ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 408 พร้อมขนส่งปูแล้ว
ตอนที่ 408 :พร้อมขนส่งปูแล้ว
ในตอนเช้าที่อากาศสดใส หมอกได้ลอยลงมาปกคลุมแม่น้ำชิงเจียง ภูเขาเขียวขจี ต้นไม้สีเขียวสดและใบหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างยามเช้า มีกลิ่นหอมของพืชพรรณลอยมาในอากาศ
เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานวิ่งตั้งแต่ถนนลาดยางไปจนสุดถนนลูกรังแล้ววิ่งกลับมาอีกรอบ
“เจียงชือ ตามมา ! ”
ตั้งแต่เอาลูกสุนัขมาเลี้ยง เวลาที่หนูน้อยออกไปวิ่งในตอนเช้า เธอมักจะพาลูกสุนัขไปด้วย
“อู๋ว……”
เจียงซือน้อยหอนออกมาแล้ววิ่งตามหลังเจ้านายตัวน้อยของมัน แม้ว่ามันจะตัวเล็ก แต่ขาของมันก็แข็งแรงและทรงพลัง มันสามารถตามทันได้อย่างง่ายดายแม้จะวิ่งเหยาะ ๆ ก็ตาม
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูลูกสุนัขแล้วยิ้ม หลังจากวิ่งมาได้สักพัก เขาก็เริ่มสอนลูกสาวให้ท่องบทกวีขณะวิ่ง
เป็นเช่นนี้ทุกวัน เจียงชานสามารถท่องจำบทกวีวันละหนึ่งบททุกวันหลังการวิ่ง
วันนี้เขาสอนลูกสาวท่อง ‘กวีห้าบทแห่งความพลัดพราก’ เป็นผลงานของหยวนเจิ้น นักกวีในสมัยราชวงศ์ถัง
‘ภาพใบหน้านวลยังหลงเหลือในกระจกยามเช้า เครื่องประดับหยกงามที่เคยปักผมนางยังเหลือเค้าลางให้เห็น’
‘ชั่วครู่หนึ่ง อาทิตย์ยามเช้าเคยทอแสงสะท้อนแก้มแดงของเจ้า ราวกับดอกไม้สีแดงชูช่อ เบ่งบานและเลือนหาย’
‘น้ำพุภูเขาไหลเอื่อยไปตามถนน ต้นไม้นับพันและดอกท้อบานสะพรั่งปกคลุมเรือนหลังเล็ก’
‘ข้าที่กำลังนั่งท่องตำราเต๋าอยู่บนเรือน เคยได้ลุกขึ้นและมองไปยังเจ้าที่นั่งหวีผมผ่านม่านลูกปัด’
‘หอหงโหล๋วเปลี่ยนลายปักผ่านตามยุคสมัย ลายปักนกขุนทองด้วยไหมสีอ่อนดูงามยิ่งนัก’
‘อย่าติเพียงเป็นผ้าเนื้ออ่อน ไหมที่อ่อนนุ่มนั้นสวมใส่สบาย’
‘สายน้ำอื่นดูซีดลงเมื่อเคยสัมผัสทะเลกว้างใหญ่ เมฆหมอกที่ใดก็ไม่งามเท่าที่หวู่ซาน’
‘แม้นถูกรายล้อมด้วยบุปผางาม แต่ก็คร้านจะมองย้อนกลับไป หรือนี่อาจเป็นเพราะฝึกเต๋า หรือนี่อาจเป็นเพราะเจ้า’
‘มีบุปผานับร้อยที่ผลิบาน ไฉนเลยต้องเป็นดอกหลีสีขาวที่ถูกเด็ดไป’
‘บัดนี้ข้ายืนอยู่ริมน้ำ น่าเศร้านักที่ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ มีเพียงข้าที่ชื่มชมทิวทัศน์เพียงลำพัง’
“ป่าป๊ากำลังคิดถึงใครอยู่หรือเปล่า ? ”
เด็กน้อยถามอย่างสงสัยหลังจากท่องจำบทกวีได้
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่เขาสอนลูกสาวท่องบทกวีนี้ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาเพียงแต่อยากเอามันมาสอนเธอเท่านั้น
ในเวลานี้ จู่ ๆ ลูกสาวของเขาก็ถามขึ้น และเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลี่ม่านม่านขึ้นมาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังจะชี้นำเขาให้ใช้บทกวีนี้เพื่อแสดงความเศร้าโศก
เขาพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ไม่ พ่อเพิ่งนึกบทกวีนี้ได้ จึงเอามาสอนหนู ! ”
“อ้อ ! ”
หนูน้อยตอบกลับและวิ่งต่อไปพร้อมทั้งท่องบทกวีนี้ไปด้วย
สองพ่อลูกวิ่งไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำ
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ สามพ่อแม่ลูกก็ออกเดินทางเข้าเมือง
เมื่อขับรถมาถึงเมืองชิงซาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดที่สี่แยกแล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันออกเพื่อไปบ้านของหลี่ม่านม่าน เมื่อมองขึ้นไปตามทาง ก็เห็นว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่บ้านข้างป่าไผ่บนเนินเขา
“เมียจ๋า คุณกับชานชานรออยู่ในรถเถอะ ผมจะขึ้นไปดูเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋บอกกับหลินเจียอิน จากนั้นก็ลงจากรถแล้วเดินขึ้นไปบนเนินเขา
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับมา
“ยังไม่มีข่าวอะไรใช่ไหม ? ”
แม้ว่าหลินเจียอินจะคาดเดาผลลัพธ์ได้แล้ว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามมันออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ลืมไปเถอะ ไปในเมืองก่อนแล้วค่อยกลับมาดูตอนเย็นอีกที ยังไงตอนเย็นก็ต้องขับผ่านที่นี่อยู่แล้ว”
หลังจากเข้ามาในเมือง วันนี้ก็เป็นวันที่เจียงเสี่ยวไป๋ยุ่งอีกวัน
ร้านแฟรนไชส์โยวผิ่นหลายสาขากำลังอยู่ในขั้นตอนการทำร้าน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้ส่วนลดใด ๆ แก่เจ้าของแฟรนไชส์ที่เป็นญาติกัน แต่เขาก็ยังคงติดตามความเรียบร้อยทุกขั้นตอน ทั้งจัดอบรมและสอนพวกเขาเกี่ยวกับการจัดการร้านค้าและการขาย
สอนคนให้ตกปลา ดีกว่าตกปลาให้พวกเขา
แทนที่จะให้เพื่อนยืมเงินหรือให้เงินแก่พวกเขาโดยตรง สู้สอนพวกเขาให้รู้ถึงวิธีหาเงินและปลูกฝังความคิดและความสามารถในการหาเงินให้กับพวกเขาจะดีกว่า
นอกจากนี้ร้านโยวผิ่นสาขา 2 ของเหวินเสวี่ยเหว่ยก็ได้เวลาเปิดร้านแล้ว วันมะรืนนี้ก็เป็นเทศกาลฉงหยางอีกด้วย เหวินเสวี่ยเหว่ยวางแผนที่จะเปิดร้านในช่วงเทศกาลฉงหยาง เขาจึงมาหาเจียงเสี่ยวไป๋เพื่อหารือเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะเอามาทำในช่วงเปิดร้านด้วย
ตอนที่เปิดร้านโยวผิ่นสาขาแรก มีการแจกใบปลิวส่งเสริมการขายจำนวนมาก ในใบปลิวมีเนื้อหาประกาศว่าให้ประชาชนมารับเมล็ดแตงโมห้ารสฟรีหนึ่งถุง โดยเอาใบปลิวที่ได้มาแลกที่ร้าน
กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนั้น มีผู้คนจำนวนมากมาเข้าแถวเพื่อรับเมล็ดแตงห้ารสฟรี
“เถ้าแก่เจียง ผมใกล้จะเปิดร้านแฟรนไชส์แล้ว ที่สาขาหลักของคุณจัดกิจกรรมอะไรเพื่อส่งเสริมการขายบ้าง ? ” เหวินเสวี่ยเหว่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ พรุ่งนี้จะมีโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ ลูกค้าที่สะสมบัตรแสตมป์จากการกินล่าเถียว จะมีโอกาสแลกรับเงินรางวัลสูงสุดมูลค่า 200 หยวน”
เหวินเสวี่ยเหว่ยได้ยินเรื่องนี้ก็ดีใจมาก เงินมูลค่า 200 หยวนนั้นถือเป็นรางวัลที่ใหญ่จริง ๆ เพราะรายได้รวมทั้งปีของหลายคนยังน้อยกว่า 200 หยวนด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า……ถ้าร้านของผมสามารถเสนอรางวัลใหญ่จำนวน 200 หยวนได้ ร้านก็คงจะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันที ! ” เหวินเสวี่ยเหว่ยพูดพร้อมกับถูมือของเขาไปมา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะทำโปรโมชั่นเช่นนี้ออกมา
เพียงแต่ว่าคนสมัยนี้ยังไม่มีความคิดสร้างสรรค์ด้านการทำธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วคนที่ได้อ่านโฆษณาในหนังสือพิมพ์ก็ไม่ใช่กลุ่มผู้บริโภคล่าเถียว เขาจึงตัดสินใจทำโฆษณาในสื่ออื่น ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เห็นโปรโมชั่นนี้
หลังจากที่เหวินเสวี่ยเหว่ยออกไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไปที่สำนักพิมพ์และขอให้เย่กวงโต้วจัดการเรื่องนี้ให้
เย่กวงโต้วครุ่นคิดอยู่นานและพูดขึ้นมาว่า “เถ้าแก่เจียง ทำไมคุณไม่ติดป้ายที่ทางเข้าโรงเรียนประถมทั้งสามแห่งในเมืองของเรา วาดรูปกวนอูในสามก๊กกินล่าเถียว พร้อมทั้งเขียนโปรโมชั่นข้าง ๆ เพื่ออธิบายกิจกรรมสะสมการ์ดนี้”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นประกาย ทำไมถึงคิดไม่ออกกันนะ: กวนอูลูบเครายาวยืนกินล่าเถียว ใบหน้าสีแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกาย
“เอาล่ะ งั้นนายช่วยไปบอกให้ช่างไม้ถานวาดภาพนี้ และบอกเขาด้วยว่าขอทำป้ายที่ใหญ่ ๆหน่อย”
เย่กวางโต้วรับคำสั่ง หลังจากนั้นเขาก็ไปหาช่างไม้ถานทันที
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่สำนักงานในโรงงานผลิตเครื่องปรุง ทันทีที่เขากำลังนั่งพักและจิบน้ำอยู่นั้น โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
ในใจของเขาอยากจะให้เป็นสายจากหยางเจี๋ย แต่กลับเป็นสายของหลินเจียจวินแทน
หลินเจียจวินโทรมาบอกเขาว่ารถขนส่งปูทั้งหกคันได้รับการดัดแปลงและติดตั้งอุปกรณ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนผู่ซิ่นหนานก็พาพี่น้องของเขาอย่างผู่ซิ่นตงและผู่ซิ่นเป่ยไปจับปูในทะเลสาบเหลียงจือ คาดว่าปูจะถูกขนส่งมายังชิงโจวในวันมะรืนนี้
ข่าวนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ร่าเริงขึ้นมาทันที เขาถอนหายใจและแอบคิดในใจว่า: หลินเจียจวินสมกับเป็นลูกชายของลุงรองจริง ๆ เขามีวิธีในการแก้ปัญหาการขนส่งและยังจัดการได้รวดเร็วอีกด้วย
นอกจากนี้ หลินเจียจวินยังบอกว่าเขาได้เอาภาพวาดที่เจียงเสี่ยวไป๋ส่งมาให้มาตกแต่งร้านค้าทั้ง 10 แห่งที่เจียงเสี่ยวไป๋เช่าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งก็ใกล้จะเสร็จแล้ว และยังบอกอีกว่าเขากำลังมองหาทำเลเพื่อสร้างร้านค้าต่อไป เพราะเขามุ่งมั่นที่จะเปิดร้าน 30 แห่งภายในปีนี้
หลังจากวางสายแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็บอกให้เฉินซินไปบอกหวังผิงให้มาพบเขา
แม้ว่าตอนนี้จะมีร้านกุ้งอบน้ำมันมากมายในชิงเจียง แต่มีเพียงสาขาแรกที่ตั้งบนถนนชิงโจวเท่านั้นที่มีโทรศัพท์ ในเวลานี้ หวังผิงน่าจะออกไปส่งวัตถุดิบ เขาจึงไม่แน่ใจว่าหวังผิงจะเข้ามาที่ร้านตอนไหน ?
เฉินซินต้องปั่นจักรยานออกไปตามหาทีละร้าน เขาต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะพบหวังผิง
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังคงเบื่อหน่ายกับการติดต่อสื่อสารที่ไม่สะดวกในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาอยากให้มีวีแชทเหมือนกับยุคหลัง ๆ
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตที่แล้ว เขารู้เกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สิ่งที่เขายังไม่เคยลองแตะก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ และในเวลานี้ผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตอย่างซูหังหม่ายังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ฉะนั้นการจะให้พวกเขาออกมาทำอะไรล่วงหน้าก็ดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในปัจจุบันยังไม่เริ่มต้น และถึงแม้จะมีเทคโนโลยีในการพัฒนาเครือข่าย แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่มาก
หวังผิงเดินลงจากรถ เดินผ่านประตูเข้ามา แล้วถามว่า “ทำไมนายถึงรีบร้อนตามหาฉันขนาดนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋บอกข่าวเรื่องการขนส่งปูที่ส่งมาจากเจียงเฉิงซึ่งจะมาถึงในวันมะรืนนี้ และกล่าวว่า “ตอนนี้เราได้เตรียมบ่อไว้แล้ว ปูที่ส่งมาจากเจียงเฉิงจะเอามาพักในบ่อนี้ แล้วแจกจ่ายออกไปตามความต้องการของแต่ละร้าน”
ขณะเดียวกัน หวังผิงก็เพิ่งรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ได้สั่งให้คนไปสร้างบ่อพักปูไว้แล้ว