cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 542 ส่วนลึกของห้องใต้ดิน

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  4. บทที่ 542 ส่วนลึกของห้องใต้ดิน
Prev
Next

บทที่ 542 ส่วนลึกของห้องใต้ดิน

“พวกเราบ่าวข้ารับใช้จะไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ”

สาวใช้ตัวน้อยก้มหน้าส่ายศีรษะ รู้ว่าสิ่งใดควรพูดหรือสิ่งใดไม่ควรเอ่ยเป็นอย่างดี

หลี่หลิงซู่ลุกขึ้นยืนออกห่างจากเตียง แล้วเดินมายังข้างโต๊ะ พร้อมกับยันมือทั้งบนโต๊ะ เอนตัวไปเบื้องหน้าด้วยท่วงท่ารุกล้ำอีกฝ่าย พลางมองสาวใช้ตัวน้อยที่อยู่ต่ำกว่า ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเอ่ยว่า “สาวน้อยที่ทำตัวเชื่อฟัง ถึงจะดูน่ารัก”

ใบหน้าตู้เจวียนแดงระเรื่อทันใด นางก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาหลี่หลิงซู่ แล้วเอ่ยเสียงค่อยว่า “กะ…ก็รู้มาบ้างนิดหน่อย นายท่านเจ้าคะ ท่านต้องรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป มิเช่นนั้นบ่าวได้เดือดร้อนเป็นแน่”

‘ด้วยนัยน์ตาคู่ที่ประกายประหนึ่งแฝงดวงดาวเอาไว้ อีกทั้งใบหน้าหล่อเหลา และบุคลิกที่ไม่ธรรมดา…หญิงสาวคนใดก็ล้วนลุ่มหลง แล้วยังจะมีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของข้าได้เล่า!’

หลี่หลิงซู่ถอนหายใจราวกับอยู่ที่สูงจนหนาวกาย

“เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่เอาออกไปแพร่งพรายที่ไหน” เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดรับปาก

“ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูใหญ่กับนายท่านย่อมดีมากอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ยอมแต่งงานกับตระกูลหวงฝู่ และขอร้องต่อนายท่านบ่อยครั้ง ซ้ำยังอดอาหารเป็นเวลาหลายวันด้วยเจ้าค่ะ”

‘ไฉหลานไม่ยินยอมแต่งงานกับตระกูลหวงฝู่ ถึงกับเคยอดอาหาร เพื่อแสดงการต่อต้าน…’ หลี่หลิงซู่ขมวดคิ้ว พลางคิดในใจว่าเหตุใดซิ่งเอ๋อร์ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาสักนิดเลย

“แล้ว…แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูใหญ่กับไฉเสียนล่ะ?” หลี่หลิงซู่กระซิบถาม

“สนิทสนมกันดั่งพี่น้องเลยเจ้าค่ะ” ตู้เจวียนตอบ

“ระหว่างพวกเขามีหรือเปล่า เอ่อ มีความสัมพันธ์สิเน่หาระหว่างชายหญิงหรือไม่?” หลี่หลิงซู่พูดหยั่งเชิง

“ระ…เรื่องนี้บ่าวจะรู้ได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ…” ตู้เจวียนตอบอย่างยากลำบาก

จากนั้นเขาก็ถามความสัมพันธ์ของคนที่มีความสำคัญในตระกูลไฉอีกสองสามคน แต่เมื่อถามความสัมพันธ์ระหว่างไฉซิ่งเอ๋อร์กับไฉเจี้ยนหยวน ตู้เจวียนก็ตอบว่า “ท่านอาหญิงกับผู้นำตระกูลขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วเจ้าค่ะ”

หลี่หลิงซู่หรี่ตา ระงับอารมณ์แล้วพูด “เอ๋? เล่าให้ฟังรายละเอียดหน่อยสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ตู้เจวียนลังเลอยู่ครู่ ก่อนจะกล่าว “มันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนเจ้าค่ะ ท่านอาเขยคนก่อนที่แซ่หลิว ซึ่งตระกูลหลิวและตระกูลไฉได้คบหากันมาหลายชั่วอายุคน ภายหลังตระกูลหลิวเกิดตกอับ ท่านอาเขยจึงแต่งเข้าจวนไฉ ต่อมา ท่านอาเขยกับผู้นำตระกูลเกิดอุบัติเหตุขณะออกไปข้างนอก แล้วไม่รอดกลับมาเจ้าค่ะ

“แต่ข้าได้ยินมาว่าการตายของท่านอาเขยเหมือนจะมีเงื่อนงำ ท่านอาหญิงเลยทะเลาะกับผู้นำตระกูลอย่างหนัก…”

นางชะงักสักพักหนึ่ง และไม่ได้เล่าต่อแต่อย่างใด

การพูดถึงจุดนี้ก็เป็นการล้ำเส้นมากแล้ว อีกทั้งรายละเอียดของเงื่อนงำที่ว่า นางผู้เป็นสาวใช้ก็ไม่รู้อย่างชัดเจนด้วย

‘สามีคนก่อนของซิ่งเอ๋อร์ตายไปอย่างน่าสงสัยหรือ? นี่มัน…ช่วงเวลาที่ข้าอยู่กับนางมา ทำไมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน…’ หลี่หลิงซู่ลอบขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นเองเขาพลันคิดได้ ทุกๆ คนย่อมไม่เอ่ยถึงเรื่องสามีคนเก่าต่อหน้าคนรักใหม่ของอาหญิงแห่งตระกูลไฉอย่างเขาอยู่แล้ว

“ขอบคุณแม่นางตู้เจวียนที่บอกนะ!”

หลี่หลิงซู่เผยรอยยิ้มอบอุ่นที่ประหนึ่งระบบปรับอากาศส่วนกลาง ทำให้สาวใช้พลันพวงแก้มอมชมพู และสดชื่นสบายไปทั่วร่างกายในเดือนสิบสองตามจันทรคติของฤดูเหมันต์

หลังจากส่งลาสาวใช้ผู้มีนามว่าตู้เจวียนคนนี้แล้ว หลี่หลิงซู่ก็กลับห้อง ล้มตัวนอนลงบนเตียง พยายามค้นหาความจริงท่ามกลางม่านหมอกหนาอันยุ่งเหยิง

‘ไฉหลานไม่ยอมแต่งงานกับตระกูลหวงฝู่ หากข้าเป็นไฉเสียน พาอีกฝ่ายหนีไปด้วยกันจะไม่ดีกว่าหรือ?…’

‘สามีคนก่อนของซิ่งเอ๋อร์ตายอย่างไรกันนะ? ดูเหมือนว่าไฉเจี้ยนหยวนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย? ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนจะทะเลาะกันใหญ่โตเพราะอะไร…นอกจากจะเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุดแล้ว นางก็ยังมีแรงจูงใจอีกมากเลยทีเดียว’

หลี่หลิงซู่ถอนหายใจ ก่อนจะพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ตัดสินใจไปโรงเตี้ยม เพื่อนำข่าวนี้ไปบอกกับสวีเชียน “อันที่จริง ข้าสืบต่อด้วยตัวคนเดียวก็ได้ ถึงแม้สวีเชียนจะมีฝีมือสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถไขคดีได้เสียหน่อย ตอนนี้เขาสวมชื่อเป็นใครอยู่นะ สวี่ชีอันหรือ?”

หลี่หลิงซู่พึมพำอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เลิกล้มความคิดที่จะนำข่าวไปบอกตาแก่ผู้นั้น

…

ณ เมืองหลวง จวนสกุลสวี่

ระหว่างที่เตาถ่านภายในห้องโถงกำลังลุกเป็นไฟ ทางด้านอาสะใภ้ก็แกะเปลือกส้มในมือ พลางกล่าวว่า “อีกไม่กี่วันพวกเจ้าจะไปจวนสกุลหวางแล้ว ต้องเข้าใจมารยาทและการประพฤติตัวให้เรียบร้อย มิอาจทำให้ฮูหยินแห่งจวนสกุลหวางและบรรดาญาติหญิงดูแคลนได้ เข้าใจหรือไม่”

ขณะที่พูดนั้น นางก็เงยหน้าละสายตาจากส้ม มามองเด็กสาวข้างกายที่กำลังกระหายรอกินส้มอยู่

“แม่พูดถึงเจ้าอยู่นะ!”

อาสะใภ้เอ่ยอย่างหงุดหงิด “วันๆ รู้แต่เรื่องกิน กิน กิน ไม่ช้าก็เร็วแม่จะส่งเจ้าเรียนศิลปะที่สำนักโหราจารย์เสีย”

วันนี้นางสวมเสื้อนวมสั้นปักลายเมฆา ซึ่งเข้าคู่กับกระโปรงยาวจับจีบสีเข้ม ทั้งยังปักปิ่นหยกกับปิ่นระย้าทองคำในมวยผมอย่างประณีต ดูสง่างามและเปี่ยมเสน่ห์ หากมองในแวบแรก ก็ดูเหมือนเด็กหญิงสูงศักดิ์จากตระกูลร่ำรวยมากเลยทีเดียว

แน่นอนว่า คนที่คุ้นเคยอย่างอาสะใภ้ล้วนรู้ดีว่านางนั้นสวยแต่รูป จูบไม่หอม

“ดีเลยๆ ถ้างั้นก็สามารถเล่นกับพี่ไฉ่เวยได้สินะ”

สวี่หลิงอินที่มวยผมทรงเด็กน้อยเอ่ยด้วยความดีใจ

สิ่งที่นางอยากจะพูดจริงๆ ก็คือ พี่ไฉ่เวยที่มีเงินมากมาย ย่อมซื้อของกินอร่อยๆ ได้ต่างหาก

ทว่าตอนนี้นางมิใช่สวี่หลิงอินคนก่อนอีกแล้ว ตอนนี้ ตอนนี้เป็น…

“ท่านแม่ ตอนนี้ข้าอายุเท่าไรแล้ว” สวี่หลิงอินถามเสียงดัง

อาสะใภ้ไม่ตอบคำถามนาง กลับหันหน้าพูดไปกับสวี่หลิงเยวี่ยว่า “แต่อย่าให้โดนรังแกได้นะ เข้าใจหรือไม่ ดูเหมือนว่าเหล่าฮูหยินที่อยู่ในตระกูลร่ำรวยทรงอิทธิพลอย่างจวนสกุลหวางนั้นไม่น่าเป็นมิตรด้วยเลยสักคน อารมณ์ของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ หากโดนคนกลั่นแกล้งเข้า มิอาจร้องไห้โวยวายได้นะ

“หากโดนรังแกก็ไปหาซือมู่ซะ และรู้ขอบเขตด้วยว่าสิ่งใดตัวเองควรพูดหรือไม่ควรทำ เข้าใจหรือไม่ จริงสิ บรรดาบุตรชายทั้งบุตรสาวของคุณชายใหญ่และคุณชายรองแห่งจวนสกุลหวาง ก็อายุไล่เลี่ยกับสวี่หลิงอินนี่และ ซึ่งเป็นช่วงอายุเด็กที่น่าปวดหัวที่สุดแล้ว บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร…อย่าให้หลิงอินทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลล่ะ”

สวี่หลิงเยวี่ยตอบ ‘อือ’ ก่อนจะเอ่ยว่า “ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”

เนื่องจากสวี่เอ้อร์หลางและคุณหนูแห่งจวนสกุลหวางจะหมั้นหมายกัน ระหว่างที่ทั้งสองตระกูลต้องดำเนินประเพณีเหล่านี้นั้น อาสะใภ้ผู้ซึ่งเป็นนายหญิงประจำตระกูล ย่อมไม่อาจปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างง่ายดาย เพราะมันไม่เหมาะสมกับสถานะของนาง

ดังนั้นการติดต่อระหว่างญาติฝ่ายหญิง จึงมอบหน้าที่ให้สองสาวพี่น้องอย่างสวี่หลิงเยวี่ยและสวี่หลิงอินไป

แต่อาสะใภ้ก็ยังไม่วางใจ พลางคิดว่าหญิงที่แสนวิเศษอย่างนางซึ่งรวบความสวยและความชาญฉลาดไว้ในตัวคนเดียว นอกจากกำเนิดเอ้อร์หลางที่ฉายแววอนาคตไกลแล้ว ก็ยังมีบุตรสาวอีกสองคนที่พอจะไปวัดไปวาได้

สวี่หลิงเยวี่ยที่อ่อนแอเกินไป พูดจานิ่มนวลไม่สู้คนราวกับเป็นที่รองรับอารมณ์คนอื่น ส่วนสวี่หลิงอินไม่ค่อยฉลาดนัก เป็นหญิงสาวโง่เขลาทึ่มทื่อคนหนึ่ง

อาสะใภ้จึงกลัวว่าเมื่อพวกนางไปจวนสกุลหวางแล้ว จะโดนคนจากจวนสกุลหวางรังแกเอาได้

อาสะใภ้มิได้กังวลเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด เพราะตระกูลร่ำรวยทรงอิทธิพลอย่างจวนสกุลหวางนั้น ค่อนข้างถือตนเหนือกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก การที่คุณหนูตระกูลหวางแต่งงานกับเอ้อร์หลาง ก็เป็นการลดตัวลงมาแต่งงานกับผู้มีสถานะต่ำกว่า แล้วเหล่าสตรีในตระกูลหวางจะให้เกียรติตระกูลสวี่เพียงใดกัน?

แม้จะพูดได้ว่าไม่ถึงขั้นแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างออกหน้า แต่ก็คงเป็นการโจมตีอย่างซ่อนเข็มไว้ในปุยนุ่น[1] คิดแล้วคงเป็นเช่นนั้นแน่

‘หากคนอ่อนแออย่างสวี่หลิงเยวี่ยเจอแบบนี้เข้าละก็…’

“เฮ้อ!” อาสะใภ้ถอนหายใจด้วยความผิดหวังที่เหล็กไม่กลายเป็นเหล็กกล้า[2]

จากนั้นนางก็ไม่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเหล่านี้อีก ก่อนจะบ่นว่า “หยางเชียนฮ่วนคนนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็รู้จักกับพี่ใหญ่ของพวกเจ้ามานาน แม่เขียนจดหมายหาเขา เพื่ออยากให้สำนักโหราจารย์รับหลิงอินเข้าเป็นศิษย์ ไม่คิดเลยว่านานขนาดนี้แล้ว จะยังไม่ตอบกลับอีก”ไอรีนโนเวล

ขณะที่สวี่หลิงเยวี่ยกำลังแกะเปลือกส้ม ก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ สำนักโหราจารย์ตอบกลับมาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อวานข้ารับจดหมายมา แต่ลืมบอกกับท่าน”

แววตาอาสะใภ้พลันเปล่งประกาย เอ่ยอย่างทั้งตื่นตกใจและดีใจ “สำนักโหราจารย์ว่าอย่างไรบ้าง?”

สวี่หลิงเยวี่ยพูดเสียงเบา “ศิษย์พี่หยางบอกว่า หลิงอินมีพรสวรรค์เกินกว่าเขาจะสอนได้ เขาเลยจะแนะนำหลิงอินให้ท่านโหราจารย์ แต่ท่านโหราจารย์ไม่สนใจเขา กระทั่งแท่นแปดทิศยังไม่ให้เขาขึ้นด้วยซ้ำ”

‘ที่แท้ก็เพราะหลิงอินมีพรสวรรค์นี่เอง!’

อาสะใภ้พลันใจชื้นขึ้นมาเยอะ หลังจากครุ่นคิดสักพัก ก็รู้สึกว่าคงดีกว่าหากให้นางฝึกฝนกับลี่น่าไปก่อน

จนถึงวันนี้ อาสะใภ้ก็ละทิ้งความคิดที่จะจับนางฝึกฝนเป็นกุลสตรีตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ได้แต่ตั้งตารอคอยการแต่งงานของเอ้อร์หลางกับคุณหนูตระกูลหวาง และขอให้กำเนิดหลานสาวแก่นางสักคน

เพราะแต่ละคนที่นางเลี้ยงดูเองนั้นใช้ไม่ได้สักคน คงต้องรอให้เจ้าลูกชายเลี้ยงบุตรของตัวเองเท่านั้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อาสะใภ้เผยสีหน้าปลื้มใจออกมาเล็กน้อย “ซือมู่มีความสามารถที่ไม่เลวเลย อีกทั้งยังเฉลียวฉลาด แม้จะเป็นสตรีแต่ก็มากความรู้ เอ้อร์หลางเองก็ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่ยังเด็ก บุตรของพวกเขาในอนาคตต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ”

ขณะที่กำลังกล่าวนั้น นางก็ยกมือขึ้น เผยให้เห็นกำไลหยกคู่หนึ่งบนข้อมือเรียวเล็กขาวดุจหิมะนั่น

“กำไลวงนี้แม่ได้มาในตอนที่แต่งงานกับพ่อเจ้า เขาเป็นคนมอบให้แม่ และยังบอกว่าเป็นของสืบทอดจากท่านย่าของพวกเจ้า ทว่าท่านย่าได้จากไปก่อนนานแล้ว จึงไม่สามารถมอบสิ่งนี้ให้ลูกสะใภ้ด้วยมือตัวเอง เลยฝากฝังกำไลไว้กับเขา เมื่อถึงงานแต่งงานของเขาในอนาคต จะได้มอบให้กับลูกสะใภ้กับมือตัวเอง”

อาสะใภ้หวนนึกถึงยามวัยหนุ่มสาวของตน แล้วยิ้มเอ่ยว่า “หลังจากนี้ แม่ก็จะส่งต่อให้กับซือมู่ อืม ซึ่งจะให้เพียงหนึ่งวง ส่วนอีกวงเหลือไว้ให้ภรรยาของพี่ใหญ่”

“ว้าว สวยจังเจ้าค่ะ”

สวี่หลิงอินยื่นมือเล็กอันอวบอ้วนออกไป “ท่านแม่ ขอดูหน่อย ขอข้าดูหน่อย”

อาสะใภ้ยังคงเอาใจบุตรสาวเช่นเคย นางถอดกำไลออกแล้วยื่นให้ พร้อมกำชับว่า “ระวังหน่อยนะ อย่าทำมันแตกแล้วกัน”

ระหว่างพูดอยู่นั้น สวี่ผิงจื้อที่กำลังถือหมวกเหล็กและเสื้อเกราะและห้อยดาบยาวตรงเอว ก็เดินเข้ามายังห้องโถง

ตอนนี้สวี่ผิงจื้อเป็นนายกองผู้คุมทหารพันคนแห่งกองดาบ ทั้งตำแหน่งสูงขึ้นและมีอำนาจมากกว่าเดิม กลายเป็นขุนนางใหม่ในหมู่กองดาบทั้งห้าแห่งเมืองหลวง แม้จะพูดไม่ได้ว่ามียศถาบรรดาศักดิ์แล้ว แต่ขุนนางผู้มีคุณธรรมทั่วไปเมื่อเห็นเขาต่างก็ให้การเคารพนับถือทั้งนั้น

อาสะใภ้ได้กลิ่นบางสิ่ง แล้วมุ่นคิ้วกล่าว “ทำไมซื้อส้มเขียวมาอีกล่ะ? อันที่อยู่ในบ้านก็หวานแล้วนะ”

“ช่วงนี้ชอบกินเปรี้ยวน่ะ”

ตั้งแต่หลานชายกับบุตรชายไม่อยู่ สวี่ผิงจื้อก็ชอบโกหกหน้าตายอยู่เรื่อยๆ

ขณะนั้นเอง เขาก็เห็นกำไลอยู่ในมือของบุตรสาวอย่างสวี่หลิงอิน จึงตกตะลึงไปชั่วครู่ “ทำไมเจ้าถึงให้มรดกประจำตระกูลแก่นาง หากแตกหักขึ้นมาจะทำอย่างไร”

สวี่หลิงอินยกมือน้อยๆ อันอวบอ้วนขึ้น แล้วพูดด้วยท่าทางโอ้อวดว่า “ท่านพ่อ ท่านดูนี่สิ ดูสิว่าข้าเหมือนอะไร?”

“เหมือนอะไรหรือ?” สวี่ผิงจื้อถามกลับโดยไม่รู้ตัว

สวี่หลิงอินตอบด้วยน้ำเสียงคมชัด “เหมือนกับท่านแม่ของท่านอย่างไรล่ะ”

…สวี่ผิงจื้อมองนางสักพักหนึ่ง ก่อนจะวางหมวกเหล็กลงอย่างเงียบๆ และหยิบฝักดาบขึ้นมา

ทันใดนั้นเองเสียงร้องไห้ของสวี่หลิงอินก็ดังก้องไปทั่วจวนสวี่

…

จวนสกุลไฉ

หลังจากหลี่หลิงซู่ออกจากห้องแล้วก็ไปยังลานบ้าน เห็นเหล่าเด็กๆ ในจวนกำลังทำสีหน้าเอาจริงเอาจัง แต่ละคนต่างพกดาบ คอยคุ้มกันตามโถงทางเดิน ลานบ้าน และทางเข้าต่างๆ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” เขาเข้าใกล้เด็กตระกูลไฉคนหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม

“เมื่อคืนมีขโมยลอบเข้าไปในห้องใต้ดิน” เด็กแซ่ไฉคนนั้นกระซิบตอบ

‘ห้องใต้ดิน…’ หลี่หลิงซู่มึนงงทันใด จากนั้นก็ได้ยินเด็กอีกคนที่อยู่ข้างๆ พูดอธิบายว่า “ห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บศพน่ะ”

ในอาชีพสำรองของจวนไฉ มีอาชีพขนศพเช่นนี้อยู่ด้วย ซึ่งใช้ห้องใต้ดินเป็นที่เก็บศพ อีกอย่าง ศพเหล่านี้ก็ถูกใช้ในจุดประสงค์อื่น เช่นหลังจากเด็กๆ ตระกูลไฉผ่านพิธีสวมกวานแล้ว ก็จะสามารถนำศพหนึ่งร่างจากห้องใต้ดินไปเป็นหุ่นเชิดได้

ถ้าเด็กเป็นเชื้อสายฝั่งญาติจะสามารถรับได้แค่ศพธรรมดาเท่านั้น แต่หากเด็กเป็นเชื้อสายโดยตรงจะสามารถรับศพเลือดได้ ซึ่งศพเลือดจะเป็นผู้อาวุโสที่เสียสละร่าง โดยระดับพลังที่ต่ำสุดคือระดับหลอมจิต หากสามารถทำให้ศพเลือดกลายเป็นศพเหล็กได้ เช่นนั้นก็จะอยู่บนวิถีทางการควบคุมศพ และนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีความชำนาญและความรู้อันลึกล้ำ

พละกำลังและการป้องกันของศพเหล็กนั้น เทียบได้กับจอมยุทธ์กระดูกเหล็กผิวทองแดงขั้นหก แต่การต่อสู้จะอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีพลังปราณและสามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นหลอมวิญญาณ ซ้ำยังล่วงรู้ถึงอันตรายอีกด้วย

“สวีเชียนเคยพูดว่า เมื่อคืนไฉเสียนได้บุกเข้ามายังห้องใต้ดิน เพื่อมาหาร่างไฉหลาน…ไฉเสียนคงสงสัยว่าไฉหลานได้ตายไปแล้ว”

ความคิดของหลี่หลิงซู่พลันเปลี่ยนทันที ไม่ได้รีบร้อนไปหาสวีเชียนอีก เมื่อเขาถามที่ตั้งของห้องใต้ดินเสร็จ ก็หมุนตัวจากไป

หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาก็มาถึงเรือนชั้นใน ซึ่งเป็นเรือนที่แสนเงียบสงบ

ที่นี่ถูกรับมือโดยเด็กแห่งจวนไฉสิบกว่าคน ซึ่งกำลังขวางทางที่เขาจะเข้าไป

“คุณชายหลี่ ที่แห่งนี้คือเขตหวงห้าม ท่านเข้าไปไม่ได้”

หลี่หลิงซู่มุ่นคิ้ว กล่าวอย่างไม่ชอบใจ “กล้าขวางทางอาเขยด้วยรึ?”

จากนั้นเขาก็ผลักฝูงชนออก และก้าวเข้าไปในเรือน

เด็กๆ แห่งจวนไฉต่างมองหน้ากันและกัน โดยไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เมื่อลงบันไดไปจนถึงห้องใต้ดิน หลี่หลิงซู่ก็พลันปิดจมูกกะทันหัน “กลิ่นแย่มาก”

ทันใดนั้นเอง เขาก็พลันเห็นศพเรียงรายอยู่แถวหนึ่ง ราวกับประติมากรรมที่ไร้การเคลื่อนไหว

“ตาแก่สวีเชียนนั่นจะต้องชอบที่นี่มากเป็นแน่” หลี่หลิงซู่พึมพำ

ถึงอย่างไรเขาก็เคยอยู่เผ่ากู่แห่งซินเจียงตอนใต้มาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว จึงรู้พฤติกรรมของปรมาจารย์ซือกู่ว่าเป็นเช่นไร

เมื่อหลี่หลิงซู่เคาะระหว่างหัวคิ้ว นัยน์ตาดำพลันสีจางลงทันที วิสัยทัศน์ก็แตกต่างออกไปจากเดิม ศพเหล่านี้มิใช่ซากศพเดินได้ที่บริสุทธิ์แท้จริง วิญญาณดินของพวกเขาถูกพันธนาการไว้ในกายเนื้อ

ราวกับตกอยู่ในน้ำนิ่งไร้การไหลเวียนและเงียบสงัด

แต่ตราบใดที่ใช้วิธีปลุกอันเหมาะสมกับพวกเขา พวกเขาก็อาจกลายเป็นนักรบผู้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และไม่หวาดหวั่นความตาย

ในเผ่ากู่แห่งซินเจียงตอนใต้ ไม่ว่าจะเป็นกู่สัตว์ร้ายของวิชาซินกู่ และการควบคุมศพของวิชาซือกู่ รวมถึงการใช้พิษไร้รูปของวิชาตู๋กู่ ก็เป็นสิ่งที่สร้างความปวดหัวมากที่สุดมาโดยตลอด

เขาก้าวยาวๆ เข้าไปข้างใน หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ[3] ในที่สุดก็เห็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เด็กสองสามคนแห่งจวนไฉกำลังอารักขาอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง และประตูไม้บานนั้นถูกเปิดออกครึ่งหนึ่ง มีแสงเทียนลอดส่องผ่านออกมาจากข้างในนั้น

‘ยังมีห้องใต้ดินในห้องใต้ดินอีกหรือ? ข้างในนั้นเก็บอะไรไว้อยู่กันแน่?’ หลี่หลิงซู่ขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะพบการขัดขวางอีกครั้ง

“ใครอยู่ข้างนอกนั่น” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของไฉซิ่งเอ๋อร์ดังออกมาจากข้างในประตูไม้

“ข้าเอง” หลี่หลิงซู่ตอบ

ด้านในประตูเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นไฉซิ่งเอ๋อร์ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ให้เขาเข้ามา”

…………………………………….

[1] ซ่อนเข็มไว้ในปุยนุ่ม หมายถึงภายนอกทำตัวดี แต่ภายในแอบแฝงเจตนาชั่วร้ายอยู่

[2] ผิดหวังที่เหล็กไม่กลายเป็นเหล็กกล้า หมายถึงไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาไหนของคนที่ตนได้คาดหวัง

[3] 1 เค่อ เท่ากับประมาณ 15 นาที

Prev
Next
Tags:
นิยายศิลปะการต่อสู้, นิยายสยองขวัญ, นิยายสลับเพศ, นิยายสืบสวน, นิยายหุ่นยนต์, นิยายฮาเร็ม, นิยายเกาหลี
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 542 ส่วนลึกของห้องใต้ดิน"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF