ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 438 เซียนแท้สิบลำไส้
บทที่ 438 เซียนแท้สิบลำไส้
มองนายกองจากไปจนลับสายตา สวี่ชิงครุ่นคิด
แม้ว่าจะไม่รู้รายละเอียดของการใหญ่ที่นายกองว่า แต่ในใจเขาก็เดาได้เลาๆ รู้ว่าเวลาที่ออกไปข้างนอกครั้งนี้น่ากลัวจะไม่สั้น
เขาจึงลาหยุดยาวเสียเลย และในสามวันหลังจากนั้นยังซื้อของที่จำเป็นในเมืองหลวงเขตปกครอง หลังจากเตรียมการทุกอย่างแล้ว สวี่ชิงก็กลับมายังหอกระบี่ เอาดวงตาเผ่าฟ้าทมิฬที่มือผีให้เขาออกมา แล้วทำการศึกษาค้นคว้า
วัตถุชิ้นนี้น่าอัศจรรย์นัก มีความสามารถในการเพิ่มผลทางด้านจิตวิญญาณจำนวนหนึ่ง แต่ในตอนที่สวี่ชิงใช้พลังวังสวรรค์ดวงจันทร์สีม่วงกำจัด วัตถุชิ้นนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ
เวลาสามวันเพียงพริบตาก็ผ่านพ้นไป
สามวันนี้ท้องฟ้าของเมืองหลวงเขตปกครองทุกวันที่ยามพลบค่ำมาเยือน ล้วนแตกต่างไปจากยามปกติเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะฤดูกาล ท้องฟ้าไม่ได้มืดสลัว แต่แดงเถือกไปทั้งผืน
ย้อมให้ผืนดินและสิ่งก่อสร้างทุกอย่างเป็นสีแดงก่ำราวเลือด
แยกไม่ออกว่าเป็นมงคล หรือเป็นลางร้าย
เป็นเช่นนี้สามวันติดๆ
สวี่ชิงยืนมองท้องฟ้าอยู่ในหอกระบี่ ในใจของเขาเกิดความรู้สึกไม่ค่อยสงบอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงดวงตาฉายแววสงสัย ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ขบคิดดูเหมือนว่าความรู้สึกแบบนี้จะมาจากดวงชีพอสูรสมุทรบรรพกาลทางนั้น
ในตอนที่สวี่ชิงขบคิด ท่ามกลางแสงพรายยามสายัณห์มีคนผู้หนึ่งเดินมา
เป็นนายกองนั่นเอง
เขามาอย่างลิงโลด หลังจากเห็นสวี่ชิงก็หัวเราะฮี่ๆ ประสานปางมือวางค่ายกลรอบๆ ทั้งยังให้สวี่ชิงเปิดค่ายกลหอกระบี่ หลังจากปิดกั้นรอบๆ แล้ว ก็เอ่ยขึ้นอย่างลึกลับ
“อาชิงน้อย ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้แค่เจ้ากับข้าสองคนเท่านั้น ไม่ชวนคนอื่นแล้ว
“เดิมข้าว่าจะชวนหนิงเหยียน แต่เจ้าเด็กนี่หลังจากที่ผ่านการทดสอบก่อนหน้านี้กลับหายตัวไปแล้ว ข้าหาอยู่นานแต่ก็หาไม่เจอ หรือเขาจะรู้ว่าข้าจะใช้เขามาเป็นโล่เนื้อ”
นายกองถอนหายใจอย่างเสียดาย ท่าทางเหมือนสะท้อนใจว่าเป็ดที่ต้มสุกบินหนีไปแล้ว
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามออกมาว่า
“หากเขาไม่ร่วมด้วยมีผลกระทบมากหรือ”
“เดิมส่งผลกระทบมากเลย แต่มีแผ่นหยกเผ่าฟ้าทมิฬที่เจ้าให้ข้ามา หนิงเหยียนจะร่วมด้วยหรือไม่ก็ไม่เป็นไร” นายกองดวงตาฉายประกายวาววับ เอ่ยพูดเสียงต่ำ
“อาชิงน้อย ครั้งนี้พวกเราไม่ลงมืออย่างวู่วามบุ่มบ่าม พวกเราทำอย่างมีปัญญา ข้าจะพาเจ้าไป…เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์!”
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด
“พวกเราปลอมตัวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬไปเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
นายกองหัวเราะฮ่าๆ หน้าตาเบิกบาน
“ยังเป็นอาชิงน้อยที่เข้าใจข้า ใช่แล้ว ครั้งนี้พวกเราจะปลอมตัวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬเดินทางไปยังเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดดู เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เป็นขี้ข้าของเผ่าฟ้าทมิฬ พวกเราปลอมตัวเป็นเจ้านายของพวกมัน เมื่อไปถึงแล้วแผนทุกอย่างก็จะสมดังปรารถนา”
สวี่ชิงพยักหน้า ในนี้มีรายละเอียดอีกมากที่ต้องจัดการ แต่เห็นได้ชัดว่านายกองมีพรสวรรค์ด้านการปลอมตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นรายละเอียดพวกนี้สวี่ชิงจึงไม่กังวล
เขาวิเคราะห์แนวโน้มคร่าวๆ รู้สึกว่าเรื่องนี้ทำได้
“ไปที่ใดของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์” สวี่ชิงถาม
“เขตปกครองบูรพารกร้างของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์!” นายกองพูดเสียงต่ำ
“ในแผ่นดินคลื่นศักดิ์สิทธิ์มีสิบสี่เขตปกครอง ในนั้นเขตปกครองบูรพารกร้างอยู่ติดกับเขตปกครองผนึกสมุทร ในนั้นมีสถานที่ประหลาดแห่งหนึ่งชื่อว่าเซียนแท้สิบลำไส้!”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง เขามีความรู้ความเข้าใจในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่มากนัก แต่ได้ยินชื่อนี้ก็ยังรู้สึกแปลกประหลาดไปตามสัญชาตญาณ รู้สึกไม่สบายไปทั่วทั้งร่าง
สังเกตเห็นสีหน้าของสวี่ชิง นายกองก็เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“รู้สึกว่าชื่อแปลกประหลาดมากใช่หรือไม่ เซียนแท้สิบลำไส้ ที่พูดถึงคือต้นไม้ประหลาดที่ขดไปมาเหมือนกับลำไส้เสียดทะยานสู่ท้องฟ้าสิบต้น
“ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ดำรงอยู่นานมาก ก่อนที่เทพเจ้าจะมา ขอบเขตของมันแผ่ลามไปครึ่งค่อนพื้นที่ หมื่นเผ่าในพื้นที่นี้เคารพบูชา เซ่นไหว้
“ว่ากันว่าตอนนั้น สายตาที่จับจ้องของหมื่นเผ่าพื้นที่แถบนี้ล้วนมองไปที่กิ่งก้านสาขาของมัน บนนั้นมีศพแขวนอยู่จำนวนนับแทบไม่ถ้วน ล้วนแต่ถูกสังเวยให้กับเทพเจ้า ว่ากันว่าทำแบบนี้จะได้รับการประทานพร ต่อให้เป็นจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวก็ไม่ได้ขัดขวางธรรมเนียมประเพณีของพื้นที่แถบนี้
“แน่นอน นี่เพราะว่าเซียนแท้สิบลำไส้นี่ยังมีอีกตำนานหนึ่ง” นายกองดวงตาเป็นประกาย
“ว่ากันว่า เซียนแท้สิบลำไส้นี้ก่อนห้วงเวลาอันเนิ่นนานนิรันดร์ แปลงมาจากเผ่าเซียนพิบัติตนสุดท้ายที่สำเร็จกลายเป็นเซียน!”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง
“เผ่าเซียนพิบัติลึกลับเกินหยั่ง พวกเขาคิดว่าลำไส้คือล้อที่ทะลุผ่านชีวิต เป็นจุดเริ่มต้นของรากฐานทุกอย่าง ในเสี้ยวขณะที่จะสำเร็จเป็นเซียนจะต้องผ่าร่างของตัวเอง ใช้ร่างเป็นไม้เสริมแรงให้กับล้อ ส่งลำไส้ศักดิ์สิทธิ์ไปในฟ้าดิน จึงจะดูดซับสารอาหารหล่อเลี้ยงของโลกได้
“ในตำนาน เผ่าเซียนพิบัติตนนี้สุดท้ายทำได้สำเร็จ เขาแปลงเป็นเซียนแท้จริงของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ และเซียนแท้สิบลำไส้ก็คือร่างของเขา…แต่การมาเยือนของเทพเจ้าก็ได้ผนึกเขาไว้ ตอนนี้หลับไหลสู่ห้วงนิทราลึก”
นายกองพูดพลางหยิบผิงกั่วและลูกท้อออกมาอย่างละลูก ยื่นผิงกั่วให้สวี่ชิง ตัวเองกัดลูกท้อคำหนึ่ง พูดต่อไป
“อย่างนี้ก็เรียกว่าเซียนได้หรือ” สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก นี่ไม่เหมือนกับเซียนในจินตนาการของเขา
“คิดไม่ถึงล่ะสิว่าเซียนแท้จริงจะเป็นแบบนี้ อาชิงน้อย ความเข้าใจต่อโลกใบนี้ของเจ้ายังไม่พอ วันหน้าต้องศึกษาจากศิษย์พี่ใหญ่ข้าคนนี้ให้มากๆ” นายกองกัดลูกท้อ สีหน้าแฝงด้วยความได้ใจ
สวี่ชิงรู้สึกว่ามีเหตุผล พยักหน้าอย่างจริงจัง
ดวงตานายกองแฝงความหมายลึกล้ำ เอ่ยเสียงเบาออกมา
“เจ้าคิดว่าเซียนเป็นอย่างไรหรือ เผ่ามนุษย์เราคิดว่าต้องมีท่วงท่าดุจเทพเซียน ไร้กิเลสไร้มลทิน ลอยล่องรางเลือน
“แต่ความเข้าใจของแต่ละเผ่าไม่เหมือนกัน เผ่าเซียนพิบัติคิดว่าเซียนก็คือสิบลำไส้ และยังมีต่างเผ่าอีกมากมาย ในเทพนิยายของเผ่าพันธุ์พวกเขามีรูปร่างหน้าตาลักษณะที่หลากหลาย
“วันหน้าสถานที่ที่พวกเราจะไปมากมาย เจ้าจะได้เห็นเรื่องแปลกพิลึกนับไม่ถ้วน
“โลกใบนี้น่าสนุกมากเลยจริงๆ” นายกองหัวเราะ
ในใจสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่น ทอดสายตามองไปที่ไกล
เสียงของนายกองดังออกมาต่อ
“ป่าที่โอบล้อมเซียนแท้สิบลำไส้รอบๆ มันกว้างใหญ่ไพศาล พวกเราครั้งนี้จะไปที่นั่น!
“ป่าเซียนแท้สิบลำไส้ผืนนั้น ทุกร้อยปีจะมีผลมรรคาเซียนแท้มากมาย แน่นอนว่าหน้าตาของผลไม้นี่ค่อนข้างแปลกประหลาด เหมือนกับดวงตาเปี๊ยบเลย
“ผลไม้ประเภทนี้กินไม่ได้ กินแล้วจะเป็นบ้า เกิดบุคลิกนิสัยขึ้นมากมาย แม้แต่พวกสำนักเซียนล้ำบารมีพวกนั้น ต่อให้เคล็ดวิชาจำเป็นต้องมีหลายบุคลิกก็ยังไม่กล้ากิน
“แต่ผลมรรคาเซียนแท้นี่กลับเป็นวัตถุดิบล้ำค่าทำให้ของวิเศษอาวุธเวทที่หลอมออกมามากมายพลานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ราคาจึงไม่ธรรมดาเลย
“และเนื่องจากทางการของเมืองหลวงเขตปกครองไม่ได้มีการติดต่อด้านการค้ากับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นทุกปีจึงมีภารกิจซื้อผลมรรคาชนิดนี้ ผลมรรคาหนึ่งลูกให้หนึ่งหมื่นแต้มกองทัพ!
“ครั้งนี้หากพวกเราหาผลมรรคานี่มาได้หลายๆ ร้อยลูก นั่นจะมิใช่แต้มกองทัพหลายๆ ล้านแต้มหรอกหรือ
“เป็นอย่างไร อาชิงน้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าคนนี้เยี่ยมยอดหรือไม่ นี่เป็นเส้นทางการทำการใหญ่ที่ข้าขุดจากกรมบันทึกแต้มอยู่ตั้งนานกว่าจะขุดมาได้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่เป้าหมายแรกเท่านั้น หลังจากนี้ยังมีการใหญ่อื่นอีก…”
นายกองสีหน้าแฝงด้วยความได้ใจนิดๆ หลังจากกินลูกท้อหมดไปลูกหนึ่ง ก็เอาออกมาอีกลูกแล้วกัดไปคำหนึ่ง
สวี่ชิงแสดงท่าทีเลื่อมใสนับถือออกมาตามสัญชาตญาณ ดวงตาฉายแววขบคิด
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอย่าทำอย่างขอไปทีแบบนี้ได้หรือไม่ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเจ้าเป็นข้าที่สอนเจ้านะ…” นายกองมองสวี่ชิงอย่างคาดหวัง
สวี่ชิงพยักหน้า ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าแฝงด้วยความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“ศิษย์พี่ใหญ่ รอบๆ เซียนแท้สิบลำไส้นอกจากจะเป็นต้นของมันเองแล้วยังมีกับดักหรืออันตรายอะไรหรือไม่ อีกทั้งวัตถุที่สำคัญถึงเพียงนี้ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์น่าจะเก็บไปถึงจะถูกมิใช่หรือ”
นายกองมองการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของสวี่ชิง ฝืนยอมรับ กินลูกท้อพลางอธิบายแผนการของตัวเองต่อไป
“เซียนแท้สิบลำไส้นั่นเดิมมีอันตราย แต่ตอนนี้อยู่ในห้วงนิทรา
“และรอบๆ ป่าที่แปลงมาจากเซียนแท้สิบลำไส้ หลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากมีผลมรรคา จึงเกิดรัฐเล็กๆ จำนวนหนึ่ง รัฐเล็กๆ พวกนี้ล้วนอาศัยพึ่งพิงสี่ราชวงศ์ในแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์
“ทุกครั้งที่ผลมรรคาสุก รัฐเล็กๆ พวกนี้ก็จะรับผิดชอบเก็บเกี่ยว เป็นบรรณาการให้แก่ราชวงศ์ของตัวเอง
“อันตรายก็มีอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่ฐานะเผ่าฟ้าทมิฬของพวกเรา ขอเพียงแต่จัดการอย่างละเอียด การใหญ่นี้สำเร็จแน่นอน!”
นายกองเลียริมฝีปาก ในดวงตาฉายแบบบ้าคลั่ง
“ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือพวกเราจะไปอย่างไร หากไปด้วยฐานะเผ่าฟ้าทมิฬเลย ค่อนข้างกะทันหัน” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา
นายกองมั่นใจ ท่าทางเหมือนอยู่ในแผนการของตัวเอง
“ต้นเซียนแท้สิบลำไส้ในยามใกล้สุกล้วนต้องการสารอาหารพิเศษประเภทหนึ่ง ชื่อว่าหินเมฆมารดร สารอาหารประเภทนี้แม้ที่อื่นจะมีผลิตเหมือนกันแต่ก็ไม่มากนัก มีเพียงมณฑลประกายอรุณเขตปกครองผนึกสมุทรเราเท่านั้นที่ผลิตเยอะ
“ดังนั้น ทุกครั้งในเวลาที่ผลมรรคาประเภทนี้ใกล้จะสุก ก็จะมีขบวนสินค้าเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มากมายแอบเข้ามา ลักลอบขนหินเมฆมารดร แม้ทางการจะไม่ทำการค้ากับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ แต่ตระกูลเหยาสนับสนุนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
“นี่ก็คือรายได้สำคัญรายการหนึ่งของตระกูลเหยา”
พูดถึงตรงนี้ นายกองก็มองดวงตาสวี่ชิง
“เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือยัง อาชิงน้อย”
ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายประหลาด เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ให้ขบวนสินค้าหนึ่งในนั้นเป็นฝ่ายส่งพวกเราเข้าไปเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เอง!”
นายกองหัวเราะฮ่าๆ ดวงตาทั้งสองฉายประกายวาววับ
“ใช่แล้ว!
“ข้าวางแผนแล้ว ในตอนนั้นที่ข้าให้เจ้าสังเกตภาพบันทึกเงาเผ่าฟ้าทมิฬพวกนั้นก็เพื่อการนี้ พวกเราปลอมตัวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬ เรื่องนี้ข้ามั่นใจ และมีการเตรียมตัวด้วย
“และแม้การที่เผ่าฟ้าทมิฬถูกผู้คุมกระบี่จับกุมจะเป็นความลับ แต่ข้าก็ได้แอบปล่อยเรื่องนี้ให้กับขบวนสินค้าเป้าหมายขบวนหนึ่ง ทำให้พวกมันรู้ว่ามีเรื่องนี้ แต่พวกมันไม่รู้ว่าจับเผ่าฟ้าทมิฬไปกี่ตน
“จากนี้ สิ่งที่พวกเราจะทำก็คือแสดงละครฉากหนึ่ง เรื่องนี้ต้องมีผู้ครองกระบี่ให้ความร่วมด้วย…
“เจ้ากับข่งเสียงหลงสนิทสนมกันปานนั้น เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการแล้วเป็นอย่างไร” นายกองพูดเสียงต่ำ
สวี่ชิงคิดๆ แล้วพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ พวกเราจะออกเดินทางกันตอนเช้าวันรุ่งขึ้น!” นายกองสูดลมหายใจลึก ในดวงตาฉายแวววาดหวัง
“อาชิงน้อย ครั้งนี้พวกเรารวยแล้ว อีกทั้งยังไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน พวกเราไปด้วยฐานะเจ้านาย!”
สวี่ชิงฟังเข้าใจแล้ว ครั้งนี้อันตรายแสนสาหัส แต่ว่าเขาเตรียมตัวก็พร้อมมากเช่นกัน อีกทั้งหากสำเร็จแต้มกองทัพก็น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ดังนั้นในดวงตาก็ฉายแวววาดหวังออกมาเช่นกัน เขาปรารถนาในแต้มกองทัพเป็นที่สุด
ส่วนเรื่องนี้หลังจากที่สำเร็จแล้วทั้งสองคนจะกลับอย่างไร สวี่ชิงไม่ได้ถาม เขาลงมือทำการใหญ่กับนายกองหลายครั้ง จังหวะของทั้งสองคนคือช่วงแรกสมัครสมานสามัคคีร่วมใจ หลังจากสำเร็จแล้วแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต
ตอนนี้มองนายกองจากไปจนลับสายตา สวี่ชิงหยิบแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา สื่อเสียงไปหาข่งเสียงหลง แต่ไม่ได้พูดทั้งหมด แค่เอ่ยสิ่งที่ต้องการออกไป ข่งเสียงหลงเมื่อได้ฟังก็หัวเราะฮ่าๆ
“ปลอมตัวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬ ความคิดดี ข้าไปด้วยคน!”
“ข้ากับศิษย์พี่ใหญ่ข้า…” สวี่ชิงลังเล
“เอ่อ…เช่นนั้นข้าไม่ไปแล้ว สวี่ชิง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบฟัง แต่ข้าก็ยังต้องเตือนเจ้า ระวังศิษย์พี่ใหญ่ของเขา เขาประกายแสงแค่จั้งเดียว พึ่งไม่ได้ อย่าถูกเขาหลอกเอาได้”
สวี่ชิงหัวเราะเสียงขื่น คุยกับข่งเสียงหลงอีกสองสามประโยค หลังจากนัดรายละเอียดในวันพรุ่งนี้แล้ว ก็จบการสื่อเสียง
เห็นว่าดึกแล้ว สวี่ชิงจัดระเบียบถุงเก็บของครู่หนึ่ง คิดถึงว่าเวลาในการออกไปข้างนอกครั้งนี้ไม่แน่นอน ดังนั้นแล้วจึงสื่อเสียงหาจอมเซียนจื่อเสวียนบอกเรื่องที่จะออกไป
ทำทุกอย่างพวกนี้เสร็จ เขาขัดสมาธินั่งสมาธิ รอฟ้าสว่าง
เพียงแต่…ฟ้ายังไม่ทันสาง นอกหอกระบี่ของเขาก็มีคนมา
เป็นจอมเซียนจื่อเสวียนนั่นเอง
นางที่เดินเข้ามา กลิ่นหอมในตัวนางตลบอวลทั้งหอกระบี่ นางมองสวี่ชิง ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เอ่ยเสียงเบา
“เจ้าออกไปทำอะไร ข้าไม่ขัดขวาง เพียงแต่การคุ้มครองในตัวเจ้าไม่พอ ข้าจะเพิ่มให้เจ้า”
เงาร่างงดงามอยู่นอกประตูข้างหลัง แสงจันทร์ที่สาดทอราวแม่น้ำไหลรินลงบนกระโปรงของนาง และส่องมาบนพื้น
จื่อเสวียนใต้แสงจันทร์เหมือนยืนอยู่กลางแม่น้ำจันทรา สีหน้าท่าทางงดงามสง่าและสายตาที่อ่อนโยน ประดุจดอกบัวที่บานสะพรั่งกลางแม่น้ำจันทราดอกหนึ่งที่รักษาความสงบของตัวเองเอาไว้