ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 452 ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!
บทที่ 452 ไม่เป็นไร? ไม่เป็นไร!
……….
”รู้มาไม่น้อยเลยนะ เจ้าลองพูดมาว่าอะไรคือฝันร้ายแห่งเผ่าเซียนพิบัติ” นายกองสนใจ
หนิงเหยียนหดคอ ไม่กล้าไม่พูด
“ว่ากันว่าหลังจากที่เผ่าเซียนพิบัติตาย พิบัติในร่างกายจะกลายเป็นฝันร้าย เหมือนเขตแดนปิดผนึกแห่งหนึ่ง และจะขังคนที่มารบกวนศพของเขาเอาไว้ด้านใน ไม่อาจหนีออกไปได้ตลอดชีวิต เลือดเนื้อจะค่อยๆ สลายหาย จนกระทั่งเหลือเพียงหัวใจ ผสานกับฝันร้าย”
จากการเอ่ยปากด้วยเสียงสั่นเครือของหนิงเหยียน ชิงชิวหรี่ตาลง มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนไปมากนัก สายตามองออกไปที่ไกล ขณะที่กำลังสำรวจ นายกองก็หัวเราะเบาๆ
“เป็นรุ่นหลังของเผ่าเซียนพิบัติตามคาด รู้จักเคราะห์ฝันร้ายไร้กำเนิดด้วย ไม่เลวๆ”
แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงกับนายกองพูดคุยกัน จู่ๆ ระหว่างฟ้าดินก็มีเสียงปึงปังดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงหัวใจเต้น นอกจากเสียงสะท้อนก้องแผ่นดินก็สั่นไหว เทือกเขาคลอนโยก ราวกับด้านในมีเลือดหลั่งไหล แผ่แสงเลือดที่มากยิ่งออกมา
ขณะที่ท้องฟ้ายิ่งเปล่งประกายสีแดง พวกสวี่ชิงถูกแสงเลือดนี้ปกคลุมทั้งร่าง ไม่นานสวี่ชิงก็ขมวดคิ้ว เขาพบว่าร่างกายของตนเองกำลังหายไป
ขาขวามีเนื้อขนาดกำปั้นหายไป
ไม่มีเลือดไหลออกมา และไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด การหายไปล้วนเกิดอย่างไร้ซุ่มเสียง
สวี่ชิงไม่ได้ลนลาน หลังจากตรวจสอบบาดแผล ลูกกลอนพิษต้องห้ามวังสวรรค์วังที่สามในร่างก็ทำงาน แผ่เจตจำนงพิษออกมาทั่วร่างทันที
ตอนนี้คนอื่นๆ ก็เริ่มเลือดเนื้อหายไปบ้างแล้ว ชิงชิวฝ่ามือหายไปครึ่งหนึ่ง ใบหูฝั่งขวาของหนิงเหยียนหายไปส่วนเล็กๆ ใบหน้าก็กำลังหายไปในพริบตานี้
“เริ่มแล้ว จบเห่แล้ว!”
หนิงเหยียนกรีดร้อง ดวงตาฉายแววพรั่นพรึงและสิ้นหวัง แต่แทบจะตอนที่เขาเพิ่งส่งเสียงร้องออกมา นายกองก็เข้าประชิดอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าหยิบของอะไร ยัดลงไปในปากของหนิงเหยียน
จากนั้นก็ตบไปที่ท้องหนิงเหยียน หนิงเหยียนเบิกตากว้าง กลืนเจ้าสิ่งที่อยู่ในปากลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ เอ่ยด้วยสีหน้าพรั่นพรึง
“เด็กดี ประเดี๋ยวก็รู้” นายกองยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พูดจบก็มองสวี่ชิง
สังเกตเห็นสายตาของนายกอง สวี่ชิงหันหน้ามองเขา ตลอดทางที่เดินมานี้ นายกองแสดงอะไรออกมาหลายอย่าง จึงยืนยันการคาดเดาของเขาแล้ว
‘ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่’ นายกองยิ้มส่งกระแสจิต
สวี่ชิงพยักหน้า ยกมือขวาขึ้นโบก วังสวรรค์พระจันทร์สีม่วงคลอนไหว กลิ่นอายพระจันทร์สีม่วงแผ่ผสานเข้าไปในร่างชิงชิวที่อยู่ข้างๆ
ไม่ได้รุกรานเข้าไปในร่างกายนาง แต่กระจายห้อมล้อมอยู่รอบตัว ใช้พลังของพระจันทร์สีม่วงช่วยนางต่อต้านพลังการย่อยสลายที่นี่ จากนั้นขณะที่ชิงชิวที่สีหน้าซับซ้อนและไม่เข้าใจ สวี่ชิงก็ส่งกระแสจิตตอบนายกองเรียบๆ
‘ศิษย์พี่ใหญ่ ความหมายของท่านคือเรายังต้องใช้เวลาอีกหน่อยถึงจะหนีออกไปได้ใช่หรือไม่ ต้องใช้เวลานานเท่าไร’
เมื่อนายกองได้ยินก็ยิ้ม เขาพูดประโยคเดียว สวี่ชิงก็รู้ว่าตนคิดจะทำอะไร ความรู้สึกรู้ใจเช่นนี้ทำให้เขาดีใจมาก จึงส่งกระแสจิตมา
‘ศิษย์น้องเล็ก ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีคำถามอยู่มากมาย แต่ตอนนี้ยังพูดเรื่องนี้ไม่ได้ทำได้อย่างเดียวเท่านั้น เจ้าเชื่อข้าก็พอ วันนั้นเจ้ารัฐยอดฟ้าพูดไว้ไม่ผิด วิธีเข้ามาเซียนแท้สิบลำไส้เหมือนการประกอบตัวต่อต่างๆ เข้าด้วยกัน ปะทะตรงๆ ไม่ได้ เซอปี่ซือก่อนหน้านี้เป็นตัวต่อที่หนึ่ง ฝันร้ายไร้กำเนิดตอนนี้คือชิ้นที่สอง
“พวกเราต้องอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วยาม มากสุดก็หนึ่งชั่วยามถึงจะหนีออกไปได้”
สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้า นั่งลงขัดสมาธิ ระหว่างที่นั่งรอเงียบๆ ก็ให้กลิ่นอายของพระจันทร์สีม่วงลอยห้อมล้อมชิงชิวมากขึ้น
ชิงชิวยิ่งรู้สึกซับซ้อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ว่าเผ่าฟ้าทมิฬตรงหน้าตนนี้ปฏิบัติกับนางแตกต่างออกไป
‘เผ่าฟ้าทมิฬชั่วร้ายคนนี้จะต้องมีแผนการอื่นอยู่เป็นแน่!’
ชิงชิวสูดลมหายใจลึก บอกกับตนเงียบๆ ในใจ
เวลาค่อยๆ ผ่านไปเช่นนี้ ร่างกายของนายกองก็กำลังสลายหายไป แต่ว่าเขามีวิธีรับมืออย่างเห็นได้ชัด ความเร็วในการย่อยสลายไม่เร็วนัก กระทั่งสวี่ชิงกับชิงชิวก็เชื่องช้า
มีเพียงหนิงเหยียนที่ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่ที่ประหลาดก็คือเขากลับไม่ได้สลายหายไปต่อ
เพียงแต่ในใจหนิงเหยียนก็ไม่ได้ยินดีนัก กลับกันยิ่งขวัญผวาจนเนื้อเต้นเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาพบว่าแม้ตนจะไม่สลายหายเพิ่ม แต่ท้องกลับค่อยๆ ป่องออกมา
ราวกับว่าในท้องกำลังหล่อเลี้ยงอะไรอยู่…
มองท้องของตัวเอง หนิงเหยียนหน้าซีด ดวงตาเบิกกว้างง มองนายกองด้วยสัญชาตญาณ อ้อนวอนว่า
“ใต้เท้า ท่านให้ข้ากินอะไรลงไปขอรับ ทำไมข้ารู้สึกว่าในท้องค่อนข้างผิดปกติ…”
ขณะที่พูด ท้องของหนิงเหยียนก็พลันนูนออกมา ใหญ่กว่าเดิม เขาตึงเครียดทันที
ชิงชิวสูดลมหายใจลึก สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาด เขานึกถึงอสูรรักเหล่านั้นของอู๋เจี้ยนอูขึ้นมา
“ในท้องเจ้ารู้สึกอย่างไรล่ะ” นายกองรีบเดินไปอยู่ข้างกายหนิงเหยียน ดวงตามีแววเฝ้ารอ เอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ข้ารู้สึกว่าในท้องมีอะไรกำลังถีบข้าอยู่” หนิงเหยียนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ตั้งครรภ์อย่างสบายใจเถอะ!” นายกองกระแอมไอ
หนิงเหยียนอยากด่า แต่เขาไม่กล้า ขณะที่หน้าผากมีเหงื่อผุดรู้สึกโกรธเคือง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในท้องเริ่มเคลื่อนไหว เหมือนกำลังจะแหวกที่ตำแหน่งสะดือออกมาด้านนอก
“ใต้เท้า มัน มัน มัน…”
หนิงเหยียนหวาดผวา พริบตาต่อมาชุดนักพรตที่คลุมท้องเขาอยู่ ตรงส่วนสะดือยื่นออกมา
สายตาของสวี่ชิงทั้งสาม มองไปทันที
เทียบกับการเฝ้ารอของนายกอง สวี่ชิงดูจะอยากรู้อยากเห็นมากกว่า
ส่วนชิงชิว นางมองภาพนี้ใจสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัววิธีการชั่วร้ายของเผ่าฟ้าทมิฬมาก
ส่วนหนิงเหยียนทางนั้น ความหวาดกลัวไร้สิ้นสุดแผ่ซ่านในจิตเทพ จนกรีดร้องออกมา จากนั้นชุดนักพรตของเขาก็มีเสียงฉีกขาดออก เถาวัลย์สีเขียวอ่อนหลายทางก็เลื้อยคดเคี้ยวออกมาจากด้านใน
เถาวัลย์เหล่านี้เล็กมาก พันเกี่ยวกันอย่างรวดเร็ว งอกยาวออกไปอย่างต่อเนื่อง สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ยาวถึงสามจั้ง สีของมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แผ่กลิ่นอายบรรพกาลออกมา
“เถาวัลย์สิบวิญญาณ!!” หนิงเยียนเห็นเส้นเถาวัลย์ ก็ร้องเสียงหลง
สายตานายกองเผยความรู้สึกเกินคาด มองหนิงเหยียนหลายครั้ง
“น่าสนใจ สิ่งที่เด็กน้อยอย่างเจ้ารู้ มีไม่น้อยเลยจริงๆ”
ระหว่างที่พูดคุย เถาวัลย์ที่งอกออกมาจากท้องของหนิงเหยียนก็โค้งลงมาที่ความสูงสามจั้ง ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสิบอึดใจ ก็โค้งจนกลายเป็นวงกลม
พริบตาที่หัวกับหางเชื่อมต่อกัน ในวงกลมก็ปรากฏคลื่นพลัง เหมือนโหมคลื่นจากผิวน้ำ ราวกับกลายเป็นประตูทรงกลมบานหนึ่ง
“ไปเถอะ!” นายกองขยิบตาให้สวี่ชิง ร่างกายไหววูบเข้าไปในวงกลม
สวี่ชิงไม่ลังเล คว้าตัวชิงชิวพุ่งไปที่วงกลม จังหวะที่หายไปหนิงเหยียนก็ร้อนรนขึ้นมา กำลังจะขอความช่วยเหลือ ในวงกลมก็มีมือหนึ่งยื่นออกมา คว้าเถาวัลย์ส่วนที่เชื่อมติดกับท้องของหนิงเหยียน กระชากร่างของหนิงเหยียนเข้าไปในวงกลม
พริบตาต่อมา เถาวัลย์ที่ก่อตัวเป็นวงกลมก็หดกลับไปจากการจากไปของหนิงเหยียน สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนที่ทุกคนปรากฏตัว ยังคงอยู่ในป่าที่ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ตั้งอยู่ แต่กลับไม่ใช่บริเวณที่มีนกหัวขวานอยู่แล้ว แต่เป็น…ส่วนลึกสุดของต้นเซียนแท้สิบลำไส้
หรือก็คือใต้ต้นสิบลำไส้นั่นเอง!
พริบตาที่ปรากฏตัว ในใจสวี่ชิงก็โหมคลื่นซัดกระหน่ำ นี่คือตอนที่อยู่ใกล้กับต้นเซียนแท้สิบลำไส้มากที่สุดจากตลอดทางที่มา
ต้นสิบลำไส้เบื้องหน้าเขาทุกต้นหนาขนาดร้อยจั้ง จับกลุ่มกันหนาแน่น กินพื้นที่ไปกว่าพันจั้ง สูงชะลูดขึ้นไปบนท้องฟ้าร้อยจั้งถึงโน้มกิ่งออกไปในทิศที่ต่างกัน จนกระทั่งแทงขึ้นไปเหนือชั้นเมฆ กำลังโยกไหว
ใบไม้เรียวยาวนับไม่ถ้วนงอกออกมาจากกิ่งก้านสาขา และทุกใบก็เหมือนจะแฝงกฎเกณฑ์เอาไว้ แผ่คลื่นพลังวิญญาณที่เข้มข้นออกมา จินตนาการได้ว่าทุกๆ ใบ แค่เด็ดดึงมาก็มีมูลค่าน่าตกตะลึง
และยิ่งมีกิ่งก้านสาขานับไม่ถ้วนแตกแขนงออกไป กิ่งไม้ที่แผ่ออกไปเหล่านั้นมูลค่าก็สูงกว่าใบไม้อย่างชัดเจน ตัวกิ่งมีแสงสมบัติไหลเวียนอยู่รางๆ ไม่ได้แฝงไว้แค่พลังแห่งกฎเกณฑ์ แต่ยังมีอักขระท่วงทำนองเต๋าด้วย
ไม่ว่าจะกิ่งก้านสาขาใด ก็ล้วนล้ำค่าทั้งนั้น
และส่วนลำต้นก็เป็นสีน้ำตาลเข้มทั้งหมด นอกจากกิ่งกับใบไม้แล้ว บนกิ่งไม้ยังมีดวงตาเป็นดวงๆ นูนออกมาเต็มไปหมด เวลานี้กำลังจับจ้องมาที่พวกสวี่ชิง ขณะที่แผ่กลิ่นเหม็นคาวออกมา ก็แผ่แรงกดดันน่าตกตะลึงออกมาด้วย
ทำให้รู้สึกว่า ต้นสิบลำไส้นี้…มีชีวิต!
หรือก็คือเซียนแท้ตนนี้ ยังมีชีวิตอยู่!
ภายใต้แรงกดดันนี้ เบื้องหน้าสวี่ชิงสลัวเรือนลาง
ราวกับว่าต้นสิบลำไส้นี้กลายเป็นร่างที่น่าตกตะลึงร่างหนึ่ง กำลังเริงระบำบูชาอยู่เบื้องหน้า รอบด้านฉายภาพทะเลเพลิงรวมถึงผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนที่เริ่มเริงระบำด้วยเช่นกัน
ความเลือนรางนี้ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกไม่สบายใจมาก โลกเบื้องหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอด ประเดี๋ยวก็เป็นต้นเซียนแท้สิบลำไส้ ประเดี๋ยวก็เป็นห้วงมายาทะเลเพลิงเริงระบำ ค่อยๆ ซ้อนทับกัน
ร่างกายของเขาเหมือนบิดเบี้ยวตามไป ลำไส้ในร่างกายสั่นสะเทือนคล้ายจะออกมานอกร่าง
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ลูกกลอนพิษวังสวรรค์วังที่สาม พระจันทร์สีม่วงวังสวรรค์วังที่สี่ พลังของสองวังสวรรค์นี้ระเบิดแผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมกัน จากนั้นก็สนับสนุนที่ชิงชิวทางนั้น จึงทำให้ความเลือนลางเบื้องหน้าสลายหายไปเล็กน้อย
ชิงชิวหน้าขาวซีดกัดฟันแน่น ดวงตามีเส้นเลือดปรากฏขึ้น อดทนฝืนกลั้น
ส่วนนายกองทางนั้น เวลานี้ก็ระเบิดพลังบำเพ็ญเช่นกัน ในดวงตามีใบหน้าปรากฏขึ้น และดวงตาในใบหน้าก็ยังมีใบหน้า ซ้อนทับกันไป แบ่งเบาแรงกดดันที่มาจากต้นสิบลำไส้
มีเพียงหนิงเหยียนที่ยังดูปกติ ขณะที่แผ่สีเหล็กออกมาทั่วร่าง เถาวัลย์ที่ช่วงท้องก็ส่ายไปมา จังหวะเดียวกับต้นสิบลำไส้
เดิมเขาคิดจะหนี แต่นายกองจับอีกด้านของเถาวัลย์ไว้ ไม่ว่าเขาอยากจะตัดเถาวัลย์ทิ้งอย่างไรก็ทำไม่ได้ ได้แค่นั่งเหม่อลอยทำหน้าคร่ำครวญอยู่ตรงนั้น
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก หลังจากจิตเทพฟื้นฟูกลับมาก็สำรวจรอบๆ ทันที
สีโคลนใต้ต้นเซียนแท้สิบลำไส้นี้เป็นสีแดงเข้ม ขณะเดียวกันก็ไม่มีใบไม้แห้งรวมถึงกิ่งไม้หักอยู่เลย สายตาสวี่ชิงจึงตกไปตกอยู่บนกิ่งไม้ใบไม้ของต้นสิบลำไส้เบื้องหน้านี้ตามสัญชาตญาณ
‘กิ่งไม้ตั้งมากมายถึงเพียงนี้ หักไปสักกิ่งน่าจะไม่เป็นไร!’ สวี่ชิงเลียริมฝีปาก มองไปทางนายกอง ส่วนนายกองตอนนี้ก็มองมาทางเขา ทั้งสองมองเห็นเจตนาในดวงตาของกันและกัน
สวี่ชิงพุ่งตัวไปเบื้องหน้า
นายกองดึงหนิงเหยียนที่ไม่ยินยอมพร้อมใจพุ่งไปด้วย เพียงพริบตาก็มาถึงใต้ต้น ลงมือต่อจากสวี่ชิง
นายกองเด็ดใบไม้สามใบยัดเข้าไปในปาก
สวี่ชิงหักกิ่งไม้กิ่งหนึ่งใส่ไว้ในหน้าอกอย่างรวดเร็ว
หลังจากทั้งสองทำเสร็จ ก็มองตากัน
“ไม่เป็นไร?”
“ไม่เป็นไร!”
ขณะที่พูด จู่ๆ ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ก็สั่นไหว ส่ายไปมาอย่างรุนแรง ระลอกคลื่นตื่นขึ้นวูบหนึ่งแผ่ออกมาจากตัวมัน
ภาพนี้ ทำให้หนิงเหยียนสูดลมหายใจทันที สายตาที่มองสวี่ชิงกับนายกองเหมือนมองคนตาย ตอนนี้เขาสัมผัสถึงความบ้าคลั่งและความไม่ปกติของสองคนนี้ได้แล้ว
แต่พริบตาต่อมา ชิงชิวก็เคลื่อนไหว นางลุกขึ้นกระชากใบไม้ใบหนึ่ง ใส่เข้าไปในปากแล้วกลืน
“ให้ตายเถอะ เจ้าทำไมถึงเป็นไปด้วย!”
เห็นว่าต้นสิบลำไส้ยิ่งสั่นไหวรุนแรงขึ้น ดวงตาหนิงเหยียนก็ฉายแววหวั่นวิตกออกมา
……….