ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 465 นี่ข้าเห็นอะไรกัน
บทที่ 465 นี่ข้าเห็นอะไรกัน
……….
อนาคต อยู่ในจินตนาการ และอดีตอยู่ในความทรงจำ
เช่นนั้นขณะที่ร่องรอยทั้งหมดของคนผู้หนึ่งถูกลบออกไป ญาติสนิทมิตรสหายของเขาเลือกที่จะลืมเลือน เขาไม่เคยปรากฏชีวิตของทุกคนมาก่อน
ราวกับถูกเว้นว่างไว้
ตอนนี้ เขามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่
บางที อาจจะยังอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจดจำได้ ถูกลืมเลือนไปทั้งหมด
แต่บางที อยู่ไปเรื่อยๆ ก็อาจสลายหายไปในความว่างเปล่าจริงๆ ไร้นาม ไร้อดีต ไร้อนาคต ไร้ทุกสิ่ง
นี่ คืออีกความสามารถหนึ่งของเทพเจ้า ความสามารถที่เกี่ยวกับอดีต
ลืมเลือน
ตอนนี้ จากการที่ฉู่เทียนฉวินสำแดงพลังต้นกำเนิดหลักอีกครั้ง ชิ้นส่วนโลกบรรพกาลของเผ่าควันขจรก็ราวกับทั้งหมดชะงักงัน กลายเป็นหยุดนิ่ง
และสิ่งที่ถูกทำให้หยุดนิ่ง ยังมีกายเนื้อของฉู่เทียนฉวิน รวมถึงร่างเงาภูตจักรพรรดิที่ร่อนลงมาเหนือศีรษะเขาด้วย
โลกทั้งใบเงียบงัน ทั้งหมดหยุดชะงัก มีเพียงจิตวิญญาณที่แสงเทพเจ้าห้อมล้อมของฉู่เทียนฉวินพุ่งออกมาจากหน้าผาก กลายเป็นตัวตนเดียวที่ยังขยับได้ในโลกใบนี้
เขาเงยหน้า มองไปรอบๆ สีหน้าเผยความเคารพ
“นี่….คือการเว้นว่างหรือ”
ฉู่เทียนฉวินพึมพำ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาที่สำแดงวิชาเทพถึงขีดสุดเช่นนี้ ในสายตาเขา ฟ้าดินผืนนี้กับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน
ท้องฟ้าไม่มีตัวตน แผ่นดินใหญ่ก็ไม่คงอยู่ รอบด้านทั้งหมดแทบจะไม่มีตัวตน เขาจักรพรรดิภูตก็เช่นกัน ทั้งหมดเป็นความว่างเปล่า
ราวกับทุกสิ่งที่เห็นด้วยตาก่อนหน้า ล้วนเป็นภาพมายา
มีเพียงปราณหมอกกลุ่มหนึ่งที่ล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า นั่นคือ…จุดที่สวี่ชิงอยู่ก่อนหน้านี้
มองปราณหมอก ฉู่เทียนฉวินรู้ว่านั่นคือจุดที่ตนต้องไป ขอแค่เขาไปที่ปราณหมอกผืนนั้นได้ ปิดประตูความทรงจำคนที่จดจำสวี่ชิงได้ทั้งหมดเสีย วิชาเทพเว้นว่างนี้ก็จะสำเร็จ
ฉู่เทียนฉวินไม่ลังเล จิตวิญญาณไหววูบ พุ่งตรงไปยังปราณหมอก แทรกซึมเข้าไปในพริบตา
ในหมอกลวงตาไร้ที่สิ้นสุดนี้ เบื้องหน้าฉู่เทียนฉวินมีประตูมากมายปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน ประตูเหล่านี้มีทั้งเล็กใหญ่ กลมบ้างเหลี่ยมบ้าง รูปร่างแตกต่างกันไป มีทั้งใหม่และเก่า วัสดุแตกต่างกันเช่นกัน
พวกมันมีมากมายเต็มไปหมด ก่อร่างเป็นเส้นทางเส้นหนึ่ง
“ที่นี่แหละ!” ฉู่เทียนฉวินยกสองมือขึ้นโบก ฉับพลันแสงเทพมนจิตวิญญาณก็ระเบิด ก่อเป็นผนึกหลายสาย ตรงไปเบื้องหน้าประตูเหล่านั้น ประทับลงไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานประตูมากมายก็หมองมัวด้วยผนึกนี้ เปลี่ยนเป็นเลือนราง แม้จะมีประตูบางบานไม่ยอมถูกผนึก เปลี่ยนกลับมาชัดเจนอย่างรวดเร็วจากความเลือนลาง ท้ายสุดด้วยพลังเทพเจ้า ก็ยังต้องหมองมัวอย่างจำยอม
ประตูทุกบาน ล้วนเป็นตัวแทนของความทรงจำที่เกี่ยวกับสวี่ชิงของหนึ่งชีวิต
ในความเลือนรางลงเรื่อยๆ นี้ จิตวิญญาณของฉู่เทียนฉวินก็ทะยานเร็วขึ้น พุ่งไปเบื้องหน้าไม่หยุดยั้ง แสงเทพยิ่งแผ่ซ่านไปทั่ว ประตูรอบๆ ก็ทยอยถูกปิดผนึก
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างราบรื่นดี สายตาฉู่เทียนฉวินก็ฉายแววยินดีออกมา
แต่ตอนนี้เอง ในบรรดาประตูมากมายนี้ มีประตูทรงกลมบานหนึ่ง ไม่ได้เลือนรางลงแม้แต่น้อยจากการผนึกด้วยแสงเทพของฉู่เทียนฉวิน แต่หลังจากที่สัมผัสกับแสงเทพ กลับค่อยๆ เปิดออกอย่างไร้ซุ่มเสียงแทน
ดวงตาสีเลือดดวงหนึ่งด้านหลังบานประตูก็ปรากฏออกมาฉับพลัน จ้องฉู่เทียนฉวินเขม็ง
เมื่อมองไป ทั่วทั้งเส้นทางก็บิดเบี้ยวขึ้นมา พลังเทพเจ้าวูบหนึ่งระเบิดออกมาในพริบตา จิตวิญญาณของฉู่เทียนฉวินเปล่งเสียงกรีดร้อง ในช่วงวิกฤติสำคัญมือขวาวิญญาณเทพของเขาก็ปะทุ ก่อเป็นแสงเทพเจิดจ้าไปต้านทาน จากนั้นก็ทะยานออกจากอาณาบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว
หลังจากมาถึงจุดปลอดภัย ดวงตาของเขายังคงเหลือความหวาดผวาอยู่
เขารู้ว่าดวงตานั้น…คือเทพเจ้าอีกตน
อันที่จริงสิ่งนี้ก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่เข้าไปสำแดงวิชาเทพเว้นว่างนี้ที่สุดขอบเขต
วิชานี้มีอาณาเขตกว้างขวาง บางคนที่เลือกจะลืมไปง่ายๆ และมีบางคนที่ไม่ยอมลืมเลือน ฝ่ายหลัง…จะกลายมาเป็นอุปสรรคของฉู่เทียนฉวิน
ขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้โลกภายนอกสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ทำให้กับดักสังหารนี้มีระลอกคลื่นลูกยักษ์รออยู่
นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้ว่าจะชักนำภัยพิบัติหายนะระดับสะท้านฟ้าสะเทือนดินมา อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้จักสวี่ชิงเพียงแค่ตื้นเขิน หากพบกับตัวตนที่น่ากลัวในบรรดานี้เข้า จะเกิดการเอาคืนที่รุนแรงกับฉู่เทียนฉวินได้
เขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ต้นกำเนิดหลักพลังเทพเจ้า แม้ในกลุ่มคนที่จดจำสวี่ชิงได้จะมีตัวตนที่น่ากลัวอยู่ ตนก็ใช่ว่าจะใช้พลังแห่งเทพเจ้าสร้างผลกระทบไม่ได้ในเวลาสั้นๆ
สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่การลืมเลือนไปตลอดกาล เขาแค่ต้องการให้ในโลกที่หยุดนิ่งนี้ไม่มีคนจดจำสวี่ชิงได้ แค่นี้ก็พอแล้ว
พริบตานี้ เขาสามารถสังหารสวี่ชิงได้อย่างแท้จริงที่นี่
“อย่างไรสวี่ชิงก็มีวิชาเทพ ประตูความทรงจำมีเทพเจ้าอยู่ก็ยังพอเข้าใจได้ ยังดีที่ข้ามีแสงเทพอยู่…จึงช่วยข้าต้านทานไว้ได
“แต่ข้าก็ไม่ได้ต้องการผนึกประตูทั้งหมด ขอแค่ล้มเหลวไม่เกินสิบบาน รอจนวิชาเทพของข้าสำแดงเสร็จสิ้น ก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้”
ฉู่เทียนฉวินสีหน้าเผยความแน่วแน่ ไหววูบพุ่งต่อไป แผ่แสงเทพผนึกประตูรอบด้านอีกครั้ง และครั้งนี้ผนึกประตูไปไม่ถึงสามสิบบาน จู่ๆ…ก็มีประตูอีกบานหนึ่ง เปิดออกเสียงครืนครัน
เสียงเคี้ยว ดังพลันออกจากด้านใน
เสียงนี้ราวกับฝันร้าย คนที่ได้ยินจะคุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ราวกับร่างกายตนกำลังถูกกลืนกิน ฉู่เทียนฉวินกรีดร้องออกมาทันที พริบตานั้นขาข้างหนึ่งก็ระเบิดขึ้น กลายเป็นแสงเทพพุ่งออกมาสกัดกั้น
“ไม่เป็นไร เขามีพลังอำนาจเทพสองอย่าง ดังนั้นการมีประตูความทรงจำเทพเจ้าอยู่สองบาน ก็เป็นเรื่องปกติ!”
ร่างของฉู่เทียนฉวินสั่นเทิ้มเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังพุ่งไปต่อ แต่…หลังจากผ่านไปห้าสิบประตู ประตูสีเลือดบานหนึ่ง ก็เปิดออกฉับพลัน
สีแดงไร้สิ้นสุด ระเบิดออกมาจากด้านในประตู
“ทำไมยังมีอีก!!”
ฉู่เทียนฉวินตกตะลึง ขาอีกข้างหนึ่งก็ระเบิดตามมา ในใจโหมคลื่นยักษ์ ขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปต่อดีหรือไม่ พริบตานั้น เหนือศีรษะเขาก็มีรอยแตกร้าวร่องหนึ่ง แง้มออกมาเหมือนกับบานประตู!
พริบตาที่เสียงลมหายใจดังลอดออกมาจากในรอยแตก จิตวิญญาณฉู่เทียนฉวินก็มีเสียงครืนครันออกมา ดวงตาเขาเบิกกว้าง เห็นว่าในรอยแยกมีร่างมนุษย์ที่ใหญ่โตเหนือจินตนาการร่างหนึ่ง แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากมัน ทำให้เขาร่ำร้องขึ้นมาอีกครั้ง ต้องระเบิดแขนข้างสุดท้ายต้านทาน
“วิ…วิถีสวรรค์!”
เวลานี้จิตวิญญาณฉู่เทียนฉวินเหลืออยู่เพียงครึ่งร่างเท่านั้น ไม่มีแขนขาแล้ว เขามองเส้นทางสายนี้อย่าหวาดผวา ตอนนี้ยังเดินมาไม่ถึงหนึ่งส่วนเลย
ด้านหลัง ยังมีอีกนับไม่ถ้วน
ยังมองไม่เห็นรายละเอียด เพียงเห็นแค่ที่ส่วนลึกสุดเหมือนจะมีเก้าอี้ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งอยู่
“ทำไมถึงมีเก้าอี้ได้!”
ฉู่เทียนฉวินสั่นสะท้าน เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อแล้ว!
“สวี่ชิงคนนี้ผิดปกติ เขามีปัญหา!!”
ขณะที่ฉู่เทียนฉวินทางนี้จิตใจโหมคลื่นกระหน่ำซัด ด้านหน้ามีประตูบานหนึ่งกำลังเปิดออกเอง มือใหญ่ที่เลือดเนื้อเหวอะหวะข้างหนึ่ง มาพร้อมกับความหมองหม่น บิดเบี้ยว ยื่นออกมาจากด้านใน
ขณะที่ฉู่เทียนฉวินกรีดร้องระเบิดร่างตนเพื่อหลบหนีต่อ ภาพที่ทำให้เขาพรั่นพรึงถึงขีดสุด จิตใจโหมคลื่นซัดกระหน่ำก็ปรากฏขึ้น
เสียงปึงปังดังออกมาจากประตูนับไม่ถ้วนเบื้องหน้าเขาในเส้นทางนี้ นั่นเป็น…เสียงทุบประตูที่ดังมาจากด้านในประตู!
ราวกับตัวตนที่น่ากลัวด้านหลังประตูเหล่านั้นได้กลิ่นหอมหวาน พากันคุ้มคลั่ง จะพุ่งออกมาจากประตูบานใหญ่
“นี่…นี่มัน…”
จิตวิญญาณฉู่เทียนฉวินสั่นเทา หันหน้าพลันคิดจะหนี
แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง ประตูนับไม่ถ้วน…มีเสียงปึงดังขึ้น เปิดออกมาพร้อมกัน
เสียงกรีดร้องแหลมดังออกมาจากจิตวิญญาณของฉู่เทียนฉวิน ระเบิดตนเองในพริบตา!
พริบตาต่อมา ฉู่เทียนฉวินกลับสู่ความเป็นจริง ขณะที่ส่งเสียงกรีดร้องแหลมดังออกมา ครึ่งร่างของเขาก็แหลกเละ ต่อให้แสงเทพก็ยังไม่อาจต้านทานได้ เหลือเพียงศีรษะ ร่วงหล่นลงมาบนพื้นในพริบตา
สีหน้าของเขาฉายแววตกตะลึง มาพร้อมกับความพรั่นพรึง ไม่อยากเชื่อ แหลกสลายอเนื่องท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
และพลังการหยุดนิ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ฟื้นฟูตามการกลับมาของเขา
สวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศร่างสั่นเทิ้ม ฟื้นกลับมาด้วยเช่นกัน สีหน้าเขามืดครึ้มในพริบตา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้มองฉู่เทียนฉวินที่เหลือแต่หัวกำลังกรีดร้อง ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเย็นวาบ ควบคุมเขาจักรพรรดิภูตสะกดฉู่เทียนฉวินอย่างรวดเร็ว และจากการที่จักรพรรดิภูตมาเยือน ฉู่เทียนฉวินก็ยิ้มขื่น
เขารู้ว่าตนพลาด เขาสูญเสียความสามารถฟื้นคืนชีพไป สูญเสียพลังชีวิตไป สูญเสียไปหมดทุกอย่าง ภายใต้การโต้กลับของประตูเหล่านั้นที่ถูกวิชาเทพเว้นว่างผนึก เวลานี้ก็ฟื้นคืนกลับมาหมดแล้ว เขาไม่ได้สั่นคลอนสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย
“ไม่อาจต้านทาน ไม่อาจเอาชนะได้เลยหรือ…” เบื้องหน้าฉู่เทียนฉวินเลือนรางไป ขณะที่ยิ้มขื่น จู่ๆ เขาก็เอ่ยเสียงดัง
“สวี่ชิง เจ้ารู้หรือไม่ อันที่จริงข้า…เป็นแค่ภาชนะชิ้นหนึ่ง หากองค์ท่านปรากฏตัว เจ้าก็จะตายเช่นเดียวกัน”
สวี่ชิงเพ่งมอง เขาจักรพรรดิภูตพอกำลังจะร่อนลงมา ตอนนี้เอง จู่ๆ หน้าผากกลางศีรษะที่แห้งเหี่ยวของฉู่เทียนฉวินก็แยกออก มือกึ่งโปร่งใสที่ไม่ใช่ของเขาข้างหนึ่งค่อยๆ ยื่นออกมา
มือข้างนี้สีขาวราวหิมะ ไม่มีเส้นขน ราวกับสร้างขึ้นจากหยกสีขาว เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และเปี่ยมไปด้วยความแปลกประหลาด ความรู้สึกสองอย่างนี้ผสมกัน ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี โลกสั่นสะเทือน
โบกเบาๆ สามทีไปที่สวี่ชิง โหมสายลมขึ้นมาสามวูบ
“วิชาเทพ ปัจจุบัน ปรารถนานิรันดร์!”
เสียงเรียบสงบที่ไม่คุ้นเคย มาพร้อมกับพลานุภาพไร้ที่เปรียบ ดังก้องมาจากหน้าผากของฉู่เทียนฉวิน หลังจากผ่านไปสามวูบ มือข้างนี้ก็กลายเป็นฝุ่นฟุ้ง ลอยคลุ้งออกมา
ศีรษะของฉู่เทียนฉวิน ตะแคงเอียง หายใจรวยริน
การโบกมือสามครั้งนั้น เวลานี้ก็ระเบิดพลานุภาพตัดนภาที่ไม่อาจพรรณนาได้ออกมา!
สายลมวูบแรก สัมผัสเขาจักรพรรดิภูตของสวี่ชิงอย่างไร้ซุ่มเสียง
เขาจักรพรรดิภูตส่งเสียงครืนครัน สิ่งที่ต้องใช้ในการสำแดงรุนแรงขึ้นในพริบตา หรือก็คือหนึ่งอึดใจจะใช้พลังของยันต์อักขระจำแลงปีศาจทั้งหมด ความเลือนรางสลายไป เผยให้เห็นสวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านใน
สายลมวูบที่สอง โถมมาจากด้านหน้า
ร่างของสวี่ชิงสั่นเทิ้ม พิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วงในร่างกายก็เบาบางลงในพริบตา ร่างกายสูญเสียสีเลือดไปขณะที่แผ่กำจาย กลายเป็นสีขาวดำสองสี
ราวกับกลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่ง
กระทั่งร่างกายของสวี่ชิงยังผสานกับภาพในพริบตาเช่นนี้ กลายเป็น…คนในรูปภาพ
วิกฤตเป็นตายรุนแรงระเบิดครืนครันขึ้นในใจสวี่ชิง ความรู้สึกครั่นคร้าม ทำให้เขาสัมผัสการมาของความตายได้ชัดเจน
หลังจากที่เขากลายเป็นคนในภาพวาดก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาทั้งร่างก็เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก พลังชีวิตเริ่มถูกทำลาย
พริบตานี้ เขาจักรพรรดิภูตก็คงร่างต่อไม่ไหว ลูกกลอนพิษกับพระจันทร์สีม่วงช้าลง ตะเกียงชีวิตเขารวมถึงสิ่งอื่นทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพนี้ มีเพียงอสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ที่ร้อนรนอยู่บนท้องฟ้า ฝืนจำแลงเป็นดาบฟาดลงมา
แต่มันก็ยังเด็กนัก พลังไม่พอ จึงกรีดร้องถอยกลับไป
และสายลมวูบที่สาม ก็พัดผ่านม้วนภาพที่ก่อขึ้นจากสวี่ชิง พัดผ่านตัวเขา
ราวกับภาพวาดเปียกน้ำ ค่อยๆ กระจายออกไป กลายเป็นปื้นน้ำหมึก เลือนลางลงช้าๆ
สวี่ชิงร่างกายแข็งทื่อ สมองในตอนนี้ก็ช้าลง ขณะที่ก้มหน้าลงอย่างยากลำบา เขาก็เห็นว่าร่างตนกำลังขาดออกจากกันขณะที่พาดผ่านและกระจายออกไปของสายลมวูบที่สาม
แผ่นหยกตัวตายตัวแทนที่อาจารย์เคยให้ไว้เมื่อครั้งนั้น แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานร่างกายของเขาที่กลายเป็นน้ำหมึกได้ ความรู้สึกเข้าใกล้ความตายปกคลุมจิตใจของสวี่ชิง
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
เขาสำแดงวิธีการทั้งหมดไปแล้ว การสังหารนี้ดูไม่ได้อำมหิตนัก แต่ความเป็นจริงพลานุภาพวิชาเทพชัดเจนอย่างมาก และความเป็นความตายมักจะเปราะบางอย่างมากภายใต้พลังวิเศษระดับนี้
อันที่จริงรับมือมาได้จนถึงตอนนี้ ทำให้อีกฝ่ายตายตกไปตามกัน ก็บ่งบอกพลังของสวี่ชิงได้แล้ว
‘จะตายแล้วหรือ’
สวี่ชิงพึมพำในใจ สติสัมปชัญญะค่อยๆ เลือนราง และขณะที่ร่างของเขามัวหมองไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนที่กำลังสลายอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ข้อมือขวาของเขาก็แผ่สีประกายทองออกมาฉับพลันในภาพวาดขาวดำนี้
แสงสีทองนี้ส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เดิมมันไม่ได้เจิดจ้าเช่นนี้ แต่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึก ทว่าตอนนี้ขับเด่นสีของมันออกมาอย่างชัดเจนในภาพวาดขาวดำ กลายเป็นสีที่สามขึ้นมา
ทั้งภาพวาดก็สั่นสะเทือนทันทีจากการปรากฏขึ้น แสงสีทองนี้แผ่ลามออกมาจากมือขวาของสวี่ชิง ปกคลุมไปทั่วร่างช่วยแบกรับสายลมวูบที่สามที่มาจากการโบกมือที่ทำให้สลายหายไปของในช่วงวิกฤตที่สุดของเขาในพริบตา
เสียงครืนดังขึ้น แสงสีทองหม่นลง ภาพวาดที่สวี่ชิงอยู่ก็ปริแตกออกมา ร่างกายผอมแห้งโซซัดโซเซออกมาจากรูปภาพ กระอักเลือดสด
และแสงสีทองหม่นหมองก็สลายหายไปกลับมาที่ข้อมือขวาของเขาทันที
สีหม่นลงถึงขีดสุด คล้ายจะหายไปได้ตลอดเวลา กระทั่งถ้ามองอย่างละเอียด จะเห็นรอยแตกร้าวมากมายนับไม่ถ้วนบนรยางค์สีทองนั่น
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ต่อให้ตอนนี้เขาจะบาดเจ็บหนัก อ่อนแออย่างมาก แต่ก็ยังก้มหน้ามองข้อมือขวา ในใจกระพือคลื่นยักษ์ขึ้นมา สีหน้ายิ่งมึนงงไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เย็นชา เงยหน้ามองฉู่เทียนฉวิน
ตอนนี้ฉู่เทียนฉวิน ดุจตะเกียงที่ไร้น้ำมัน เขาฝืนลืมตาขึ้นมาในช่วงใกล้ตาย มองมาทางสวี่ชิง
“เจ้ายังไม่ตายหรือ…”
สวี่ชิงเดินไปหาฉู่เทียนฉวินทีละก้าวจนมาอยู่เบื้องหน้าศีรษะเขา สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายสูญเสียความสามารถการคืนชีพไร้ขีดจำกัดนั่นไปแล้ว ดวงตาที่อ่อนล้าฉายแววเย็นชา ยกเท้าขึ้นมา แล้วกระทืบลงไป!