cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 580 ล้อมโจมตี

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 580 ล้อมโจมตี
Prev
Next

บทที่ 580 ล้อมโจมตี

อาวุธของสวี่ชีอันคืออะไร?

คำถามนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากที่คนในที่นี้จะตอบได้ อย่างน้อยคนจากเมืองเฉียนหลงก็ยังตอบไม่ได้ในเวลาสั้นๆ แน่

ไม่ใช่เป็นเพราะสายข่าวละเลยข้อมูล และก็ไม่ใช่เพราะพวกจีเสวียนและคนอื่นๆ ไม่รู้ ข้อมูลของสวี่ชีอันนั้นได้บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนยิ่งว่าอาวุธที่เขาใช้คือดาบยาวเล่มหนึ่ง

แต่ดาบเล่มนี้คือดาบอะไร ไม่มีใครเคยศึกษาอย่างลึกซึ้ง

เหตุผลนั้นง่ายมาก พลังต่อสู้ของจอมยุทธ์อยู่ที่ร่างกาย ยิ่งเป็นจอมยุทธ์ที่ระดับขั้นสูงก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ กายเนื้อเพียงอย่างเดียวก็ถือเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

บ่อยครั้งที่มีดดาบเป็นเพียงความหมายเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจกับอาวุธและอาวุธเวทมนตร์ของจอมยุทธ์ เว้นเสียแต่อาวุธนั้นจะมีบทบาทพิเศษที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

อย่างเช่นดาบสยบดินแดนซึ่งเป็นอาวุธเทพที่ทำทำให้จอมยุทธ์ขั้นสามสะพรึงกลัวได้ หรือไม่ก็เจดีย์พุทธะ

ดังนั้น คำถามที่ว่าสวี่ชีอันใช้อาวุธอะไร แม้แต่จีเสวียนก็ยังไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง

สวี่หยวนซวงจ้องไปด้านหน้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

“มันคือดาบสีทองอร่าม คุณภาพยอดเยี่ยมมาก เป็นรองเพียงอาวุธวิเศษเท่านั้น”

สิ่งที่ควรจะกล่าวถึงต่อไปนี้ก็คือประเภทของอาวุธเวทมนตร์

อาวุธธรรมดา อาวุธเวทมนตร์ อาวุธวิเศษ และของวิเศษ

อาวุธธรรมดาคืออาวุธรบทั่วไป อาวุธเวทมนตร์คืออาวุธที่มีพลังความสามารถพิเศษขึ้นมา นอกจากจอมยุทธ์แล้ว สายการฝึกตนอื่นๆ ก็สามารถหล่อเลี้ยงอาวุธเวทมนตร์ได้ แต่มีเพียงโหรเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งอาวุธเวทมนตร์ได้

อาวุธวิเศษคืออาวุธเวทมนตร์ที่กำเนิดจิตรับรู้ของตัวเองขึ้นมา

ส่วนของวิเศษนั้นคืออาวุธวิเศษที่เกิดการหลุดพ้นและกำเนิดขึ้นมาหลังจากได้รับชะตาวาสนาบางอย่าง

ตัวอย่างเช่นดาบสยบดินแดนของต้าฟ่ง เดิมทีเป็นอาวุธวิเศษชนิดหนึ่ง แต่หลังจากได้รับโชคชะตาของแคว้นมาถึงหกร้อยปีก็หลุดพ้นและกลายเป็นของวิเศษ

ใช้เพื่อทำลายกายเนื้อของจอมยุทธ์โดยเฉพาะ

จีเสวียนมองญาติผู้น้องอย่างประหลาดใจ

“เจ้ารู้เรื่องดีเลยนี่นา”

สวี่หยวนซวงรู้สึกว่าประโยคนี้ของเขาออกจะแหม่งๆ อยู่สักหน่อย จึงขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปมอง

ตอนนี้เอง นางก็เห็นนักพรตเต๋าเจียวเยี่ยร้องเอ๊ะขึ้นมา จึงรีบหันหน้ากลับไปมองบนสนามต่อสู้

แค่มองดูก็เข้าใจทันทีแล้วว่านักพรตเต๋าเจียวเยี่ยสงสัยเรื่องใด นางเห็นสวี่ชีอันขว้างดาบออกมาจากมือเพียงเท่านั้น

ที่อุกอาจยิ่งกว่าคือดาบเล่มนี้กลับชักออกจากฝักด้วยตัวมันเองราวกับมีชีวิตเพื่อรับกับปลายหอกที่พุ่งลงมาจากฟ้า

เงาดาบสีทองพุ่งขึ้นฟ้าเข้าปะทะตัวต่อตัวกับวงอากาศทรงโค้งจากปลายหอก

‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’…

ในสายตาของผู้ชมทั้งหลายเห็นชัดว่าหอกยาวสีดำเมี่ยมในมือของสวี่หยวนไหวพุ่งโฉบลงมา แต่ตัวหอกกลับแตกออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นด้ามหอกก็ระเบิดออกทีละส่วนๆ

ว่ากันว่านี่คืออาวุธเวทมนตร์ที่ได้รับการขัดเกลาจากมือของโหรขั้นสองแห่งเมืองเฉียนหลงผู้นั้น เพื่อมอบให้กับทายาทไว้ใช้ป้องกันตัว ทว่ามันกลับถูกทำลายเช่นนี้เสียได้

และตั้งแต่ต้นจนจบ สวี่ชีอันก็ไม่ได้กระดิกตัวแม้แต่นิด

สวี่หยวนไหวคำรามเสียงมังกรออกมาจากในลำคอราวกับถูกกระแทกอย่างแรง ลำแสงสีดำแตกกระจายพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขาแล้วยิงออกไปทั่วทุกทิศ

นั่นคือจิตเดิมของมังกรน้ำขั้นสี่ มันถูกดาบไท่ผิงตีจนแตกสลายแล้ว

สลายเป็นผุยผงไม่มีชิ้นดี

ส่วนสวี่หยวนไหวซึ่งเป็น ‘ผู้ครอบครอง’ ก็ถูกโจมตีอย่างหนักเพราะเหตุนั้นด้วย เขาตกลงมาจากกลางอากาศ มุมปากมีเลือดเล็ดออกมา ชีพจรและเส้นลมปราณกำลังลุกเป็นไฟ

ดาบไท่ผิงส่งเสียงกระหึ่มพลางตวัดว่ายเป็นวงโค้งราวกับกำลังเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่ของตัวเอง แต่ก็ดูคล้ายกำลังอวดดีและเย้ยหยันอยู่ด้วย

อุปนิสัยของวิญญาณดาบเดิมทีก็คล้ายคลึงกับเจ้าของมันอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เจ้าของมันเก็บคำพูดเยาะเย้ยถากถางไว้ในใจไม่เปิดเผยออกมา แต่วิญญาณดาบยังเด็กอยู่ จึงเหลิงได้ง่าย

หลังจากดาบไท่ผิงเลื่อนขั้นเป็นอาวุธวิเศษก็ได้สวี่ชีอันหล่อเลี้ยงจนมีอานุภาพพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปหลายพันลี้ในทุกๆ วัน

เมื่อเทียบกับจิตวิญญาณแรกเกิด มันในตอนนี้กลายเป็นดาบที่โตเต็มวัยและสามารถต่อกรกับศัตรูได้ด้วยตัวเองแล้ว

“อาวุธวิเศษ?”

สวี่หยวนซวงกรีดร้องออกมาจากกลั้นไม่อยู่

ในฐานะที่เป็นโหร นางรู้ถึงความล้ำค่าหายากของอาวุธวิเศษดีกว่าใคร

อาจกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า แม้จะเป็นบิดาอย่างสวี่ผิงเฟิงหรือท่านโหราจารย์ก็ทำได้แค่ขัดเกลาให้เป็น ‘ตัวอ่อน’ ของอาวุธวิเศษ และทำให้อาวุธเวทมนตร์มีพื้นฐานที่จะกลายเป็นอาวุธวิเศษได้เท่านั้น

แต่จะกลายเป็นอาวุธวิเศษที่แท้จริงหรือไม่ก็ต้องพึ่งโชคชะตา หรือไม่ก็การหล่อเลี้ยงอย่างอุตสาหะ

เช่นเดียวกับแผ่นความลับสวรรค์ซึ่งเป็นของวิเศษของท่านโหราจารย์ ตอนแรกมันเป็นเพียงอาวุธเวทมนตร์ธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง แต่ท่านโหราจารย์มักจะใช้มันเพื่อทำนายความลับของสวรรค์และพกติดตัวอยู่เสมอ เมื่อสะสมนานเข้าทุกวันๆ มันจึงกลายเป็นอาวุธวิเศษได้

และต่อมาก็หลุดพ้นจนกลายเป็นของวิเศษ

เจดีย์พุทธะก็ผ่านกระบวนการเช่นนี้มาด้วยเหมือนกัน

‘อาวุธวิเศษ…’ ทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือนเล็กน้อย ต่างก็ไม่อาจควบคุมความโลภ หลงใหล ใคร่หา และความริษยาได้

จอมยุทธ์ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธ แต่นี่ไม่ได้หมายรวมถึงอาวุธวิเศษด้วย

เมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน ผู้ที่มีอาวุธวิเศษก็หมายถึงมีชัยชนะรออยู่แล้ว

เหมียวโหย่วฟางที่รู้เห็นมาน้อยไม่รู้จักอาวุธวิเศษ แต่เมื่อเห็นอาวุธมีจิตสำนึกของมันเองก็รู้สึกแปลกใหม่และอิจฉาขึ้นมาแล้ว

สีหน้าของสวี่หยวนไหวเขียวคล้ำ วิญญาณมังกรน้ำที่แตกซ่านไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บมากนัก แต่เจ็บใจที่เห็นว่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุดที่ตนเก็บงำเอาไว้นานกลับถูกคู่ต่อสู้ขจัดไปได้อย่างง่ายดาย

ไม่สิ อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ แค่ส่งดาบเล่มหนึ่งออกมารับก็ทำให้ตนตกลงไปสู่พื้นทรายได้แล้ว

สำหรับอัจฉริยะวัยหนุ่มที่หยิ่งทะนงอย่างสวี่หยวนไหวแล้ว การโจมตีที่เจ็บปวดล้ำลึกเช่นนี้เป็นการตบหน้าที่เจ็บปวดสาหัสยิ่งนัก

“เด็กน้อย ไปวิ่งเล่นในโคลนเถอะไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมากระโดดโลดเต้น”

สวี่ชีอันเรียกดาบไท่ผิงกลับมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ชี้ไปยังบ่อโคลนที่อยู่ไกลๆ

สีหน้าเขียวคล้ำของสวี่หยวนไหวพลันมีสีแดงฝาดขึ้นมาทันใด ทั้งอัปยศอดสู โกรธแค้น และอับอาย…โมโหเสียจนกล้ามเนื้อที่สองข้างแก้มนูนเด่นขึ้นมา

พลังทำลายล้างรุนแรงนัก ความอัปยศก็รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง

เด็กหนุ่มกำลังอยู่ในขั้นที่ ‘หน้าตาสำคัญกว่าชีวิต’ ดังนั้นจึงเลือดขึ้นหน้าแล้วคำรามด้วยความโกรธ ก่อนพุ่งเข้าหาสวี่ชีอันด้วยสองมือที่ว่างเปล่า

เขาวิ่งตะบึงราวกับสายลม พลังปราณก็ฉีกทึ้งอากาศราวกับวัวพิโรธที่ห้ามไม่อยู่

ระยะทางสามก้าวสวี่หยวนไหวก็ก้าวเพียงสองก้าวแล้วกระโดดผลุงขึ้นมาส่งกำหมัดพุ่งเข้าหาสวี่ชีอัน

‘พลั่ก!’

กำปั้นฉีกทึ้งอากาศ

หมัดนี้พุ่งถึงจุดสูงสุดแล้วปล่อยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

สวี่ชีอันเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแสดงท่าทีชื่นชม จากนั้นก็ยื่นแขนออกไปกดลำคอของเขาแล้วกดเขาเอาไว้กับพื้น

‘ฟึ่บ~’

สวี่หยวนไหวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่พร้อมกับพื้นที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังศีรษะถูกโจมตีอย่างหนัก สติรับรู้มึนงงไปชั่วขณะ

“ช่างไม่รู้คุณค่านัก!”

สวี่ชีอันกำดาบไท่ผิงไว้แน่นแล้วจ่อดาบไปที่ทรวงอกของสวี่หยวนไหว แค่แทงลงไปเบาๆ เจ้าหนุ่มนี้ก็จะสิ้นชีพอยู่บนสังเวียนนี้แล้ว

“สวี่ชีอัน…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น สวี่หยวนซวงวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นตระหนกแล้วหยุดอยู่ระหว่างทั้งสองคน นางไม่พูดอะไร เพียงแค่กัดริมฝีปากน้ำตาคลอเต็มหน่วยและมองหน้าเขาอย่างดื้อรั้น

สวี่ชีอันขมวดคิ้วเหลือบมองนางแล้วก้มหน้ามองสวี่หยวนไหวที่เลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าไปครึ่งซีก พร้อมทั้งมีความโกรธและไม่ยอมแพ้ในแววตา

เขาพลิกข้อมือแล้วใช้หลังดาบทุบกระดูกหัวเข่าและข้อศอกของสวี่หยวนไหวติดต่อกัน จากนั้นก็เตะด้วยปลายเท้าเบาๆ

สวี่หยวนไหวราวกับเป็นลูกหนังก้อนหนึ่งที่เคลื่อนตัวเป็นเส้นโค้งไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของพี่สาวได้อย่างแม่นยำ

สาวน้อยคนงามเม้มริมฝีปากแล้วมองสวี่ชีอันอย่างล้ำลึก นางก้มลงพยุงตัวน้องชายแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

“พวกเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

พูดจบก็ช่วยพยุงสวี่หยวนไหวเดินไปอีกทางแล้วเว้นระยะห่างกับพวกจีเสวียนเพื่อแสดงความตั้งใจจริง

ขณะเดินก็เหลือบมองน้องชายที่มีสีหน้าหมองหม่นและนัยน์ตาราวกับตายไปแล้ว จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่ง

“อย่าได้ท้อใจไป เขาเป็นบุคคลที่แม้แต่ท่านพ่อก็ยังรู้สึกว่าจัดการได้ยาก สู้เขาไม่ได้ก็สมเหตุสมผลแล้ว หากยังไม่ยอม เจ้าก็ก้าวไปข้างหน้าโดยมีเขาเป็นเป้าหมายแล้วกัน เมื่อมีศัตรูเช่นนี้ยืนอยู่ตรงหน้า เจ้าจึงจะกล้าหาญและก้าวหน้าต่อไปในเส้นทางสายวิทยายุทธ์ได้”

ดวงตาว่างเปล่าของสวี่หยวนไหวขยับเคลื่อน “เจ้าก็คิดว่าเขาเป็นศัตรูด้วยหรือ”

สวี่หยวนซวงเม้มริมฝีปากบอบบางของตน แต่ไม่ได้ตอบคำ

หลังจากทั้งคู่ถอยไปไกลแล้วก็ยืนเคียงกันเพื่อดูการต่อสู้ต่อไป

สวี่หยวนซวงเป็นโหรขั้นหก ไม่อาจถือว่ามีพลังต่อสู้ สวี่หยวนไหวก็อยู่เพียงขั้นห้า เป็นบุคคลที่มีไว้ประดับบนผืนผ้าเท่านั้น ถึงเสียไปก็ไม่สำคัญเท่าไหร่

การถอยไปของสองพี่น้องไม่ได้ทำให้พลังต่อสู้ของกลุ่มจีเสวียนและพวกสำนักพุทธสูญเสียไปมากมายนัก

การต่อสู้ระหว่างเสือมังกรต่างหากจึงจะเป็นกุญแจสำคัญ

ภารกิจของสวี่หยวนไหวสำเร็จ เขาหยั่งเชิงพลังต่อสู้ของสวี่ชีอันเบื้องต้นได้แล้ว ช่วงระหว่างที่สองพี่น้องกำลังถอยไป สำนักพุทธและฝ่ายเมืองเฉียนหลงที่ถือเป็นกองกำลังหลักก็ได้วางแผนต่อกรศัตรูเบื้องต้นเรียบร้อย

“ไต้ซือจิ้งหยวน พลังเทพวชิระของท่านเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่สามารถต้านทานอาวุธวิเศษได้ ดังนั้นต่อไปก็ต้องอาศัยให้ท่านเป็นผู้นำแล้ว

“ไต้ซือจิ้งซิน ท่านพาเหล่าฉานซือไปรั้งอยู่ข้างสนามเพื่อช่วยเหลือพวกเราด้วยวิชาทรงศีล

“ไป๋หู่ เจ้ารวดเร็วมาก ให้รับหน้าที่ก่อกวนและคอยช่วยเหลือ ฉีฮวนตานเซียง เจ้าทำหน้าที่จู่โจม เข้าต่อสู้ร่วมกันกับข้าและหงเหมียน”

จีเสวียนออกคำสั่งอย่างเป็นระบบและจัดการทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ

นักพรตเต๋าเจียวเยี่ยมองดูด้วยความชื่นชม เขาไม่ได้ติดตามคนผิด จีเสวียนมีความสามารถด้านการเป็นผู้นำ ทั้งยังรู้จักอดทนอดกลั้นและมีพรสวรรค์ในการฝึกตนเหนือใคร

บุคคลเช่นนี้ หากมีโอกาสก็จะต้องบินสู่ฟ้าสูงได้แน่

ประสบการณ์การรวบรวมปราณมังกรในครั้งนี้ก็เพื่อมอบโอกาสให้กับเมืองเฉียนหลง

“นักพรตเต๋า ท่านคอยดูแลเหมียวโหย่วฟางอยู่ข้างๆ ก็พอ”

จีเสวียนหันมามองเขา

นักพรตเต๋าเจียวเยี่ยหัวเราะ

“อาตมามีพลังฝึกตนอ่อนด้อย ดังนั้นจะไม่เข้าร่วมต่อสู้แล้ว ให้ดูแลเจ้าหนุ่มที่พลังฝึกตนถูกผนึกไว้ก็ยังพอทำได้”

เมื่อสนทนาจบลงแล้ว ทั้งหมดก็ค่อยๆ หันหน้าไปมองเด็กหนุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดังผู้นั้น

จีเสวียนสังเกตเห็นว่าชายแซ่สวี่ผู้นั้นกำลังมองมาที่ตน ดวงตาของทั้งสองก็สบเข้าด้วยกัน

หนุ่มสูงศักดิ์เจ้าบัญชาผู้ซุกซ่อนพลังและรอเวลามาสิบกว่าปีเริ่มเก็บงำความอ่อนโยน นัยน์ตาก็แสดงให้เห็นความเฉียบแหลมจริงจังออกมา

เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยคำเน้นๆ

“จัดการ!”

เมื่อเอ่ยจบ ยอดฝีมือขั้นสี่ทั้งหลายก็พากันพุ่งเข้าหาสวี่ชีอัน พลังอานุภาพรุนแรงนัก

เมื่อคนนอกมองดูฉากนี้ ก็ล้วนแต่เลือดลมเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น

อย่างน้อยเมื่อเหมียวโหย่วฟางที่อยู่ไกลๆ มองมา ก็เกิดความรู้สึกร่วมที่อธิบายไม่ถูก ราวกับตนเข้าร่วมประสานในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย

แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นศัตรูของเขาก็ตาม

พฤติกรรมที่ผู้อ่อนแอรวมตัวกันต่อต้านผู้แข็งแกร่งนั้น ง่ายต่อการสั่นสะเทือนใจผู้อื่นอยู่แล้ว

‘ตึง ตึง ตึง…’

จอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวนสับฝีเท้าจนก่อให้เกิดแผ่นดินสะเทือนไหวเล็กน้อย

ระหว่างนั้น แสงสีทองอร่ามก็พวยพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วแล้วอาบย้อมร่างให้เป็นสีทองอย่างรวดเร็ว

จิ้งหยวนกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งเข้าหาสวี่ชีอันโดยไม่สนสิ่งใด ทั้งไม่สนความตายและละทิ้งความคิดที่จะป้องกัน

“อามิตตาพุทธ จงวางดาบลง!”

จิ้งซินที่อยู่ด้านหลังประนมมือเอ่ยสวดเสียงต่ำ

“อามิตตาพุทธ จงวางดาบลง”

ฉานซือยี่สิบกว่ารูปที่อยู่ข้างหลังต่างก็ประนมมือขึ้นพร้อมกัน

พลังของเหล่าภิกษุรวมเข้าด้วยกัน พลังอันยิ่งใหญ่และไร้รูปร่างเข้ามาห่อหุ้มตัวสวี่ชีอันเอาไว้

ฉีฮวนตานเซียงกวาดตัวออกมาจากด้านข้างแล้วเคลื่อนพลังซินกู่ของตนจนเกิดคลื่นไร้รูปที่เพ่งเล็งไปที่จิตเดิมออกมา

ภายใต้อิทธิพลจากกองกำลังสองฝ่าย จิ้งหยวนก็เข้าใกล้ตัวสวี่ชีอันได้ดั่งใจหวัง เขากัดฟันเหวี่ยงหมัดเข้าหาอีกฝ่าย

‘ตูม!’

เสียงกึกก้องกัมปนาทระเบิดลั่นออกมาระหว่างฟ้าดิน

พลังปราณกระจายไปทุกทิศโดยมีสวี่ชีอันและจิ้งหยวนเป็นศูนย์กลาง ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นลมโหมคลั่งที่พัดม้วนกองหิมะชั้นแล้วชั้นเล่า

จิ้งซินคำรามเสียงต่ำแล้วเซถอยหลังไป พร้อมกับรู้สึกวิงเวียนศีรษะจนเกือบจะอาเจียนออกมา

สวี่ชีอันยังคงไม่เคลื่อนไหว สีทองอร่ามยังคงปกคลุมร่างกายของเขาและเปลี่ยนเขาให้เป็นมนุษย์ทองคำเปล่งปลั่ง

จีเสวียน หลิ่วหงเหมียน และไป๋หู่ในกลุ่มที่สอง อีกทั้งจิ้งซินที่อยู่แนวหลังและนักพรตเต๋าเจียวเยี่ยที่อยู่ด้านหลังออกไปอีก รวมถึงสองพี่น้องแซ่สวี่ที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลไปอีกต่างก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ

พลังเทพวชิระ!

พลังฝึกตนของเขากลับฟื้นฟูขึ้นมาจนสามารถใช้พลังเทพวชิระได้แล้ว

จีเสวียนตะโกนบอก “สังหารเขา!”

เขาและหลิ่วหงเหมียนเร่งความเร็วไปอยู่ในตำแหน่งของตนโดยอาศัยช่วงที่จิ้งหยวนเหวี่ยงหมัดออกไป ทำให้พลังโจมตีเชื่อมโยงใกล้กันมากยิ่งขึ้น และไม่เหลือโอกาสใดให้สวี่ชีอันฟื้นฟูปราณอีก

จีเสวียนดึงดาบยาวที่ราวกับหลอมขึ้นมาจากน้ำแข็งออกมาจากในแขนเสื้อ ตัวดาบแทบจะโปร่งใส แต่กลับส่องประกายแสงจันทร์ออกมาเลือนราง

กระบี่เงาจันทร์!

ดาบเล่มนี้เดิมทีเป็นดาบของจีเชียน มันมีรากฐานมาจากอาวุธวิเศษและเป็นสุดยอดของอาวุธเวทมนตร์

หลังจากสวี่ผิงเฟิงชิงดาบเล่มนี้กลับมาจากสวี่ชีอัน เขาก็มอบมันให้กับจีเสวียน

คมของกระบี่เงาจันทร์ระเบิดกลุ่มแสงเจิดจ้าบาดตาออกมา ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่ามันคล้ายดูเบาและคล้ายดูหนัก อีกทั้งไม่มีสิ่งใดที่ตัดไม่ขาด

จิตดาบขั้นสี่ของจีเสวียน…ประกายดาบสาดส่อง สรรพสิ่งล้วนแตกสลาย

‘เคร้ง!’

ดาบแหลมคมเล่มนี้เล็งแทงไปที่ทรวงอกของสวี่ชีอัน แสงทองอร่ามอ่อนลงอย่างรวดเร็ว ร่างทองเปล่งปลั่งก็หม่นแสงลงอย่างน้อยห้าส่วนจนไม่ได้ดูอร่ามตาดังเดิมแล้ว

ดาบเล่มนี้ของจีเสวียนเพียงพอจะทำลายการป้องกันจากกายเนื้อของจอมยุทธ์ขั้นสี่ระดับเดียวกันได้

แต่สำหรับพลังเทพวชิระของสวี่ชีอัน มันทำลายการป้องกันได้เพียงห้าส่วนเท่านั้น

หลังจากแทงดาบออกมา การระเบิดพลังที่รุนแรงที่สุดของจีเสวียนก็ถึงขีดสุด เขาไม่ได้เปิดฉากฟันติดต่อกัน แต่ชักดาบถอยกลับแทน เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าการโจมตีต่อจากนี้จะรุนแรงเพียงใด ก็ไม่อาจแรงไปกว่าการระเบิดพลังทั้งหมดครั้งนี้ได้

แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะการระเบิดพลังทั้งหมดของหลิ่วหงเหมียนกำลังมารับช่วงต่อแล้ว

หลิ่วหงเหมียนผู้ถูกขับออกมาจากหอหมื่นบุปผากระโดดขึ้นเหนือศีรษะของจีเสวียน ชายกระโปรงปลิวไสว ผมเงางามพลิ้วสะบัด แขนขาวสล้างกดลงบนเกราะทรวงอกของสัตว์ประหลาดผู้นี้แล้วส่งกำลังออกไปทันที

‘เคร้ง!’

เสียงกึกก้องราวกับตีระฆังดังขึ้น คลื่นพลังปราณระเบิดออก สวี่ชีอันกระเด็นออกไป ร่างทองหม่นแสงลงอีกครั้ง

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนล้วนดวงตาสว่างไสว

‘โฮก!’

ทันใดนั้น เสียงคำรามกัมปนาทก็ดังขึ้น

ไป๋หู่คร่อมอยู่บนพื้น กระดูกสันหลังยืดยาวออกมา ขนสีขาวปกคลุมทั่วร่าง จมูกกว้างใหญ่ขึ้น ดวงตากลายเป็นสีอำพัน ขนสัตว์ขึ้นปกคลุมใบหน้าเป็นชั้นๆ

เขากลับสู่ร่างเดิมในชั่วพริบตา

จากนั้นก็กลายเป็นสายลมกรรโชกที่มีความเร็วเกินขีดจำกัดแบบที่ตาเปล่าของยอดฝีมือทุกคนในที่นี้ก็จับไม่ได้ มันห้อตะบึงเข้าใส่ตัวสวี่ชีอันราวกับเป็นภูตผีวิญญาณ

จากนั้นก็เงื้อกรงเล็บแหลมคมอันเยือกเย็นฟาดเข้าไปที่ทรวงอกของเขา

กรงเล็บของมันถูกหุ้มด้วยสายลมสีคราม และเปลี่ยนจากความเร็วเหนือขีดจำกัดกลายเป็นความเร็วเหนือขีดจำกัดยิ่งกว่า เมื่อเขาตะปบฝ่ามือนี้ลงมา ก็อาจทำให้กรงเล็บหักลงได้เลย

แต่พลังเทพวชิระของสวี่ชีอันก็อาจจะถูกทำลายได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงอาจกรีดหัวใจที่อยู่ข้างในได้ด้วย

พวกจีเสวียนจึงแทบจะหยุดหายใจ

สวี่หยวนซวงก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างอดไม่ไหว ราวกับอยากจะเห็นภาพนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สวี่หยวนไหวเบิกตากว้างแล้วจดจ้องภาพนี้ตาไม่กะพริบ

ตอนนี้เอง แสงสีทองอร่ามก็พุ่งออกมาจากนัยน์ตาของไป๋หู่

ร่างทองที่เดิมที่หม่นแสงไปแล้วพลันเปล่งประกาย ‘ปราณชีวิต’ ออกมา แล้วฟื้นกลับคืนสู่จุดสูงสุดในชั่วพริบตา

“พวกเจ้าละเลยสิ่งใดไปหรือเปล่า”

มุมปากของสวี่ชีอันกระตุกขึ้นเป็นยิ้มเยาะ “ถึงแม้ข้าจะยังไม่ฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดของตัวเอง แต่ขั้นสาม อย่างไรเสียก็คือขั้นสาม”

‘เคร้ง!’

เขาต้านกรงเล็บนี้ได้โดยไม่มีสิ่งใดเสียหาย กรงเล็บของไป๋หู่จึงหักโค่นไปพร้อมกับเสียงนี้

สวี่ชีอันพลิกข้อมือฟันดาบไท่ผิงเพื่อพยายามสังหารไป๋หู่

จิ้งซินรีบใช้วิชาทรงศีลทันที “อามิตตาพุทธ จงหยุด…”

‘โฮก!’

สิ่งที่ตอบกลับเขาคือเสียงสิงโตคำรามสะเทือนก้องหูที่สั่นสะเทือนเลือดลมของทุกคนจนตาพร่ามัวมองไม่เห็น

สวี่ชีอันใช้สิงโตคำรามสำนักพุทธขัดจังหวะของวิชาทรงศีลได้

‘ฟึ่บ!’

ดาบไท่ผิงตัดกรงเล็บของไป๋หู่ได้อย่างง่ายดาย เลือดสีแดงสดพวยพุ่งออกมาอาบย้อมร่างทองของสวี่ชีอัน

ช่วงเวลานี้เอง ไป๋หู่ก็รับรู้ได้ถึงวิกฤตระหว่างความเป็นความตายแล้ว สัญชาตญาณเอาตัวรอดมีมากกว่าความเจ็บปวด เขาจึงขับเคลื่อนพายุคลั่งแล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ชีอันวิ่งพรวดไปไม่กี่ก้าวแล้วขว้างดาบไท่ผิงออกไปอย่างแรง

ดาบไท่ผิงเล็งหาศัตรูโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าไป๋หู่จะหนีไปทางไหน สุดท้ายก็ไล่ตามทันอยู่ดี

‘เคร้ง!’

จีเสวียนกวัดแกว่งกระบี่เงาจันทร์ไปขวางดาบไท่ผิงไว้ ขณะที่พวกหลิ่วหงเหมียนและจิ้งหยวนรีบวิ่งเข้าไปปกป้องไป๋หู่

ดาบไท่ผิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่พัวพันต่อ มันกลับมาอย่างไม่พอใจแล้วเข้าไปอยู่ในมือของสวี่ชีอันอีกครั้ง

สวี่ชีอันกำดาบแสยะยิ้มออกมา “การอุ่นเครื่องจบแล้ว!”

จีเสวียน หลิ่วหงเหมียน ฉีฮวนตานเซียง จิ้งหยวน จิ้งซิน ไป๋หู่ และยังมีสวี่หยวนไหวที่อยู่ไกลๆ ต่างก็ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพร้อมกัน

เกิดเป็นความรู้สึกเยือกเย็นชวนให้หนาวสั่นขึ้นในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“หึๆ รู้สึกไม่ดีแล้วสิ”

เหมียวโหย่วฟางเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น

นักพรตเต๋าเจียวเยี่ยสีหน้าหนักอึ้งราวกับสายน้ำ

………………………………….

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 580 ล้อมโจมตี"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF