ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 405 ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 405 ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้
ตอนที่ 405 :ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้
หลังจากที่อาหารและเหล้าพร้อมแล้ว ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันในห้องส่วนตัว ก่อนที่เฉินหยวนเฉาจะเข้ามาพร้อมกับหลู่ต้าเหว่ย
“ท่านรองนายกเทศมนตรีจาง ! ”
หลู่ต้าเหว่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นรองนายกเทศมนตรีจางตอนที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา
เขาคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋เชิญเขามาท่านอาหารเย็นด้วยกันตามลำพัง ไม่คาดคิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางและประธานฟู่จะอยู่ที่นี่ด้วย
“สวัสดีผู้อำนวยการหลู่ เชิญนั่งลงก่อนครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนขึ้น ยื่นบุหรี่ให้พวกเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
หลู่ต้าเหว่ยนั่งลงตามที่เจียงเสี่ยวไป๋บอก เขาดูเกร็งเล็กน้อย
รองนายกเทศมนตรีจางพูดด้วยท่าทางใจเย็นว่า “ผู้อำนวยการหลู่ เราแค่มาทานอาหารเย็นด้วยกัน ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
หลู่ต้าเหว่ยพยักหน้ารับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วให้กับรองนายกเทศมนตรีจาง ฟู่เต๋อเจิง หลู่ต้าเหว่ยและเฉินหยวนเฉาแล้วพูดว่า “ผมขอไม่ดื่มนะครับ เพราะคืนนี้ต้องขับรถกลับบ้าน เชิญทุกคนดื่มกันให้เต็มที่”
“เอาล่ะ ขับรถไม่ควรดื่ม ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก ฉันฟังคำพูดพวกนี้ของคุณจนเอียนแล้ว” ฟู่เต๋อเจิงพูดด้วยความรังเกียจ
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะออกมา “เหล่าฟู่ ผู้อำนวยการหลู่ ผู้จัดการเฉิน เรามาดื่มของเรากันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขา”
เฉินหยวนเฉามีท่าทีสบาย ๆ แต่หลู่ต้าเหว่ยกลับมีท่าทีที่อึดอัด เพราะครั้งล่าสุดที่ทานอาหารเย็นด้วยกัน ไม่มีใครดื่มเลย แต่ครั้งนี้เจียงเสี่ยวไป๋ที่เป็นเจ้าภาพกลับไม่ดื่ม ยิ่งไปกว่านั้นแขกคนอื่นก็ดูไม่ประหลาดใจเลย แต่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมันมากกว่า ดังนั้นเขาต้องตรวจสอบเจียงเสี่ยวไป๋คนนี้ให้ดีอีกครั้ง
หลังจากที่เห็นทุกคนกำลังพูดกัน เขาก็ทักทายรองนายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เขาก็แอบคาดเดาจุดประสงค์ของเจียงเสี่ยวไป๋ที่เชิญเขามาทานอาหารเย็นด้วย
เพียงแต่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะถามอะไรออกไปได้
จนกระทั่งหลังจากที่ทุกคนดื่มไปสามแก้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดกับหลู่ต้าเหว่ยว่า “ผู้อำนวยการหลู่ ผมต้องการให้คุณช่วยอะไรบางอย่าง”
หลู่ต้าเหว่ยยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่เจียงมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้ ถ้าฉันสามารถช่วยได้ ฉันจะช่วยอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมอยากย้ายเด็กคนหนึ่งไปเรียนที่โรงเรียนของคุณ แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ? ”
หลู่ต้าเหว่ยเหลือบมองเจียงชานที่อยู่ข้างเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือลูกสาวของคุณใช่ไหม ? เธอยังไม่เข้าโรงเรียนประถมไม่ใช่เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัดแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่คุณบอก ลูกสาวของผมยังไม่เข้าโรงเรียน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องย้ายเธอไปโรงเรียนอื่น”
หลู่ต้าเหว่ยแอบชำเลืองมองรองนายกเทศมนตรีจางแล้วพูดว่า “เถ้าแก่เจียง ไหนลองพูดมาสิว่าคุณจะให้ใครย้ายมาเรียนที่โรงเรียนฉัน”
ในยุคนี้ การย้ายโรงเรียนนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่ทางโรงเรียนต้องยินยอมก่อนเท่านั้น
ประเด็นหลักคือโรงเรียนปลายทางจะต้องเป็นฝ่ายยินยอมก่อน
ทว่าสถานการณ์ของโรงเรียนประถมกลางชิงโจวอันดับ 1 ในตอนนี้ไม่เพียงแต่มีโควตาเต็มทุกปีเท่านั้น แต่ยังมีจำนวนนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนเกินจำนวนอีกด้วย ปกติชั้นเรียนหนึ่งจะต้องมีนักเรียนห้องละ 40 คน แต่ตอนนี้กลับมีมากกว่า 55 คน กล่าวได้ว่าเกินขีดจำกัดแล้ว
ในกรณีนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทางโรงเรียนจะรับนักเรียนที่ย้ายเข้ามาระหว่างเทอม
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ รองนายกเทศมนตรีจางก็คาดเดาสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะขอให้หลู่ต้าเหว่ยช่วย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ
มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย ทำไมคุณต้องทำให้มันดูเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ?
มันไม่เหมือนนิสัยที่ผ่านมาของเจียงเสี่ยวไป๋เลย !
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เด็กคนนี้ชื่อเจี่ยงจื่ออัน เขาอายุเจ็ดขวบและกำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1”
เจี่ยงจื่ออัน !
เปลือกตาของฟู่เต๋อเจิงหรี่ลงทันที ชื่อนี้ทำให้เขานึกถึงใครคนหนึ่ง
เดิมทีเมื่อเขาได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดว่าต้องการย้ายโรงเรียนให้เด็กคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋อาจกำลังช่วยญาติหาโรงเรียนให้ลูกของเขา
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเพื่อคนนั้น
“ผู้อำนวยการหลู่ ยังไงเรื่องนี้คุณก็ต้องช่วยเสี่ยวไป๋แล้วล่ะ ! ” ฟู่เต๋อเจิงกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม
รองนายกเทศมนตรีจางและหลู่ต้าเหว่ยต่างก็มองไปที่ฟู่เต๋อเจิงด้วยความประหลาดใจ
“เหล่าฟู่ คุณรู้จักเด็กที่ชื่อเจี่ยงจื่ออันด้วยเหรอ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางถามออกมา เพราะเขาจำไม่ได้ว่าลูกชายของเจี่ยงจงฉือชื่อเจี่ยงจื่ออัน
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “เขาเป็นลูกชายของเจี่ยงจงฉือ ! ”
ตอนนี้เองที่รองนายกเทศมนตรีจางก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปอิงชาน เขาพบกับเด็กคนนี้ที่บ้านของเจี่ยงชุ่ยซาน
เขาจึงหันไปถามกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ทำไมถึงอยากย้ายเด็กคนนี้ให้มาเรียนที่นี่ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เพราะผมให้เจี่ยงชุ่ยซานและหวังผิงมาทำงานที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง จะปล่อยให้เด็กทั้งสองอยู่ที่อิงชานไม่ได้”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าและหันไปพูดกับหลู่ต้าเหว่ย “ผู้อำนวยการหลู่ แม้ว่าเรื่องนี้มันจะพูดยากไปหน่อย แต่ยังไงคุณก็ต้องช่วยพวกเขาให้ได้”
หลู่ต้าเหว่ยรู้สึกประหลาดใจมากกับเด็กที่จะย้ายมาเรียนโรงเรียนของเขาคนนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ ประธานฟู่ และแม้แต่รองนายกเทศมนตรีจางต่างก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขารับเด็กคนนี้
แล้วเจี่ยงจื่ออันคนนี้คือใครกัน ?
พื้นเพของเขาเป็นใคร ?
ทำไมถึงมีคนช่วยพูดให้มากมายขนาดนี้ !
“อืม ฉันจะจัดการให้ ! ”
แม้ว่าเขาจะสับสน แต่หลู่ต้าเหว่ยก็ตอบตกลงทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ยกขวดนมถั่วเหลืองขึ้นแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากครับผู้อำนวยการหลู่ ผมจะดื่มนมถั่วเหลืองแทนเหล้าเพื่อเป็นการขอบคุณ”
“เถ้าแก่เจียง คุณสุภาพเกินไปแล้ว ! ” หลู่ต้าเหว่ยยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ แต่เขาก็ทนความสงสัยไม่ไหว จึงถามไปว่า “แล้วเด็กที่ชื่อเจี่ยงจื่ออันคนนี้เป็นใคร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจและเล่าเรื่องของเจี่ยงจงฉือให้หลู่ต้าเหว่ยฟัง
หลังจากที่หลู่ต้าเหว่ยได้ยินเรื่องราว เขาก็พูดด้วยความละอายใจว่า “เถ้าแก่เจียง ถ้าคุณบอกฉันแบบนี้ ฉันเต็มใจช่วยแน่นอน คุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอาหารเย็นหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยความสุภาพ “ผู้อำนวยการหลู่ ผมรู้ว่าถ้าผมบอกคุณเรื่องนี้ คุณจะช่วยอยู่แล้ว แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับการชวนคุณมาทานอาหารเย็นในวันนี้ ผมแค่ใช้โอกาสนี้บอกเรื่องนี้กับคุณก็เท่านั้น ในอนาคตคุณก็ต้องได้ดูแลเด็กคนนั้นที่โรงเรียนอยู่แล้ว เพราะเขาเองก็มาจากชนบท ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับอะไรหลาย ๆ อย่าง”
หลู่ต้าเหว่ยรีบพูดว่า “ฉันจะเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาดีที่สุดมาดูแลเขาอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณหลู่ต้าเหว่ยอีกครั้ง ฟู่เต๋อเจิงและรองนายกเทศมนตรีจางก็ดื่มเหล้าคนละแก้วเป็นการขอบคุณหลู่ต้าเหว่ย
เจียงชานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้พูดว่า “ป่าป๊าคะ พี่จื่ออันน่าสงสารมาก เขาสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อย ป่าป๊าเอาของเล่นของหนูไปให้เขาเล่นเถอะค่ะ ให้เขาเอาไว้เล่นตอนว่าง ๆ จากทำการบ้าน แบบนี้เขาก็จะไม่คิดถึงพ่อของเขาตลอดเวลาแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เอามือลูบหัวลูกสาวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ คืนนี้ถ้ากลับไปถึงบ้าน หนูก็เลือกของเล่นที่จะเอาให้พี่จื่ออัน แล้วพรุ่งนี้พ่อจะเอาไปให้เขา”
เจียงชานพยักหน้า “หนูอยากเอาของเล่นให้เขาเยอะ ๆ ”
รองนายกเทศมนตรีจาง ฟู่เต๋อเจิง และหลู่ต้าเหว่ยต่างก็หัวเราะออกมาและกล่าวยกย่องเจียงชาน
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ คุณอบรมสั่งสอนลูกได้ดีมาก มันทำให้ฉันละอายใจไปเลย ฉันยังทำเหมือนคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ในฐานะผู้นำ คุณต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมของเมืองชิงโจว มันมีหลายสิ่งที่คุณต้องเป็นกังวล หลายคนไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยซ้ำ”
รองนายกเทศมนตรีจางถอนหายใจ “คงจะดีมากถ้าทุกคนเป็นเหมือนคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปฏิเสธ
เขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก
สิ่งที่ต้องทำ ก็แค่ทำมัน
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เจี่ยงชุ่ยซานและหวังผิงจะต้องมาทำงานที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ส่วนเจียงจื่ออันก็ต้องเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนประถมศึกษากลางชิงโจวอันดับ 1 ด้วยเช่นกัน
หลู่ต้าเหว่ยยังได้รู้อีกว่าเจี่ยงจื่ออันมีน้องสาวที่เพิ่งจะอายุ 5 ขวบอีกหนึ่งคน ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทีอนุญาตให้เจี่ยงจื่อเสวียนสามารถเข้าเรียนชั้นประถมในปีหน้าได้ ซึ่งเป็นการเข้าเรียนก่อนเกณฑ์
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สุดท้ายเขาก็ได้จัดการเรื่องนี้จนเสร็จสิ้น
วันนี้ 9 ตุลาคม ตามปฏิทินจันทรคติของจีน เป็นวันที่ 4 เดือนกันยายน ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของวันน้ำค้างเย็นหรือวันหานลู่ (寒露) ห่างจากเทศกาลฉงหยาง [1] เพียงสี่วัน
เจียงเสี่ยวไป๋จัดการเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว และกำลังคิดถึงการเฉลิมฉลองเทศกาลฉงหยาง
ทันใดนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋รับโทรศัพท์ ในตอนนั้นเองที่มีเสียงร้องห่มร้องไห้ของผู้หญิงดังขึ้นมาจากปลายสาย “เจียงเสี่ยวไป๋ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ! ”
[1]เทศกาลฉงหยาง (重阳节) หรือเรียกอีกแบบว่า ‘เทศการเก้าคู่’ หรือ ‘เทศกาลผู้สูงอายุ’