cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 623 ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 623 ไม่จำเป็นต้องอธิบาย
Prev
Next

บทที่ 623 ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

“ศัตรูกำลังโจมตีที่ภูเขาด้านหลัง ทำไมไม่ให้พวกเราไปช่วยท่านผู้นำเล่า?”

“หรือการมาที่ภูเขาเฉวี่ยนหรงของพวกเราเป็นเพียงแค่การดูอยู่ข้างสนามงั้นรึ”

“กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ตั้งตระหง่านอยู่ที่เจี้ยนโจวมาหกร้อยปี อายุเท่ากับอาณาจักรแห่งนี้ พวกเราเคยกลัวศัตรูภายนอกที่ไหนกัน ถึงแม้ร่างจะถูกบดขยี้จนกระดูกแตกเป็นผุยผงก็ต้องสู้รบกับศัตรูจนกว่าจะตายกันไปข้าง”

“พอไม่มีผู้อาวุโสคอยกันศัตรูอยู่เบื้องหน้า คนวัยหนุ่มอย่างพวกเรากลับกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาว รักตัวกลัวตายงั้นรึ”

ความเคลื่อนไหวที่ภูเขาด้านหลังดึงดูดความสนใจของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์และลูกศิษย์นิกายเดียวกันได้เป็นอย่างดี เมื่อพวกคนวัยหนุ่มที่เป็นลูกวัวเพิ่งเกิดไม่กลัวเสือได้ยินว่ามีศัตรูบุกโจมตีก็รีบหยิบอาวุธเพื่อเตรียมไปสู้รบที่ภูเขาด้านหลังด้วยความกระตือรือร้นทันที

เรื่องนี้เฉาชิงหยางได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เวินเฉิงปี้รองผู้นำพันธมิตรที่จัดการกิจการภายในเป็นผู้นำสมาชิกในกลุ่มไปปิดล้อมทางที่ต้องผ่านไปยังภูเขาด้านหลัง

ในสนามการสู้รบของระดับบรรลุธรรมนั้นไม่ต้องพูดถึงคนวัยหนุ่ม แม้แต่การสำแดงความสามารถของยอดฝีมือขั้นสี่ก็ยังมีข้อจำกัดอย่างมาก

เฉาชิงหยางจึงไม่สามารถปล่อยให้พวก ‘ตุ่นและมด’ เหล่านี้เข้าร่วมในการสู้รบที่ภูเขาด้านหลังได้

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่จีเสวียนและคนอื่นๆ บุกโจมตีศัตรูที่ภูเขาด้านหลังและพุ่งเป้าไปที่ผู้นำพันธมิตรเฒ่าโดยตรง

ตราบใดที่ตาแก่นั่นตาย การตัดรากถอนโคนศัตรูในเวลาต่อมาก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายมาก

“ท่านรองผู้นำ สมาชิกในภูเขาทั้งหญิงชราและหญิงสาวเตรียมลงจากเขาไปพักอยู่ที่กองทหารรักษาชายแดนชั่วคราวแล้ว ที่นั่นมีกำลังทหารคอยปกป้องพวกนางขอรับ”

เวินเฉิงปี้ฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาก็ถอนหายใจเบา สีหน้าและท่าทางผ่อนคลายลงพลางกล่าวกำชับว่า “ให้เมืองเตรียมม้าและรถม้าให้พร้อม ให้ทหารม้าเตรียมตัวให้ดี หากเห็นสัญญาณเตือนจากในภูเขา ให้พาพวกผู้หญิงและคนแก่ไปหาสมุหเทศาภิบาลที่เมืองเจี้ยนโจวทันที”

ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งแล้วก็จากไป

ในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนในชุดเกราะอ่อนที่มาพร้อมกับดาบยาวคนหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านรองผู้นำ ความปั่นป่วนภายนอกจวนจะควบคุมไม่อยู่แล้วขอรับ”

“มีคนจำนวนไม่น้อยออกจากป่าและหลังหน้าผาไปยังสถานที่ที่ผู้นำพันธมิตรเฒ่าปิดด่านกักตนแล้วขอรับ”

เวินเฉิงปี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเบาๆ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เตรียมตัวปลอบขวัญให้พร้อม”

หน้าที่ที่เฉาเหมิงจู่มอบให้เขาคือคุ้มกันผู้หญิงและเด็กออกไป กันไม่ให้สมาชิกในกลุ่มเข้าใกล้ด้านหลังภูเขา

คนจำพวกแรกนั้นไม่ได้มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร แต่คนจำพวกหลังนั้นเป็นอุปสรรคที่ยากยิ่ง เพราะอย่างไรกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็เป็นกองกำลังที่ประกอบด้วยชาวยุทธภพ ถึงแม้จะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่ในแง่ของระเบียบวินัย นักรบบนภูเขาย่อมไม่สามารถเทียบกับทหารในกองทัพได้อย่างแน่นอน

ลักษณะของนักรบชาวยุทธภพคือ ดื้อดึง มั่นใจในตัวเองและเชื่อฟังแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น (ซึ่งไม่เสมอไป)

ด้วยเหตุนี้ เมื่อกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์แห่งภูเขาเฉวี่ยนหรงพบการโจมตีของศัตรู นักรบชาวยุทธภพที่ดื้อด้านเหล่านี้จะทนอยู่เฉยๆ ได้รึ?

พวกเขาจะยอมที่จะไม่ทำอะไรทั้งนั้นโดยสมัครใจและหันหลังกลับไปอย่างว่าง่ายงั้นรึ?

การแถลงความแข็งแกร่งของศัตรูให้พวกเขารับรู้โดยตรงอาจทำให้จิตใจที่รุ่มร้อนของนักรบที่ดื้อด้านเหล่านั้นตื่นตัวได้ แต่ด้วยวิธีนี้ก็จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นเช่นกัน

มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกศัตรูที่แฝงอยู่ในกลุ่มพันธมิตรฉวยโอกาสนี้ในการปลุกระดมให้เกิดความตื่นตระหนกและสร้างความวุ่นวาย

หลังจากนั้น พวกคนที่มีเจตนาร้ายก็จะเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีกครั้ง…

เมื่อเรื่องนี้ดำเนินไปถึงขั้นนั้น เกรงว่าแม้แต่เวินเฉิงปี้ก็ต้องมีแผนการตอบโต้เช่นเดียวกัน

…

คุณชายหลิวติดตามพระอาจารย์ไป ทั้งสองเดินตามผู้คนไปทางเข้าป่า ซึ่งนำไปสู่ที่ด้านหลังภูเขา

มีผู้คนในสถานที่แห่งนี้จำนวนมาก สมาชิกของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์กำลังถืออาวุธทุกชนิดอย่างอึกทึก เพื่อที่จะไปสนับสนุนผู้นำพันธมิตรที่ภูเขาด้านหลัง

คุณชายหลิวกวาดสายตามอง เห็นแม่นางหรงหรงและยังมีหญิงอื่นๆ ของหอหมื่นบุปผา พวกนางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าวิตกกังวลและงุนงง

“แม่นางหรงหรง…”

คุณชายหลิวเข้าไปต้อนรับและทักทายคนจากหอหมื่นบุปผา จากนั้นก็ถามอย่างร้อนอกร้อนใจว่า “เกิดอะไรขึ้น ที่ภูเขาด้านหลังเป็นสถานที่ที่ท่านผู้นำพันธมิตรเฒ่าปิดด่านกักตนไม่ใช่รึ? หรือว่า…”

หรือว่าท่านผู้นำอาวุโสถูกโจมตีงั้นรึ? นี่คือเหตุผลที่กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์เรียกพวกเรามาใช่หรือไม่?

เขาไม่กล้าถามออกไป เพราะตอนนี้ทุกคนล้วนอยู่ในอารมณ์เคร่งเครียดอย่างมาก

หรงหรงชายตามองพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าคิดว่านี่คือเหตุผลที่ท่านผู้นำเรียกพวกเรามา”

เหล่าหญิงสาวหอหมื่นบุปผาที่อยู่ข้างๆ ต่างก็เงียบกริบไม่พูดไม่จาราวกับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่เป็นคนมีสมอง ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

ท่านอาจารย์ของหรงหรงกล่าวพึมพำว่า “อย่ากังวลไป ถึงแม้จะไม่มีท่านผู้นำพันธมิตรเฒ่า ความสามารถของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของพวกเราก็อยู่ในอันดับต้นๆ เว้นแต่ว่าราชสำนักจะตัดสินใจปราบกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ มิฉะนั้นก็จะไม่มีศัตรูอื่นในที่ราบลุ่มกลางอีก”

สำหรับด้านนอกที่ราบลุ่มกลาง นางคิดไม่ออกว่าศัตรูภายนอกที่ราบลุ่มกลางจะมีเหตุผลอันใดที่จะเพ่งเล็งกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์

เวลานี้เอง ในป่าทึบที่จะนำไปสู่ด้านหลังภูเขา จู่ๆ ก็มีชายชาตรีถือดาบจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับนายพรานที่ขึ้นไปตัดฟืนบนเขาและพบเสือตัวใหญ่ แต่โชคดีที่รอดมาได้

“พวกเจ้าเข้าไปในสถานที่แบบใดกัน!”

ทหารทั้งสองที่สวมเสื้อเกราะและมีอาวุธคมกริบในมือตะโกนออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด

ชายชาตรีจำนวนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากภูเขาด้านหลังไม่สนใจเขา แต่กลับตะโกนเสียงดังไปทางฝูงชนว่า “ขั้นสาม เป็นศัตรูระดับขั้นสาม”

“กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของพวกเรายั่วยุจอมยุทธ์ขั้นสาม”

“ยังมียอดฝีมือขั้นสี่อีกหลายคน มี มีปรมาจารย์สำนักพุทธด้วย…”

คำว่า ‘ขั้นสาม’ เป็นเหมือนก้อนหินยักษ์ที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบ ทำให้ฝูงชนที่ตกอยู่ในความกระวนกระวายอยู่แล้วกระสับกระส่ายขึ้นมาในทันที เสียงดังอึกทึกดังราวกับคลื่นลูกใหญ่

คุณชายหลิวเห็นอย่างชัดเจนว่าสีหน้าของท่านอาจารย์ที่อยู่ข้างๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก เห็นดวงตาที่งดงามของหรงหรงเบิกโพลงขึ้น เห็นใบหน้าของหญิงงามแข็งทื่อ เห็นท่าทางที่หวาดกลัวและตกตะลึงของผู้คนโดยรอบ

“ทำไมจอมยุทธ์ขั้นสามต้องเพ่งเล็งกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของพวกเรา?”

“มิน่าจู่ๆ สมาชิกทุกฝ่ายถึงถูกเรียกมาที่นี่ ไม่แปลกใจที่เฉาเหมิงจู่ออกคำสั่งธงแดง”

“นี่ นี่…นี่แหละที่ข้าบอกว่าทำไมความผันผวนของพลังปราณช่างน่ากลัวนัก รีบหนีเถอะ หากชักช้าพวกเราจะตายกันหมด”

“หนีอะไรกันเล่า ไปดูที่ภูเขาด้านหลังเถอะ หากได้เห็นการสู้รบ ก็นับว่าตายอย่างคุ้มค่าแล้ว”

สถานการณ์ควบคุมไม่ได้เล็กน้อย บรรดาคนที่หวาดกลัวก็เสนอให้หนีไปจากภูเขาเฉวี่ยนหรงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมา ส่วนคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นก็ใจร้อนจนไม่คำนึงถึงชีวิตและความตาย

คนที่มองโลกในแง่ร้ายก็เริ่มเผยแพร่ข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์กำลังตกอยู่ในหายนะและวิ่งไปบอกกันและกัน

แน่นอนว่ามีคนที่ไม่เชื่อเช่นกัน หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อยากไปหาคำตอบที่ภูเขาด้านหลัง เริ่มพุ่งตัวไปที่ ‘ด่าน’ และต่อสู้กับทหารยาม

“ทุกคนเงียบ!”

เวินเฉิงปี้มาพร้อมกับกองกำลังจำนวนหนึ่ง เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเปิดเส้นทางในฝูงชนเพื่อให้รองผู้นำพันธมิตรเดินผ่าน

“จงฟังคำพูดของข้า”

ในฐานะรองผู้นำพันธมิตร เวินเฉิงปี้มีอำนาจบารมีมากพอที่จะระงับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เหล่าฝูงชนเงียบลงเล็กน้อย ทุกสายตาจับจ้องไปที่รองผู้นำพันธมิตร

“ไม่นานมานี้ เฉาเหมิงจู่ได้รับการแจ้งเตือนจากฆ้องเงินสวี่ ว่ากลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์จะต้องต้อนรับการมาของศัตรูตัวฉกาจ และศัตรูนั่นก็คือคนของสำนักพ่อมดและสำนักพุทธ ส่วนสาเหตุการโจมตีของศัตรูนั้นยังไม่ชัดเจน หลังจากเฉาเหมิงจู่ได้รับข่าวก็เรียกบรรดาพี่น้องจากพรรคพวกฝ่ายต่างๆ เพื่อร่วมกันยับยั้งศัตรู เรื่องนี้มิได้เปิดเผยต่อสาธารณะก็เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ มีท่านผู้นำพันธมิตรเฒ่า ฆ้องเงินสวี่และเฉาเหมิงจู่อยู่ด้วย วิกฤตที่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องง่าย”

คำพูดของเวินเฉิงปี้มีเทคนิคอย่างมาก เขาไม่ได้ปิดบังหรือปฏิเสธสุ่มสี่สุ่มห้า แต่กลับยิ่งเพิ่มความตื่นตระหนกและนำไปสู่ความเคลือบแคลงใจของฝูงชน หลังจากนั้นก็ยกสวี่ชีอันออกมา

ตั้งแต่เรื่องวุ่นวายของการโค่นทรราชในเมืองหลวง ชื่อเสียงของสวี่ชีอันก็เป็นเหมือนเปลวไฟที่คุโชนในน้ำมัน เขาแทบจะเป็นเหมือนเทพเจ้าในหมู่ผู้คนและยุทธภพ ที่ว่ากันว่าเขาเกิดขึ้นตามโอกาส เป็นผู้ช่วยชีวิตให้รอดพ้นแห่งต้าฟ่ง

หลังจากจักรพรรดิหยวนจิ่งหมกมุ่นอยู่กับการฝึกลัทธิเต๋า ชื่อเสียงของเขาก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ทุกวัน จากนั้นภาพลักษณ์ของกษัตริย์ที่อ่อนแอก็ฝังรากลึกลงในจิตใจของผู้คน เมื่อประชาชนประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและมีชีวิตที่ยากลำบาก ความผิดจึงถูกโยนไปที่พระประมุขโดยปริยาย

นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิหลายพระองค์ในประวัติศาสตร์จะออกกฤษฎีกาเพื่อระงับความคับข้องใจของประชาชนในปีที่เกิดภัยพิบัติ

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินว่าฆ้องเงินสวี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวก็ลดลงอย่างมาก คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเปรียบเทียบกับท่านผู้นำพันธมิตรเฒ่าในตำนานแล้ว ฆ้องเงินสวี่เป็นตัวจริงและมีอยู่เพื่อประโยชน์ จึงสามารถทำให้ผู้คนใจชื้นขึ้นได้

เวินเฉิงปี้กล่าวต่อไปว่า “มีคนจำนวนมากที่ได้เห็นการต่อสู้ของขั้นสาม ภูเขาด้านหลังกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม ทุกท่านอย่าเข้าใกล้ รีบแยกย้ายกันไป รอให้เรื่องสงบลงก่อนแล้วค่อยกลับมา”

ณ สถานที่นี้ คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจากไป มีบางคนก็กลับไปเก็บทองคำและเงิน หนีออกจากภูเขาเฉวี่ยนหรงเพื่อหลีกเลี่ยงผลร้ายที่จะตามมา

แต่เวินเฉิงปี้รู้ดีว่ามีคนกลุ่มใหญ่จากสถานที่อื่นแอบไปที่ด้านหลังภูเขา

เป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามปรามได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิง ผลของคำพูดของเขาเมื่อครู่คือการทำให้สมาชิกที่การฝึกฝนอยู่ในระดับต่ำรู้จักถอยเมื่อเห็นสถานการณ์ลำบาก ต่อให้พวกเขาจะเป็นลูกวัวเพิ่งเกิดที่ไม่กลัวเสือ ผู้อาวุโสของพวกเขาก็ต้องขัดขวางเช่นกัน

…

“ท่านอาจารย์ ข้า ข้าอยากไปดู”

ดวงตาของคุณชายหลิวเป็นประกาย ทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัว

นักดาบวัยกลางคนเหลือบตามองเขาพลางกล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าอยากตาย ข้าก็จะไม่ห้าม ดาบเล่มนี้คงถูกส่งต่อให้ลูกชายของข้าในอนาคตพอดี อยากไปด้านหลังภูเขาก็ย่อมได้ แต่พาเหล่าลูกศิษย์ของสำนักโม่ลงจากภูเขาก่อน”

คนที่ไม่มีภรรยาพูดถึงลูกชายได้ด้วยรึ…คุณชายหลิวตำหนิในใจ เห็นในดวงตาของหรงหรงก็มีประกายเช่นกัน ราวกับหวาดกลัวแต่ก็เหมือนจะตื่นเต้นเช่นกัน

สำหรับคนยุทธภพแล้ว การต่อสู้เหนือมนุษย์นั้นมีพลังดึงดูดที่ร้ายแรงเกินไป

หลังจากจัดการลูกศิษย์สำนักโม่แล้ว คุณชายหลิวก็ตามท่านอาจารย์ไป อ้อมจากยอดเขาด้านข้างไปยังภูเขาด้านหลังและยังพบชาวยุทธจักรจำนวนมากที่มีจุดประสงค์เดียวกันตลอดทาง

ถ้าไม่พึ่งพาคนที่มีฝีมือเหนือชั้นเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง ก็เป็นการรวมตัวกันระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์

นักดาบวัยกลางคนกล่าวเสียงทุ้มว่า “สามารถมองเห็นภูเขาด้านหลังจากยอดเขาทางใต้ ระยะห่างค่อนข้างไกล จึงนับว่าปลอดภัย แต่เนื่องจากท่านอาจารย์ไม่รู้ว่าพลังต่อสู้ของขั้นสามเป็นอย่างไร ดังนั้นเจ้าต้องอยู่ข้างข้าตลอดเวลา ห้ามเพ่นพ่าน หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะพาจากไปทันที”

เขายังคงมั่นใจกับวิชาตัวเบาของตนเองอย่างมาก

ในขณะที่คุณชายหลิวกำลังจะตอบ จู่ๆ ก็เห็นแสงสีทองพุ่งลงมาจากฟากฟ้าและกระทบกับภูเขาด้านหลัง

ชาวยุทธภพที่กำลังรีบไปยังยอดเขาทางใต้ต่างก็หันไปมองและสนใจลำแสงสีทองนั้น

…

“เฉาเหมิงจู่!!!”

เมื่อครู่มีความมั่นใจมาก แต่ตอนนี้หยางชุยเสวี่ยและคนอื่นๆ ต่างก็หวาดกลัว

เฉาชิงหยางขั้นสามตกลงมาจากฟากฟ้าและจมลงสู่ดินด้วยฝ่าเท้าเพียงข้างเดียว ความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขามของเทพอารักษ์สำนักพุทธเกินความคาดหมายของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์อย่างมาก

แต่ท่าทีผ่อนคลายของเทพารักษ์ที่น่าเกลียดตนนั้น ราวกับเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ที่แท้ขั้นสามก็มีความแตกต่างเช่นกัน…ความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นในใจของยอดฝีมือขั้นสี่อย่างฟู่จิงเหมินโดยอัตโนมัติ

“โอ้…”

เสียงราวกับกล่องสูบลมแตกดังออกมาจากลำคอของเฉาชิงหยาง เหมือนกับมังกรที่เพิ่งตายไปเมื่อครู่

ฝ่าเท้าข้างเดียวของเทพอารักษ์อสูรทำให้อวัยวะภายในทั้งห้าของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก กระดูกที่แตกหักแทงทะลุหัวใจของเขา

หากไม่ใช่เพราะยังมีประสิทธิภาพแก่นโลหิตของสวี่ชีอัน เมื่อครู่เขาก็คงตายอยู่ใต้ฝ่าเท้าไปแล้ว

“ไม่มีระดับเหนือมนุษย์ปรากฏตัวในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์แห่งที่ราบลุ่มกลางมาหลายร้อยปีแล้ว พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวจริงๆ”

เทพอารักษ์อสูรก้มศีรษะลงไปมองเฉาชิงหยางพลางพยักหน้าเล็กน้อยแสดงความเห็นด้วยในพรสวรรค์ของเขา ก่อนจะกล่าวว่า “หากเจ้ายึดสำนักพุทธเป็นที่พึ่ง ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ด้วยตัวเอง สอนพลังเทพวชิระให้แก่เจ้า ภายในห้าปี เจ้าจะเข้าสู่ขั้นสาม กลายเป็นผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธระดับเพชร ได้รับการเซ่นไหว้จากผู้คนนับหมื่นในแดนประจิม”

เฉาชิงหยางจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำและไม่พูดไม่จาใดๆ

“ศาสนาพุทธของข้ามีเมตตาธรรม แต่ข้าไม่ใช่ฉานซือ หน้าที่ของข้าคือต่อต้านโจรและขโมย ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางศีล”

เทพอารักษ์อสูรทวีความรุนแรงขึ้น เสียง ‘คลิก’ ของกระดูกที่แตกหักดังขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาของเฉาชิงหยางดำมืด เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากลำคอของเขา เลือดสีแดงจากหน้าอกเปื้อนเท้าสีทองเข้มที่ไร้รองเท้าของเทพอารักษ์อสูร

เทพอารักษ์อสูรกล่าวเสียงเบาว่า “การบำเพ็ญนั้นไม่ง่าย โยมเฉาอย่าเข้าใจผิด ตบะเช่นนี้ กี่ชั่วชีวิตของคนธรรมดาก็ยังบำเพ็ญไม่ถึง”

เฉาชิงหยางกลอกตาไปมองประตูหินที่อยู่ด้านหลังด้วยความยากลำบาก

เทพอารักษ์อสูรอุทาน ‘โอ้’ พลางชำเลืองมองตามไปที่ประตูหิน

“สำนักพุทธไม่สามารถฝืนใจผู้ใดได้ ในเมื่อเจ้ามีความกังวลใจ อาตมาจะช่วยคลายความกังวลทางโลกแทนเจ้าเอง”

เขาถอนฝีเท้ากลับและไม่มองเฉาชิงหยางอีก ก่อนจะค่อยๆ เดินไปทางประตูหินช้าๆ

…

“ท่านผู้นำ!”

ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์กรีดร้องด้วยความตกตะลึงพลางมองไปที่แววตาของเทพอารักษ์อสูรด้วยความโกรธระคนเสียใจ

ผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธระดับเพชรท่านนี้ต้องการชักจูงท่านผู้นำเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ต่อหน้าสถานที่ที่ท่านผู้นำพันธมิตรเฒ่าปิดด่านกักตนต่อหน้าพวกเขางั้นรึ?

ช่างเย่อหยิ่งนัก!

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นอกจากความเดือดดาลที่อยู่ในใจของพวกเขาแล้ว ความจริงก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านแต่อย่างใด เพราะผลสุดท้ายเทพอารักษ์ตู้ฝานเพียงแค่วาดฝ่ามือเบาๆ ก็ทำให้ขั้นสี่ของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์แหลกเป็นชิ้นๆ

การกระทำราวกับตั๊กแตนห้ามรถเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับแกว่งเท้าหาเสี้ยน ทำให้ฟู่จิงเหมินที่ใจร้อนและโหดเหี้ยมไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อต้านได้

ในอีกด้านหนึ่ง คุณชายหลิวและคนอื่นๆ ที่ปีนขึ้นไปบนยอดเขาทางใต้อย่างรวดเร็วก็รวมตัวกับเป็นกลุ่มบนยอดหน้าผา ทอดสายตาออกไปไกล และสถานการณ์ที่ด้านหลังภูเขาก็ปรากฏอยู่ในสายตา

“นั่นคือเฉา…เฉาเหมิงจู่รึ?”

คุณชายหลิวหรี่ตาลงเพื่อเพ่งมองอย่างสุดกำลัง เห็นร่างยักษ์สีทองเข้มราวกับหอคอยเหล็กกำลังเหยียบคนอยู่ใต้ฝ่าเท้า

ใบหน้าของบุคคลนั้นเต็มไปด้วยเลือด คลับคล้ายว่าจะเป็นท่านผู้นำเฉาเหมิงจู่

สายตาของเขายังไม่แข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้น เขาหันไปมองท่านอาจารย์ที่อยู่ด้านข้างและยอดฝีมือคนอื่นๆ ทันทีราวกับกำลังหาข้อพิสูจน์

คุณชายหลิวเห็นความกลัวและความไม่สบายใจจากแววตาของพวกเขา

คือเฉาเหมิงจู่จริงๆ…คุณชายหลิวไม่ได้ออกตัว ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย ปล่อยให้ความตกใจและตื่นตระหนกปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างอิสระ

“ฆ้องเงินสวี่เล่า?”

จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ไหนว่าฆ้องเงินสวี่ก็เข้าร่วมไม่ใช่รึ ทำไมมีเพียงคนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของข้า ทำไมฆ้องเงินสวี่ไม่อยู่ด้วยเล่า?”

นี่คือผู้หญิงจากหอหมื่นบุปผา ใบหน้าอันบอบบางซีดลงเล็กน้อย

ไป๋หู่ที่แขนหักส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้อบกพร่องในการฝืนใจผู้คนของสำนักพุทธ ไม่ว่าจะผ่านไปนานหลายปีก็ยังไม่เปลี่ยน”

“หากเฉาชิงหยางเปลี่ยนไปพึ่งพาสำนักพุทธจริง เขาจะหันกลับมาแก้แค้นพวกเราหรือไม่?”

หลิ่วหงเหมียนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น

“ไม่หรอก”

ฉีฮวนตานเซียงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เปลี่ยนไปพึ่งพาสำนักพุทธ ต้องฟังพระไตรปิฎกเป็นเวลาสามวันก่อน หลังจากนั้นสามวัน แม้จะเป็นคนเลวมาก ในใจก็จะนึกถึงแต่คุณงามความดีของสำนักพุทธและจงรักภักดีมาก”

“เฮอะๆ นี่คือสิ่งที่สำนักพุทธเรียกว่าบรรลุญาณ”

เวลานี้เอง จิ้งหยวนกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านอาจารย์อาตู้ฝานลงสนามเช่นนี้ น่าจะเพียงพอที่จะทำให้สวี่ชีอันปรากฏตัว”

ในอีกด้านหนึ่ง เทพอารักษ์อสูรก็เข้าใกล้ประตูหินแล้ว ฝีเท้าของเขามั่นคงและทรงพลังอย่างยิ่ง ทุกย่างก้าวล้วนทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้น ราวกับยักษ์ที่ไม่มีทางหยุดยั้งได้

แต่เมื่อร่างราวกับเหล็กนั้นอยู่ห่างจากประตูหินไม่ถึงสิบจั้ง จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างจ้า พร้อมกับร่างในชุดขาวที่ยืนขวางเทพอารักษ์อยู่ที่หน้าประตูหิน

บุคคลนี้มีรูปร่างและส่วนสูงเหมือนคนธรรมดา หน้าตาและออร่าก็ธรรมดามาก ราวกับคนที่ไม่เตะตาที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

หากไม่ใส่ใจให้ดี เขาก็จะกลมกลืนไปกับฝูงชนจนหาไม่เจออีกเลย

“ท่านสมุ…”

ซุนเสวียนจีมองเฉาชิงหยางที่อยู่ในระยะไกล ราวกับต้องการอธิบายอะไรบางอย่าง

เฉาชิงหยางกลืนน้ำลายก่อนจะกล่าวด้วยความยากลำบาก

“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบาย…”

ผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวที่เฉาชิงหยางเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดแม้แต่คำเดียว

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 623 ไม่จำเป็นต้องอธิบาย"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF