ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 407 ความฝัน
ตอนที่ 407 :ความฝัน
“หม่าม๊าคะ เราจะไปที่ไหนกันคะ ? ”
หลินเจียอินเดินนำเจียงชาน ตามหลังเจียงเสี่ยวไป๋ไป จึงทำให้เจ้าตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
หลินเจียอินจึงกล่าวว่า “เรากำลังจะไปบ้านของคุณน้าคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนของพ่อ”
“อ้อ ! ”
เจียงชานขานรับและพูดว่า “เราจะอยู่ที่บ้านของคุณน้าคนนั้นนานไหมคะ ? ”
หลินเจียอินพูดด้วยท่าทีไม่มั่นใจ “น่าจะ……อยู่ไม่นานนะ”
เธอเองก็ไม่สามารถรับปากลูกสาวได้ เพราะมันเป็นสถานการณ์ของตระกูลหลี่ และตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็เดินมาถึงบ้านของตระกูลหลี่
บ้านหลังนี้มีรูปทรงเป็นตัว ‘L’ มีประตู 2 บาน ดูจากทรงบ้านแล้วน่าจะมีสองครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกัน
ประตูบ้านบานหนึ่งปิดอยู่ แต่ประตูบานอื่น ๆ ยังคงเปิด
“มีใครอยู่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ในลานหน้าบ้านแล้วตะโกนถามเสียงดัง
“ใครน่ะ ? ”
เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นในบ้าน ในไม่ช้า ก็มีชายรูปร่างผอมสูง วัยประมาณสี่สิบปี มีหนวดเคราเดินออกมาจากข้างในบ้าน
“นี่ใช่บ้านของหลี่ม่านม่านไหมครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูชายคนนั้นแล้วถามออกมา
ดวงตาของชายคนนั้นมองเจียงเสี่ยวไป๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า และถามว่า “คุณเป็นใคร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมเป็นเพื่อนของหลี่ม่านม่านครับ แล้วคุณล่ะ ? ”
ชายคนนั้นพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “ฉันเป็นอาของม่านม่าน คุณเป็นเพื่อนของเธอใช่ไหม เข้ามานั่งก่อนสิ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ ภรรยา และลูกสาวของเขาเดินตามหลี่เจียกุ้ยเข้าไปในห้องหลัก การตกแต่งภายในบ้านหลังนี้นั้นเรียบง่าย มีรูปของคนในบ้านและบรรพบุรุษติดไว้บนฝาผนัง ตรงกลางบ้านมีโต๊ะขนาดใหญ่ที่ดูจะเก่ามาก โต๊ะสีดำมีรอยด่างมีใยแมงมุมเล็ก ๆ อยู่ระหว่างขาโต๊ะและเก้าอี้หลายตัว ดูเหมือนว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีใครอยู่มาก่อนด้วยซ้ำ
หลี่เจียกุ้ยเช็ดเก้าอี้ด้วยผ้าขี้ริ้วแล้วพูดว่า “ฉันเป็นโสด ปกติไม่ค่อยมีใครมาที่บ้าน โต๊ะเก้าอี้จึงเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม แต่ฉันเช็ดแล้ว เชิญพวกคุณนั่งลงก่อน ฉันจะไปชงชามาให้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้เขาแล้วพูดว่า “อาหลี่ ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมมาที่นี่เพื่ออยากถามเรื่องหลี่ม่านม่าน”
หลี่เจียกุ้ยถอนหายใจและพูดว่า “ฉันเดาว่าพวกเธอคงรู้แล้วว่าม่านม่านเสียแล้ว เมื่อวานพี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานสาวของฉันเดินทางไปที่ถู่เฉิง พวกเขาน่าจะกลับมาวันนี้ แต่จนป่านนี้พวกเขายังไม่กลับมาเลย”
เขาพูดพร้อมกับส่ายหัว “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็สับสนไม่ต่างกัน แต่ในยุคที่การสื่อสารไม่สะดวกแบบนี้ เขาไม่สามารถติดต่อหาใครได้เลย
หลังจากพูดคุยกับหลี่เจียกุ้ยมาระยะหนึ่งแล้วปลอบใจเขา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขอตัวลากลับบ้าน และบอกว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ระหว่างทางกลับเจียงวาน หลินเจียอินก็พูดว่า “สามี นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว คงไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวแล้วพูดว่า “คงไม่หรอก ! ”
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน ทั้งสองคนต่างก็สลดใจไม่น้อย ในตอนกลางคืน หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋หลับไป เขาก็ฝันถึงหลี่ม่านม่าน ฝันว่าเธอยืนอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่า มีดวงอาทิตย์ที่สดใสลอยอยู่เหนือศีรษะของเธอส่องแสงสว่างไสว
เจียงเสี่ยวไป๋เพ่งมองไปที่เธออย่างหนัก พยายามมองเธอให้ชัด แต่เขาก็แสบตาเพราะแสงแดดนั้นสว่างจ้าเกินไป
เขาขยี้ตา แต่เมื่อมองอีกครั้งหลี่ม่านม่านก็หันหลังให้ แล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา เหลือเพียงเงาอยู่เบื้องหลัง
“หลี่ม่านม่าน ! ”
“หลี่ม่านม่าน ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนเสียงดังและวิ่งตามหลี่ม่านม่านไป
แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถไล่ตามหลี่ม่านม่านได้ทัน จนในที่สุดเมื่อเขาไปถึงยอดเขา เขาก็พบว่ามันมีเพียงยอดเขาว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหลี่ม่านม่านอยู่เลย
เขาจึงได้ตะโกนเรียกเธออีกครั้ง “หลี่ม่านมาน ! หลี่ม่านม่าน เธออยู่ที่ไหน ? ออกมาเถอะ ! ”
แต่ดูเหมือนว่าหลี่ม่านม่านจะเล่นซ่อนหากับเขา เพราะเธอไม่แม้แต่จะปรากฏตัวหรือโต้ตอบอะไรออกมาเลย
เจียงเสี่ยวไป๋เดินลงมาจากเขาด้วยความผิดหวัง ไม่นานหลังจากที่เขามาถึงไหล่เขา เขาก็เห็นร่างของหลี่ม่านม่านปรากฏท่ามกลางทุ่งดอกไม้บนภูเขาอีกครั้ง
เธอยิ้มออกมาท่ามกลางดอกไม้…
“หลี่ม่านม่าน ดีใจที่ได้พบเธออีกครั้ง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ้มให้และตะโกนบอกเธอ
หลี่ม่านม่านยิ้มและพูดว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ นายกำลังมองหาฉันอยู่หรือเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ ฉันกำลังหาเธออยู่ ! ”
“แล้วทำไมนายถึงไม่มาหาฉันล่ะ ? ” แม้ว่าหลี่ม่านม่านจะยิ้ม แต่ใบหน้าของเธอดูผิดหวังเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ฉันก็มาแล้วไม่ใช่หรือไง ? ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็เดินเข้าไปหาหลี่ม่านม่าน
หลี่ม่านม่านอยู่ตรงหน้าเขา แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เธอก็หายตัวไปทันที มีเพียงดอกไม้เท่านั้นที่พลิ้วไหว ไม่นาน ท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะหมุนวนไปเหมือนอ่างน้ำวนปรากฏเป็นอุโมงค์ ที่มันกำลังจะดูดเขาเข้าไป
ยังคงมีเสียงหัวเราะของหลี่ม่านม่านและเสียงตะโกนอยู่ในหูของเขา
“เจียงเสี่ยวไป๋ ! เจียงเสี่ยวไป๋… มาหาฉัน ! มาหาฉันหน่อย ! ”
“……”
“ฮึก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนออกมาสุดเสียง พยายามดิ้นรนที่จะออกจากวังวนในฝันของเขา ก่อนที่เขาจะสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งบนเตียงและหอบหายใจอย่างแรง
เสียงร้องของเขาทำให้หลินเจียอินสะดุ้งตื่น เธอรีบเปิดโคมไฟข้างเตียงแล้วมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เธอถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “สามี คุณเป็นอะไรไป ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันไปหาหลินเจียอินและยิ้มอย่างขอโทษ “ไม่มีอะไร ผมขอโทษที่ทำให้คุณตื่น ! ”
หลินเจียอินถามเขาด้วยรอยยิ้มปลอบโยน “คุณฝันร้ายใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวและพูดเบา ๆ “มันไม่ใช่ฝันร้าย ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมฝันถึงหลี่ม่านม่าน ! ”
ชาติก่อนเขาเคยฝันถึงแต่หลินเจียอินและเจียงชานเท่านั้น หลังจากเกิดใหม่ เขาแทบไม่ฝันถึงอะไรเลย แม้ว่าเขาจะฝันบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาก็มักจะฝันถึงแค่ภรรยาและลูกสาวของเขาเท่านั้น ไม่เคยฝันถึงคนอื่นเลย
น่าแปลกที่คราวนี้เขาฝันถึงหลี่ม่านม่านโดยไม่ทราบสาเหตุ
หลินเจียอินมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ม่านม่านเพิ่งจากไป บางทีเธออาจจะมาบอกลาคุณในความฝันก็ได้ ! ”
เธอรู้ว่าหลี่ม่านม่านแอบชอบเจียงเสี่ยวไป๋มาตลอดตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่
ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงไม่ฝันถึงหลี่ม่านม่านเลย มีแค่เจียงเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่ฝันถึง ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะด้วยความโง่เขลา “เธอกับผมเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น ทำไมเธอถึงต้องมาบอกลาผมในความฝันด้วยล่ะ ? ” เขาโบกมือปัดและพูดว่า “หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ เรานอนกันต่อดีกว่า”
หลินเจียอินพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วทั้งสองก็หลับไปอีกครั้ง
หลินเจียอินหลับไปอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากเสียงกรนเล็ก ๆ ของเธอ แต่เจียงเสี่ยวไป๋หลับไม่ลง เพราะอย่างแรกเลยก็คือ หลินเจียอินบอกว่าหลี่ม่านม่านมาเข้าฝันเขา หากเป็นชาติที่แล้วเขาคงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่หลังจากที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่ เรื่องที่เขาไม่เชื่อก็ล้วนเกิดขึ้นทั้งหมด เขาจึงปฏิเสธเรื่องความฝันนี้ไม่ได้เลย
เป็นไปได้ไหมที่หลี่ม่านม่านต้องการมาเข้าฝันของเขาจริง ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋สับสน เขาพลิกตัวไปมาอยู่อย่างนั้นพยายามข่มตาหลับ แต่ก็นอนไม่หลับจนถึงรุ่งสาง
“ป่าป๊า ! ”
“ป่าป๊าเปิดประตูหน่อยค่ะ ! ”
“ตื่นมาวิ่งได้แล้วค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงตะโกนของลูกสาว จากนั้นเขาก็ได้สติและลุกขึ้นมาดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเช้าแล้ว
โดยปกติในเวลานี้ เขาจะตื่นและออกไปวิ่งกับลูกสาว
แต่เช้านี้เขาตื่นสายมาก
“เดี๋ยวพ่อเปิดให้”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับลูกสาวไป และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลินเจียอินก็ตื่นเช่นกัน เจียงเสี่ยวไป๋จึงได้แต่พูดขอโทษเธอไปว่า “เมียจ๋า ผมขอโทษ วันนี้ผมตื่นสายไปหน่อย ชานชานจึงมาเรียกผมแล้วพลอยปลุกคุณไปด้วย ! ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ ฉันจะนอนต่ออีกหน่อย”