ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 461 พลังเทพเจ้า ฟื้นคืนชีพไร้ขีดจำกัด
บทที่ 461 พลังเทพเจ้า ฟื้นคืนชีพไร้ขีดจำกัด
……….
หลังจากตกตะลึง สวี่ชิงก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที
เรื่องผิดปกติย่อมมีความแปลกประหลาดอยู่แน่นอน และที่เขาลงมือสุดกำลังเมื่อครู่ก็เพราะลางสังหรณ์ของวิถีสวรรค์อสูรสมุทรบรรพกาลก่อนหน้านี้รุนแรงมาก อยู่ในขั้นอกสั่นขวัญหาย
ขั้นนี้ สวี่ชิงไม่คิดว่าเคราะห์ความเป็นความตายจะผ่านไปได้ง่ายดายเช่นนี้
จู่ๆ เขาก็ยกมือขวาขึ้น พิษที่แผ่กระจายอยู่รอบๆ ก็พุ่งไปที่ศพของฉู่เทียนฉวินตามการกระตุ้นของสวี่ชิง หลังจากปกคลุมส่วนหัวและร่างกาย ศพของฉู่เทียนฉวินก็เน่าเปื่อยไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
กระทั่งสิบกว่าอึดใจ ก็กลายเป็นน้ำสีดำซึมลงไปในกรวดทรายจนหมด
แต่ม่านพลังปิดกั้นบนท้องฟ้ายังอยู่
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นยังไม่สลายหายไป
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยากไหววูบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ซัดออกไปสุดกำลัง ลองเพิ่มความเร็วหนีออกจากที่นี่ แต่ตอนที่เขาซัดออกไป วิกฤตอันตรายรุนแรงก็ปะทุขึ้นมาในใจฉับพลัน
สวี่ชิงหันหน้ากลับทันที มองไปที่พื้นดิน
เห็นแค่ว่าจุดที่ฉู่เทียนฉวินตายไปก่อนหน้าตรงนั้น ตอนนี้มีแสงสีทองสว่างจ้า แสงสีทองบิดเบือนความว่างเปล่า เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ ราวกับกำลังส่งผลกระทบมิติ และเกิดภาพที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมา
เวลาตรงนั้น…ไหลย้อนกลับ!
น้ำสีดำที่มาจากการเน่าเปื่อยของศพฉู่เทียนฉวินที่สวี่ชิงเห็นกับตา ลอยขึ้นมาจากในก้อนกรวด หลังจากผสานกันก็รวมเป็นศพของฉู่เทียนฉวิน จากนั้นส่วนหัวก็ม้วนกลับไปที่ร่างศพ
พริบตาต่อมาบาดแผลทั้งหมดก็หายไปจนสิ้น ดวงตาเขาสั่นสะเทือนขึ้นมาในพริบต มองสวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“ดูถูกเจ้าไปเสียแล้ว” ฉู่เทียนฉวินที่ฟื้นคืนชีพมาใหม่ ประกายสีทองในดวงตาแผ่ซ่าน เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า
“คิดไม่ถึง ว่าเจ้าจะมีพลังเทพเจ้าด้วย…” ฉู่เทียนฉวินขยับ ตอนเดินมาเบื้องหน้า พลังบำเพ็ญของเขาก็ระเบิดขึ้นฉับพลัน ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ปราณก่อกำเนิดช่วงต้นแล้ว ทว่าเพิ่มสูงขึ้นมหาศาล กระทั่งถึงปราณก่อกำเนิดช่วงกลาง
แม้จะเป็นการยกระดับขั้นขึ้นมา แต่หลังจากที่สวี่ชิงเข้าใจเรื่องสร้างฐาน อันที่จริงทุกๆ ขั้นเล็กก็เหมือนขั้นขนาดใหญ่ ความต่างระหว่างกันกระทั่งสังหารได้ในพริบตา
ขณะที่ความรู้สึกวิกฤตอันตรายรุนแรงปะทุขึ้นในใจสวี่ชิง ความสามารถฟื้นคืนชีพนี้ เขายิ่งมีความระแวดระวังขึ้นอีก
นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาหรือพลังวิเศษอันใด และไม่ใช่ของวิเศษเวทที่เป็นตัวตายตัวแทน ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่า…ในนี้แฝงพลังแห่งเทพเจ้าไว้ด้วย!
“ข้าในฐานะร่างทดสอบเทพเจ้า แตกต่างกับร่างทดสอบร่างอื่น และยิ่งแตกต่างจากอวิ๋นเอ๋อร์ด้วย” ฉู่เทียนฉวินเอ่ยเสียงเรียบ
“พลังเทพเจ้าของข้า คือการฟื้นคืนชีพ คืนชีพอย่างไร้ขีดจำกัด”
ฉู่เทียนฉวินมองสวี่ชิง อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะหลายเดือนก่อนหน้านี้มหาปักษาชิงฉินเล่นงานเขาจนเจ็บหนักอย่างไม่เข้าใจ พลังบำเพ็ญของเขาก็คงจะเข้าใกล้ปราณก่อกำเนิดขั้นสูงสุดแล้ว
และมหาปักษาชิงฉินก็เป็นสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ มีความเป็นเทพอยู่ เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเทพระดับสูง แม้แสงเทพดวงชีพของมันจะตัดขาดการฟื้นคืนชีพความเป็นเทพของตนไม่ได้ แต่บาดแผลที่เหลือไว้กับพลังบำเพ็ญต่ำเตี้ยลง ต่อให้หลังจากคืนชีพขึ้นมาก็ยังส่งผลกระทบอยู่
การฟื้นฟูเชื่องช้ามาก ขณะที่พลังบำเพ็ญโคจรเป็นเนื้อหนังมังสา ผลกระทบก็ยิ่งมากขึ้น
ดังนั้นปกติจึงแสดงออกมาแค่พลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิดช่วงต้นเท่านั้น
ตอนนี้มองสวี่ชิง ฉู่เทียนฉวินหรี่ตาลง เผยประกายเยือกเย็นออกมา
“ข้าพูดกับเจ้าเรื่องพวกนี้ เช่นนั้น…พลังเทพเจ้าของเจ้าคืออะไร”
สวี่ชิงไม่พูด จิตสังหารฉายวาบในดวงตา ใต้สภาวะที่รวมร่างกับเจ้าเงา พลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งระเบิดขึ้นอีกครั้ง พุ่งไปหาฉู่เทียนฉวินด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
เข้าประชิดในพริบตา
แต่ฉู่เทียนฉวินในตอนนี้ ความเร็วเร็วกว่าก่อนหน้านี้มาก เดินเพียงก้าวเดียวก็ไปไกลนับร้อยจั้ง สีหน้าสงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้น กดไปที่พื้น เอ่ยราบเรียบ
“อวิ๋นเอ๋อร์เคยสำแดงวิชากระบี่ แต่เนื่องจากพลังบำเพ็ญจึงไม่สำเร็จสมบูรณ์ ในเมื่อเวลาไม่พอ ข้าก็จะแสดงวิชาลับสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าให้เจ้าดูเอง…สิบสองกระบี่ฟ้าดิน!”
ขณะที่เสียงพูดยังกึกก้อง ก็ยกมือขวาที่กดอยู่บนก้อนกรวดขึ้นฉับพลัน ขณะที่วาดขึ้น พื้นทรายรอบๆ นับพันจั้งก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับว่ามังกรดินกำลังพลิกตัว กลายเป็นระลอกคลื่นเหมือนผืนทะเล
และท่ามกลางคลื่นพลังนี้ กรวดทรายมากมายมหาศาลก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ปิดท้องฟ้า แสงสายัณห์สาดส่องลงมาไม่ได้ พื้นดินปรากฏเงามืด
จากนั้นก็ก่อตัวเป็นกระบี่ขนาดใหญ่หลายเล่มรอบๆ ตัวฉู่เทียนฉวินอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดสิบสองเล่ม
ทุกเล่มมีขนาดพันจั้ง แผ่พลังที่น่ากลัวออกมา ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน ทั่วสารทิศแตกร้าว ยิ่งมีปราณกระบี่สะเทือนฟ้าระเบิดออกมา จิตสังหารกวาดผ่านฟ้าดิน ทำให้ทะเลทรายที่ร้อนระอุหนาวเย็นขึ้นมา
ฟาดฟันไปทางสวี่ชิงทันที
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ กระบี่สิบสองเล่มนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเหนือกว่าวิชากระบี่ที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเคยสำแดงในอดีต ไม่ใช่แค่พลานุภาพ คุณสมบัติของมันก็แตกต่าง
ตอนนี้เขาไม่มีเวลาขบคิด ร่างไหววูบคิดจะเบี่ยงหลบ แต่กระบี่ใหญ่สิบสองเล่มก็หวีดหวิว พุ่งเข้ามาจากทิศทางที่ต่างกัน ปิดทางหนีทีไล่ทั้งหมดไว้ เพียงพริบตาก็ฟันมาที่เขา
สวี่ชิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก ฉัตรบนศีรษะเปล่งแสงเจิดจ้า ขณะที่สกัดรอบด้าน กวานสูงสุดก็ปรากฏออกมา และด้วยการหนุนนำของปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ ด้านหลังของเขาก็มีปีกข้างหนึ่งปรากฏ
จากการขยับปีก ด้วยความเร็วในสภาพที่กายเนื้อแข็งแกร่งขีดสุดที่ถูกเสริมพลังให้เร็วยิ่งขึ้น สวี่ชิงก็เคลื่อนไหวในพริบตาราวกับสามารถฉีกมิติได้
พริบตาที่หลบหนี ก็ซัดหนึ่งหมัดไปที่กระบี่ใหญ่เล่มหนึ่ง
พลังกายเนื้อที่ก้าวข้ามสิบวังสวรรค์ ถล่มฟ้าทลายดิน ระเบิดครืนครัน แม้กระบี่วิชาลับที่สำแดงโดยปราณก่อกำเนิดนี้จะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังเกิดรอยร้าวด้วยหมัดของสวี่ชิง
ความสุดยอดของกายเนื้อนี้ พบเห็นได้น้อยมากจริงๆ
ฉู่เทียนฉวินดวงตาฉายประกายประหลาด ยกมือขวาขึ้นชี้
“ลม!”
พริบตาต่อมา ไม่รอให้สวี่ชิงพังกระบี่เล่มใหญ่ลงทีละเล่ม กระบี่เล่มนี้ก็แตกสลายกลายเป็นก้อนกรวดนับไม่ถ้วน ห้อมล้อมสวี่ชิงจนกลายเป็นลมพายุโหม
และความเร็วในการหมุนของมันก็น่าตกตะลึง ก่อเป็นพลังสังหาร บีบเข้ามาเรื่อยๆ ทั่วร่างของสวี่ชิงเกิดบาดแผลเล็กๆ อย่างรวดเร็ว ราวกับถูกคมมีดนับไม่ถ้วนบาดเฉือน
เห็นวิกฤตอันตราย สวี่ชิงก็กระโดดขึ้นฟ้าทันที ปีกด้านหลังกระพืออย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง พุ่งไปยังปลายตาพายุ
ด้านล่างมีกรวดทรายนับไม่ถ้วนไล่โจมตีมา ปกคลุมท้องนภา แต่ในด้านความเร็วก็ยังตามไม่ทัน
ฉู่เทียนฉวินขมวดคิ้ว ยกมือขวาขึ้นโบกฉับพลัน ส่งเสียงสาปแช่ง
“หลอม!”
เมื่อเขาพูดออกมา กรวดทรายเหล่านั้นเปลี่ยนรูปร่างอีกครั้ง ขณะที่แต่ละเม็ดสั่นสะเทือนก็พุ่งไปรอบด้าน ปิดล้อมเป็นวงกลมหลายพันจั้ง หลังจากคลุมสวี่ชิงไว้ด้านในอีกครั้ง ก็หดเล็กลงจนกลายเป็นกระบี่ขวดน้ำเต้าขนาดยักษ์ใบหนึ่ง!
และร่างของสวี่ชิง ก็ถูกปิดกั้นไว้ในขวดน้ำเต้า
พลังการหลอม ระเบิดขึ้นฉับพลันจากด้านใน นั้นมีสายลมพระเพลิงอบอวล ขณะที่ปิดกั้นร่างสวี่ชิง เสียงวิหคทองก็แผดเสียงร้องขึ้น ดังก้องสู่ชั้นฟ้าจากด้านในน้ำเต้า
จากนั้นร่างวิหคทองก็ปรากฏขึ้น พองตัวอย่างต่อเนื่อง ร้อยจั้ง ห้าร้อยจั้ง พันจั้ง สามพันจั้ง…สุดท้ายไปจบที่ห้าพันจั้ง
ขณะที่บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน น้ำเต้าใบนั้นก็แตกออกมา สวี่ชิงที่คลายสภาวะรวมร่างกับเจ้าเงาปรากฏบนตัววิหคทองที่ทะยานขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงครืนครัน
ทั่วร่างเขาย้อมไปด้วยเลือดสด แต่ดวงตากลับฉายจิตสังหารรุนแรง ยิ่งมีความโหดเหี้ยมอยู่ด้วย ดูเหมือนกับเป็นอสูรเหี้ยม ร่างไหววูบ วิหคทองคำราม โหมทะเลเพลิงสูงนับพันจั้งพุ่งไปหาฉู่เทียนฉวินจากฟ้าสู่ดิน จากด้านบนลงด้านล่าง
พลังลูกกลอนพิษต้องห้ามก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันออกไปทั่วสารทิศ ท่ามกลางไอพลังประหลาดที่ตลบอบอวลเข้มข้น เจ้าเงาก็ตามมา เหล็กแหลมสีดำบรรพจารย์สำนักวัชระด้วยเช่นกัน
ยิ่งมีกระบี่จักรพรรดิที่ออกมาจากปากวิหคทอง พุ่งไปหาฉู่เทียนฉวิน
เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวสายอัสนี ระเบิดครืนๆ ในอาณาบริเวณนี้
แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือน ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แสงสีทองสายหนึ่งปรากฏขึ้นรอบตัวฉู่เทียนฉวิน แผ่ออกมาด้านนอกฉับพลัน ราวกับกลายเป็นเกราะคุ้มกันปกป้อง
ร่างกายสวี่ชิงสั่นเทิ้มกระอักเลือด ถอยออกมา
วิหคทองร้องโหยหวน บรรพจารย์สำนักวัชระร่างก็แตกสลาย เจ้าเงาก็หม่นจางลงมาก กระบี่จักรพรรดิเลือนลางเช่นกัน ทว่าเกราะคุ้มที่ก่อตัวขึ้นจากแสงสีทองนั่นมีคลื่นพลังรุนแรง ขณะที่เสียงกร๊อบดังขึ้น ปรากฏรอยแตกร้าวก็ขึ้นไปทั่ว
พลังพิษต้องห้ามอวลไปหมด ด้วยการควบคุมของสวี่ชิงก็แทรกเข้าไปในรอยแตกอย่างรวดเร็ว ด้านในเกราะสีทองก็พลันขุ่นมัว ฉู่เทียนฉวินขมวดคิ้ว ร่างเน่าสลายอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะมีความเป็นเทพ มีพลังเทพเจ้า แต่ก็ยังหนีการลุกลามของพิษไม่พ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้!
“คำสาปของพระเจ้าเช่นนี้ คือสิ่งที่เจ้าปลูกถ่ายในร่างอวิ๋นเอ๋อร์ในตอนนั้นสินะ…เมื่อครู่ข้าสัมผัสดูแล้ว ในนี้แฝงความน่าสะพรึงกลัวเอาไว้!
“แต่น่าเสียดายที่เจ้าเหมือนจะยังควบคุมได้ไม่สมบูรณ์ ใช้ได้เพียงพลังภายนอกของมัน ดังนั้นวิธีการที่ข้าเตรียมไว้ก่อนหน้านี้จึงต้านทานได้!” ฉู่เทียนฉวินมองสวี่ชิงอย่างล้ำลึก จังหวะที่แสงสีทองแตกสลายมือข้างหนึ่งของเขาก็ทำปางสองนิ้วชี้ขึ้น พูดออกมาว่า
“เคราะห์พิบัติ!”
เหนือศีรษะเขาก็เลือนรางฉับพลัน ปรากฏกระแสวนเก้าวง ขณะที่หมุนวนครืนครัน ในนั้นมีโลงศพสีดำปรากฏขึ้น
ทั้งหมดเก้าใบ เสียงตูมดังขึ้น ร่วงลงมาจากท้องฟ้า กระแทกกับพื้นดิน
แตกกระจายเป็นชิ้น ด้านในมีศพอยู่เก้าศพ
ทั่วร่างเก้าศพนี้เลือดเนื้อเหวอะหวะ วิธีการตายของทุกศพแตกต่างกัน มีทั้งจมน้ำตาย มีทั้งถูกแผดเผา มีทั้งถูกคว้านท้องทำลายอวัยวะภายในจนตาย มีทั้งเลือดไหลจนแห้งตาย มีทั้งเส้นเลือดระเบิดจนตาย…
แต่ละความน่าเวทนา ราวกับตอนที่ยังมีชีวิตได้รับความทรมานแสนสาหัส และเมื่อมองใบหน้าของพวกเขาอย่างละเอียด ก็จะพบว่าล้วนเป็นฉู่เทียนฉวินทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันร่างศพทั้งเก้าที่เลือดเนื้อเหวอะหวะนี้ เพาะเลี้ยงวิญญาณนับไม่ถ้วน
จำนวนมากมายน่าหวาดหวั่น
วิญญาณเหล่านั้นบ้างก็ร้องไห้ บ้างก็โหยหวน เสียงดั่งลั่นไปทั้งแปดทิศ หวีดแหลมถึงขีดสุด
ในนี้มีทั้งชายทั้งหญิงทั้งเด็กทั้งชรา
นี่เป็นรัฐเล็กๆ เผ่ามนุษย์ทั้งเก้ารัฐที่ฉู่เทียนฉวินทำลายล้าง หลอมเผ่ามนุษย์ทั้งหมดจนกลายเป็นศพเคราะห์พิบัติทั้งเก้าร่าง
หลังจากที่ศพทั้งเก้าปรากฏขึ้น พวกเขาก็หันหน้ามาพร้อมกันสูดรับพิษต้องห้ามในร่างฉู่เทียนฉวิน หอบม้วนทั้งหมดมาผสานเข้าไปในร่างพวกเขาช่วยแบ่งเบา
“ใช้เลือดเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเจ้านับไม่ถ้วนผสานเป็นศพ รวมวิญญาณเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้านับไม่ถ้วนเป็นหลัก จากนั้นรวมกับศพเก้าร่างที่ข้าอธิษฐานกับเทพเจ้า ก่อตัวเป็นสิ่งที่สามารถแบ่งเบาเคราะห์พิบัติแห่งคำสาปเทพภายนอกได้
“สวี่ชิง เจ้าไม่มีทางรู้หรอก เพื่อที่จะสังหารเจ้า ข้าต้องเตรียมการมามากเท่าใด”
ฉู่เทียนฉวินที่อยู่ระหว่างศพทั้งเก้า มองสวี่ชิง หลังจากเอ่ยอย่างเฉยชา มือขวาทำปางสองนิ้วชี้ขึ้น มือซ้ายทำปางสองนิ้วชี้ลงประสานมือส่งออกไปทางสวี่ชิง
“ไป!”
ศพเคราะห์พิบัติทั้งเก้ารอบตัวเขาพลันหันหน้ามาจ้องสวี่ชิงเขม็ง กลายเป็นเงาคงค้างเก้าเงาตอนที่พุ่งหาเขา!