ายชิ่งไปประโยคหนึ่ง

ฮว๋ายชิ่งไม่ได้ตอบ ราวกับไม่ควรค่าให้สนใจพวกไก่กาจากนิกายสวรรค์

ลี่น่าตั้งสติ และส่งข้อความโดยการใช้นิ้วชี้เขียนแทนพู่กันว่า

หมายเลขห้า ‘ช่วยด้วย สวี่ชีอันกำลังจะตายแล้ว เหล่าผู้นำจากเผ่าพันธุ์กู่ของพวกข้ากำลังฆ่าเขา’

หมายเลขหนึ่ง ‘เกิดอะไรขึ้น’

ฮว๋ายชิ่งตอบข้อความเป็นคนแรกสุด

หมายเลขห้า ‘คนของอวิ๋นโจวต้องการผูกพันมิตรกับเผ่าพันธุ์กู่เพื่อโจมตีต้าฟ่ง สวี่ชีอันอยู่ที่ซินเจียงตอนใต้พอดี พวกผู้นำกำลังล้อมฆ่าเขา…’

ลี่น่าบรรยายเรื่องราวด้วยคำพูดที่สลับไปมา

เงียบไปประมาณสิบกว่าวินาที ก่อนหลี่หลิงซู่จะส่งข้อความมาว่า

‘ข้าเคยพักอยู่ซินเจียงตอนใต้ระยะหนึ่ง เผ่าพันธุ์กู่มีเจ็ดฝ่าย ผู้นำแต่ละคนล้วนเป็นระดับบรรลุธรรม กลวิธีของเผ่าพันธุ์กู่ประหลาดเป็นอย่างยิ่ง หากคิดจะฆ่าจอมยุทธ์ขั้นสามไม่ใช่เรื่องยากเลย และยิ่งยื้อเวลานานเท่าไร ก็ยิ่งยากที่จะหลบหนีเท่านั้น’

หมายเลขสอง ‘ไม่ ไม่เป็นอะไรหรอก…เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม ทั้งยังมีเจดีย์พุทธะ หากเขาคิดหนี ผู้นำของเผ่าพันธุ์กู่ก็ห้ามไม่อยู่หรอก’

หลี่เมี่ยวเจินรู้สึกถึงความล่อแหลมของสถานการณ์ ผู้นำแต่ละฝ่ายของเผ่าพันธุ์กู่ล้อมฆ่าสวี่ชีอัน ใครก็ตามที่รู้ถึงศักยภาพของเผ่าพันธุ์กู่ล้วนเข้าใจได้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไร

หมายเลขหนึ่ง ‘สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร’

หมายเลขห้า ‘เขาถูกพวกผู้นำล้อมไว้แล้ว’

ฮว๋ายชิ่งส่งข้อความตามมาอย่างเร่งด่วนว่า หมายเลขหนึ่ง ‘คงไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยความฉลาดของเขา เขาจะไม่ให้ตนเองตกอยู่ในแดนตาย เผ่าพันธุ์กู่ใช้หลิงอินเป็นตัวประกันเพื่อบังคับเขาหรือไม่’

ฮว๋ายชิ่งผู้ฉลาดเป็นกรดอ่านความผิดปกติออกในทันที

หมายเลขห้า ‘สวี่หนิงเยี่ยนคิดที่จะขัดขวางการผูกพันธมิตรระหว่างเผ่าพันธุ์กู่กับอวิ๋นโจวเพื่อช่วยเหลือต้าฟ่ง’

หมายเลขหนึ่งฮว๋ายชิ่งเงียบลงในทันใด

‘พวกแกเผ่าพันธุ์กู่รนหาที่ตายหรือ อยากตายหรือ เชื่อหรือไม่ว่าแม่ยืนสาบานต่อสวรรค์ว่าจะล้างบางแก เผ่าพันธุ์กู่’

หลี่เมี่ยวเจินเดือดดาลอย่างยิ่ง

ลี่น่าไม่เคยเห็นว่าหมายเลขสองเสียสติเช่นนี้ จึงทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ฮว๋ายชิ่งเงียบขรึม หลี่เมี่ยวเจินโมโห ฉู่หยวนเจิ่นทำได้เพียงยืนขึ้นตอบข้อความเมื่อเห็นสถานการณ์ว่า

‘ลี่น่า เจ้าส่งข้อความหาพวกเราเพราะอยากขอความช่วยเหลือใช่หรือไม่’

หมายเลขห้า ‘ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร’

หมายเลขสี่ ‘เจ้าบอกสถานการณ์ของหลิงอินกับข้าก่อน พระมเหสีด้วย’

เขายังคงชินกับการเรียกมู่หนานจือว่าพระมเหสี

หมายเลขห้า ‘หลิงอินอยู่ข้างๆ บิดาข้า นางเป็นลูกศิษย์ของบิดาข้า ปลอดภัยดี ว่าแต่พระมเหสีคือใคร’

หมายเลขสี่ ‘สตรีที่ติดตามสวี่ชีอัน เอ่อ คนที่หน้าตาพื้นๆ’

ลี่น่ารู้เลยว่าเป็นใคร จึงตอบกลับทางข้อความว่า ‘นางเองก็ปลอดภัยดี’

หมายเลขสี่ ‘อย่าร้อนใจไป ไม่เป็นไรหรอก เหตุการณ์และผู้คนที่สามารถทำให้สวี่ชีอันทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ชีวิตได้มีไม่มาก หากเป็นสถานการณ์จะต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาคงหนีไปนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ไม่รู้จะไร้ซึ่งความกลัว เขาอาจจะคุ้นเคยกับกลวิธีของเผ่าพันธุ์กู่มากกว่าเจ้า เจ้าลืมเจ็ดยอดกู่ไปแล้วแน่ๆ

‘ในเมื่อเลือกประจัญสงคราม เช่นนั้นเขาก็ต้องมีความมั่นใจอยู่บ้าง’

แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ฉู่หยวนเจิ่นก็ยังคงเกิดความไม่มั่นใจในความคิด นางเอ่ยเสริมว่า

‘เดี๋ยวเจ้าบอกผลการต่อสู้หลังจบกับพวกข้าด้วย พวกข้าจะรอ’

จริงสิ ยังมีเจ็ดยอดกู่…ลี่น่าดีใจ ในที่สุดนางก็จำของสิ่งนี้ได้

…

พิษของผู้นำฝ่ายตู๋กู่แกร่งกว่าข้ามาก สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ

การ ‘อำพราง’ จากอั้นกู่ยังไม่แสดงผลกับข้า หากข้าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสามอย่างเดียว คงจะถูกรั้งให้ตายอย่างช้าๆ อยู่ที่นี่เป็นแน่…สวี่ชีอันหลบดาบกระดูกกู่หกเล่มที่ฟันแสกหน้ามา หลังจากหยั่งเชิงระดับของโหยวซือ หลวนอวี้และป๋าจี้ในเบื้องต้น เขาก็ไม่ออมมืออีกแล้ว

ไมว่าจะฉิงกู่หรือสารพิษ แท้จริงแล้วไม่ได้สร้างผลกระทบให้เขาเลย

กลวิธีที่ผู้นำหลายคนภูมิใจกับมัน สำหรับศัตรูที่มีไสยศาสตร์กู่แตกต่างกันไม่มากแล้ว ภัยอันตรายที่สามารถสร้างได้นั้นมีขีดจำกัด

ในฐานะนักรบที่มีประสบการณ์โชกโชน การเก็บกลวิธีและหยั่งเชิงระดับของศัตรูเป็นการกระทำตามปกติ

เขาเอนตัว เคลื่อนฝีเท้า กล้ามเนื้อตรงขาขวาดันขึ้นจนขากางเกงฉีกออก มันบวมขยายเป็นสองเท่าในฉับพลัน และเฆี่ยนอากาศดัง ‘ปั้ง’ จากนั้นเฆี่ยนลำตัวมนุษย์ศพทางซ้ายและขวาอย่างรุนแรง

เฆี่ยนจนมนุษย์ศพตนนั้นเอวขาดครึ่ง

บ้าคลั่ง

กายาจิตเทพอารักษ์ผสานกับความสามารถบ้าคลั่ง ไม่มีสิ่งใดอาจทำลาย ไร้ซึ่งสิ่งใดต่อต้าน

พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาสู้เพียงลำพังกับอาซูหลัวที่วัดหนานฝ่า

ขาแส้หนึ่งกระบวนท่าจัดการมนุษย์ศพตัวที่หนึ่งลง วงแหวนเพลิงหลังศีรษะของสวี่ชีอันปะทุขึ้น และระเบิดคนสวมผ้าคลุมที่ถือดาบกระดูกกู่อยู่ด้านหลังซึ่งคิดจะลอบโจมตี จนทำให้ร่างกายของเขาถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง

วงแหวนเพลิงหลังศีรษะของเขาพลังหยางแกร่งกล้า สำหรับปราบมารผีปีศาจโดยเฉพาะ หากเทพเจ้าหยินขั้นสี่แห่งลัทธิเต๋าถูกเปลวไฟนี้แผดเผาก็จะต้องบาดเจ็บสาหัส

มนุษย์ศพก็ถือว่าอยู่ในระดับสิ่งชั่วร้าย

สวี่ชีอันแกว่งแขนหมุนตัวกลับ กล้ามเนื้อที่ใหญ่เกินความจริงดันแขนเสื้อฉีก ศีรษะของมนุษย์ศพที่อยู่ด้านหลังแหลกในชั่วพริบตา ก้อนกระดูกและมันสมองสีขาวหม่นกระจายไปทั่ว

“ลี่กู่หรือ”

โหยวซือแผดเสียงด้วยความเดือดดาล เขาตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย เขาควบคุมมนุษย์ศพขั้นสามเข้าไปก่อกวนเพื่อพยายามยับยั้งศัตรู

สวี่ชีอันยื่นมือออกไปคว้าต้นคอของมนุษย์ศพขั้นสามไว้พอดี ดูเหมือนเขาจงใจเข้าปะทะด้วยตนเอง

วงแหวนเพลิงหลังศีรษะระเบิดดัง ‘ครืน’ ร่างกายสีทองมืดพองเป็นก้อนกลมราวกับยักษ์ที่มีกล้ามเนื้อพิกลพิการ ในขณะเดียวกันพลังปราณในร่างกายก็พลุ่งพล่านไปตามแขนราวกระแสน้ำคลั่ง

ภายใต้การโจมตีด้วยพลังพิสดารผสานกับพลังปราณ ต้นคอของโหยวซือเกิดเสียงดังแกรก จากนั้นก็ถูกโจมตีกระเด็นออกไปในทันที

สวี่ชีอันเดินล่องตัวเข้าแทรกระหว่างมนุษย์ศพโดยไม่ได้ไล่ต้อนเขา ท่าทางของเขาจึงคล่องแคล่วและรวดเร็วราวกำลังเต้นลีลาศจังหวะเร้าอารมณ์หรือเล่นไถลตัวบนน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้นเนื่องจากไม่มีแรงเฉื่อย

มนุษย์ศพสี่ตนที่เหลืออยู่ล้มลงอย่างไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย บ้างก็ถูกเด็ดศีรษะ บ้างก็ลำตัวครึ่งหนึ่งถูกทุบแหลก บ้างก็สูญเสียดวงตาทั้งคู่…

และในขณะนี้เอง มนุษย์ศพขั้นสามของโหยวซือเพิ่งจะร่วงลงสู่พื้นอย่างช้าๆ หลังจากปลิวออกไประยะหนึ่ง

เข่าทั้งคู่ของสวี่ชีอันจมลงเล็กน้อย พื้นดินทรุดลงดัง ‘ครืน’ เขาแปลงกายเป็นเงาดำ และพุ่งเข้าหามนุษย์ศพขั้นสามที่เพิ่งจะตั้งตัวได้

เขานั่งคร่อมบนตัวมนุษย์ศพ กล้ามเนื้อที่แขนทั้งสองข้างของสวี่ชีอันพองบวม เส้นเลือดดำปูดนูนเป็นรูปร่างพิสดาร

หมัดขวาของเขาชกเข้าแก้มของจอมยุทธ์ขั้นสามอย่างรุนแรง แรงจนใบหน้าของเขาหันไปทางขวาในฉับพลัน ฟันร่วงกระจายออกมา

หมัดซ้ายเสริมตามมา ชกจนแก้มของมนุษย์ศพหันไปทางซ้าย

ปั้งๆๆ

เขารัวหมัดซ้ายขวาระบายความรุนแรงอย่างถึงอกถึงใจ เขาชกจนใบหน้าของจอมยุทธ์ขั้นสามเละไม่รูปหน้า

นอกสนาม หลวนอวี้ ฉุนเอียน ป๋าจี้และผู้นำหลายคนที่เห็นฉากนี้ รวมไปถึงหลงถูพร้อมกับคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไป สมาธิหลุดเล็กน้อย

“ลี่กู่…” หลวนอวี้มองไปยังหลงถูและบรรดาอาวุโสในฉับพลัน ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงสูงว่า

“ลี่กู่”

“หลงถู พวกเจ้าฝ่ายลี่กู่ถ่ายทอดศาสตร์ลับระดับบรรลุธรรมให้คนนอก”

อาวุโสหลายคนลิ้นพันตาค้าง ใบหน้าหลงถูเต็มไปด้วยความงุนงง จากนั้นพวกเขาก็แหงนศีรษะโดยพร้อมเพรียงกัน สายตาจับจ้องไปยังลี่น่าอย่างแหลมคม

“ไม่ ไม่ใช่ข้า…”

ลี่น่าถูกบีบด้วยสายตาอันแหลมคมจนถอยร่นไปหลายก้าวติดต่อกัน นางส่ายมือทั้งคู่อย่างสุดแรงเพื่อเรียกร้องเป็นธรรมให้ตนเอง

………………………………………..

[1] อวัยวะกลวงทั้งหกประกอบด้วย ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะและซานเจียว อวัยวะตันทั้งห้าประกอบด้วย หัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไต

[2] ตีกลองครั้งแรกความฮึกเหิมพุ่งพรวด ตีกลองครั้งที่สามความฮึกเหิมหมดสิ้น มาจากสุภาษิตจีนที่ว่า 一鼓作气再而衰三而竭 หมายถึง ไม่ว่าทำการใดจะต้องทำให้เสร็จในรวดเดียว เพราะในช่วงแรกจะมีความฮึกเหิมเต็มเปี่ยม หากทำการใดขาดตอนจะเกิดผลในทางลบตามมา

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 674 ลี่กู่"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF