ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 419 ครูเจียง
ตอนที่ 419 :ครูเจียง
ประมาณแปดโมง นักเรียนก็เริ่มทยอยมาโรงเรียนตามปกติ เด็ก ๆ ถือกระเป๋านักเรียนและร้องเพลงที่ครูหลี่สอนพวกเขา
“ดวงอาทิตย์ส่องแสงบนท้องฟ้า ดอกไม้ก็ยิ้มให้ฉัน
นกน้อยร้องว่า เร็ว เร็ว เร็ว เหตุใดจึงถือกระเป๋านักเรียนใบเล็ก ?
ฉันไปโรงเรียน,
มาเช้าทุกวัน,
รักการเรียนรู้และรักการทำงาน,
เมื่อโตก็ควรทำประโยชน์ให้กับสังคม
……”
เจียงเสี่ยวไป๋และลูกสาวของเขายืนอยู่บนเนินเขามองดูเด็ก ๆ เหล่านี้เดินเข้ามาในโรงเรียนจากระยะไกลและฟัง ‘เพลงไปโรงเรียน’ ที่พวกเขาร้อง
เพลงนี้ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 1950-1960 เพราในตอนเด็ก เขาก็เคยร้องมันเหมือนกัน ทำนองที่เรียบง่ายและสนุกสนานช่วยปลุกความทรงจำของเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
มันทำให้เขาเห็นภาพตัวเองตอนที่ยังเป็นเด็กที่กำลังสะพายกระเป๋านักเรียนวิ่งไปโรงเรียนท่ามกลางแสงแดดยามเช้า
“ป่าป๊าคะ พี่ ๆ นักเรียนร้องเพลงกันทุกวันที่ไปโรงเรียนเลยหรือเปล่าคะ ? ” เจียงชานถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ใช่ ดูสิว่าพวกเขามีความสุขแค่ไหนเมื่อไปโรงเรียน ! ”
เจียงชานพยักหน้า “หนูเคยคิดว่าการไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีความสุขแบบนี้ มันทำให้หนูอยากร้องเพลงไปโรงเรียนทุกวันเลยค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปยิ้มให้ลูกสาว “การไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่มีความสุข เพราะการไปโรงเรียนเป็นก้าวแรกสำหรับคนที่จะก้าวออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ไปเติบโตในสังคม มนุษย์ไม่ได้มีเพียงสังคมครอบครัวเท่านั้น เรายังต้องออกไปเจอสังคมภายนอก ไปมีปฏิสัมพันธ์อื่นนอกเหนือจากคนในครอบครัว เช่น ครู เพื่อนร่วมชั้น และเพื่อนสนิท”
เจียงชานมองดูเด็ก ๆ ที่เข้ามาในโรงเรียน ใบหน้าเล็กๆ ของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนา
หลังจากนั้นไม่นาน นักเรียนมากกว่าสามสิบคนก็มาถึงโรงเรียน
ครูใหญ่จางเดินขึ้นบันไดหน้าเสาธงไป ตรงนั้นมีระฆังแขวนอยู่ เขาหยิบค้อนอันเล็ก ๆ ขึ้นมาตีลงไปที่ระฆังจนเกิดเสียงดัง
“เต้ง เต้ง เต้ง เต้ง……”
เมื่อเสียงเตือนดังขึ้น เด็ก ๆ ทุกคนก็เดินออกมาจากห้องเรียน มายืนเข้าแถวอยู่ที่หน้าเสาธงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ครูใหญ่จางเดินช้า ๆ ไปที่หน้าเสาธง เขามองดูนักเรียนทุกคนที่มาในวันนี้ว่ามีใครขาดไปบ้าง
“ส่งตัวแทนขึ้นมาชักธงชาติได้ ! ”
ในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งนี้ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตราบใดที่ฝนไม่ตก ครูและนักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะมายืนเคารพธงชาติแบบนี้ทุกเช้า
เมื่อเสียงของครูใหญ่จางดังขึ้น นักเรียนสามคนก็ก้าวออกจากแถว ทั้งสามเดินไปที่เสาธงอย่างมั่นคง เด็กผู้ชายตรงกลางเชิญธงชาติ เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ สองคนดึงเชือกเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสา
“พิธีเชิญธงชาติเริ่มต้นขึ้น ! ”
“เคารพธงชาติและร้องเพลงชาติ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานก็ยืนขึ้นและร้องเพลงตาม “สร้างกำแพงเมืองใหม่ของเราด้วยเนื้อและเลือดของเรา……”
หลังจากร้องเพลงชาติจบ ธงสีแดงสดก็โบกสะบัดบนยอดของเสาธง
“เชิญธงชาติเสร็จแล้ว ต่อไปครูขอเชิญเหอเมี่ยวเมี่ยวขึ้นมาพูดสุนทรพจน์”
เด็กหญิงอายุสิบขวบเดินออกจากแถวมาที่หน้าเสาธง เธอยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้นและกล่าวทักทายนักเรียนทุกคน ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาอ่านเสียงดัง
“วันนี้ ฉันจะมาพูดสุนทรพจน์เรื่อง รำลึกถึงครูหลี่ผู้เป็นที่รักของเรา”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ครูหลี่กำลังสอนพวกเราในห้องเรียน เธอกำลังพาพวกเราอ่านออกเสียง แต่จู่ ๆ เธอก็ล้มลงหน้าห้อง”
“……”
“จากนั้น ครูหลี่ก็จากพวกเราไปตลอดกาล แต่เสียงและรอยยิ้มของเธอยังคงอยู่ในใจและความทรงจำของพวกเราตลอดไป”
”เราจะคิดถึงครูหลี่ผู้เป็นที่รักของเราตลอดไป ! ”
เหอเมี่ยวเมี่ยวน้ำตาไหลหลังจากอ่านข้อความที่เขียนลงบนกระดาษในมือของเธอ มันทำให้นักเรียนทุกคนที่อยู่ด้านล่างหลั่งน้ำตาขณะปรบมือให้เธอเช่นกัน
จากนั้น เหอเมี่ยวเมี่ยวก็หยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เรามาร้องเพลงให้ครูหลี่กันอีกครั้งเถอะ ! ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เริ่มร้องเพลงออกมา “ดวงดาวส่องแสงอย่างเงียบ ๆ ในยามดึก เรามาร้องเพลงด้วยกัน ! ”
“ดวงดาวส่องแสงในคืนอันเงียบสงบ
ห้องครูสว่างทั้งคืน,
ทุกครั้งที่ฉันเดินเบา ๆ ริมหน้าต่างของเธอ
มีแสงสว่างส่องเข้ามาในหัวใจของฉัน
โอ้ว…ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเธอ,
เธอคือคุณครูที่ดีที่สุด,
คลื่นแห่งความอบอุ่นพัดระลอกมาในใจฉัน
……”
นักเรียนทุกคนร่วมกันร้องเพลงนี้ แล้วจบเพลงนี้ด้วยความรัก จากนั้นเหอเมี่ยวเมี่ยวก็เดินกลับมาเข้าแถว
ครูใหญ่จางยืนอยู่ใต้เสาธง หลังของเขาโค้งเล็กน้อย
แต่ในสายตาของเจียงเสี่ยวไป๋ ครูใหญ่จางดูเหมือนยืนตรงราวกับเสาธง
เขาเป็นคนเดียวที่ดูแลทั้งโรงเรียนด้วยใจกายที่เหลืออยู่
ครูใหญ่จางมองเด็กเหล่านี้ด้วยความรักความเอ็นดู แล้วพูดว่า “นักเรียน วันนี้ครูมีข่าวดีมาบอก ในไม่ช้า โรงเรียนประถมของเราจะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น เราจะมีห้องเรียนที่กว้างขึ้น มีโต๊ะ กระดานดำใหม่เหมือนในเมือง มีห้องสมุดที่ให้ทุกคนได้ไปค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างเต็มที่”
นักเรียนทุกคนมองไปที่ครูใหญ่จางด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า “ครูใหญ่คะ มันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ ? ”
ครูใหญ่จางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “สิ่งที่ครูพูดเป็นความจริง เพื่อนสมัยเรียนของครูหลี่บริจาคเงินสร้างโรงเรียนใหม่ให้กับหมู่บ้านบนภูเขาของเรา ! ”
เด็กกว่าสามสิบคนที่ยืนเข้าแถวในสนามต่างก็ตื่นเต้นกันทันที
“เพื่อนของครูหลี่บริจาคเงินสร้างโรงเรียนใหม่งั้นเหรอ สุดยอดมาก ! ”
“ครูใหญ่จะไม่โกหกพวกเราใช่ไหม ! ”
“หนูตั้งตารอจริงๆ ว่าโรงเรียนใหม่จะเป็นอย่างไร ! ”
“น่าเสียดายที่ครูหลี่ไม่ได้มาเห็นกับพวกเรา ! ”
“……”
เหอเมี่ยวเมี่ยวที่ออกมาพูดหน้าเสาธงไม่ได้มีท่าทีดีใจเหมือนคนอื่น ๆ เธอพูดเสียงดังว่า “ครูใหญ่จาง ตอนนี้ครูหลี่จากไปแล้ว โรงเรียนเราเหลือครูใหญ่แค่คนเดียว แล้วการสร้างโรงเรียนใหม่จะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ? ”
คำพูดของเธอเหมือนเป็นน้ำเย็นที่สาดหน้าเด็กหนักเรียนทุกคนให้ตื่นจากภวังค์ ซึ่งทำให้ความกระตือรือร้นของนักเรียนที่เต็มไปด้วยความคาดหวังดับมอดลงในทันที
“ใช่แล้ว การมีโรงเรียนแต่ไม่มีครูจะมีประโยชน์อะไร ? ”
“พ่อของฉันบอกว่าสุขภาพของครูจางก็ไม่ดีนัก จึงไม่อยากให้ครูจางเหนื่อยไปกว่านี้ เขาจึงคิดจะให้ฉันออกจากโรงเรียน”
“ฉันก็อยากลาออกจากโรงเรียนเหมือนกัน ! ”
“……”
ครูใหญ่จางได้ฟังคำพูดของเด็ก ๆ ด้วยความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปบนเนิน ที่ที่เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ มันทำให้ใจของเขาก็มั่นคงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พูดออกมาเสียงดัง “นักเรียน แม้ว่าครูหลี่จะจากเราไป แต่ครูนับพันคนที่รอสนับสนุนที่นี่จะมาแทนเธอแน่นอน ไม่ต้องกังวล ! ”
“ในอนาคต เราจะไม่เพียงแต่มีห้องเรียนใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโต๊ะใหม่ สนามเด็กเล่นใหม่ ห้องสมุด และครูอีกมากมาย ในอนาคตโรงเรียนประถมศึกษาซานฮัวจะเหมือนกับโรงเรียนทั่วไปในเมือง ที่จะเปิดสอนระดับชั้นอนุบาล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 …ไปจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ……”
คำพูดของครูใหญ่จางทำให้ทั้งสนามเงียบลง
เด็ก ๆ ทุกคนมองไปที่ครูใหญ่จางด้วยสายตาคาดหวังอีกครั้ง
พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ครูใหญ่จางพูดออกมาจะเป็นเรื่องจริง !
ครูใหญ่จางพูดต่อว่า “นักเรียน สิ่งที่ครูพูดออกไปนั้นเป็นความจริงแน่นอน เพราะผู้ที่จะบริจาคเงินสร้างโรงเรียนใหม่และหาครูมาให้กับเรา เขาชื่อเจียงเสี่ยวไป๋ เขาเป็นเพื่อนของครูหลี่ แต่ทุกคนสามารถเรียกเขาว่าครูเจียงก็ได้”
“คราวนี้เขามาเยี่ยมหลุมศพของครูหลี่ และยังเอาหนังสือหลายเล่มที่ทุกคนชื่นชอบมาฝาก ทุกคนสามารถไปที่ห้องทำงานของครูหลังเลิกเรียน เพื่อรับหนังสือไปอ่าน”
“นอกจากนี้ ตอนเที่ยงของวันนี้ ครูเจียงยังจะทำอาหารให้ทุกคนกินกัน เขาบอกว่าเขาจะเลี้ยงหม้อไฟพวกเรา ! ”
คำพูดของครูใหญ่จางเปรียบเสมือนการโยนเกลือจำนวนมากลงในกระทะน้ำมัน มันเกิดปฏิกิริยารุนแรงขึ้นมาทันที ในตอนนี้ นักเรียนทุกคนในสนามกำลังส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น
“ครูเจียง ! ”
“ครูเจียง ! ”
“……”
เด็กทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ออกมาดังลั่นสนาม