ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 464 เขาจักรพรรดิภูตจุติ
บทที่ 464 เขาจักรพรรดิภูตจุติ
……….
ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะรับรู้ แต่เป็นสิ่งที่ฉายขึ้นมาเองในใจตอนที่เขาเห็นแสงนั่นรวมถึงวิชาเทพ ราวกับพวกมันแฝงอยู่ในแสงและวิชาเทพนั่นอยู่แล้ว
การรับรู้จากการถูกกระทำ ทำให้สวี่ชิงเส้นเลือดปูดโปนไม่หยุด ในสมองเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงเป็นระลอก ดวงตาก็อาบย้อมไปด้วยเลือดทันที นูนออกมาเลาๆ ราวกับจะระเบิดออกมา
ขณะที่เจ็บปวด จากการที่ในสมองฉายข้อมูล จู่ๆ เขาก็เข้าใจปรากฏการณ์บางอย่างในโลกมนุษย์
ดวงตาของเทพเจ้า ในชีวิตของทุกชีวิต ล้วนเป็นเหมือนสมุดภาพวาดที่ชัดเจนมากๆ เล่มหนึ่ง
ตอนที่องค์ท่านเห็นเจ้า อดีต อนาคตของเจ้า ภาพนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวขึ้นทั้งหมดทั้งมวลซ้อนทับกัน ผสมผสานกัน เปลี่ยนแปลงกัน
ทุกการกระทำ กระทั่งตอนที่เดินมากขึ้นหนึ่งก้าว ทุกครั้งที่เร็วขึ้นครู่หนึ่ง หรือตอนที่หยุดชะงัก ก็ส่งผลกระทบกับอนาคตได้ทั้งนั้น กลายเป็นตัวแปรแต่ละตัวแปร แตกกิ่งก้านสาขาที่หลากหลายออกมา
ดังนั้น ภาพอนาคตคือการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน พวกมันร่วมตัวกันจนกลายเป็นแม่น้ำสายยาวที่ยิ่งใหญ่สายหนึ่ง ซ้อนทับกันจนกลายเป็นสมุดภาพแห่งชีวิต
สมุดภาพนี้เล่มหนามาก แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่อาจสัมผัสได้และยอมรับได้ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญ ก็มีเพียงผู้บำเพ็ญที่พลังถึงขั้นหนึ่งแล้ว จึงจะมองเห็นส่วนนี้ได้
มีแต่การไปสู่จุดสูงสุด อาจจะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะหลังจากมองเห็นสมุดภาพได้ครบถ้วน ในพริบตานั้นข้อมูลก็ไม่ใช่สิ่งที่กายหยาบธรรมดาจะรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นเพียงข้อมูลสมุดภาพของบุคคลหนึ่งเท่านั้น
หากมองสรรพชีวิตของโลกทั้งใบ มองตัวตนของโลกใบนี้ เช่นนั้น “ความหนักหนา” ของมันก็จะไปถึงระดับน่าเหลือเชื่อ
พริบตาที่ข้อมูลมหาศาลระเบิดออกมา ทำให้พลังบำเพ็ญของผู้ที่แบกรับเกิดการทลายลงในระดับที่แตกต่างกัน
อันที่จริงสิ่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่มองเทพเจ้าตรงๆ ไม่ได้
เพราะเทพเจ้าก็มีสมุดภาพเช่นนี้อยู่ด้วยเช่นกัน สิ่งที่อยู่ด้านในไม่ใช่แค่อนาคต แต่ยังมีข้อมูลการบรรยายที่ไม่อาจบรรยายได้อยู่
เมื่อจำนวนมากขึ้น ก็ยิ่งหนักอึ้ง
ดังนั้นบางครั้ง เทพเจ้าอาจไม่ได้มีความคิดที่จะสร้างการทำลายล้างขึ้นมา แต่หลังจากที่สรรพชีวิตมองเห็นองค์ท่าน ทำให้ต้องแบกรับข้อมูลมหาศาล จนร่างกายรับไม่ไหว บ้างก็ถูกผลกระทบจนกลายพันธุ์ บ้างก็ตายในพริบตา
มีเพียงเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าเท่านั้นที่แตกต่างออกไป
ตอนที่องค์ท่านกำลังหลับตา สามารถจ้องมองได้
มีเพียงตอนที่ลืมตาขึ้น ถึงจะระเบิดทั้งหมดออกมา
เทียบกับเทพเจ้าองค์อื่นแล้ว เหมือนจะเป็นการแสดงความอ่อนแออย่างหนึ่ง แต่การรุกล้ำขององค์ท่านคือที่สุดของเทพเจ้า ครอบคลุมไปทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ รุกรานทุกสรรพสิ่ง
เหมือนว่าต่อให้เป็นเทพเจ้าองค์อื่นก็อยู่ในขอบเขตการรุกรานขององค์ท่านด้วย เพราะสถานที่ที่องค์ท่านมองไปสามครั้ง จะถูกเรียกว่าแผ่นดินเทวะ
ย้อนแย้งมาก
ไม่อาจอธิบายได้
ข้อมูลเหล่านี้อยู่ในสมองสวี่ชิงเต็มไปหมด กลายเป็นความขัดแย้งเช่นกัน ทำให้ทวารทั้งเจ็ดของเขามีเลือดไหลออกมา ร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระทั่งเลือดเนื้อในร่างก็เริ่มปริแตก
เขาสัมผัสถึงความน่ากลัวที่มาจากมือที่ผสานแสงสายนั้นไว้ได้อย่างรุนแรง
นั่นเป็นอำนาจเทพเจ้าที่แตกต่างกับลูกกลอนพิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วงอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นยังบริสุทธิ์ยิ่งกว่า
ความรู้สึกวิกฤตเป็นตาย กำลังปะทุขึ้นในใจสวี่ชิงอย่างหยุดไม่อยู่
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ โคจรลูกกลอนพิษต้องห้ามและพลังพระจันทร์สีม่วงในร่างทันที แผ่ไปทั่วร่างหนุนำร่างตนต้านทานกับวิชาเทพที่น่ากลัวนี้
ภาพอนาคตรอบตัวเขาค่อยๆ เลือนรางลงต่อเนื่อง มีเค้าลางจางลง
ความเร็วในการพลิกของสมุดแต่ละหน้าก็ลดลง
แต่ยังทำให้สลายหายไปไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อ ต้านทานกันไม่หยุด
ฉู่เทียนฉวินบนท้องฟ้า มองดูภาพนี้ สีหน้ายิ่งเหี้ยมเกรียม
เขาทุ่มสุดกำลังเพื่อจะสังหารสวี่ชิง ใช้ต้นกำเนิดหลักของร่างตนร่างนี้ออกมา
สายตาในกล่องใบนั้นคือพลังงานหลักของร่างทดสอบเทพเจ้าร่างนี้ของเขา ร่างเขาเกิดเปลี่ยนแปลงก็เพราะกล่องใบนี้
ด้วยสมองของเขาแบกรับข้อมูลนี้ไว้ได้ แม้ร่างทดสอบสี่ร่างที่เหลือซึ่งรวมลูกชายของเขาจะมีวิธีการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เคียงกัน แต่ในหัวใจไม่มีกล่องใบนี้อยู่
มีเพียงเขาที่มี นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคงสติสัมปชัญญะไว้ได้
และการปะทุของต้นกำเนิดหลัก จะส่งผลกับความสามารถในการฟื้นคืนชีพของเขาอย่างรุนแรง
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว ที่เขาสนใจก็คือภาพอนาคตมากมายนับไม่ถ้วนที่เกิดจากวิชาเทพที่เขาต้องทุ่มมาถึงเพียงนี้เพื่อสำแดงออกมา กลับเริ่มเลือนรางเสียแล้ว
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ กระทั่งการพลิกหน้าสมุดของตนก็เริ่มกินแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ต่างหากที่เขาสนใจ ตอนนี้ความบ้าคลั่งในดวงตาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
เขาไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนี้ จึงอ้าปากสูดอย่างแรงทันที
ร่างของเขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมาแห้งเหี่ยวไปในพริบตาภายใต้การสูดนี้ เลือดเนื้อทั้งหมดสลายหาย กระดูกทั้งหมดหลอมละลาย เพียงพริบตาครึ่งท่อนล่างของเขาก็กลายเป็นฝุ่นผง
ต้นกำเนิดพลังเทพที่แฝงอยู่ก็ไหลย้อนกลับไปที่ร่างกายท่อนบนของฉู่เทียนฉวินจากการสลายไป สุดท้ายก็ไปรวมกันที่คอหอยกลายเป็นลำแสงสายที่สองพุ่งออกมาจากปากเขาฉับพลัน ผสานกับมือขวาที่สำแดงวิชาเทพข้างนั้น
ในพริบตา แสงบนมือขวาก็พลันระเบิดขึ้น ขณะที่เจิดจ้าถึงขีดสุด ก็ระเบิดพลานุภาพเทพที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา ทำให้ฟ้าดินหม่นหมองลง เหลือเพียงมือข้างนี้ของเขาที่กลายเป็นต้นกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียว
ขณะที่สั่นฟ้าสะเทือนดิน โลกเลือนสลัว ทุกสิ่งบิดเบี้ยว ฉู่เทียนฉวินยกมือขึ้นคว้าไปทางสวี่ชิงอีกครั้ง
“ตาย! ตาย! ตาย!”
ชั่วพริบตา สวี่ชิงเพิ่งจะประคองร่างให้มั่นคงได้ ก็สั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง
รอบด้านปรากฏภาพนับไม่ถ้วน และจากเลือนลางก็ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
สีหน้าฉู่เทียนฉวินแยแววเคียดแค้นและคุ้มคลั่งสลักลึก ส่งเสียงคำรามต่ำ โบกมือขวาวาดไปที่ภาพรอบตัวสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
ค้นหาภาพที่ตนต้องการมากที่สุดจากในนั้น
สวี่ชิงม่านตาหดเล็กลง รู้สึกถึงเจ็บปวดยากจะพรรณนาแล่นปลาบไปที่อวัยวะภายใน เลือดเนื้อทุกชุ่นของร่างกาย กระดูกทุกชิ้น กระทั่งวิญญาณในพริบตานี้
เหมือนมีเหล็กร้อนสีแดงฉานหลายแท่งแทงเข้าไปและตีกวนอย่างโหดร้ายในท้อง
สวี่ชิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง อ้าปากกระอักเลือดสด สีหน้าขาวซีด ร่างกายถอยหลังโงนเงน
ขณะที่ความรู้สึกถึงความตายแผ่ปกคลุมชีวิต เขาเห็นภาพรอบๆ ตนมีรูปหนึ่งในอนาคตมากมายนับไม่ถ้วน ชัดเจนขึ้นทุกที ราวกับถูกสะท้อนออกมา
ภาพฉากนี้ เป็นการแตกดับของร่างตน การต่อต้านทั้งหมดล้มเหลว สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่มีเพียงศีรษะเท่านั้น เจ็บปวดทรมาน และฉู่เทียนฉวินก็หิ้วศีรษะของตนเองไปที่ภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย
ที่นั่นมีหลุมศพอยู่ เขาวางศีรษะลงด้านหน้า กำลังเซ่นไหว้
เห็นอักษรบนป้ายหลุมศพได้อย่างชัดเจน
นั่นคือป้ายหลุมศพของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
ภาพอนาคตนี้ ยังมีกิ่งก้านแตกแขนงแตกต่างกันออกไปอีก มีภาพที่ฉู่เทียนฉวินตาย ตายในเงื้อมมือของจื่อเสวียน ตายในเงื้อมมือของบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อ ตายด้วยเงื้อมมือของท่านอาจารย์ หรือตายไปเพราะงแตกดับเองด้วย กระทั่งยังมีอีกภาพที่ตายด้วยเงื้อมมือขององค์รัชทายาทม่วงครามด้วย
ในช่วงวิกฤตสำคัญ ดวงตาสวี่ชิงมีเส้นเลือดแผ่ลาม สายตาที่แผ่ออกมาจากในกล่องที่อีกฝ่ายบีบจนแตก อานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาล ผนวกกับการทุ่มสุดกำลังของฉู่เทียนฉวิน
สิ่งนี้ก่อให้เกิดการสังหารขึ้นฉากหนึ่ง ส่วนวิชาที่ใช้แก้ไข ตอนนี้สวี่ชิงคิดออกแค่วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด นั่นคือสะกดอนาคตของตนเองเสีย ทำให้อีกฝ่ายแก้ไขภาพนั้นไม่สำเร็จ
‘ในเมื่อพิษต้องห้ามกับพระจันทร์สีม่วงไม่พอ เช่นนั้นข้าก็จะใช้เงาเทพเจ้าแบกสองโลกขนาดใหญ่อีกองค์หนึ่งแล้วกัน ดูว่าเจ้าจะทำอะไรกับอนาคตของข้าได้!’
สวี่ชิงกัดฟัน พลันยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นยันต์มายาจำแลงปีศาจสามสิบใบก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้า
ยอดเขาขนาดยักษ์แห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาด้านหลังของสวี่ชิงท่ามกลางการเผาไหม้อย่างรวดเร็วของยันต์
ตอนแรกยอดเขานี้ยังเลือนราง แต่จากการเผาไหม้ของยันต์มายาจำแลงปีศาจสามสิบใบนี้ ก็ชัดเจนขึ้นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พริบตาที่เข้ามาบดบังร่างของสวี่ชิง รูปร่างของภูเขานี้ก็กลายเป็นรูปคนนั่งขัดสมาธิ!
สวมชุดเกราะสีดำ มือถือดาบยักษ์นั่งขัดสมาธิ ด้านหน้าหัวเข่ามีเสาจักรพรรดิเบี่ยงทมิฬ บนบ่าแบกโลกไว้สองใบราวกับวิญญาณเทพเจ้าชั่วร้ายองค์หนึ่ง
เกราะทุกชุ่นแฝงพลังทำลายล้างทั่วสารทิศ คมดาบราวกับตัดสะบั้นโลกได้
ความโหดเหี้ยมมหาศาลแผ่ออกมาจากตัวเขา กลายเป็นระลอกคลื่นน่าตื่นตะลึง มาพร้อมกับความอำมหิตและความคุ้มคลั่ง ยิ่งพามพร้อมกับความโกรธแค้นฟ้าดิน อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้า กลืนกินบรรพกาล
ทำให้โลกสั่นสะเทือน ทะเลทรายพังพินาศ ความว่างเปล่าเกิดรอยแตกร้าวเช่นกัน
หลังจากเปลี่ยนแปลงหน้าตา ก็กลายเป็นจักรพรรดิภูตที่หน้าตาคล้ายสวี่ชิงไปแปดส่วนนั่นเอง!
ร่างเงาสวี่ชิงก็หายไปอย่างสมบูรณ์ หลังจากผสานกับจักรพรรดิภูต เขาจักรพรรดิภูตก็ลอยขึ้น สองตาเบิกขึ้นพลัน มองไปยังฉู่เทียนฉวินเบื้องล่าง
แสงเทพสองสายราวกับตะวันจันทรา เปล่งประกายเจิดจ้า ทำให้โลกใบนี้สว่างไสว และทำให้ใจของฉู่เทียนฉวินคลื่นโหมกระหน่ำซัด ร้องตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่…นี่…
“นี่มันแก่นลมปราณหรือ”
แม้ฉู่เทียนฉวินจะคุ้มคลั่งอยู่ แต่ก็ถูกฉากนี้สั่นสะเทือนจนได้สติขึ้นมา ใบหน้าเขาเผยความไม่อยากเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงตรงหน้า จะมีสิ่งที่น่ากลัวมากมายถึงเพียงนี้
‘อำนาจเทพสองอย่าง…มีสิ่งที่จำแลงร่างเงาเทพเจ้าโลกสองใบออกมาได้อีก นี่คือจักรพรรดิภูตหรือ?!’
ขณะที่ในใจของฉู่เทียนฉวินอื้ออึง จักรพรรดิภูตที่สวี่ชิงจำแลงออกมาก็นั่งทิ้งตัวที่พื้นดินอย่างรุนแรงไปทางฉู่เทียนฉวิน!
ฉับพลันกลิ่นอายหยามหมิ่นก็ระเบิดออกมาจากตัวองค์ท่าน พัดกวาดไปทั้งแปดทิศ เมื่อแล่นผ่านแผ่นดินก็สะท้านสะเทือนจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนกระจายไปรอบด้านมหาศาล ฉู่เทียนฉวินกระอักเลือดคำโต ส่งเสียงกรีดร้องแหลมออกมา ร่างกายที่เหลือครึ่งเดียวหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนภาพอนาคตนับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นรอบตัวสวี่ชิงก่อนหน้านี้ จากการที่จักรพรรดิภูตร่อนลงไป จากการที่ฉู่เทียนฉวินกระอักเลือดออกมา ความชัดเจนก็เปลี่ยนเป็นสลัวเลือนในพริบตา จากความสลัวเลือนก็จืดจางลงจนกระทั่งสลายหายไป
เมฆลมเปลี่ยนสี เศษชิ้นส่วนโลกทั้งใบก็สั่นไหว ฉู่เทียนฉวินแค่หัวเราะอย่างเจ็บปวด จ้องมองร่างเงาที่น่าตกตะลึงร่อนลงมาเหนือศีรษะตนไม่หยุด มองร่างเลือนรางของสวี่ชิงที่อยู่ภายในส่วนลึกนั้น เขาเปล่งเสียงแหลมที่แสนรันทดออกมา
“ใช้อำนาจเทพสองสายกับหนึ่งเงาจักรพรรดิภูตสะกดอนาคต…เล่นใหญ่เสียจริง!
“สวี่ชิง ในเมื่อข้าตัดอนาคตของเจ้าไม่ขาด เช่นนั้นอดีตของเจ้าล่ะ ข้าจะลบอดีตของเจ้าไป ให้ผู้คนในโลกลืมเลือนเจ้า!”
ขณะที่ฉู่เทียนฉวินร้องคำราม ร่างกายไม่สมประกอบแต่เดิมก็มีอีกครึ่งหนึ่งแห่งเหี่ยวลงจนกลายเป็นฝั่นผง เขาสัมผัสได้ว่าถ้าใช้ต้นกำเนิดพลังเทพของตนต่อไปเช่นนี้ ความสามารถฟื้นคืนชีพไร้ขีดจำกัดก็จะสลายไป แต่ตอนนี้เพื่อจะสังหารสวี่ชิง เขาก็ทุ่มสุดกำลัง
แลกแสงเทพผสานกับมือ ชี้ขึ้นไปด้านบนอย่างรุนแรง
“วิชาเทพ อดีต เว้นว่าง!”