cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 599 ความลับโบราณ

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 599 ความลับโบราณ
Prev
Next

บทที่ 599 ความลับโบราณ

“ไป๋จี เจ้าอยากเข้าไปในเจดีย์พุทธะหรือไม่”

สวี่ชีอันจูงแม่ม้าน้อยแล้วหยุดฝีเท้าอยู่ใต้ซุ้มประตูที่เชิงเขา เขาผูกเชือกของแม่ม้าน้อยเอาไว้กับเสา จากนั้นก็เอ่ยถามความเห็นของจิ้งจอกขาว

“ไม่ไป! ท่านแม่บอกไว้แล้วว่าครั้งนี้ข้าออกมาฝึกประสบการณ์ ต้องเพิ่มพูนความรู้ให้มาก” จิ้งจอกขาวน้อยพูดอย่างหนักแน่นจริงจังด้วยน้ำเสียงอันไร้เดียงสา

ฉับพลันนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของสวี่ชีอัน

ถ้าเอามันไปอยู่กับเสี่ยวโต้วติง ไม่รู้ว่าจะออกมาเปรี้ยงปร้างขนาดไหน

มันคงถูกตีจนอย่างน่าสงสารกระมัง…สวี่ชีอันคิดอยู่ในใจ

“แม่ของเจ้าสวยหรือไม่”

สวี่ชีอันประคองพระมเหสีลงมาจากม้า

“สวยแทบตายเลยล่ะ” ไป๋จีร้องตะโกนบอกเสียงนุ่มนิ่ม

สวี่ชีอันสังเกตเห็นมู่หนานจือชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา

เจ้าก็มิใช่ว่าอารมณ์ความรู้สึกว่างเปล่าไปเลยสักหน่อย…มุมปากของเขากระตุกยิ้ม

สองคนและจิ้งจอกหนึ่งตัวทิ้งแม่ม้าน้อยไว้ที่เชิงเขาแล้วเดินขึ้นบันไดไป ภูเขาชิงหยุนเขียวขจีไปด้วยพืชพรรณ แม้แต่ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นเช่นนี้ก็ยังมองเห็นเป็นสีเขียวขจีผืนใหญ่

สวี่ชีอันเห็นนางชมดูทิวทัศน์ระหว่างทางอย่างเพลิดเพลินก็เอ่ยขึ้นว่า

“ต้นไม้ใบหญ้าของที่นี่จะได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณหลักอันไพศาลตลอดปี จึงแตกต่างจากพืชพรรณข้างนอกและเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น แม้แต่ในฤดูหนาว…”

มู่หนานจือเอ่ยขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าได้ขอให้เจ้าอธิบายหรือ”

…เกือบลืม เจ้าเป็นเทพดอกไม้กลับชาติมาเกิดนี่นา! สวี่ชีอันหุบปากทันที

ดูจากฐานะของมู่หนานจือแล้ว เกรงว่ามองแค่แวบเดียวก็คงรู้เรื่องดี

ตัวตนเทพดอกไม้กลับชาติมาเกิดนี้ สวี่ชีอันไม่เคยเอ่ยถึงเลยและแสร้งทำเป็นว่าตนไม่รู้

มู่หนานจือก็ทำเป็นว่าเขาไม่รู้

ทั้งคู่เกิดความรู้ใจกันอย่างสูงยิ่ง ราวกับคู่สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีแล้ว และเคยผ่านชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความก็สามารถเข้าใจกันและกันได้ง่ายๆ

ไม่นานนัก พวกเขาก็ขึ้นบันไดภูเขามาถึงสำนักศึกษา สวี่ชีอันเข้าไปคารวะปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่านก่อน ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ในนามของตัวเขา

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามให้การรับรองสวี่ชีอันในศาลาที่เงียบสงบและงดงาม

“หนิงเยี่ยน มิได้เจอกันมานาน สบายดีหรือไม่”

อาจารย์ที่ปรึกษาของสวี่ซินเหนียน ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จางเซิ่นเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มแล้วหันกายไปมองมู่หนานจือ “ท่านนี้คือ…”

“นี่คือภรรยาที่ยังไม่ตบแต่งของข้าเอง” สวี่ชีอันเอ่ยแนะนำไปเช่นนี้

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่านเผยสีหน้าแปลกพิกลออกมา แม้แต่มู่หนานจือก็หันมามองจ้องสวี่ชีอันด้วยสีหน้าตกตะลึง

มู่หนานจือรีบประนมมือแล้วเอ่ยค้านอย่างรวดเร็ว

“อาตมาคือนักบวชผู้ละทิ้งทางโลก ขอประสกสวี่ได้โปรดอย่าเอ่ยวาจาซี้ซั้วแล้วทำลายชื่อเสียงของอาตมา”

จิ้งจอกขาวน้อยที่หมอบอยู่บนโต๊ะชาเงยหน้ามามองนางแล้วเอ่ย

“หืม ผู้ละทิ้งทางโลกจะเอาชื่อเสียงมาจากที่ใดกัน เจ้าควรจะพูดว่า ‘โปรดอย่าทำลายการบำเพ็ญเพียรของอาตมา’ สิ”

มู่หนานจือพลิกผันทันใด เริ่มพาลโกรธจากการเสียหน้าขึ้นมาแล้ว

“เจ้ารู้ดีนักนะ”

“ข้าจัดเวทีให้เจ้าแสดงสักสามวันสามคืนดีหรือไม่”

ไป๋จียังเยาว์วัย ยังอยู่ในสถานะน้ำครึ่งถังแต่กลับทำเป็นรู้ดี อยากรู้อยากเห็นอยากแสดงภูมิเป็นพิเศษ ทำให้มู่หนานจือเสียหน้าไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แม้ว่าตัวมันจะไม่ได้เจตนาก็ตาม

เมื่อเห็นชายทั้งสี่จ้องมาที่ตน มู่หนานจือก็รู้สึกขายหน้า จึงผุดลึกขึ้นแล้วเดินหนีไป

“รอข้าด้วย…”

เจ้าจิ้งจอกขาวน้อยรีบร้อนลงจากโต๊ะแล้วส่ายหางฟูฟ่องราวกับลูกแมวที่ถูกเจ้าของทิ้ง จากนั้นก็รีบวิ่งตามไป

สวี่ชีอันมองส่งหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอก จากนั้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ

“ภรรยาคนนี้ของข้าเคยแต่งงานแล้ว นางอารมณ์ร้าย อายุอานามพอๆ กับอาสะใภ้ของข้าเลย…เฮ้อ อาจารย์ทั้งหลายโปรดอภัยด้วย”

‘เคยแต่งงานแล้ว?!’

‘ทั้งอายุก็ยังเป็นแม่ของเขาได้ด้วย?!’

ในแววตาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามมองมาที่นี่ราวกับแฝงอะไรบางอย่าง

“ที่มาเยี่ยมเยียนพวกท่านครั้งนี้ก็เพราะอยากจะขอบันทึกเวท ‘ลั่นประกาศิต’ สักสองสามแผ่นขอรับ”

สวี่ชีอันลูบมือ รู้สึกละอายในความหน้าด้านหน้าทนของตัวเอง

สาเหตุที่ต้องการบันทึกเวทจากปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่าน แต่ไม่ได้ไปหาจ้าวโส่วก็เพราะการสะท้อนกลับของ ‘วิชาลั่นประกาศิต’ ในขั้นสี่นั้น เขาสามารถรับได้

แต่เจ้าสำนักจ้าวโส่วเป็นขั้นสองสูงสุด ขาดแค่ก้าวเดียวก็จะอยู่ในขั้น ‘ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่’ ที่แท้จริงแล้ว วิชาเวทในระดับขั้นเช่นนี้ เมื่อถูกสะท้อนกลับมา สวี่ชีอันมิอาจรับไหวได้

“วิชาเวท!”

“เช่นนั้นเองหรือ!”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ๆ!”

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามเผยรอยยิ้มเป็นมิตรแจ่มใสออกมา จากนั้นก็ถูมือแล้วเอ่ยว่า

“ช่วงนี้หนิงเยี่ยนมีความคิดใหม่อันใดบ้างหรือไม่”

“ไม่มี!” สวี่ชีอันส่ายหน้าด้วยความเสียดาย จากนั้นจึงคิดอยากจะเอ่ยอธิบายสักสองสามประโยค

แต่ไม่คิดเลยว่าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามกลับเก็บรอยยิ้มอันเป็นมิตรและเผยสีหน้า ‘ทุกคนล้วนมาพบกันโดยบังเอิญ’ แล้วเอ่ยว่า

“วิชาของลัทธิขงจื๊อไม่เผยแพร่ให้คนภายนอก ฆ้องเงินสวี่โปรดกลับไปเถิด อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย”

กะ กลายเป็นฆ้องเงินสวี่แล้วหรือ? จะสัตย์ซื่อเกินไปแล้ว พวกเจ้าก็แค่อยากจะหลอกเอาบทกลอนของข้าไปใช้เท่านั้น…สวี่ชีอันก่นด่าอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะไม่มีสิทธิ์ไปว่าผู้อื่น

เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วเอ่ย “จู่ๆ ความคิดก็พรั่งพรูเสียแล้วสิ”

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จดจ้องมาด้วยสายตาสว่างไสว พวกเขานั่งตัวตรงและทำท่าทางจริงจังตั้งใจฟัง

สวี่ชีอันค่อยๆ เอ่ยพูด

“วันนี้ที่ประตูปีก่อน ดอกท้อบนดวงหน้าแดงก่ำ”

‘กลอนเจ็ด’…ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามตั้งใจฟังยิ่ง ในใจผุดคำนี้ขึ้นมา

กลอนสองวรรคนี้ขับเน้นให้เห็นถึงความทรงจำอันน่าประทับใจ ให้ประจักษ์ชัดถึง ‘วันนี้’ ใบหน้าและดอกท้อที่อยู่ในวรรคที่สองทำให้ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามรู้ว่า เขากำลังจะเขียนกลอนเกี่ยวกับความรัก

ในฐานะที่เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รอบรู้มากสามารถ พวกเขาล้วนมีความสามารถในการชื่นชมบทกลอนเป็นอย่างยิ่ง

ดูจากวรรคเริ่มนี้แล้ว ทิศทางความรู้สึกและความหมายน่าจะไม่แตกต่างจากกลอน ‘กลิ่นหอมละมุนคลุ้งกลางจันทรายามสายัณห์’ นัก

ถึงขั้นที่ว่า ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามก็ได้เริ่มแต่งกลอนต่อในหัวโดยอ้างอิงจากรูปแบบกลอนสองวรรคแรก หรือไม่ก็เดาทิศทางอารมณ์ของกลอนท่อนต่อไปได้แล้ว

สวี่ชีอันหันหน้ามองนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยเสียงเบา

“ดวงหน้ามิรู้อยู่ที่ใด ดอกท้อไซร้ยิ้มยงคงเก่า”

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามนิ่งไปพลางขบคิด ในใจบังเกิดความโศกเศร้าโดยไม่มีเหตุผล

ใช้ดอกท้อขับให้คนงามโดดเด่นขึ้น และใช้คำบรรยายเวลาอย่าง ‘ปีก่อน’ มาปูทาง เมื่อท่อนต่อไปปรากฏขึ้นมา ก็ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกโศกเศร้าแบบที่ว่า ‘สรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่คนกลับเปลี่ยนไป’

หากว่าเป็นผู้ที่มีอารมณ์อ่อนไหว คงจะรู้สึกสลดใจเมื่อได้ยิน

“กลอนดี กลอนนี้หากได้เผยแพร่ออกไป จะต้องได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแม่นางในสำนักสังคีตเป็นแน่”

จางเซิ่นทอดถอนใจ

กลอนที่เขียนเกี่ยวกับความรักอย่างชัดเจนเช่นนี้ สามารถโจมตีจิตใจอันอ่อนไหวของนางคณิกาทั้งหลายได้ดีที่สุด

“หนิงเยี่ยนอาศัยกลอนบทนี้ก็สามารถใช้จ่ายมือเติบอยู่ในสำนักสังคีตได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ”

หลี่มู่ไป๋เอ่ยชม

“กลอนบทนี้ของหนิงเยี่ยนเขียนขึ้นเพื่อฝูเซียงกระมัง เมื่อเผยแพร่มันออกไป เหล่าแม่นางทั้งหลายในสำนักสังคีตล้วนแต่ต้องเสียน้ำตาให้กับความรักล้ำลึกของเจ้าเป็นแน่”

เฉินไท่เอ่ยทอดถอนใจ

แววตาของสวี่ชีอันกลิ้งกลอก “กลอนบทนี้ไม่มีชื่อ อย่างไรก็ขอรบกวนอาจารย์ทั้งสามช่วยหน่อยแล้วกันขอรับ”

เมื่อพูดจบ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามก็หายใจหนักหน่วงขึ้น พวกเขาต่างมองหน้ากัน แววตาที่มองอีกฝ่ายแฝงไว้ด้วยความระแวดระวัง ทั้งยังเต็มไปด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและความหวาดระแวง

เมื่อเห็นดังนั้น สวี่ชีอันก็ลุกขึ้นยืนคำนับ “ข้ายังมีธุระให้ไปหาเจ้าสำนักอีก เช่นนั้นขอตัวขอรับ”

จากนั้นก็ถอยออกจากศาลา

…

เขามองหาข้างหน้าสักพักก็ยังไม่เห็นมู่หนานจือ ถึงอย่างไรอยู่ในภูเขาชิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลนัก เขาจึงไม่ได้ออกไปตามหา

สวี่ชีอันเดินผ่าน ‘พื้นที่ร่ำเรียน’ และ ‘พื้นที่หอพัก’ อย่างคุ้นทางดี เขาเดินมาทางด้านหลังภูเขาอยู่นาน จนกระทั่งมีเสียง ‘ซ่า ซ่า’ ของใบไผ่ลอยมาตามสายลม

เบื้องหน้าปรากฏป่าไผ่สีเขียวขจีที่มีใบสีเหลืองแห้งกรอบแซมอยู่ด้วย

รวมถึงเรือนเล็กที่ซุ่มซ่อนอยู่ในป่าไผ่

เจ้าสำนักจ้าวโส่วยืนอยู่ในลานรั้วด้านหน้าเรือนและรออยู่นานแล้ว

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งไปคารวะอาจารย์ทั้งสามท่านมาขอรับ” สวี่ชีอันคำนับ

จ้าวโส่วคำนับกลับ สวี่ชีอันในตอนนี้มีสิทธิ์และคุณสมบัติเทียบเท่ากับตัวเขาแล้ว

“คารวะอาจารย์” จ้าวโส่วแย้มยิ้มชื่นชม

เขารู้ว่าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคืออาจารย์ในนามของสวี่ชีอัน

สวี่ชีอันเหลือบมองเขา “ข้าได้เขียนกลอนให้พวกเขา แต่ยังมิได้ตั้งชื่อ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวโส่วค่อยๆ เลือนหาย

“ช่างเถอะ มีสิ่งใดก็พูดมาตามตรง มาหาข้ามีเหตุอันใด” จ้าวโส่วนวดหว่างคิ้ว ‘อีกเดี๋ยวข้าต้องไปจัดการความยุ่งเหยิงนี้เสียแล้ว’

“เหตุใดเว่ยกงถึงต้องผนึกเทพอูหรือ” สวี่ชีอันเอ่ยออกมาตามตรงจริงๆ

…จ้าวโส่วทำมือเชื้อเชิญ “เข้ามาข้างในก่อนเถิด”

ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง จ้าวโส่วมองไปยังโต๊ะชาที่ว่างเปล่าแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ

“ตรงนี้ควรจะมีน้ำชา”

ปราณใสส่องวาบ จากนั้นบนโต๊ะชาก็มีน้ำชาร้อนระอุเพิ่มขึ้นมาสองแก้ว

แบบนี้ก็ได้เหรอ? สวี่ชีอันตะลึงงันไปแล้ว

ในใจลอบเอ่ยว่า ข้ายังคงประเมินเล่ห์เหลี่ยมของลัทธิขงจื๊อต่ำเกินไป

จ้าวโส่วมองเห็นความสงสัยของเขา จึงเอ่ยอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

“มิได้ถูกสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าหรอก เพียงแต่ใช้คาถาเรียกน้ำชามาจากผู้ที่ดื่มชาอยู่ใกล้ๆ ต่างหาก”

เขาเหลือบมองแก้วชาแล้วเอ่ย “ดียิ่งนัก ยังไม่ถูกดื่มไปด้วย”

ถ้าหากข้าเข้านอนตอนกลางคืน ข้าก็แค่พูดหนึ่งประโยคอยู่ใต้ผ้าห่มว่า ‘ตรงนี้ควรจะมีภรรยาหนึ่งคน’

แบบนี้จะเรียกภรรยาของผู้อื่นมาให้ได้หรือไม่นะ หึๆๆ

สวี่ชีอันกล่าวอย่างจริงใจ “เจ้าสำนัก โปรดมอบคาถาลั่นประกาศิตให้ข้าสักสองสามแผ่นด้วยเถิด”

จ้าวโส่วจิบชาแล้วยิ้ม

“เพราะพลังอำนาจของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหมดไป เทพอูก็ใกล้จะหลุดออกมาจากผนึก เผื่อป้องกันมิให้ภาคกลางหรือสรรพชีวิตในจิ่วโจวต้องสูญสลาย เว่ยเยวียนจึงเลือกสละชีวิตตัวเองเผื่อทำให้ผนึกของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มั่นคง”

สวี่ชีอันยับยั้งความคิดฟุ้งซ่านของตนแล้วจดจ้องไปยังจ้าวโส่ว

“ท่านรู้ว่าข้ามิได้อยากถามเรื่องนี้ เพราะเหตุใดปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์จึงผนึกเทพอู และเพราะเหตุใดถึงต้องผนึกเทพเจ้ากู่ด้วย ในปีนั้นผู้เฒ่าเทียนกู่ได้แย่งชิงโชคชะตามาจากสวี่ผิงเฟิงก็เพื่อทำให้ผนึกมั่นคง และเป็นเพราะรูปสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้เหวลึกของซินเจียงตอนใต้ก็แตกร้าวด้วยเช่นกัน การฝึกตนของลัทธิขงจื๊อเกี่ยวพันกับโชคชะตา ลัทธิขงจื๊อแบกรับโชคชะตาไว้ ดังนั้นผู้เฒ่าเทียนกู่จึงคิดว่าการแย่งโชคชะตาอันยิ่งใหญ่มากนั้นสามารถทำให้ผนึกมั่นคงได้ เพราะมันมีแหล่งที่มาเดียวกับพลังของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์”

จ้าวโส่วเงียบไปพักหนึ่งก็ไม่ได้เอ่ยค้าน เขาพยักหน้าเอ่ย

“เทพเจ้ากู่เป็นเทพมารบรรพกาล มันไม่มีความเมตตาต่อสรรพสิ่ง นิสัยเดิมนั้นชอบเข่นฆ่ากระหายเลือด สัตว์ร้ายเช่นนี้ย่อมต้องถูกผนึก ส่วนเทพอูนั้นพยายามรุกรานภาคกลาง ซึ่งศัตรูเหนือระดับผู้หนึ่งน่ากลัวเพียงใด ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ”

สวี่ชีอันส่ายหน้าแล้วยิ้มชื่น

“เจ้าสำนัก ข้ามีชื่อเสียงในเรื่องการคลี่คลายคดี ท่านอย่าได้เล่นตรรกะเหตุผลต่อหน้าข้าจะดีกว่า เพื่อมิให้ภาคกลางถูกรุกราน ดังนั้นจึงต้องผนึกเทพอู แต่วันเวลาที่เทพอูดำรงอยู่นั้นยาวนานยิ่งกว่าปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ หากเทพอูรุกรานมายังภาคกลาง เช่นนั้นภาคกลางก็คงกลายเป็นดินแดนของสำนักพ่อมดไปนานแล้ว สาเหตุที่ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ผนึกเทพอู คงมิได้ง่ายดายขนาดนั้นหรอก”

จ้าวโส่วเงียบงันไม่พูดจา

สวี่ชีอันเอ่ยต่อ

“ยุคเทพมารจบสิ้นแล้ว จนถึงวันนี้เพิ่งจะมีผู้อยู่เหนือระดับขั้นห้าตนปรากฏมาเท่านั้น คือปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ เทพอู เทพเจ้ากู่ พระพุทธเจ้า และปรมาจารย์เต๋า ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นอายุน้อยสุด ปรากฏขึ้นช้าที่สุด และสิ้นชีพเร็วที่สุด

“คำพูดที่บอกว่าผนึกเทพอูเพื่อความปลอดภัยของภาคกลางนั้น ดูไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย

“อีกอย่างหนึ่ง สำนักพุทธก็ยังโลภในภาคกลาง หากอิงจากตรรกะของท่าน ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องผนึกพระพุทธเจ้าด้วยเช่นนั้นหรือ”

สวี่ชีอันจ้องมองจ้าวโส่วอย่างบีบคั้น

ภายในห้องเงียบสนิท ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอยู่ท่ามกลางความเงียบครู่หนึ่ง จ้าวโส่วก็ค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาว่า

“ใครบอกเจ้าว่าปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มิได้ผนึกพระพุทธเจ้า?”

ชั่วขณะนั้น สวี่ชีอันรู้สึกเพียงมีกระแสไฟฟ้าไล้ผ่านแผ่นหลังของเขาจนทำให้ขนหัวลุกพรึ่บ

………………………………………………………….

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 599 ความลับโบราณ"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF