ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 409 ยังไม่มีข่าวคราว
ตอนที่ 409 :ยังไม่มีข่าวคราว
การเลี้ยงปูต้องใช้บ่อที่มีขนาดเหมาะสม ที่ผ่านมาหวังผิงกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมากในเมืองชิงโจว รวมถึงที่ดินริมฝั่งแม่น้ำชิงเจียงด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋เลือกสถานที่ที่มีแสงแดดเพียงพอและขอให้หวังผิงไปหาคนมาขุดบ่อสี่เหลี่ยมยาว 20 เมตร กว้าง 20 เมตร และน้ำในบ่อต้องมีความลึกไม่เกิน 50 เซนติเมตร ขอบของบ่อทั้งหมดมีความสูงเพียง 1 เมตร ขุดแค่ 2 บ่อก็เพียงพอแล้ว
ที่ลำบากกว่านั้นคือ ต้องมีพืชน้ำในบ่อพักปูด้วย เพราะพืชน้ำไม่เพียงแต่ช่วยผลิตออกซิเจนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพน้ำในบ่อ ทำให้น้ำไม่เน่าเสียอีกด้วย
ในบ่อขุดใหม่สามารถปลูกได้เฉพาะพืชน้ำเทียมจำนวนหนึ่งเท่านั้น โชคดีที่การเลี้ยงปูใช้พืชน้ำไม่มาก จึงยังมีเวลาเอาพืชน้ำของจริงมาจากแม่น้ำ
นอกจากนี้ยังต้องเตรียมเครื่องผลิตออกซิเจนเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้กับปู และในขณะเดียวกันก็ต้องหาอุปกรณ์มามุงรอบ ๆ บ่อเพื่อป้องกันไม่ให้ปูไต่ขอบบ่อหนีออกไป
หลังจากฟังเจียงเสี่ยวไป๋จบ หวังผิงก็กล่าวว่า “เวลากระชั้นชิดไป ถ้าจะขุดบ่อต้องให้จวงปี้เฉิงนำคนงานมาช่วยกันขุดสัก 20 คนให้เสร็จภายในครึ่งวัน แล้วเราจะทำการก่อขอบบ่อ หลังจากนั้นก็ต้องปลูกพืชน้ำไว้ที่ก้นบ่อ ใส่น้ำลงไปเพื่อล้างก้นบ่อสักสองคืน รอให้ปูมาถึงแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นน้ำใหม่”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แล้วแต่จะจัดการเลย เพราะฉันมอบหน้าที่นี้ให้นายดูแล”
หวังผิงตอบตกลง จากนั้นเขาก็ไปทำงานต่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ยังบอกให้เฉินซินไปแจ้งพ่อครัวของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงทุกสาขา ว่าในวันที่ 17, 18 และ 19 ตุลาคม ให้พวกเขาไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อรับการฝึกอบรมเรียนรู้วิธีทำเมนูปูผัดเซียงล่า โจ๊กทะเล และปูขนนึ่ง
ในการเปิดตัวเมนูใหม่ แน่นอนว่าต้องเริ่มต้นจากร้านที่ดำเนินการโดยตรงก่อน
ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 31 พ่อครัวจากร้านแฟรนไชส์ทุกสาขาจะทยอยเข้าไปรับการฝึกอบรม
ซึ่งพรุ่งนี้พวกเขาจะแจ้งให้ทุกสาขาทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าแฟรนไชส์ครึ่งหนึ่งอยู่ในเขตอำเภออื่น ๆ ดังนั้นจึงต้องแจ้งกับทางสาขาล่วงหน้า
เนื่องจากปูไม่เหมือนกุ้งเครย์ฟิช ร้านแฟรนไชส์เหล่านี้จึงสามารถหาปูในท้องถิ่นของตนได้ง่ายกว่า แต่ถ้าไม่มีก็สามารถมาสั่งปูที่ชิงโจวได้
ยุคนี้การขนส่งไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากที่ชิงโจวไม่มีรถขนส่งปูไปยังเมืองต่าง ๆ ดังนั้นการส่งปูจึงต้องส่งไปกับรถรับส่งผู้โดยสารประจำทาง
โชคดีที่รถโดยสารประจำทางในยุคนี้ไม่เข้มงวดมากนัก และไม่มีข้อห้ามในการรับฝากสินค้า ตราบใดที่คุณซื้อตั๋ว ก็สามารถฝากสินค้าไปกับรถประจำทางได้
เจียงเสี่ยวไป๋ขอให้เฉินซินติดต่อไปที่แฟรนไชส์แต่ละสาขา ให้พวกเขาไปติดต่อคนขับรถประจำทางที่สถานีขนส่งในพื้นที่ที่ตนอยู่ หลังจากเจราจาเรื่องการส่งสินค้าได้แล้ว ให้พวกเขาส่งข้อมูลคนขับรถมาให้หวังผิง เพื่อที่ในอนาคต หวังผิงจะได้ไปส่งปูได้ถูก
หลังจากทำงานหนักมาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานสักที
เจียงเสี่ยวไป๋พาหลินเจียอินและเจียงชานกลับไปที่เจียงวาน
เมื่อเขามาถึงอำเภอชิงซาน เขายังคงไปที่บ้านของหลี่ม่านม่านเหมือนเคย
เดิมทีเขาคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อและแม่ของหลี่ม่านม่านก็น่าจะพาร่างของเธอกลับมาทำพิธีที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงบ้านตระกูลหลี่ ที่นี่ยังคงไม่มีข่าวคราวใด ๆ และตอนนี้หลี่เจียฟู่ หลันเหม่ย และหลี่เวยเวย พ่อ แม่และน้องสาวของหลี่ม่านม่านก็ยังไม่กลับมาเลย
แม้แต่หลี่เจียกุ้ยก็ยังรู้สึกเป็นกังวล หากเขาไม่ต้องเฝ้าบ้าน ป่านนี้เขาก็คงเดินทางไปที่ถู่เฉิงแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ปลอบใจเขาสักพัก ก่อนจะขอตัวลาออกมา
ทว่าคนส่วนใหญ่ในอำเภอชิงซานตอนนี้รู้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลหลี่
“อนิจจา ! หลี่ม่านม่านเป็นเด็กดีมาก ๆ ทำไมเธอถึงต้องมาจากไปเร็วขนาดนี้นะ ? ”
“ใช่ มันบีบหัวใจมาก ! ”
“เด็กคนนี้เก่ง เธอมีอุดมการณ์สูง เธอยอมไปทำงานในที่ห่างไกลแบบนี้มาห้าหกปีแล้ว”
“เพื่อสนับสนุนการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล เธอยอมไม่มีครอบครัวเพื่อไปสอนที่นั่น ! ”
“สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมคนดี ๆ แบบเธอถึงได้จากเราไปเร็วขนาดนี้ ! ”
“เฮ้อ……ช่างน่าหดหู่จริง ๆ ที่คนผมขาวต้องมาฝังศพคนผมดำ ! ”
“คราวนี้เจียฟู่และหลันเหม่ยคงจะเสียใจมาก ! ”
“บอกฉันหน่อย เจียฟู่กับครอบครัวของเขาหายไปไหนสองสามวันแล้ว ทำไมพวกเขายังไม่พาร่างของม่านม่านกลับมาอีกล่ะ ? ”
“เด็กผู้หญิงตระกูลหยางเป็นคนพาเจียฟู่และหลันเหม่ยไปที่ถู่เฉิง หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้ข่าวอะไรอีกเลย ถ้าฉันรู้ ฉันจะไปช่วย อนิจจา……. ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้เลย ! ”
“……”
ผู้คนในอำเภอชิงซานรู้ถึงเรื่องการตายของคนในตระกูลหลี่แล้ว ซึ่งหลายคนก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกไม่สบายใจมาก และกลับบ้านมาด้วยความโกรธ
วันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังคงแวะไปที่บ้านของหลี่ม่านม่าน ตอนที่เขาขับรถเข้าไปในเมือง แต่พ่อแม่ของหลี่ม่านม่านก็ยังไม่กลับมา
หลินเจียอินกล่าวว่า “สามี ทำไมคุณไม่ไปที่ถู่เฉิงเลยล่ะ ? ไม่มีข่าวอะไรมาหลายวันแล้วนะ……”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช่ ไม่มีข่าวอะไรมาเลย วันนี้ผมจะรออีกวัน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีข่าว ผมจะไปที่ถู่เฉิง”
หลินเจียอินพยักหน้า ถู่เฉิงห่างจากชิงโจวร้อยกว่ากิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลานานในการขับรถ หากไม่จำเป็น เธอคงไม่อยากให้เจียงเสี่ยวไป๋เดินทางไป
“ป่าป๊า หม่าม๊า เรามาที่นี่ทุกวันเพื่อมาหาใครเหรอคะ ? เขาไม่เคยกลับบ้านเลยเหรอ ? ” เจียงชานถามหลังจากฟังบทสนทนาของพ่อแม่
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ลูกสาวของเขาและพูดว่า “พ่อกับแม่มาที่นี่เพื่อต้องการมาพบเพื่อน เธอเป็นครูที่น่านับถือมาก แต่เธอล้มป่วยขณะสอน…..”
เจียงชานได้ยินก็พูดว่า “คุณครูล้มในห้องเรียน แล้วทำไมเราไม่ไปหาเธอที่โรงพยาบาลล่ะคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยท่าทีที่เศร้าหมอง “ชานชาน พ่อบอกว่าเธอล้มป่วย ไม่ได้บอกว่าเธอแค่ป่วยธรรมดา แต่… แต่เธอเสียชีวิตหลังจากนั้น และจากโลกนี้ไปตลอดกาล ! ”
“อ้อ ! ” ดูเหมือนเด็กน้อยจะเข้าใจแล้ว เธอพูดว่า “งั้นเธอก็เหมือนกับพ่อของพี่จื่ออันเหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยและพูดว่า “เธอก็เหมือนกับพ่อของเจียงจื่ออัน พวกเขาเป็นคนดีและน่านับถือ ! ”
เด็กน้อยดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่เศร้าหมองไป และพึมพำออกมาว่า “ทำไมคนดี ๆ ถึงตายไปกันหมด ? ทำไมพวกเขาถึงอายุสั้นนักนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินคำนี้ ใช่แล้ว ทำไมคนดี ๆ ถึงตายไปกันหมด ?
เขาไม่รู้จะตอบคำถามของลูกสาวอย่างไร และรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย จึงเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลง ปล่อยให้ลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้า…
รถจี๊ปค่อย ๆ ขับเข้ามาในสำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุง หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ลงจากรถแล้ว เขาก็บอกให้หลินเจียอินพาเจียงชานเข้าไปข้างในก่อน จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาสูบ
เมื่อคืน เขาฝันถึงหลี่ม่านม่านอีกแล้ว
แต่แค่ไม่สะดุ้งตื่นเหมือนครั้งที่แล้ว
ในความฝัน หลี่ม่านม่านบอกว่าเธอกำลังจะไปแล้ว เธอต้องจากสถานที่อันเป็นที่รักไปยังสถานที่ที่เธอไม่อยากไป เธอบอกว่าตอนแรกนึกว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะมาส่งเธอเป็นครั้งสุดท้าย ในฝัน เธอยืนรอเขาอยู่ที่เนินทางทิศตะวันออก แต่จนกระทั่งแสงสุดท้ายของวันลับหายไป เมื่อดวงดาวเต็มท้องฟ้า ดอกไม้บนภูเขาซบเซาเพราะไร้แสง เธอไม่รอให้เขาไปส่งเธอด้วยซ้ำ
เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องจากไปเพียงลำพัง……
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงฝันเช่นนี้ ?
เขายังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากเขารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงจะตามหยางเจี๋ยไปที่ถู่เฉิงตั้งแต่ที่หยางเจี๋ยโทรมาหาเขาวันนั้นแล้ว
หลังจากสูบบุหรี่ ความเศร้าและความอึดอัดในอกของเขาดูเหมือนจะเบาลงมาก
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มต้นวันที่วุ่นวายอีกครั้ง
ในตอนเช้า เขาไปดูหวังผิงขุดบ่อปูและควบคุมงานให้ออกมาตามที่เขาคิดไว้ ช่วงบ่าย เขาก็มาร่างแบบแปลนในสำนักงาน
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น เขาก็วางสิ่งที่ทำอยู่และเตรียมจะเรียกภรรยาพร้อมทั้งลูกสาวกลับบ้าน
ทว่าในเวลานี้ โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เขารับโทรศัพท์ และเสียงของหยางเจี๋ยก็ดังมาจากปลายสาย