ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 460 ปฏิกิริยาตอบสนองความกังวล
บทที่ 460 ปฏิกิริยาตอบสนองความกังวล
แทบจะพริบตาที่เสียงของผู้บำเพ็ญหมวกฟางดังขึ้น ปฏิกิริยาของสวี่ชิงก็รวดเร็วขีดสุด
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ราวกับว่าตนเองจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว ถอยหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็บีบยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนที่ล้วงออกมากำไว้ในมือตลอดตั้งแต่หกวันทันควัน
แต่การบีบครั้งนี้กลับไม่มีคลื่นการส่งข้ามแผ่ออกมาเลย ฟ้าดินรอบด้านราวกับแข็งค้างไป ทำให้พลังการส่งข้ามทั้งหมดถูกปิดกั้นฉับพลัน!
เดิมทียันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนของสวี่ชิงมีคุณภาพสูงมาก ภายใต้การปิดกั้นปกติสามารถเมินไปได้ เว้นเสียแต่…เพื่อที่จะหยุดยั้งการส่งข้ามของเขา อีกฝ่ายรวมรวบข้อมูลเพ่งเล็งมาโดยเฉพาะ วางแผนตระเตรียมมาเนิ่นนาน และใช้วัตถุกักขังที่ระดับสูงยิ่งกว่าสะกด
ทว่าในใจสวี่ชิงก็ไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย และเรื่องที่ส่งข้ามไปไม่ได้ก็ไม่ส่งผลกระทบกับอารมณ์เลย การเคลื่อนไหวไม่หยุชะงัก ยังคงถอยต่อ
และระหว่างที่ถอยหลังนี้ วังสวรรค์ทั้งแปดในร่างเขาก็ระเบิดขึ้นฉับพลัน ฉัตรทั้งสามเหนือศีรษะปรากฏออกมา ลมครวญเจ็ดสีคุ้มครองกายเนื้อ ร่มดำคุ้มครองจิตวิญญาณ ปีกโลหิตวิญญาณทมิฬหนุนนำความเร็ว
ทั้งหมดนี้ ทำให้ความเร็วการถอยของเขาปะทุขึ้นสุดกำลัง โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองยังปรากฏเงาพระจันทร์สีม่วงออกมาด้วย ระเบิดลูกกลอนพิษต้องห้ามออกมาทั่วที้งร่าง เงาเขาจักรพรรดิภูตจำแลงด้านหลัง แผ่พลานุภาพโหมฟ้าออกมา
และยังมีวิถีสวรรค์อสูรสมุทรบรรพกาลปรากฏตัวบนฟากฟ้า ขณะที่แหวกว่ายไปรอบด้านก็คำรามสู่ท้องนภา
พลังแห่งวิถีสวรรค์แผ่ซ่านภายใต้เสียงคำราม จนทำให้การปิดกั้นบริเวณนี้เสื่อมลงมหาศาล
ปฏิกิริยาของสวี่ชิงรวดเร็วมาก ตอนที่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของศัตรูจนถึงตอนนี้ ล้วนเกิดขึ้นในชั่วเวลาสะเก็ดไฟเท่านั้น ใช้วิธีทั้งหมดออกมาแล้ว
เวลานี้ไหววูบทะยานขึ้นท้องฟ้า อาศัยการเสื่อมอำนาจของการปิดกั้นที่เกิดขึ้นจากพลังวิถีสวรรค์อสูรสมุทรบรรพกาลเพื่อหลบหนีออกไปจากผนึกนี้
ภาพนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญที่สวมเสื้อกันฝนสวมหมวกฟางคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไป เขาแค่นเสียงเย็นชา พลันก้าวย่างไปบนฟากฟ้า มือขวาทำปางกด
ฉับพลันตราประทับนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ประทับท้องนภา ตัดตอนการหลบหนีของสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก ขณะวูบไหวก็ปรับเปลี่ยนทิศทาง ลองฝืนส่งข้าม
แต่ผู้บำเพ็ญหมวกฟางคนนั้นก็ล้วงกรวดออกมากำหนึ่ง โยนไปรอบๆ ท่ามกลางเสียงครืนครัน พลังการกักขังก็เพิ่มพูน แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สกัดกั้นการส่งข้ามของสวี่ชิง
ยังไม่จบ เห็นได้ชัดว่าผู้บำเพ็ญสวมหมวกฟางคนนี้ตระเตรียมมาเนิ่นนาน จิตสังหารแรงกล้า ตอนนี้เพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดคิด เขากัดปลายลิ้นพ่นเลือดสีทองออกมา
เลือดสดกลุ่มนั้นลอยขึ้นกลางอากาศในพริบตา กลายเป็นม่านสีทองผืน คลุมลงมาฉับพลัน
ทั้งหมดนี้ ทำให้ท้องฟ้าครืนครัน และการกักขังที่เดิมวิถีสวรรค์ของอสูรสมุทรบรรพกาลทำให้เสื่อมอำนาจอย่างรุนแรง ก็กลับมั่นคงขึ้นมาในพริบตาเหมือนไม่เคยเสื่อมลง
เสร็จเรื่องเหล่านี้ เขาก็หันหน้ากลับมามองสวี่ชิง เอ่ยเสียงแหบพร่าออกมา
“สวี่ชิง ไม่เจอกันเสียนาน
“ตอนนี้ เจ้าหนีไม่ได้แล้ว ในช่วงสั้นๆนี้จะไม่มีใครเข้ามารบกวนพวกเรา”
ระหว่างที่พูด คนผู้นี้ก็ถอดหมวกฟางออก เผยให้เห็นใบหน้าวัยกลางคนที่ประสบการณ์โชกโชน และที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดก็คือดวงตาของเขา ไม่ว่าจะตาดำหรือว่าตาขาว ก็ล้วนเป็นสีทองจางๆ
ดวงตาคู่สีทอง ทำให้รู้สึกถึงศักดิ์สิทธิ์ และร่างของเขาในพริบตานี้ ก็แผ่กลิ่นอายความเป็นเทพออกมาด้วยเช่นกัน
และคนผู้นี้คือบิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ฉู่เทียนฉวิน!
และยังเป็นร่างทดสอบเทพเจ้าร่างสุดท้ายที่องค์รัชทายาทม่วงครามเหลือทิ้งไว้ในมณฑลรับเสด็จราชัน
ตอนนั้นที่พวกสวี่ชิงออกจากพันธมิตรแปดสำนัก ฉู่เทียนฉวินลั่นคำสาบานจิตสังหารไว้ต่อหน้าหลุมฝังศพลูกรักว่าจะสังหารสวี่ชิงเพื่อเซ่นไหว้เซิ่งอวิ๋นปราดเปรื่อง
เพียงแต่ต่อมาสวี่ชิงก็ไม่ปรากฏตัวในเมืองหลวงเขตปกครองอีกเลย เขาหาโอกาสไม่ได้ และการจะลอบเข้าไปในวังครองกระบี่ก็เสี่ยงเกินไป
เขาจึงรออยู่ในเขตเมืองหลวงเขตปกครองมาโดยตลอด ในครั้งนั้นที่สวี่ชิงออกไปด้านนอกกับข่งเสียงหลง เขาก็คิดจะลงมือแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดจู่ๆ มหาปักษาชิงฉินที่น่ากลัวของเขตปกครองผนึกสมุทรตนนั้นก็ปรากฏตัว เล่นงานเขาจนบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่เข้าใจ
แม้เขาจะหนีออกมา แต่อาการบาดเจ็บก็สาหัสมาก จนตอนนี้ก็ยังไม่อาจรักษาได้
จากนั้นมาเขาก็ไม่ทอดถอนใจ แอบใช้จ่ายสิ้นเปลืองไปไม่น้อย คอยติดตามร่องรอยของสวี่ชิงอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งตรวจสอบการเข้าออกของสวี่ชิงในช่วงนี้ได้ เขาจึงใช้วิชาเทพความเป็นเทพของตนเองออกมาอย่างไม่เสียดาย ใช้ชื่อรวมถึงเลือดและเส้นผมที่รวมรวมมาได้ของสวี่ชิงเป็นสื่อกลาง เพื่อมาทำนายตำแหน่งของสวี่ชิง
วางแผนใส่คนไม่มีแผน เว้นเสียแต่สวี่ชิงจะอำพราง ไม่เช่นนั้นเขาก็จะทำนายตำแหน่งออกมาได้แน่นอน
ตอนนี้ดวงตาฉู่เทียนฉวินที่จ้องมองสวี่ชิงมีความเกลียดชังเข้มข้น จิตสังหารรุนแรงมหาศาล เขารู้สึกว่าที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องต้องน่าเวทนาถึงเพียงนั้นในตอนสุดท้าย นอกจากบิดาอย่างตนเป็นสาเหตุแล้ว ปัจจัยเรื่องสวี่ชิงคนนี้ก็ไม่น้อยเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือสวี่ชิงสังหารลูกรักของตนไป
ความชิงชังรุนแรงนี้ ทรมานใจเขาทุกวันทุกคืน จนทำให้เขาตอนนี้ มองไปทางสวี่ชิงแล้วยิ้มเหี้ยมออกมา
เมื่อคิดว่าตนกำลังจะได้ล้างแค้นให้กับลูกรัก สวี่ชิงที่สมควรตายคนนี้จะต้องถูกตนเองทรมานอย่างสาสม เขาก็รู้สึกสาแก่ใจขึ้นมา
สวี่ชิงหน้าเปลี่ยนสี จ้องเทียนฉวินที่อยู่ตรงหน้าเขม็งฉู่ จำสถานะของอีกฝ่ายได้ในแวบแรก และมองเห็นประกายสีทองในดวงตาเขารวมถึงกลิ่นอายความเป็นเทพรอบตัวด้วย
ตอนนั้นสวี่ชิงไม่เคยลืมพลังแข็งแกร่งของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในฐานะที่เป็นร่างทดสอบเทพเจ้าที่สำแดงออกมา เวลานี้ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ดีดร่างถอยไปอีกครั้ง ขณะที่สองมือประกบปางวังสวรรค์ทั้งหมดในร่างกายก็ปะทุขึ้นมา
เห็นว่าสวี่ชิงยังคิดจะหลบหนี ฉู่เทียนฉวินก็หัวเราะลั่น
“เป็นแค่แก่นลมปราณ ด้วยม่านพลังปิดกั้นที่เสริมความเป็นเทพของข้า เจ้ายังคิดจะหนีไปที่ใดได้อีกหรือ”
ระหว่างที่พูด ฉู่เทียนฉวินโบกมือทั้งสอง พลังบำเพ็ญในร่างโคจร คลื่นพลังปราณก่อกำเนิดช่วงต้นวูบหนึ่งพลันแผ่ออกมาจากตัวเขา ระเบิดออกมา
รอบด้านส่งเสียงครืนครัน กรวดทรายบนพื้นดินสั่นสะเทือน พลานุภาพไม่ธรรมดา
จากนั้นทั้งร่างก็ราวกับพญาอินทรี พุ่งหวีดหวิวไปหาสวี่ชิง เข้าประชิดด้วยความเร็วสูง
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก แต่หลังจากสัมผัสพลังบำเพ็ญของอีกฝ่าย เมื่อเทียบกับผู้คุมเขตปิ่งก็อดตกตะลึงไม่ได้
‘ปราณก่อกำเนิดช่วงต้นหรือ’
สวี่ชิงสงสัย แต่พริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นความระแวดระวัง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นกลลวง เป็นไปไม่ได้ที่พลังอีกฝ่ายจะแค่ปราณก่อเนิดช่วงต้น
ถึงอย่างไรเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในฐานะที่เป็นร่างทดสอบเทพเจ้าเพียงครึ่งๆ กลางๆ ตอนนั้ยังสำแดงพลังที่น่าตกตะลึงออกมาได้ ในฐานะที่ฉู่เทียนฉวินคนนี้เป็นพ่อของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ว่ากันตามหลักการแล้ว แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่ง ในความทรงจำเมื่อสองปีก่อนอีกฝ่ายก็เป็นปราณก่อกำเนิดขั้นสูงสุดแล้ว
สวี่ชิงครุ่นคิดในใจ ความบ้าคลั่งปะทุในดวงตา
‘วิถีสวรรค์อสูรสมุทรบรรพกาลทำลายการปิดกั้นที่นี่ได้ แต่ต้องใช้เวลา!
‘ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่คู่มือเขา แต่…ทำได้แค่สู้ตายแล้ว!’
ดวงตาสวี่ชิงฉายความคุ้มคลั่งออกมาในพริบตา ถึงตอนนี้เขาก็รู้ดีว่าตนจำเป็นต้องสู้จนตัวตาย ประวิงเวลา ดังนั้นพริบตาที่ฉู่เทียนฉวินพุ่งเข้ามา เลือดลมในร่างกายสวี่ชิงจึงตีเกลียว วังสวรรค์ทั้งแปดปะทุขึ้น วิหคทองระเบิดออกมา หลังจากแปรเป็นพลังต่อสู้เก้าวังสวรรค์ก็ยังระเบิดต่อ
สุดท้ายตอนที่เข้าใกล้พลังต่อสู้สิบวังสวรรค์ พลานุภาพสวี่ชิงก็โหมขึ้นฟ้า
ฉู่เทียนฉวินเข้าประชิด
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ
เสียงครืนครันสะเทือนฟ้า ท่ามกลางเสียงครืนครันรุนแรง ร่างกายของสวี่ชิงถอยร่นไปหลายก้าว ส่วนฉู่เทียนฉวินก็ถอยร่นไปเช่นกัน ดวงตาฉายแววไม่อยากเชื่อ
“ยังจะเสแสร้งอยู่อีก!” ระดับความระแวดระวังสวี่ชิงพุ่งสูง สำแดงท่าไม้ตายออกมาจนหมด
แผ่พิษวังสวรรค์วังที่สามของเขาออกมาจากร่างกายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปลดปล่อยออกไปอย่างบ้าคลั่งทั่วอาณาบริเวณ ทุกจุดที่แล่นผ่านฟ้าดินบิดเบี้ยวเลือนลาง
ขณะที่พลังพิษต้องห้ามแผ่ซ่าน ก็มีไอพลังประหลาดที่เป็นของสวี่ชิงเกิดขึ้นในบริเวณนี้ กลายเป็นการแทรกซึม ผนวกกับพลังลูกกลอนพิษ ล้างบางทุกสรรพสิ่ง
ฉู่เทียนฉวินพเป็นหนังหน้าไฟ ก็ถูกพลังพิษต้องห้ามผืนนี้ปกคลุมทันที ถูกไอพลังประหลาดรอบด้านแทรกซึม เนื้อตัวเริ่มการเน่าเปื่อย
ภาพ ทำให้ฉู่เทียนฉวินหน้าเปลี่ยนสี สองมือประกบปางอย่างรวดเร็ว ดวงตาเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า คลื่นความเป็นเทพในร่างกายแผ่ซ่าน ต่อต้านสุดกำลัง
“ถึงตอนนี้ยังจะเสแสร้งอยู่อีก!” สวี่ชิงอัดอัด เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายจะต้องกำลังเตรียมวิชาอะไรที่น่าตกตะลึงไว้แน่ หรืออาจจะกำลังหลอกตนอยู่
ในดวงตาจึงฉายประกายเย็นยะเยือก ขณะที่กัดฟันก็สำแดงท่าไม้ตายออกมาไม่หยุด สำแดงออกมาต่อเนื่องสุดกำลัง
ขณะที่โบกมือ วิหคทองก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขา ตวัดหางนับสิบ เปลวเพลิงลุกโหม
วิหคทองในตอนนี้ก็เค้นสุดกำลัง แผดเสียงคำราม มาพร้อมกับความเด็ดเดี่ยวและบ้าคลั่ง พุ่งทะยานไปหาฉู่เทียนฉวิน!
ยังไม่จบ เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งออกไปเช่นกัน บรรพจารย์สำนักวัชระด้านในก็ดวงตาเผยเจตจำนงพร้อมสละชีพ เขาสัมผัสความบ้าคลั่งของสวี่ชิงได้ จึงกัดฟันสู้ตายถวายชีวิต
ระเบิดทัณฑ์อัสนีสีแดงออกมาอย่างไม่เสียดาย พุ่งเข้าหาฉู่เทียนฉวิน
เจ้าเงาก็สู้สุดสุดเช่นเดียวกัน
มันกำลังแผ่ลามไปใต้เท้าสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ปกคลุมอาณาเขตรอบๆ ห้าร้อยจั้ง ทำให้ที่นี่ตลบอบอวลไปด้วยพิษต้องห้ามและกลายเป็นอาณาเขตเงาด้วยเช่นกัน ดวงตานับไม่ถ้วนลืมขึ้นพร้อมกัน เผยให้เห็นสายตาแดงก่ำบ้าคลั่ง จ้องฉู่เทียนฉวิน
“ตาย! ตาย! ตาย!”
เสียงคำรามนับไม่ถ้วน ดังออกมาจากอาณาเขตเงา กลายเป็นคำสาปรุนแรง ห่อหุ้มตัวฉู่เทียนฉวิน
ทั้งหมดนี้ราวกับลมฝนพายุคลั่ง มาพร้อมกับความเด็ดเดี่ยว หลั่งทะลักไปที่ฉู่เทียนฉวิน
สีหน้าฉู่เทียนฉวินตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รีบร้อนประกบปางสำแดงพลังวิเศษต้านทานอย่างต่อเนื่อง แต่พิษรอบด้านแข็งแกร่งเกินไป วิธีของสวี่ชิงก็มากมายเหลือเกิน ทำให้เขาต้องถอยหลังอยู่ตลอด
“ไม่ใช่สิ เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ยังถอยหลังหลบ นี่เป็นตอนที่ต้องระเบิดท่าไม้ตายแล้ว!”
สวี่ชิงระแวดระวังขึ้นถึงขีดสุด กัดฟันกรอด ยกมือขวาขึ้นไปด้านหลังแล้วกำความว่างเปล่า ชักออกมาด้วยเจตจำนงที่แน่วแน่ เหมือนจับด้ามกระบี่ที่มองไม่เห็น ฟาดฟันไปทางฉู่เทียนฉวินที่จนตรอกเบื้องหน้า!
การฟาดฟันนี้ ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมตีเกลียว แสงกระบี่เจิดจ้าทรงพลานุภาพสายหนึ่งระเบิดออกมาจากมือสวี่ชิงด้วยท่วงท่าที่บดขยี้ทุกสรรพสิ่งไปทางฉู่เทียนฉวิน
มองไกลๆ แสงกระบี่เบื้องหน้าสวี่ชิง ก่อร่างเป็นกระบี่ที่น่าสั่นสะพรึง กระบี่นี้แผ่กลิ่นอายจักรพรรดิ มาพร้อมกับความเผด็จจการ ราวกับราชาจักรพรรดิมาเยือน ฟาดฟันสิ่งชั่วร้ายในฟ้าดิน
นั่นคือกระบี่จักรพรรดิ!
ไม่จบ ยังไม่ทันที่กระบี่จักรพรรดิจะฟาดลงมา วังจักรพรรดิพระจันทร์สีม่วงในร่างกายสวี่ชิงก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พริบตานั้นพระจันทร์สีม่วงที่ก่อตัวขึ้นในม่านตาของเขาก็กลายเป็นแสงสีม่วง สาดไปที่ใบหน้าของฉู่เทียนฉวินที่ยังถอยหลังไม่หยุด
รวมเป็นร่างพระจันทร์!
สวี่ชิงเตรียมตัวตั้งรับการสำแดงไม้ตายของอีกฝ่ายไว้แล้ว เวลานี้หน้าผากของเขาเส้นเอ็นปูดโปน สองมือพลันโบกชี้ พลังพระจันทร์สีม่วงก็ระเบิดขึ้นพร้อมกับกระบี่จักรพรรดิที่ฟาดลงไปบนใบหน้าของฉู่เทียนฉวิน
ฉู่เทียนฉวินส่งเสียงกรีดร้อง ร่างคล้ายจะแหลกเละท่ามกลางเสียงครืนครัน
สวี่ชิงม่านตาหดเล็กลง ร่างเลือนรางในพริบตา ผสานกับเจ้าเงา แลกกับพลังกายเนื้อแกร่งสุดยอด
ตอนนี้กายเนื้อน่าสะพรึงที่พลังเหนือกว่าสิบวังสวรรค์ แปรเปลี่ยนเป็นความเร็วระดับสายฟ้าฟาดอย่างแท้จริง สวี่ชิงพุ่งตรงไปยังฉู่เทียนฉวินขณะที่โบกกริช เตรียมตัวเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายของอีกฝ่าย ไหววูบไปเบื้องหน้าเขา
กริชของสวี่ชิง ปาดไปที่คอของฉู่เทียนฉวิน
ชั่วอึดใจ ฉู่เทียนฉวินหัวขาดกระเด็น ร่างที่รวดร้าวทนรับความทรมานไม่ไหว ล้มลงกับพื้นเสียงดัง
สวี่ชิงยืนหอบหายใจอย่างระแวดระวังอยู่ตรงนั้น เขามองภาพนี้อย่างงุนงงครู่หนึ่ง
‘ตายแล้ว?’