ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 457 ตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ
บทที่ 457 ตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ
พลังฟ้าดินเข้มข้น หลั่งทะลักเข้ามาต่อเนื่องราวกับกระแสน้ำขึ้น ตอนนี้ท้องฟ้าบิดเบี้ยว ราวกับกลายเป็นมหาสมุทรปราณวิญญาณ
วิถีสวรรค์บรรพกาลในรอยแยก ฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นออกมาเวลานี้ขยับอีกครั้ง ดึงต้นสิบลำไส้เข้าไปในรอยแยกทีละนิด สูดรับไม่หยุด
ร่างของสวี่ชิงกับนายกองค่อยๆ เข้าใกล้รอยแยก
ผู้ที่ได้รับประโยชน์ไม่ใช่แค่สวี่ชิงกับนายกอง ถึงแม้หนิงเหยียนกับชิงชิวที่อยู่ข้างๆ จะสู้พวกเขาสองคนไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับก็ไม่ธรรมดาเลย พลังบำเพ็ญในร่างกายกำลังเคลื่อนไหว
ส่วนสวี่ชิง ตอนนี้ระลอกคลื่นอารมณ์โหมกระหน่ำ เขาสัมผัสวังสวรรค์วังที่หกของตน
วังสวรรค์วังที่หกนี้สีทองไปทั้งหลัง ใต้การควบคุมของวิถีสวรรค์ในส่วนลึก ด้านในวังสวรรค์ก่อตัวเป็นมหาสมุทร อสูรสมุทรบรรพกาลแหวกว่าย แผ่ซ่านคลื่นทำนองเต๋าออกมาเป็นระยะ
ไม่ธรรมดา!
พลังแห่งฟ้าดินรอบด้านยังคงหลั่งทะลักเข้ามา หัวใจสวี่ชิงเต้นรัวเร็ว ความปรารถนาฉายขึ้นมาในใจ สูดรับและสร้างวังสวรรค์วังที่เจ็ดของตนเองขึ้นมาทันที
หลังจากสิบอึดใจ สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นพลัน ดวงตาฉายประกายแสงเจิดจ้า หลังจากสร้างวังสวรรค์วังที่หกในร่างขึ้นมา ปัจจุบันวังสวรรค์วังที่เจ็ดก็ก่อร่างแล้วกว่าครึ่ง
เจ็ดส่วน แปดส่วน เก้าส่วน..ง
ครู่ต่อมา จากการสูดลมหายใจลึกของสวี่ชิง วังสวรรค์วังที่เจ็ดของเขาก็ก่อร่างขึ้นมากกว่าเก้าส่วน
‘สิ่งที่คอยสะกดวังสวรรค์วังนี้…’ หัวสมองสวี่ชิงโลดแล่นอย่างรวดเร็ว เพิ่งฝึกบำเพ็ญกระบี่จักรพรรดิได้ไม่นาน ตอนนี้ยังไม่เหมาะ ดาบสะบั้นไพศาลก็คุณสมบัติไม่พอ
เคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาก็พิเศษ ถึงจะเรียกว่าเคล็ดวิชา แต่อันที่จริงก็ถือว่าเป็นพลังวิเศษอย่างหนึ่ง แตกต่างกับวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ไม่เหมาะสมเช่นกัน
ส่วนเหล็กแหลมสีดำกับเจ้าเงา ขณะที่ความคิดนี้ฉายขึ้นมาก็ถูกเขาตัดทิ้งไปทันที
สองตนนี้ แม้วิธีการของเขาจะเฉียบคม แต่ส่วนลึกในใจสวี่ชิงก็ยังไม่เชื่อใจอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องสะกดวังสวรรค์เลย
‘ใช้ผลึกวารีสีม่วงได้ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตัวข้า ข้ารู้จักมันน้อยเกินไป จะนำมาใช้งานง่ายๆ ไม่ได้
‘นอกจากนี้แล้ว อันที่จริงยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นำมาสะกดได้!” ความคิดหัวสมองสวี่ชิงโลดแล่นนับร้อยครั้ง ไม่ลังเลอีกต่อไป กระตุ้นเขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกขึ้นมาทันที
ย้ายมันไปที่วังสวรรค์วังที่เจ็ด
พริบตาที่ผสานกัน วังสวรรค์วังที่เจ็ดสั่นคลอนขึ้นทันควัน สั่นไหวอย่างรุนแรง การมาเยือนของเขาจักรพรรดิภูต ทำให้วังสวรรค์วังที่เจ็ดเกิดการต่อต้าน
สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง การต่อต้านที่ใกล้เคียงกันนี้เขาเคยเจอมาแล้ว
นั่นคือตอนที่ผสานลูกกลอนพิษต้องห้าม
ตอนแรกเป็นเพราะตัวพิษแต่เดิมของลูกกลอนพิษต้องห้ามรุนแรงเกินไป การผสานต้องใช้เวลา สิ่งที่เขาต้องทำก็คือก่อนที่จะผสานเสร็จสมบูรณ์ตนต้องยังไม่ตาย
หลังจากผ่านความทรมานและความเจ็บปวดเช่นนั้นมา ในที่สุดก็นำลูกกลอนพิษต้องห้ามผสานเข้าไปในวังสวรรค์ได้สำเร็จ
ส่วนพระจันทร์สีม่วงรวมถึงวิหคทองและอสูรสมุทรบรรพกาล กลับไม่มีการต่อต้านเช่นนี้
สวี่ชิงเข้าใจ ถึงแม้พระจันทร์สีม่วงจะมีกายทิพย์สูงส่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ตนช่วงชิงมา สุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งของที่เป็นของเขาเอง แบบเดียวกันกับวิหคทองรวมถึงอสูรสมุทรบรรพกาล จึงไม่มีการต่อต้าน
แต่ถึงแม้ตนจะซาบซึ้งเขาจักรพรรดิภูตนี้จนสำเร็จ ทว่าสุดท้ายก็ยังเป็นการเลียนแบบอยู่ดี ในระดับหนึ่งมันเป็นสิ่งของภายนอกอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของตนเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ คิดจะใส่มันไว้ในวังสวรรค์ ผสานรวมกับร่างกายตน การเกิดการต่อต้านกันขึ้นมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเย็นวาบ อ้าปากสูดรับฉับพลัน ทันใดนั้นพลังฟ้าดินมหาศาลรอบด้านก็หลั่งทะลักเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เข้าไปในวังสวรรค์วังที่เจ็ดเพื่อสนับสนุน ระดับพลังที่เพิ่มมากขึ้นผสานเข้าไปในเขาจักรพรรดิภูต
พริบตาต่อมา เขาจักรพรรดิภูตสั่นสะเทือน ค่อยๆ ซ้อนทับกับวังสวรรค์วังที่เจ็ด
ขั้นตอนนี้ไม่รวดเร็วนัก แต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าเหมือนครั้งลูกกลอนพิษต้องห้าม โดยเฉพาะตอนนี้ที่พลังฟ้าดินรอบตัวสวี่ชิงเข้มข้นมหาศาล ทำให้เขามีพลังช่วยค้ำจุนที่ไม่ขาดสาย
สามส่วน ห้าส่วน เจ็ดส่วน…
สวี่ชิงนั่งลงขัดสมาธิ ฉับพลันพลังฟ้าดินรอบๆ ก็หลั่งทะลักเข้ามาทีละระลอก
หลังจากผ่านไปสามสิบอึดใจ เขาจักรพรรดิภูตก็ผสานเข้ากับวังสวรรค์วังที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์ และวังสวรรค์วังที่เจ็ดก็สร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์จากเสียงที่ดังกึกก้องครืนครันในสมองสวี่ชิง
รูปร่างภายนอกไม่ใช่ราชวัง แต่เป็นเหมือนศาลเจ้า
ในศาลเจ้า จักรพรรดิภูตนั่งขัดสมาธิ ด้านหลังมีดาบยาวสองเล่ม บนหัวเข่ามีเสาจักรพรรดิเบี่ยงทมิฬ ทั่วร่างแผ่ท่วงทำนองเต๋าที่น่าหวาดหวั่นออกมา ดวงตาปิดสนิท แต่มองจากรูปร่างแล้ว เหมือนกับสวี่ชิงทางนี้ไม่ผิดเพี้ยน!
พริบตาที่วังสวรรค์วังที่เจ็ดสร้างเสร็จ บนตัวสวี่ชิงก็แผ่คลื่นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา ขณะที่กลิ่นอายปะทุขึ้น สวี่ชิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งในตอนนี้ของตนเอง
เทียบกับตอนที่ยังไม่ได้มายังเซียนแท้สิบลำไส้ แตกต่างกันราวฟ้าดับเหว
‘วาสนาครั้งนี้ ยิ่งใหญ่มากจริงๆ!
‘แต่ มันยังไม่จบ!’
สวี่ชิงลืมตา สัมผัสได้ว่าพลังฟ้าดินรอบตัวตอนนี้เริ่มเบาบางลง เขารู้ว่าครั้งนี้ตนช่วยเหลือวิถีสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ และสิ่งที่ได้รับมาในตอนแรกกำลังจะสิ้นสุดลง
เขาจึงยกมือขวาขึ้น ล้วงตะเกียงชีวิตปีกโลหิตออกมา
ขณะที่มือซ้ายทำปาง ฉับพลันพลังฟ้าดินรอบๆ ก็หลั่งทะลักเข้ามาทันควัน ไม่ได้ผสานเข้าไปในร่าง แต่พุ่งเข้าไปในตะเกียงชีวิต
เขาจะใช้พลังแห่งฟ้าดินนี้ ชำระล้างตะเกียงวิญญาณให้ตน
ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นของที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ส่งมา สวี่ชิงไม่วางใจ
และไม่ว่าตะเกียงชีวิตนี้จะมีตำหนิหรือแอบซ่อนวิธีการอะไรบางอย่างเอาไว้ ใช้พลังแห่งฟ้าดินชำระล้างมันเสียตอนนี้จึงเหมาะสมที่สุด
ในพริบตา แสงสีเลือดเจิดจ้าของตะเกียงชีวิตนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การผสานของพลังฟ้าดิน สุดท้ายก็ส่องสว่างแยงตา ระเบิดแสงออกมา
หลังจากชำระล้างไปหลายรอบ สวี่ชิงหรี่ตาลง มือซ้ายประกบปาง ฉับพลันเจ็ดวังสวรรค์ในร่างกายก็โคจรขึ้นพร้อมกัน พลังจักรพรรดิภูตเข้าไปชำระล้างอีกครั้ง
พลังของวิหคทองก็หลั่งเข้ามา จากนั้นก็เป็นพลังพระจันทร์สีม่วงและกลิ่นอายพิษต้องห้าม สุดท้ายเป็นภาพมายาอสูรสมุทรบรรพกาล คายแสงสีทองออกมา
ด้วยวิธีการมากมายเช่นนี้ ทำให้หลังจากการชำระล้างทั้งในและนอกตะเกียงชีวิต จึงไม่ลังเลที่จะผสานมันเข้าไปในร่างกายอีก
จากการสลายหายไปของตะเกียงชีวิตในมือเขา เพียงไม่นานในหมอกชีวิตของทะเลความรู้สึก ด้านหลังวังสวรรค์ตะเกียงชีวิตสองหลังนั้น ก็มีวังสวรรค์อีกหนึ่งวังปรากฏออกมาครืนครัน
หมอกชีวิตตีเกลียว ทะเลความรู้สึกสวี่ชิงสั่นสะเทือน ไม่นานแสงสีเลือดก็ระเบิดออกมาจากวังสวรรค์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ขณะที่พุ่งทะลวงหมอกชีวิต วังสวรรค์ที่ก่อตัวขึ้นจากตะเกียงชีวิตดวงที่สามก็ก่อร่างเสร็จสิ้น
ในพริบตา หัวสมองของสวี่ชิงก็ฉายสัมผัสทั้งหมดของตะเกียงใบที่สาม สัมผัสรับรู้อยู่ในใจ
ตะเกียงใบนี้ มีชื่อว่าตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ
พลังช่วยสนับสนุนของมันแตกต่างกับตะเกียงชีวิตสองดวงก่อนหน้าของสวี่ชิง ไม่ใช่การป้องกัน และไม่ได้แผ่จิตสังหารออกมาด้วย หน้าที่ของมันมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือความเร็ว!
ผู้ครอบครองตะเกียงชีวิตนี้ ความเร็วจะน่าตกตะลึงอย่างมาก สามารถระเบิดความเร็วของตนได้มากขึ้นหลายเท่า
และเดิมทีมันควรจะเป็นคู่ ถ้าครอบครองไว้พร้อมกัน ความเร็วจะไม่ใช่แค่น่าสะพรึงกลัว แต่ยังมีพลังสังหารที่น่าพรั่นพรึงอีกด้วย
ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงปีกเดียว แต่สวี่ชิงก็ยังรู้สึกพอใจ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสการสนับสนุนความเร็วของตะเกียงชีวิตนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน
สิ่งที่ได้รับครั้งนี้ ยอดเยี่ยมยิ่ง
ไม่ว่าจะแต้มกองทัพหรือว่าบิดาแห่งวิถีสวรรค์ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนอิจฉาตาร้อนได้ถึงขีดสุด และพลังบำเพ็ญของเขาก็ทะยานจากห้าวังสวรรค์ไปถึงแปดวังสวรรค์แล้ว
และเพราะการก่อตัวของตะเกียงชีวิตวังสวรรค์วังที่แปด จึงเพิ่มวังที่เป็นขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาหลังจากสำเร็จวังสวรรค์ขั้นบริบูรณ์ในอนาคต จากเดิมทีสิบวังเปลี่ยนมาเป็นสิบเอ็ดวัง
และเวลานี้พลังฟ้าดินก็ค่อยๆ แผ่ซ่านไป แม้วังสวรรค์วังที่เก้าของเขาจะยังไม่ก่อร่าง แต่ก็สำเร็จไปแล้วเกือบครึ่ง ขณะที่ทั้งหมดกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ต้นสิบลำไส้ที่พวกเขาอยู่ ก็ห่างจากรอยแยกบนท้องฟ้าไม่ถึงพันจั้งแล้ว
เมื่อเห็นว่าต้นสิบลำไส้กำลังถูกผสานอย่างต่อเนื่อง สวี่ชิงก็รู้สึกอยากจากไปแล้ว จึงมองไปทางนายกอง
กลิ่นอายนายกองยกระดับขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด แม้ตอนนี้สวี่ชิงจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมองความตื้นลึกหนาบางไม่ออก
ทว่าสวี่ชิงเคยชินกับจุดนี้ไปแล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราควรไปได้แล้ว”
เมื่อชิงชิวกับหนิงเหยียนได้ยินประโยคนี้ ก็เบิกตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หนิงเหยียนฉายแววตึงเครียดออกมาอย่างชัดเจน เพียงแต่เมื่อเทียบกับความมึนงงตอนนี้ของหนิงเหยียน ชิงชิวทางนั้นก็มีคำตอบให้กับเรื่องตัวตนของสวี่ชิงกับเฉินเอ้อร์หนิวไม่มากก็น้อย สีหน้าใต้หน้ากาก เผยความซับซ้อนออกมา
นายกองเลียริมฝีปาก มองไปทางมือวิถีสวรรค์บนท้องฟ้า
“รออีกหน่อย”
สวี่ชิงมองตามสายตานายกอง มองมือขาววิถีสวรรค์นั้น ด้วยความเข้าใจนายกองของเขา ก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
เขาไม่รู้สึกเกินคาด ถึงอย่างไรทุกครั้งที่นายกองจะจบเรื่องใหญ่ ก็ต้องไปกัดสักคำ
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าสวี่ชิง นายกองก็ขยิบตา
“ศิษย์น้องเล็ก เรื่องครั้งนี้เล่นใหญ่เกินไปแล้ว วิธีการปกติของพวกเราเกรงว่าจะหนีออกไปไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้ข้าบอกเจ้าไว้แล้ว ว่าข้ามีสมบัติชิ้นใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง
“ของสิ่งนี้หลังจากเปิดใช้ แม้จะไม่สามารถกำหนดจุดหมายได้ แต่ก็สามารถส่งข้ามพวกเราออกไปได้ไกล ข้าปรับทิศทางเอาไว้แล้ว เป้าหมายคือเขตปกครองผนึกสมุทรทางนั้น
“แต่ว่าหากจะกระตุ้นของชิ้นนี้ต้องใช้พลังต้นกำเนิดมหาศาล ไม่มีทางเลือก เพื่อให้พวกเราหนีออกไปได้อย่างราบรื่น ข้าคิดจะไปทักทายลูกชายเสียหน่อย”
“อ้อ” สวี่ชิงพยักหน้า
นายกองกระแอมไอแล้วยิ้มออกมา
“เอ่อ อีกเดี๋ยวถ้าข้าเกิดเรื่องอะไรไม่คาดฝันขึ้น ศิษย์น้องเล็กจำไว้ว่าต้องมาเตะข้าสักทีด้วย เตะข้าเข้าไปในการส่งข้าม”
เมื่อนายกองพูดออกมา ชิงชิวก็เงียบนิ่ง หันหน้า สีหน้าไม่รับรู้
แต่หนิงเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาได้ยินว่าเขตปกครองผนึกสมุทร พลันมองไปทางสวี่ชิงกับนายกอง ก่อนหน้านี้ถึงแม้เขาจะมึนงงไม่มีสติ แต่อันที่จริงก็มีความสงสัยในใจ เพียงแต่ต่อมาเรื่องที่เกิดขึ้นรวดเร็วและน่าสั่นสะพรึงเกินไป ไม่มีเวลามานั่งขบคิดมากนัก
เมื่อตอนนี้สงบลง ตอนที่หันไปมองสวี่ชิงทั้งสอง ความสงสัยในใจหนิงเหยียนก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่พริบตาที่สายตาของเขาไปอยู่ที่ร่างของสวี่ชิงกับนายกอง ดวงตานายกองก็ปรากฏความคลุ้มคลั่งออกมา ตอนที่ปล่อยมือจากมือใหญ่วิถีสวรรค์ คว้ากิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง จากนั้นเขาก็พุ่งไปราวกับหมาไน
“วิถีสวรรค์…ไม่รู้ว่ามีรสชาติอย่างไร”
นายกองสองตามีแสงเจิดจ้าสาดส่องออก พริบตานั้นก็พุ่งไปอยู่ข้างมือใหญ่สีขาวของลูกชายเขาอย่างรวดเร็ว กอดมือวิถีสวรรค์ข้างนี้ไว้ โน้มศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย อ้าปากกว้างจากนั้นก็กัดมือข้างนั้นไปหนึ่งคำทันที
กร๊อบ!