ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 448 ช่วงชิง!
บทที่ 448 ช่วงชิง!
สวี่ชิงร้อนรนมาก
หลังจากที่วิญญาณผีตรวจสอบครั้งก่อน ตอนนี้ก็ผ่านไปสี่วันแล้ว
ในสี่วันนี้ แม้ผลมรรคาทั้งหมดที่พวกเขาได้เก็บมาจะถึงหนึ่งพันกว่าผลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนายกองก็กระจายข่าวเรื่องการประทานพรออกไป ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยเข้ามาวิงวอนให้ช่วยเลื่อนชนชั้น
ด้วยการเคลื่อนไหวของนายกอง ก็ได้รับสมบัติหายากบางอย่างมาไม่น้อย
แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ต้นนั้น จนแล้วจนรอดก็ไม่สุกงอมเสียที
และจากเวลาที่ไหลผ่านไป สวี่ชิงก็เริ่มอยู่ไม่สุข ความรู้สึกอยู่ไม่สุขนี้เป็นเหมือนกับตอนที่อยู่ในเมืองหลวงเขตปกครอง ล้วนมาจากอสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ของเขา นอกจากนี้ มู่เยี่ยก็หายหน้าหายตาไปนานแล้ว
เขาสัมผัสได้รางๆ ว่ามู่เยี่ยอยู่ในสถานที่ที่ห่างจากที่นี่อย่างมาก
“น่าจะถูกส่งไปที่ราชวงศ์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แล้ว…” สวี่ชิงครุ่นคิด ตรวจสอบผลมรรคาที่ตนเองได้มา หลังจากคำนวณแต้มกองทัพแล้ว ความคิดที่จะจากไปของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่นายกองยังไม่ถอดใจ
“อาชิงน้อย พวกเราอยู่ต่ออีกวันเถอะ!
“พรุ่งนี้จะมีคนใหญ่โตมาร้องขอให้ประทานพร ทั้งข้าได้ยินว่า ช่วงนี้มีคนที่ฝึกบำเพ็ญสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นผันแปรของเซียนแท้สิบลำไส้ด้วย นี่บ่งบอกว่ามันใกล้จะสุกงอมแล้ว
“พวกเรารออีกสักนิด ถึงอย่างไรโอกาสก็ไม่ได้มาง่ายๆ หากเข้าไปด้านในเซียนแท้สิบลำไส้ได้จริง พวกเราครั้งนี้ก็ทำสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว ฉันรอวันนี้มานานมากแล้ว” สายตาของนายกองมาพร้อมกับความปรารถนาและความบ้าคลั่ง เลียริมฝีปาก ส่งกระแสจิตอย่างรวดเร็ว
‘พวกเรากินผลมรรคาด้านนอกไม่ได้ แต่อาชิงน้อยข้าศึกษามาแล้ว ลำต้นเซียนแท้สิบลำไส้น่าจะกินได้ อีกทั้งไม่ธรรมดาอีกด้วย ทุกคำจะต้องมีพลังวิญญาณระเบิดออกมาแน่นอน
‘เจ้าก็อยากรีบยกระดับพลังบำเพ็ญไม่ใช่หรือ ครั้งนี้ข้ารับประกัน พวกเราจะต้องทำได้แน่
‘ที่สำคัญสุดก็คือ…อาชิงน้อย ครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่จะมอบการรังสรรค์ครั้งใหญ่ที่สุดระดับสั่นฟ้าสะเทือนดินให้กับเจ้าเอง! ตอนนี้ข้ายังพูดไม่ได้ เรื่องนี้มันลึกลับมาก ทำได้อย่างเดียว พูดไม่ได้ เจ้าเชื่อข้า!
‘ส่วนเรื่องวิธีออกจากที่นี่ ข้าก็มีแล้ว ข้าเตรียมของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมากเอาไว้อย่างหนึ่ง สามารถส่งพวกเรากลับเขตปกครองผนึกสมุทรได้ในพริบตา แต่ของชิ้นนี้ใช้พลังงานมหาศาล จึงต้องใช้ลำต้นเซียนแท้สิบลำไส้ด้วย’
สวี่ชิงหลังจากครุ่นคิด มองนายกองผาดหนึ่ง เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆ ก็กัดฟันแน่น เห็นด้วยว่าจะรออีกหนึ่งวัน
ค่ำคืนวันที่สี่ก็มาถึงเช่นนี้
กลางดึก ตอนที่สวี่ชิงกำลังศึกษาเทวรูปฟ้าทมิฬ จู่ๆ เขาก็ใจกระตุก ทะเลความรู้สึกโหมคลื่นกระหน่ำซัด
ขณะที่เลือนราง ในประสาทสัมผัสของเขา ทางด้านต้นเซียนแท้สิบลำไส้ จู่ๆ ก็มีเปลวไฟกองหนึ่งลอยขึ้นมา เปลวไฟนี้ร้อนแรงมาก สั่นฟ้าสะเทือนดิน
แต่เมื่อลืมตามองไป ทั้งหมดก็สลายหายไป
ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายประหลาด
“นี่คือระลอกคลื่นผิดปกติของต้นเซียนแท้สิบลำไส้ที่มู่เยี่ยรวมถึงนายกองเอ่ยถึงอย่างนั้นหรือ”
สวี่ชิงพึมพำ มองความมืดมิดที่ไกลออกไป หลับตาลงอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปเนิ่นนานในสัมผัสของเขา เปลวไฟกลุ่มนั้นก็ปรากฏขึ้นมารางๆ อีกครั้ง ขณะที่แผดเผาอย่างต่อเนื่อง สวี่ชิงก็เหมือนจะเห็นร่างเงาในชุดคลุมขาวร่างหนึ่ง เริงระบำขึ้นสู่ฟากฟ้าท่ามกลางเปลวเพลิงในจุดที่ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ตั้งอยู่
ไม่ใช่คนเดียว รอบๆ มันก็ค่อยๆ ปรากฏร่างเงานับไม่ถ้วน เริงระบำไปพร้อมกัน
ท่าทางร่ายรำของร่างเงาเหล่านี้แปลกประหลาด แฝงความลึกลับบางอย่าง ราวกับเป็นการสักการะ บวงสรวงแด่เทพพระเจ้า
ตอนนี้จากการเริงระบำ เปลวไฟรอบด้านก็โหมลุกขึ้นมากกว่าเดิม เคลื่อนพร้อมกัน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งมีเสียงกลองดังก้องมาจากที่นั่นเป็นระยะ แต่ละเสียงตกกระทบในใจสวี่ชิง ราวกับจะแทนทีเสียงหัวใจเต้น
ยังมีเสียงครวญต่ำโบราณ ใช้ทำนองที่สวี่ชิงไม่เคยได้ยินมาก่อนร่ายเวทมนต์ที่ฟังไม่ชัด
ระหว่างที่ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงท้องฟ้าในห้วงมายา เหมือนในพริบตานี้มีรอยแยกขนาดใหญ่ปริแตก ในรอยแยกนั้นสลัวเรือนรางราวกับมีตัวตนที่ไม่อาจจินตนาการได้กำลังจ้องมายังพื้นดินเขม็ง ราวกับกำลังเฝ้ารอ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เสียงที่แฝงไว้ด้วยความยินดีเสียงหนึ่ง ก็ดังออกมาจากปากของร่างที่กำลังเริงระบำอยู่ตรงกลาง เขายกมือขวากรีด ท้องของเขาก็เปิดทันที ลำไส้คดเคี้ยวทะลักออกมาจากในท้อง เลื้อยราวกับงูลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากการเริงระบำ จากเสียงกลอง ลำไส้เส้นนี้ก็ยังเลื้อยไม่หยุด
จากนั้นร่างเงารอบด้านทั้งหมด ก็ยกมือขึ้นกรีดผ่าช่องท้อง ให้ลำไส้เริงระบำ เมื่อมองไกลๆ ลำไส้มากมายนับไม่ถ้วนกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ดูน่าสยดสยอง
ภาพนี้ยิ่งมีพลังประหลาดบางอย่างอยู่เต็มเปี่ยม ส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของสวี่ชิง ทำให้สวี่ชิงควบคุมความฮึกเหิมไม่อยู่ จะกรีดท้องไปกับพวกเขาด้วย
แต่พริบตาต่อมา พลังของลูกกลอนพิษและพระจันทร์ม่วงแผ่ซ่านจากการที่วังสวรรค์วังที่สามและสี่ในร่างกายเขาสั่นคลอน จิตใจสวี่ชิงโหมคลื่นกระหน่ำซัด ความฮึกเหิมที่อยากจะกรีดเปิดท้องก็ค่อยๆ เบาลง
และในระหว่างที่สัมผัสทางด้านต้นไม้เซียนแท้สิบลำไส้ ทะเลเพลิงตรงนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นในพริบตา แผ่แสงสีเลือดน่าตกตะลึง ขณะที่สาดส่องโลกทั้งใบ ร่างของสวี่ชิงก็สั่นเทิ้มขึ้นมา ลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงมายา
ท้องฟ้าโลกภายนอก สว่างแล้ว
โคมรูปมนุษย์ที่ลอยอยู่ระหว่างฟ้าดินจุดขึ้นใหม่อีกครั้งตามการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าด้านนอกฉัตร แสงส่องสว่างไปทั่วสารทิศ
พริบตาที่ฟ้าสว่าง กลิ่นไหม้เกรียมวูบหนึ่งตลบไปทั่วโดยมีเซียนแท้สิบลำไส้เป็นศูนย์กลาง อบอวลไปทุกพื้นที่ และแตะจมูกสวี่ชิง
ดมกลิ่นนี้อย่างไรก็เหมือนกลิ่นเลือดเนื้อที่ถูกแผดเผา ขณะที่แสบจมูกก็มาพร้อมกับกลิ่นคาวบางอย่างด้วย แต่เมื่อดมไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่สูดดมครั้งที่สอง กลับกลายเป็นกลิ่นหอมมหัศจรรย์ปะทะมาที่หน้า ซึมซาบเข้าสู้จิตใจ
เนื่องจากสังหารในเขตปิ่งก่อนหน้านี้ วังสวรรค์วังที่หกของสวี่ชิงก่อตัวขึ้นมาแล้วครึ่งหนึ่ง ปัจจุบันภายใต้กลิ่นหอมนี้ ก็สั่นคลอนเล็กน้อย ราวกับได้รับการกระตุ้นและผลกระทบ เพิ่มความเร็วในก่อตัว
สวี่ชิงดวงตาเป็นประกาย
เวลานี้นายกองก็สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ พุ่งออกมาจากตำหนักด้านข้าง ดวงตาฉายแววบ้าคลั่งและปรารถนา หายใจหอบถี่มองไปทางเซียนแท้สิบลำไส้
“เซียนแท้สิบลำไส้ เบ่งบานแล้ว!”
แทบจะพริบตาที่นายกองเอ่ยออกมา สถานที่ที่เซียนแท้สิบลำไส้ตั้งอยู่ ก็มีเสียงฟ้าดินอื้ออึงดังขึ้นทั้งหมดสิบสองครั้ง แต่ละครั้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายราวกับแหวกฟ้าผ่าปฐพี
ครืนครันไปทั่วทิศ
จากนั้นสวี่ชิงก็เห็นว่าฉัตรขนาดยักษ์เหนือพื้นที่แห่งนี้ ค่อยๆ เริ่มหุบด้วยตาตนท่ามกลางเสียงที่สนั่นหวั่นไหว ทำให้แสงตะวันด้านนอกสาดส่องลงมายังพื้นดินที่ไม่ต้องแสงมานับร้อยปีในพริบตานี้
เมื่อมองอย่างละเอียด อันนี้จริงฉัตรไม่ได้กำลังหุบ แต่กิ่งไม้ที่พันกันอยู่ของมัน กำลังแยกตัวออกจากกันเวลานี้
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม จากการที่โลกภายนอกสว่างขึ้นเรื่อยๆ จากการที่แสงตะวันทั้งหมดสาดส่องลงมา ฉัตร….สลายหายไปแล้ว
ต้นไม้ทั้งสิบต้นต่างไม่แตะต้อง กิ่งไม้คดเคี้ยวขนาดยักษ์ชี้ไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมดที่กำลังมองในที่แห่งนี้
ต้นไม้ทั้งสิบราวกับสิบลำไส้ โยกไหวอยู่ระหว่างฟ้าดิน!
ผลจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังงอกเงยกลายเป็นดวงตามากมายมหาศาลอย่างรวดเร็วบนกิ่ง กำลังทอดสายตาไปแผ่นดินใหญ่
สวี่ชิงพลันผุดลุกขึ้น ในที่สุดเขาก็รอจนเซียนแท้สิบลำไส้ออกผล หลังจากสบตากับนายกอง พวกเขาก็เห็นความฮึกเหิมในดวงตาของกันและกัน ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เดินออกจากตำหนักใหญ่ทันที
ส่วนชิงชิวกับหนิงเหยียน ก็ถูกการเปลี่ยนแปลงของต้นสิบลำไส้สั่นสะเทือน แต่ก็ไม่ยอมให้พวกเขาตรวจสอบต่อ ขณะที่สวี่ชิงโบกมือก็ต้องติดตามมาด้านหลังอย่างจำใจ
คนกลุ่มหนึ่งออกจากตำหนักใหญ่ ลุกขึ้นกำลังจะเหาะเหินไปที่เซียนแท้สิบลำไส้ แต่ตอนนี้เอง ค่ายกลส่งข้ามในรัฐยอดฟ้าส่องสว่าง เปล่งเสียงครืนครัน พริบตาต่อมาร่างในชุดสีดำหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้น
คนที่เป็นผู้นำเป็นชายกลางคนเหมือนกับเจ้ารัฐยอดฟ้า มีพลังบำเพ็ญสมบัติวิญญาณ หลังจากปรากฏตัวก็สังเกตเห็นสวี่ชิงและนายกอง ร่างกายไหววูบตรงไปหาคนทั้งสอง
ด้านหลังเขาเป็นร่างในชุดดำอีกหลายคน ท่าทางการเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกัน สีหน้ามีความเยือกเย็น พุ่งหวีดหวิวตามมา
จำนวนถึงสามร้อย ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดานั้นผู้ที่อ่อนแอที่สุดคือสี่วังสวรรค์ ในนี้เจ็ดแปดวังสวรรค์มีอยู่สี่สิบกว่าคน และยังมีสิบคนเป็นปราณก่อกำเนิดด้วย
การปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้สวี่ชิงกับนายกองใจหล่นวูบ ชิงชิวกับหนิงเหยียนก็สูดลมหายใจ
เสื้อผ้าเช่นนี้รวมถึงเจตจำนงที่เยือกเย็น ยังมีใบซิ่งเงินที่ปักอยู่บนชุดคลุม ผู้ครองกระบี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี นี่คือองครักษ์ชุดดำ…ที่พวกเขาสู้เอาเป็นเอาตายกันที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งไปกว่านั้น จากการวางตำแหน่งของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นกองกำลังระดับกลางที่สมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะ ชายกลางคนผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณคนนั้น นายกองไม่เคยเจอ แต่สวี่ชิงเคยเจอ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ครั้งแรกที่เจอคนผู้นี้ คือตอนที่ข่งเสียงหลงไล่สังหารปราณก่อกำเนิด อีกฝ่ายโกรธขึ้งโหมขึ้นฟ้า
ครั้งที่สอง คือที่วังครองกระบี่ ตระกูลเหยาพาคนผู้นี้ไป ซักถามพวกสวี่ชิง
ตอนนี้ คือครั้งที่สาม!
‘เขานั่นเอง!’ จิตสังหารสวี่ชิงฉายวาบในใจ ลูกน้ององครักษ์ชุดดำที่ชายกลางคนคนนี้พามาก็มาถึง
จากการเข้าประชิด ไม่ใช่แค่ร่างของคนผู้นี้ที่ชัดเจนขึ้นในดวงตาสวี่ชิง แต่เหล่าองครักษ์ชุดดำด้านหลังเหล่านั้น ทั้งหมดก็สะท้อนเข้ามาในตาของสวี่ชิงเช่นกัน
เมื่อสวี่ชิงกวาดตามอง จู่ๆ ก็เพ่งเป้าไปที่คนผู้หนึ่ง
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ท่วงท่าพลังไม่ธรรมดา พลังบำเพ็ญยิ่งน่าตกตะลึง แม้จะไม่ใช่ปราณก่อกำเนิดแต่ก็มีพลังต่อสู้ระดับเก้าวังสวรรค์ บนชุดองครักษ์สีดำมีใบไม้สีเงินสองใบ มากกว่าแก่นลมปราณคนอื่นหนึ่งใบ เทียบเท่ากับปราณก่อกำเนิดทั้งสิบคนนั้น
และที่ทำให้สวี่ชิงสนใจคนผู้นี้ ก็คือในร่างกายของชายหนุ่ม มีตะเกียงชีวิตอยู่
เพราะกลายเป็นวังชีวิต คนนอกจึงสัมผัสไม่ได้ชัดเจนนัก แต่สำหรับสวี่ชิงแล้วชัดเจนมาก นั่นเป็นตะเกียงหินสลักสีน้ำเงิน สลักเป็นรูปร่างโคมไฟ
แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงกวาดสายตาไปยังชายหนุ่ม องครักษ์ชุดดำกลางคนคนนี้ หลังจากเข้าใกล้สวี่ชิงก็ประสานหมัด เอ่ยเสียงเคร่งขรึม
“ข้าน้อยโจวสิงอูผู้บัญชาการหลวงองครักษ์ชุดดำแห่งรัฐสายลมสวรรค์ ได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับและคุ้มกันนายท่านไปยังรัฐสายลมสวรรค์!”
หลังจากโจวสิงอูคารวะ องครักษ์ชุดดำรอบๆ เหล่านั้นก็ล้อมรอบเป็นครึ่งวงกลมในพริบตา คารวะสวี่ชิงและนายกอง
เมื่อชิงชิวกับหนิงเหยียนเห็นภาพนี้ ลมหายใจก็หอบถี่
สวี่ชิงสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร นายกองที่อยู่ข้างๆ เชิดหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่งเสียงออกมา
“ถอยออกไป จะไปยังรัฐสายลมสวรรค์หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะตัดสินใจ”
โจวสิงอูสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มองนายกอง แต่เงยหน้ามองสวี่ชิง เอ่ยเสียงทุ้มอีกครั้ง
เขารู้ว่าตนนี้ต่างหากถึงจะเป็นบุตรเทวะที่สายเลือดสูงส่งคนนั้น แม้ราชโองการจะบอกว่าชักช้าไม่ได้ แต่ในฐานะองครักษ์ชุดดำ เขาย่อมมีวิธีการจัดการงานของตน
พูดพลาง เขาก็ยกมือขวาขึ้น ฉับพลันองครักษ์ชุดดำรอบก็กระจายตัวอีกครั้ง จากครึ่งวงกลมกลายเป็นปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ ทว่าแต่ละคนก็ไม่มีปราณพิฆาตแผ่ออกมาแม้แต่น้อย ยังคงก้มหน้าอย่างนบน้อม พลังบำเพ็ญก็ยังไม่ได้กระตุ้น แต่ท่าทีเช่นนี้ถือว่าเด็ดขาดมาก
นายกองเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หรี่ลง กำลังจะพูด จู่ๆ สวี่ชิงก็เอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าชื่ออะไร”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา สายตาโจวสิงอูก็เคร่งขรึมเล็กน้อย สังเกตไปยังเป้าหมายที่อีกฝ่ายมอง เป็นลูกชายของใต้เท้านายพลเรือที่ยืนอยู่ด้านหลังตนคนนั้น
“ใต้เท้า ข้าน้อยหลินหย่วนตง” ลูกชายนายพลเรือที่สวี่ชิงจับจ้องเดินขึ้นหน้ามาทันที สีหน้าเย็นชา ประสานหมัดเอ่ย
สวี่ชิงพยักหน้า เอ่ยเสียงเรียบ
“โจวสิงอู เจ้าเอาตะเกียงชีวิตของเขาออกมา ข้าต้องการมัน”