ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 418 เฝ้าทั้งคืน
ตอนที่ 418 :เฝ้าทั้งคืน
เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม หมู่บ้านบนภูเขายามค่ำคืนเริ่มอากาศเย็นเล็กน้อย
ชาวบ้านที่ตีนเขาต่างหลับใหลกันไปหมดแล้ว แสงไฟฉายของเจียงเสี่ยวไป๋จึงดึงดูดความสนใจของสุนัขสองสามตัว แต่เมื่อเขาเดินไปตามทางลาดด้านตะวันออก สุนัขเหล่านั้นก็หยุดเห่า มีเพียงเสียงของจิ้งหรีดเรไรที่เกาะตามดอกไม้ใบหญ้าส่งเสียงดังขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เขามองขึ้นไปท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและพระจันทร์เสี้ยว
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่หลุมศพของหลี่ม่านม่าน ธูปที่เขาจุดเคารพศพในช่วงบ่ายถูกเผาไปจนหมดแล้ว แต่เทียนสีขาวสองเล่มยังคงเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะมันถูกดับไปเสียก่อน
อาจจะเป็นเพราะลมที่พัดจนมันดับไป
เขานั่งยองอยู่หน้าหลุมศพ หยิบไม้ขีดออกมาจุดเทียนสีขาวสองเล่มนั้น เปลวไฟเล็ก ๆ สองดวงพลิ้วไหวไปตามสายลมยามค่ำคืน ราวกับว่าพวกมันพร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูทิศทางลมและนั่งลงใกล้สุสาน เพื่อบังลมไม่ให้เทียนดับ
ร่างกายของเขากันลมไว้ ทำให้เปลวไฟของเทียนสองเล่มลอยสูงขึ้นและเผาไหม้ตามปกติ
เขาหยิบบุหรี่ออกมาสูบแล้วพ่นควันออกไป
“ม่านม่าน ฉันมาหาเธออีกครั้งแล้วนะ ! ”
“เมื่อตอนที่ฉันเดินออกไปตอนบ่าย พอมองย้อนกลับมาที่สุสาน ราวกับว่าฉันเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง ! ”
“วันนี้เป็นเทศกาลฉงหยางแล้ว อืม แม้จะใกล้จะหมดวันแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงเที่ยงคืน”
“ฉันนำสุรามาด้วย ไม่รู้ว่าเธอเคยดื่มมาก่อนหรือเปล่า แต่ไม่สำคัญ ดื่มไม่เป็นสามารถฝึกได้ ! ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เปิดฝาขวดเหมาไถ เทลงบนพื้นหน้าสุสาน จากนั้นก็ยกขวดขึ้นกระดก
“ปกติฉันไม่ชอบดื่ม แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าอยากดื่มเป็นพิเศษ”
“ถ้าเธอดื่มไม่เก่ง งั้นก็ดื่มสักหน่อยก็ได้”
เขาเทเหล้าลงบนพื้นอีกเล็กน้อย แล้วก็กระดกดื่มไปอึกใหญ่ ก่อนจะร้องเพลงเบา ๆ :
“เป็นวันที่ 9 เดือน 9 อีกครั้ง
มันยากที่จะรวมตัวกันในคืนวันฉงหยาง
ผู้คนคิดถึงบ้าน,
แต่พวกเขากำลังระเห็จระเหอยู่ข้างนอก
……”
หลังจากร้องเพลงเบา ๆ เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “มันอาจไม่เพราะเหมือนที่ลูกสาวของฉันร้อง แต่วันนี้เป็นเทศกาลฉงหยาง และฉันก็บังเอิญมีสุราอยู่ในมือ ฉันก็เลยนึกถึงเพลงนี้”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็กระดกสุราลงไปอีกครั้ง
“อ้อ ฉันลืมเทให้เธอไปเลย ! ”
พูดจบ เขาก็เทบางส่วนลงบนพื้น
เขาคุยกับตัวเอง รินสุราลงพื้นและกระดกดื่มเองสลับกันไป ราวกับว่าหลี่ม่านม่านกำลังดื่มกับเขาจริง ๆ
“ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้ล่ะ ? ”
รอยยิ้มแหยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาพูดเยาะเย้ยตัวเอง “ในชาติที่แล้วของฉัน ฉันเป็นเพียงไอ้สารเลวที่เป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาและลูกสาวของฉันต้องกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย คนอย่างฉันไม่คู่ควรกับความรักที่จริงใจของเธอจริง ๆ ”
“ฉันต้องกลับมาอีกชาติเพื่อชดใช้ความผิดบาปของฉัน เป็นเพราะพระเจ้าเห็นว่าฉันน่าสงสาร จึงเปิดโอกาสให้ฉันได้ชดเชยความเสียใจนั้น”
ขณะที่เขาพูด น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเขา และเสียงของเขาก็สั่นเครือ “แต่… ฉันไม่ได้คาดคิดว่าคนที่ฉันทำร้ายจะไม่ได้มีแค่ภรรยาและลูกสาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเธอด้วย ! ”
ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ไม่ว่าเขาจะติดหนี้เท่าไร วันหนึ่งเขาจะต้องหามาคืนตราบใดที่เขายังไม่ตาย แต่หนี้ใจนั้น ไม่สามารถชำระคืนได้
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างช่วยไม่ได้ “เธอจากไปกะทันหัน โดยไม่ให้โอกาสฉันได้ขอโทษด้วยซ้ำ”
ลมบนเนินเขาเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ลมยามค่ำคืนพัดผ่านมา ทำให้ดอกไม้ป่าโบกไปมาทั่วภูเขา แมลงส่งเสียงร้องเซ็งแซ่บนพื้นหญ้า แม้แต่เมฆสีเทาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายังเคลื่อนเข้ามาบดบังแสงจันทราและแสงดาว ทำให้ท้องฟ้าดูมืดมน ค่ำคืนนี้ดูมืดมิดลงไปทันที
เจียงเสี่ยวไป๋นั่งอยู่หน้าสุสาน และพูดออกมาทีละประโยคด้วยความเศร้าใจ
“ม่านม่าน เธอจากไปแล้ว แต่ฉันรู้ว่าเธอใส่ใจนักเรียนของเธอมาก ! ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอเลยตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเมื่อเธอจากไป ฉันก็คงทำได้เพียงทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเธอ ! ”
“ฉันได้บอกครูใหญ่จางแล้วว่าโรงเรียนจะได้รับการปรับปรุงใหม่ในอีกไม่ช้า เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถมีห้องเรียนที่กว้างขวาง แสงสว่างเข้าถึง และให้พวกเขาใช้โต๊ะใหม่และกระดานใหม่ได้อย่างเต็มที่”
“ฉันจะสร้างสนามเด็กเล่นที่กว้างขวางเพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้เล่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ นอกจากนี้ฉันยังจะสร้างห้องสมุด เพื่อให้พวกเขาสามารถว่ายออกไปในมหาสมุทรแห่งความรู้เหมือนกับเด็ก ๆ ที่อยู่ข้างนอก”
“และเธอไม่ต้องกังวลเรื่องครู ฉันมีข่าวดีมาบอก ฉันวางแผนที่จะปรับปรุงโรงเรียนและจะหาครูอาสามาสอนนักเรียนที่นี่ โดยให้พวกเขาสลับกันมาสอน 1 ภาคเรียน ไม่ว่าเด็ก ๆ ที่นี่จะมีจำนวนเท่าไรก็ตาม พวกเขาจะถูกแบ่งออกตามชั้นเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เช่นเดียวกับโรงเรียนประถมทั่วไปและจะมีครูอย่างน้อย 1 คนในแต่ละระดับชั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋เทสุราลงบนพื้น แล้วกระดกดื่มลงไป ก่อนจะพูดว่า “เธอจะหัวเราะเยาะฉันที่ใช้ครูเปลืองไหม ? ”
เขาโบกขวดสุราในมือแล้วพูดว่า “ไม่! ฉันแค่อยากให้ครูเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อสั่งสมคุณธรรมและประสบการณ์ในการสอนเหมือนที่เธอและครูใหญ่มี และให้ความรู้แก่เด็ก ๆ อย่างจริงใจ”
“สำหรับคนเป็นครู การสั่งสอน การไขข้อสงสัย และการให้ความรู้เป็นเพียงหน้าที่พื้นฐานเท่านั้น เพราะสิ่งที่ครูควรมีอย่างแท้จริงคือคุณธรรมความเป็นมนุษย์ ในเรื่องนี้เธอและครูใหญ่จางต่างก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาได้”
“แน่นอน เธอไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ได้นาน เพราะไม่เพียงแต่ฉันจะให้ค่าจ้างที่สูงแก่พวกเขาเท่านั้น แต่ฉันยังจะสร้างหอพักครูที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ครูได้มีที่อยู่อาศัยที่ดี มีที่ทำงานที่สงบสุข เพื่อให้พวกเขาพึงพอใจ”
“เธอไม่ต้องกังวลว่าเด็ก ๆ ของเธอจะไม่มาโรงเรียน เนื่องจากครอบครัวของพวกเขายากจน ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเทอม”
“ในอนาคต เมื่อเด็ก ๆ มาโรงเรียน นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแล้ว ยังจะได้กินอาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีอีกด้วย ถ้าเรียนดี ก็จะได้รับทุนการศึกษาด้วย”
“ลองคิดดูว่าถ้าเด็ก ๆ ที่นี่ตั้งใจเรียนเพื่อให้ได้ทุนการศึกษา ก็ยังดีกว่าต้องให้พ่อแม่ของพวกเขาทำไร่ไถ่นาเพื่อส่งเรียน และชาวบ้านที่นี่ก็คงจะสนับสนุนการเรียนของลูก ๆ พวกเขามากขึ้น”
“อย่างไรก็ตาม โรงเรียนประถมที่ฉันก่อตั้งในชิงโจวและเจี้ยนหยางจะถูกเรียกว่า ‘โรงเรียนประถมศึกษาฉิวซู่’ และชื่อของเธอคือหลี่ม่านม่าน ซึ่งมาจากความหมายที่ว่า ‘ถนนข้างหน้านั้นยาวไกล จงแสวงหาด้วยสุดกำลังที่มี’ ซึ่งบ่งบอกถึงจิตวิญญาณแห่งการค้นหาและการเรียนรู้ในทุกทิศทาง”
“ฉันจะสร้างรูปปั้นของเธอที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียน สลักชื่อและคุณงามความดีที่เธอได้ทำ เพื่อให้นักเรียนทุกคนที่มาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ในอนาคตได้รู้ว่ามีครูที่ดีแบบนี้อยู่ และจดจำคุณงามความดีของเธอที่ได้ทำเพื่อโรงเรียน”
“นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้”
“ฉันไม่สามารถตอบแทนความรักของเธอที่มีต่อฉันได้ คืนนี้ฉันจะอยู่กับเธอ ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะมาเยี่ยมเธอทุก ๆ เทศกาลฉงหยาง ! ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็เทสุรามากกว่าครึ่งหนึ่งลงบนพื้น และกระดกดื่มที่เหลือให้หมดในอึกเดียว ก่อนจะวางขวดสุราลงแล้วนอนพิงหลุมศพหลับไปอย่างช้า ๆ
คืนนั้นเขานอนหลับสนิท ไม่ฝันถึงอะไรเลย
บางทีหลี่ม่านม่านก็คงจะนอนหลับอย่างสงบไปพร้อมกับเขาเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ขอบฟ้าทางทิศตะวันออกก็เริ่มสว่างขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋จึงค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา
เมื่อคืนเขาดื่มมากไป จึงทำให้ปวดหัวเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนขึ้นและปัดเศษดินบนก้นของเขาออก เขามองดูสุสานแล้วพูดว่า “ฉันจะกลับไปที่โรงเรียนก่อน เพราะต้องไปทำหม้อไฟให้เด็ก ๆ กินในตอนเที่ยง แล้วฉันจะมาหาเธอใหม่ ! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป
เขาจากไปอย่างสงบ โดยไม่เศร้าโศกเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว
คนเราเกิดมามีอารมณ์กันทุกคน แต่อารมณ์นั้นคงไม่อาจคงอยู่ตลอดไป เมื่อระบายอารมณ์ที่สะสมไว้ออกมาแล้ว ก็ควรกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋มาถึงสนามเด็กเล่นของโรงเรียน และเห็นว่าประตูบ้านของหลี่ม่านม่านยังคงปิดอยู่ จึงรู้ว่าเจียงชานยังไม่ตื่น
เมื่อคิดว่าเมื่อวานลูกสาวคงเหนื่อยจากการเดินทางขึ้นมาที่นี่ เขาจึงไม่คิดที่จะไปปลุกเธอ
เขายืนอยู่ในสนามเด็กเล่นและรออย่างเงียบ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าผิดหวัง เพราะไม่นาน เจ้าตัวเล็กก็เปิดประตูออกมา สองพ่อลูกสบตากัน และทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างรู้ใจกัน