cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 639-2 หลี่หลิงซู่ในถิ่นอสุรา (2)

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 639-2 หลี่หลิงซู่ในถิ่นอสุรา (2)
Prev
Next

บทที่ 639 หลี่หลิงซู่ในถิ่นอสุรา (2)

ไฉซิ่งเอ๋อร์สวมชุดประโปรงผ้าธรรมดาๆ แต่กลับยากจะปกปิดความงามตามธรรมชาติของนางได้ นางมีใบหน้ารูปผลแตงที่สวยไม่หยอก

สีหน้าที่ซีดขาวเล็กน้อยตามแบบคนป่วยไข้ทำให้บุคลิกบอบบางของนางยิ่งดูน่าเอ็นดูมากขึ้น

นางเป็นสตรีประเภทที่ชวนให้บุรุษออกตัวปกป้องได้ แต่ในสายตาของหลี่หลิงซู่ ณ เวลานี้ นางเหมือนกับเป็นเส้นชนวนของปืนใหญ่เสียมากกว่า

หลี่หลิงซู่ยิ้มขืนๆ

“ซิ่งเอ๋อร์ออกมาได้อย่างไรกัน?”

สวี่ชีอันจงใจทำท่าทางทอดถอนใจออกมา

“พอรู้ว่าครั้งนี้จะต้องต่อสู้กับศัตรูแกร่ง ข้าก็เลยปล่อยไฉซิ่งเอ๋อร์ออกมาก่อน แต่ลืมบอกเจ้าไป ถึงแม้นางจะมีความผิดใหญ่หลวง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหญิงงามของเจ้า ดังนั้นข้าก็ย่อมต้องรับผิดชอบชีวิตของนางให้ดี”

“ข้าขอบใจท่านจริงๆ!” หลี่หลิงซู่ตอบกลับด้วยท่าทางขบเขี้ยว

ไฉซิ่งเอ๋อร์มองพินิจไปยังตงฟางหว่านชิง ตงฟางหว่านชิงก็มองดูไฉซิ่งเอ๋อร์อยู่เช่นกัน

“คุณชายหลี่ นางเป็นใคร?”

พวกนางเอ่ยขึ้นเสียงเดียวกัน

คุณชายหลี่…ดีเลย ทีนี้ไม่ต้องถามกันแล้ว แค่คำเรียกก็บอกทุกอย่างหมดแล้ว

ไฉซิ่งเอ๋อร์และตงฟางหว่านชิงจ้องหน้ากัน ประกายไฟปะทุไปทั่วทุกด้าน

‘ฟู่ ฟู่…’ หลี่เมี่ยวเจินเกือบจะยื่นมือมาปิดปากไม่ให้ตัวเองหัวเราะอยู่รอมร่อ

นางคิดในใจ ‘หลี่หลิงซู่หนอหลี่หลิงซู่ ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้’

ตงฟางหว่านชิงเอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชัง

“คุณชายหลี่ นี่เป็นนางจิ้งจอกที่ท่านเลี้ยงไว้ที่ไหนอีกเล่า? มีแค่ข้ากับท่านพี่ยังไม่พอ ไปคบค้าสมาคมกับนางแพศยาจากสมาคมการค้าเหลยโจวก็ยังไม่พอ นี่ท่านมีผู้หญิงอยู่ข้างนอกอีกเท่าไหร่กัน”

“นางจิ้งจอก?”

ไฉซิ่งเอ๋อร์เลิกคิ้วแล้วหัวเราะเย็น “ใครเป็นนางจิ้งจอกตัวจริงก็ยังไม่แน่หรอก ตอนที่ข้ากับคุณชายหลี่เอ่ยคำสาบานต่อกัน แม่หนูอย่างเจ้ายังไม่หย่านมเลยกระมัง”

ตงฟางหว่านชิงก้าวเท้าเข้าไปด้วยท่าทางเย็นชาหยิ่งยโส

“นางแพศยา ตอนนี้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”

ไฉซิ่งเอ๋อร์ยิ้มเยาะ “เดิมทีข้าก็เป็นนักโทษที่ถูกขังอยู่แล้ว คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก”

หลี่หลิงซู่เจ็บปวดใจ เขาเอ่ยเสียงขรึมแทรกคำพูดของทั้งสอง

“ซิ่งเอ๋อร์ เจ้าจะไม่เป็นอันใด พี่สวี่รับปากข้าแล้วว่าจะมอบปราณชีวิตหนึ่งสายให้เจ้า”

สวี่ชีอันเหลือบมองไฉซิ่งเอ๋อร์ ในใจกล่าวว่า สุดยอดแท้ รู้สึกเปลี่ยนข้อเสียให้เป็นข้อได้เปรียบ ทำให้ได้ความเห็นอกเห็นใจของหลี่หลิงซู่มา ศิลปะการชงเช่นนี้ ด้อยกว่าน้องสาวที่บ้านข้านิดเดียวเอง

ไฉซิ่งเอ๋อร์หลั่งน้ำตาเงียบๆ

“ข้ารู้มานานแล้วว่าท่านเป็นบุรุษเจ้าชู้ประตูดิน แต่ข้าก็แค่ตัดใจจากท่านไม่ได้ และลืมท่านไม่ลง ตอนอยู่ที่เซียงโจว ท่านเคยเอ่ยคำสาบานว่าชีวิตนี้จะรักเพียงแต่ข้าคนเดียว”

“ซิ่งเอ๋อร์ ทุกคำที่ข้าเอ่ยนั้นเป็นความจริง…”

หลี่หลิงซู่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ตงฟางหว่านชิงก็คิ้วตั้งขึ้นมา

“หลี่หลิงซู่! คำพูดเช่นนี้เจ้าเคยเอ่ยกับสตรีกี่คนแล้ว!?”

ทางด้านนี้กำลังปะทะคารมกันอยู่ ส่วนอีกด้านหนึ่ง สวี่ชีอัน หลี่เมี่ยวเจิน เหิงหย่วน ฉู่หยวนเจิ่น และมู่หนานจือนั่งเรียงกัน ทั้งไม่ได้ซ้ำเติมและไม่ได้ประนีประนอมให้

ต่างพากันชมดูเทพบุตรแก้ปัญหาความรักอยู่เงียบๆ

ข้าต้องเรียนรู้สักหลายๆ วิธีการ ต่อไปจะได้เอาไปเกลี้ยกล่อมเหล่าปลาตัวน้อยได้…สวี่ชีอันคิดอยู่ในใจ

หลี่เมี่ยวเจินส่งเสียงทางจิตมาให้

“ศิษย์พี่ผู้นี้ของข้า ความสามารถไม่มี แต่วิธีการยั่วยวนสตรีมีมากนัก ตอนนั้นเป็นเพราะเขาทิ้งขว้างสองพี่น้องตงฟางจึงได้ถูกล่าสังหารนับพันลี้ แล้วถูกจับขังมาตั้งครึ่งปี”

ฉู่หยวนเจิ่นส่งเสียงทางจิตเอ่ยขึ้น

“คนเจ้าชู้ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะความรักเช่นนี้ล่ะ แต่เมื่อเทียบกับความลำบากที่หนิงเยี่ยนเจอในสำนักโหราจารย์แล้ว เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นแค่การทะเลาะกันเล็กน้อย”

จะดูเรื่องสนุกก็ดูไปสิ เจ้าจะมาพูดถึงข้าทำอะไร…สวี่ชีอันที่เดิมกำลังเป็นสุขในความทุกข์ของผู้อื่นพลันสีหน้าแข็งกระด้างขึ้นมา

หลี่เมี่ยวเจินเหลือบมองมู่หนานจือ แล้วจงใจกระแอมไอออกมาสองคำก่อนเอ่ยว่า

“ศิษย์พี่ของข้ากับนิสัยเจ้าคนแซ่สวี่นั้น ล้วนแต่เป็นพวกเจ้าชู้บ้าตัณหาเหมือนกัน พระชายา ท่านว่าถูกหรือไม่”

‘ที่แท้ก็เป็นพระชายา…’ ฉู่หยวนเจิ่นรับรู้อยู่ในใจ

“เกี่ยวอันใดกับข้า!”

มู่หนานจือขมวดคิ้ว “ข้ากับสวี่ชีอันเป็นแค่เพื่อนร่วมทางท่องยุทธภพเท่านั้น เขาจะเจ้าชู้หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าสักนิด เจ้าเอ่ยลองใจเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเป็นคนรักของเขาด้วยหรือ?”

สีหน้าของหลี่เมี่ยวเจินเปลี่ยนไป นางอุทาน ‘หา’ ยกใหญ่

“ความสัมพันธ์ของข้ากับสวี่ชีอันก็เป็นแค่สหายเต๋าเท่านั้น พระชายาอย่าได้กล่าวโดยไม่คำนึงถึงความจริงสิ”

สวี่ชีอันรีบขัดขวางการประชันของพวกนางแล้วเอ่ยว่า

“เมี่ยวเจิน พี่ฉู่ ไต้ซือเหิงหย่วน พวกท่านไม่สงสัยหรือว่าไฉซิ่งเอ๋อร์ผู้นี้คือใคร เรื่องนี้พูดแล้วยาว ข้าจะอธิบายคร่าวๆ ให้ฟัง…”

“ไม่สนใจ!”

“ไม่อยากรู้”

“ใต้เท้าสวี่ อาตมาก็ไม่อยากรู้เช่นกัน”

“…”

อีกด้านหนึ่ง หลี่หลิงซู่ปลอบโยนไฉซิ่งเอ๋อร์และตงฟางหว่านชิงได้อย่างยากเย็น ในที่สุดก็รู้สึกราวกับยกหินออกจากอก ความจริงแล้วเขามีวิธีประนีประนอมความขัดแย้งระหว่างคนงามในแบบที่ดีกว่านี้อยู่

แต่จนใจที่เจ้าพวกสุนัขจากพรรคฟ้าดินกลุ่มหนึ่งกำลังดูละครกันสนุกอยู่ข้างๆ ทำให้เขาลำบากใจจะใช้วิธีนั้น

“วิธีการเกลี้ยกล่อมสตรีของศิษย์พี่ของข้าร้ายกาจอย่างยิ่ง ผู้หญิงทุกคนต่างตำหนิด่าว่าเขา แต่ก็รักเขาแทบเป็นแทบตายกันทั้งนั้น”

เมื่อเห็นดังนั้น หลี่เมี่ยวเจินก็ส่งเสียงทางจิตเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

สตรีของหลี่หลิงซู่ พลังการต่อสู้ช่างอ่อนแอเกินไปแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าแค่ลดธงก็เงียบเสียงกลอง[1] อืม อาจเป็นเพราะมีข้าอยู่ข้างๆ พวกนางจึงไม่กล้าเร้าหรือสินะ…สวี่ชีอันคิดในใจ

เมื่อละครจบลง เขาก็ปัดฝุ่นแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยว่า “ข้ายังมีธุระ เช่นนั้นขอให้ทั้งสองเข้าไปหลบภัยอยู่ในเจดีย์ชั่วคราวก่อนเถิด”

เขาหยิบเจดีย์พุทธะออกมาแล้วนำไฉซิ่งเอ๋อร์กับตงฟางหว่านชิงเข้าไปไว้ในชั้นที่หนึ่ง

ฉู่หยวนเจิ่นหยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีแล้วเอียงหน้ากระจก จากนั้นก็มีเงาคนหลายคนกลิ้งออกมา นั่นก็คือพวกหลิ่วหงเหมียนนั่นเอง

สวี่ชีอันกวาดตามอง “จิ้งซินล่ะ”

หลี่เมี่ยวเจินพองแก้ม “ปล่อยให้เขาหนีไปได้น่ะสิ ข้ารั้งเขาไม่อยู่”

สวี่ชีอัน ‘อ้อ’ เป็นการตอบรับ “ก็แค่ตัวละครตัวเล็กๆ ช่างมัน”

หลี่เมี่ยวเจินพอใจกับท่าทีของเขาเป็นอย่างยิ่ง จึงตบเข้าที่ถุงหนังใบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า

“วิญญาณของพวกเขา ข้าผนึกเอาไว้ในถุงแล้ว เจ้าจะจัดการอย่างไร”

ส่วนหลี่หลิงซู่ก็ถือโอกาสนี้มอบกระจกเทพฮุ่นเทียนคืนให้สวี่ชีอัน

สวี่ชีอันเก็บกระจกเทพฮุ่นเทียนไว้ในชิ้นส่วนหนังสือปฐพี พลางได้ยินเสียงครวญครางของกระจกดังขึ้นในหู

“สบายจัง สบายจริงๆ ปราณมังกรเข้มข้นกว่าเดิมเยอะเลย…”

“อย่าได้ล่อลวงข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีทางยอมกลับไปอยู่ข้างกายนายท่านหรอก…”

แล้วเสียงนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป

หลังได้รับปราณมังกรสองสายจากกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ มังกรทองในชิ้นส่วนหนังสือปฐพีก็ยิ่งเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

สวี่ชีอันรับถุงหนังไปแล้วเปิดออก จิตเดิมอันทรงพลังทั้งสี่สายก็ลอยออกมาแล้วเข้าไปอยู่ในกายเนื้อของแต่ละคน

ฉีฮวนตานเซียง ไป๋หู่ หลิ่วหงเหมียน และจิ้งหยวนทั้งสี่คนเริ่มฟื้นแล้วลืมตาขึ้นมา

สวี่ชีอันยกเท้าขึ้นกระทืบ พลังปราณแผ่กระจายราวกับระลอกคลื่น ทั้งสี่คนราวกับถูกฟ้าผ่าและเหมือนกับถูกสะกดควบคุมเอาไว้ การตอบโต้รุนแรงที่อยากจะปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัวก็ถูกสยบลงไปด้วย

“พวกเจ้าทั้งหลาย มาคุยกันหน่อยเถอะ”

สวี่ชีอันย้ายเก้าอี้มาพร้อมยิ้มหยี ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าพวกเขา

สีหน้าของฉีฮวนตานเซียงที่มีนิสัยสุดโต่งเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ไป๋หู่และจิ้งหยวนมีสีหน้าตึงเครียด

หลิ่วหงเหมียนกลับมีท่าทางน่าเวทนาสงสาร

“แน่นอนว่าพวกเจ้าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือก็ได้ อย่างมากข้าก็แค่ลำบากนิดหน่อยโดยการสังหารพวกเจ้าเสีย จากนั้นค่อยเรียกวิญญาณมาถาม”

คำพูดของสวี่ชีอันราวกับมีดที่เสียดแทงใจของทั้งสี่คนและทำลายความคิดยอมตายไม่ยอมจำนนของพวกเขาทิ้งไป

หลิ่วหงเหมียนเอ่ยอย่างอ่อนแรง

“ข้าน้อยรู้อะไรก็จะบอกโดยไม่มีปกปิดแน่นอนเจ้าค่ะ ขอเพียงฆ้องเงินสวี่ไว้ชีวิตสตรีตัวเล็กๆ คนนี้ก็พอ”

หลี่หลิงซู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเติมฟืนลงไป “หากเจ้ายอมเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้ฆ้องเงินสวี่ของเรา เขาก็อาจจะไว้ชีวิตให้ก็ได้”

ทำไมจะต้องทำร้ายกันด้วยเล่า…สวี่ชีอันแอบจำเอาไว้ในใจ ต่อไปจะต้องหาโอกาสเอาคืนเทพบุตรคนนี้ให้ได้

“จริงหรือ?”

หลิ่วหงเหมียนดวงตาสว่างวาบ

“ฆ่าทิ้งเถอะ” มู่หนานจือตัดสินโทษประหารให้นาง

“ข้าจะช่วยเจ้าจัดการนางเอง” จอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหินชอบช่วยเหลือผู้คน ทั้งยังกล้าหาญและใจเด็ด

สวี่ชีอันใช้สายตาหยุดยั้งเรื่องไร้สาระของพวกนางแล้วหันไปจ้องเขม็งพวกจิ้งหยวนที่เหลืออีกสามคน

“บอกข้ามา ทั้งเรื่องผัง ที่ตั้ง กองทัพ และข้อมูลต่างๆ ของเมืองเฉียนหลง ใช้ความจริงมาแลก จากนั้นข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

ไป๋หู่นิ่งคิดไป “คำพูดนี้คือความจริงหรือ?”

ไป๋หู่พยักหน้าทันที “เช่นนั้นเจ้าถามมา”

ผู้ที่รู้สถานการณ์คือวีรบุรุษ การฝึกตนมาถึงขั้นสี่นั้นไม่ง่ายเลย การรักษาชีวิตไว้ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ต่อจากนี้ก็สามารถกลับมาแก้แค้นสวี่ชีอันได้ ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีโอกาส

ฉีฮวนตานเซียงก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน ในใจจึงหวั่นไหว แต่ก็ยังมีสีหน้าเย่อหยิ่งดังเดิม เขาให้ความร่วมมือโดยการแสดงเจตจำนงและฝังความคิดในใจไว้ใต้ก้นบึ้ง

การประนีประนอมเป็นกลยุทธ์ที่ดีเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้ พวกเขาประสบความพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของสวี่ชีอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่การแข่งขันระหว่างราชครูและเจ้าคนแซ่สวี่ยังไม่จบ

และสักวันหนึ่ง พวกเขาจะต้องแก้แค้นคืนให้ได้

เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะสังหารญาติสนิทมิตรสหายของเจ้าคนแซ่สวี่ทั้งหมด

“เมืองเฉียนหลงตั้งอยู่ในภูเขาลึกทางตอนใต้ของอวิ๋นโจว มีฐานที่มั่นบนภูเขากระจายอยู่เจ็ดสิบสองแห่งโดยมีเมืองเป็นจุดศูนย์กลาง ฐานที่มั่นบนภูเขานี้คือสถานที่ฝึกอบรมทหารและเป็นที่ประจำการของกองทัพ มีหน้าที่ปล้นสะดมผู้คนและคาราวานพ่อค้า จำนวนประชากรโดยละเอียดนั้นไม่รู้แน่ชัด แต่ในหนึ่งฐานที่มั่นบนภูเขา อย่างน้อยมีถึงร้อยคน อย่างมากมีถึงพันคน เมื่อคำนวณรวมกันแล้ว คงไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นคน”

ไป๋หู่พูดจบ ฉีฮวนตานเซียงก็เอ่ยเสริมต่อ

“ประชากรในเมืองเฉียนหลงมีสองแสนคน มีคนในชุดเกราะสองหมื่นคนที่ล้วนแต่ปล้นสะดมอยู่ในที่ต่างๆ ของอวิ๋นโจวเพื่อเติมจำนวนคน ในนั้นยังมีบุคคลจากยุทธภพมากมายที่หลบหนีมายังอวิ๋นโจวด้วย”

หลี่เมี่ยวเจินคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้

“ไม่ใช่สำนักพ่อมดที่สนับสนุนโจรภูเขา แต่เป็นเมืองเฉียนหลงของพวกเจ้างั้นหรือ”

สวี่ชีอันส่ายหน้า

“ผิดแล้ว สำนักพ่อมดก็มีการสนับสนุนโจรภูเขา ทั้งยังสั่งสมกำลังทหารในที่ลับด้วย เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่สวี่ผิงเฟิงช่วยข้าในตอนนั้น เพราะการขยายตัวของสำนักพ่อมดส่งผลถึงตัวเขา”

ส่วนที่ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้จึงเพิกเฉยต่อพฤติกรรมของสำนักพ่อมด สวี่ชีอันเดาไว้ว่าสวี่ผิงเฟิงอาจจะกำลังใช้สำนักพ่อมดปิดหูปิดตาคนอื่นแล้วลอบกอบโกยผลประโยชน์ลับๆ

ฉู่หยวนเจิ่นขมวดคิ้ว “พอนับรวมทั้งหมดแล้ว กำลังทหารไม่ถึงแสนแต่กลับอยากจะก่อกบฏ ช่างเป็นเรื่องยาก”

กองทัพยอดเยี่ยมที่มีทหารเกือบหนึ่งแสน ว่าตามตรงแล้วก็น่ากลัวไม่น้อย

ในตอนนั้นเว่ยเยวียนก็ได้นำกองทหารที่มีจำนวนไม่มากสู้รบไปจนถึงเมืองจิ้งซานได้เลย

แต่ประชากรของต้าฟ่งมีมากนัก ทั้งรากฐานของอิทธิพลต่างๆ ก็ยังพัวพันกัน โครงสร้างเช่นนี้ซับซ้อนยิ่งกว่าสำนักพ่อมดนัก

ทหารกบฏเจ็ดแปดหมื่นคนนี้ ในสายตาของฉู่หยวนเจิ่นแล้ว การจะก่อกบฏได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง

ไป๋หู่เอ่ยขึ้น

“นี่เป็นกองทัพสายตรงของเมืองเฉียนหลง แต่อย่าลืมว่าทั่วทั้งอวิ๋นโจวยังมีกองทัพอีกเกือบหกหมื่น หยางชวนหนาน ผู้บัญชาการเมืองอวิ๋นโจวคนนั้นก็คือคนของพวกเรา”

หลี่เมี่ยวเจินได้ยินดังนั้นก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ตอนนั้นนางได้จัดตั้งกองกำลังขึ้นในอวิ๋นโจวเพื่อปราบโจร หยางชวนหนานผู้เป็นผู้บัญชาการเมืองก็ยังอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือนางเป็นอย่างมาก

ทั้งคู่จึงกลายมาเป็นสหายกันเพราะเหตุนี้

จนกระทั่งหลังจากเหตุการณ์ที่เมืองหลวง สวี่ชีอันก็ได้เปิดเผยข้อมูล นางจึงได้รู้เรื่องวงในของอวิ๋นโจว จึงรู้ว่าหยางชวนหนานผู้นั้นใช้ประโยชน์จากนางเพื่อกำจัดโจรภูเขาที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพ่อมด

ทั้งไม่ต้องเปิดเผยตัวเอง และยังทำให้นางพุ่งเข้าสู่สนามรบเองราวกับปืนใหญ่

นางปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ มองว่าหยางชวนหนานเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง จอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหินเช่นนางมีน้ำใสใจจริง แต่สุดท้ายก็เป็นการทุ่มเทที่ผิดพลาด

“สวี่ผิงเฟิงมีแผนการโดยละเอียดสำหรับเรื่องนี้หรือไม่” สวี่ชีอันเอ่ยถาม

พวกหลิ่วหงเหมียนทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วพากันส่ายหน้า

“ความคิดของท่านราชครู ไม่มีใครมองออกหรอก”

“นอกจากเมืองเฉียนหลงแล้ว ในภาคกลางจนถึงราชสำนัก เขายังมีสายลับอีกมากแค่ไหน” สวี่ชีอันถามอีก

ไป๋หู่กล่าว “เรื่องเหล่านี้เป็นความลับของตำหนักความลับสวรรค์ พวกเราไม่รู้”

สวี่ชีอันผู้เป็นเจ้าของตะโกนตอบเสียงดัง

“เข้ามาได้”

ประตูถูผลักเข้ามา หญิงงามสองคนในชุดสีสันสดใสก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามา พวกนางก็คือแม่นางหรงหรงที่ยังอยู่ในวัยสาวอันรุ่งโรจน์ กับสตรีออกเรือนที่ทรงเสน่ห์แบบผู้ใหญ่

ใบหน้าของหรงหรงนั้นราวกับดอกท้อ แม้อยากเอ่ยแต่ก็ลังเล เพราะท่าทางเปี่ยมอารมณ์รักของสาวน้อยนั้น ไม่ว่าใครก็มองออกชัดเจน

ในมือของนางมีสมุนไพรอยู่หนึ่งห่อ นางกล่าวว่า

“ฆ้องเงินสวี่ต่อสู้อย่างหนักและยากลำบาก ต้องเสี่ยงอันตรายก็เพื่อกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของข้า หรงหรงไม่มีสิ่งใดจะขอบคุณ จึงขอมอบสมุนไพรรักษาเหล่านี้แทนความในใจให้เจ้าค่ะ”

สวี่ชีอันรู้สึกว่าสายตาของแต่ละคนจากทั้งซ้ายและขวาล้วนพุ่งมาหาเขา เขาลุกขึ้นยืนทั้งหน้าไม่เปลี่ยนสี จากนั้นก็รับสมุนไพรมาแล้วเอ่ยยิ้มๆ

“ขอบคุณแม่นางหรงหรงมาก จากกันที่เมืองหลวง แม่นางหรงหรงสง่างามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”

แม่นางหรงหรงในใจเบ่งบานมีความสุข จากนั้นก็สังเกตเห็นว่าเทพธิดาจากนิกายสวรรค์กับสตรีออกเรือนหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่ตนอย่างเย็นชา

คำพูดที่มีอยู่มากมายจึงถูกเก็บกลับไปทันที

นางเม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นหลิ่วหงเหมียน จึงอุทานออกมา

“หลิ่วหงเหมียน เจ้า!”

สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

หลิ่วหงเหมียนชำเลืองมองสองศิษย์อาจารย์ แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก

“พวกเจ้ารู้จักด้วยหรือ”

สายตาของสวี่ชีอันสลับไปมาระหว่างสตรีทั้งสาม

สตรีคนงามพยักหน้าให้แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“หลิ่วหงเหมียนคือศิษย์ของผู้ดูแลหอคนก่อน และเป็นศิษย์น้องของผู้ดูแลหอเซียว หลังจากนางพ่ายแพ้ในการแย่งชิงตำแหน่งผู้ดูแลหอกับผู้ดูแลหอเซียวแล้ว ก็ออกจากหอหมื่นบุปผาไป”

นางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องทรยศหอหมื่นบุปผา ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องน่าอัปยศในบ้าน

ทันใดนั้นสวี่ชีอันก็ตระหนักได้ มิน่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในค่ายทหารยงโจว พอเห็นหลิ่วหงเหมียน เขาถึงรู้สึกว่าหญิงงามเฉลาผู้นี้มีท่าทางคุ้นหูคุ้นตานัก

ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของหอหมื่นบุปผาแห่งเจี้ยนโจว

ตอนนี้เอง หรงหรงก็ถูกความงามที่เปล่งประกายของหลี่หลิงซู่ดึงดูดไปได้ นางอุทาน ‘เอ๋’ ออกมาแล้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“เจ้าคือหลี่หลิงซู่?”

เทพบุตรที่ซ่อนตัวเองไว้ด้านหลังศิษย์น้องหลี่เมี่ยวเจินเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “จะ เจ้า…”

“เจ้าลืมข้าแล้วหรือ เมื่อสองปีก่อน เจ้าเคยมาเป็นแขกที่หอหมื่นบุปผา พวกเรายังร่ำสุราด้วยกันเลย ตอนนั้นท่านอาจารย์ก็อยู่ด้วย ใช่หรือไม่”

แม่นางหรงหรงยิ้มร่าพลางมองหน้าอาจารย์ จากนั้นก็เอ่ยต่อ

“ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าขี่กระบี่บินช่วยเหลือฆ้องเงินสวี่อยู่บนอากาศ ข้าก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ ด้วย”

…หลี่หลิงซู่พลันตระหนักได้ “อ้อๆ ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง แม่นางหรงหรง ไม่เจอกันหลายปี สบายดีใช่หรือไม่”

เขาไม่ได้เอ่ยทักทายสตรีคนงาม

สตรีคนงามคนนั้นมองจ้องหลี่หลิงซู่อย่างล้ำลึก จากนั้นก็ถอนสายตาออกแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“ฆ้องเงินสวี่คล้ายจะมีเรื่องที่ต้องจัดการ เช่นนั้นไม่รบกวนแล้ว”

แล้วนางก็ลากหรงหรงที่ท่าทางไม่ยินยอมจากไป

จากนั้น สวี่ชีอันก็เอ่ยถามข้อมูลของเมืองเฉียนหลงต่ออีกเล็กน้อย เช่น สมาชิกในตระกูลจี กองกำลังติดอาวุธของเมืองเฉียนหลง เป็นต้น

สุดท้าย เขาก็ลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูดว่า

“พวกเจ้าคุ้นเคยกับภรรยาของสวี่ผิงเฟิงหรือไม่”

หลิ่วหงเหมียนและฉีฮวนตานเซียงส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองไป๋หู่แล้วเอ่ยตอบว่า

“เขาคือผู้นำกลุ่มดาวเสือขาว เป็นกองกำลังสายตรงของท่านราชครู “

“ข้าเพียงแต่เคยพบนายหญิงแค่สองครั้ง นางคือน้องสาวของเจ้าเมืองเฉียนหลง อยู่อย่างสันโดษมาโดยตลอดและไม่เคยออกจากที่พักเลย นางถูกกักบริเวณเอาไว้ และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองเฉียนหลง สมาชิกตระกูลจีในเมืองเฉียนหลงต่างก็รังเกียจนางอย่างยิ่ง และบอกว่านางคือคนบาปของตระกูล ตระกูลมอบความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งให้กับนาง แต่นางกลับไม่ไยดี และละทิ้งตระกูลก็เพื่อ…เพื่อบุตรที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่ง”

พวกฉู่หยวนเจิ่นรู้เรื่องภายในอยู่แล้ว ต่างก็นิ่งเงียบกันไป

มีเพียงหลี่หลิงซู่เท่านั้นที่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของสวี่ชีอัน

ถูกกักบริเวณยี่สิบปี สูญเสียอิสระ…สวี่ชีอันนิ่งเงียบ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเป็นเวลานาน

ฉีฮวนตานเซียงเห็นเขาไม่พูดอะไรอีกก็เอ่ยสะกิด

“พวกเราเล่าเรื่องที่รู้ให้เจ้าฟังหมดแล้ว ฆ้องเงินสวี่โปรดทำตามสัญญาด้วย”

สวี่ชีอันเหลือบมองเขาแล้วพยักหน้า

“ได้! เช่นนั้นข้าก็จะมอบอิสระให้เจ้า”

‘พลั่ก!’

เขาใช้ฝ่ามือตบศีรษะของฉีฮวนตานเซียงจนสองตาของปรมาจารย์ซินกู่ขาวโพลน ตบจนจิตเดิมของอีกฝ่ายแตกสลาย

แล้วสิ้นชีพคาที่

“เจ้า…”

สีหน้าของไป๋หู่เปลี่ยนไป เขาเค้นเสียงพูดคำว่า ‘เจ้า’ ออกมาได้คำเดียว นัยน์ตาก็ฉายภาพฝ่ามือของสวี่ชีอัน

ครู่ต่อมา เขาก็ถูกโจมตีกระทบจิตวิญญาณจนสิ้นลมคาที่เช่นกัน

“สัญญาของข้าไม่เคยมอบให้ศัตรู”

สวี่ชีอันดีดลูกกู่สองตัวออกมา ลูกกู่ที่มีลักษณะคล้ายหนอนสีดำเจาะเข้าไปในจมูกของศพทั้งสอง ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉีฮวนตานเซียงและไป๋หู่ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

แล้วยืนเคียงข้างกันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

จากการเติบโตของยอดกู่ทั้งเจ็ดในตอนนี้ ซือกู่สามารถรักษาพลังการฝึกตนของผู้ฝึกตนขั้นสี่ได้เกือบเก้าส่วน

“นี่คือซือกู่?”

หลี่เมี่ยวเจินและฉู่หยวนเจิ่นมีสีหน้าอิจฉา แบบนี้เท่ากับว่าเขาก็มีนักรบเดนตายขั้นสี่สองคนแล้วสิ

ส่วนไต้ซือเหิงหย่วน เขาไม่มีความปรารถนาทางโลกเช่นนี้

“ถึงตาพวกเจ้าสองคนแล้ว”

สวี่ชีอันมองไปยังหลิ่วหงเหมียนที่สีหน้าขาวซีดและจิ้งหยวนที่ใบหน้ายังไร้อารมณ์

คนเหล่านี้ไม่ใช่ตงฟางหว่านชิงที่มีความสัมพันธ์กับหลี่หลิงซู่คอยปกคลุมอยู่ และไม่เหมือนกับตงฟางหว่านชิงที่อยู่ในรอบนอกความขัดแย้ง ไม่ได้มีความแค้นล้ำลึกเกินไป

พวกฉีฮวนตานเซียงนั้นคือกลุ่มของจีเสวียน คือคนของเมืองเฉียนหลง และเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา

จิ้งหยวนก็เช่นกัน

สำหรับศัตรูที่ควรสังหาร สวี่ชีอันไม่เคยอ่อนข้อให้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงงามพริ้มเพราก็ตาม

‘ปัง ปัง!’

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ด้านนอกมีเสียงที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเซียวเยว่หนูดังเข้ามา

“ฆ้องเงินสวี่ เซียวเยว่หนูขอเข้าพบเจ้าค่ะ”

แค่ได้ยินเสียงนี้ ฉู่หยวนเจิ่นและหลี่หลิงซู่ก็ดวงตาสว่างไสว

“ผู้ดูแลหอเซียวเข้ามาได้”

สวี่ชีอันตอบ

เซียวเยว่หนูผลักประตูเข้ามา นางสวมชุดกระโปรงสีเหลือง มัดมวยผมสตรีแบบที่กำลังนิยม รูปร่างสูง มีผ้าโปร่งคลุมใบหน้า ดวงตาแคบและมีเสน่ห์ดึงดูด ถึงขั้นยั่วยวนผู้คนได้เลย

ฉู่หยวนเจิ่นไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ชั่วขณะที่พบกับสตรีผู้นี้ สายตาของเขาก็ยากจะปกปิดความประหลาดใจได้

แม้แต่สตรีอย่างพระชายาที่มองว่าตนสูงส่งก็ยังอกประหลาดใจไม่ได้ ประหลาดใจที่กลับมีไข่มุกงดงามเช่นนี้อยู่ในยุทธภพของเจี้ยนโจวด้วย

จากนั้น นางและหลี่เมี่ยวเจินก็จิตใจห่อเหี่ยวไปด้วยกัน

“ผู้ดูแลหอเซียว สบายดีหรือไม่” สวี่ชีอันเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

เซียวเยว่หนูกวาดตามองแล้วหยุดอยู่บนร่างของหลิ่วหงเหมียนครู่หนึ่ง จากนั้นก็คำนับทำความเคารพให้กับสวี่ชีอัน

“ได้ยินจากป้าเหมยว่าคนทรยศหลิ่วหงเหมียนแห่งหอหมื่นบุปผาอยู่ที่นี่ และกลายเป็นนักโทษของฆ้องเงินสวี่ ข้าจึงได้เร่งมาดูเจ้าค่ะ”

“แค่มาดูหรือ”

สวี่ชีอันมองหน้านาง

เซียวเยว่หนูก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยเสียงเบา

“เยว่หนูขอบังอาจถาม ฆ้องเงินสวี่คิดจะจัดการกับนางอย่างไรหรือเจ้าคะ”

“สังหารให้สิ้น!” สวี่ชีอันตอบตามตรง

เซียวเยว่หนูเม้มปากแล้วคำนับลงอีกครั้ง น้ำเสียงของนางเอ่ยอย่างจริงใจ

“ขอให้ฆ้องเงินสวี่โปรดไว้ชีวิตนางด้วย แล้วมอบให้หอหมื่นบุปผาเป็นคนจัดการแทนเถิด”

สวี่ชีอันนิ่งเงียบไป “เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร!”

…………………………………………….

[1] 偃旗息鼓 ลดธงเงียบเสียงกลอง เป็นสำนวนจากวรรณกรรม “สามก๊ก” อุปมาว่ายุติการวิพากษ์ ยุติการโจมตี

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 639-2 หลี่หลิงซู่ในถิ่นอสุรา (2)"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF