ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 403 สร้างของดีประจำเมือง
ตอนที่ 403 :สร้างของดีประจำเมือง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ว่าตึกจะสูงแค่ไหน มันก็เป็นเพียงตึก มันเป็นเพียงเครื่องมือและไม่สามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่าจุดสังเกตได้”
เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงตึกเอ็มไพร์สเตตและโอเปร่าเฮาส์ เมื่อเขานึกถึงสถานที่สำคัญเหล่านี้ ความคิดหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขาทันที สถานที่สำคัญคลาสสิกเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงภาพลักษณ์ของเมืองเท่านั้น แต่พวกมันยังแสดงถึงอำนาจทางเศรษฐกิจของเมืองอีกด้วย
สำหรับเมืองสำคัญ แลนด์มาร์คเหล่านี้แสดงถึงอำนาจทางเศรษฐกิจของเมืองออกมาได้อย่างชัดเจน
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแล้ว สถานที่ตั้งของแลนด์มาร์คยังพลอยได้รับอิทธิพลทางเศรษฐกิจไปด้วย ซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่ใดเทียบได้
ดังนั้นการจะสร้างแลนด์มาร์คของเมืองได้นั้น จะต้องคำนึกถึงความสะดวกสบายของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การเงิน หรือการพาณิชย์ที่สามารถเข้าถึงและควบคุมความเจริญรุ่งเรืองของเมืองได้ โดยต้องมาพร้อมกับการหลั่งไหลเข้ามาของประชากร การจับจ่ายใช้สอย ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม สถานบันเทิง แหล่งช้อปปิ้ง ฯลฯ เพราะรูปแบบเศรษฐกิจเหล่านี้จะคอยเป็นตัวขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของเมือง
รองนายกเทศมนตรีจางรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำอธิบายเหล่านี้ แต่เขาก็ยังคงถามเจียงเสี่ยวไป๋ไปว่า “ไหนลองบอกประเด็นสำคัญมาหน่อยสิ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดด้วยความยินดีว่า “สิ่งที่ผมพูดไปคือต้องการบอกว่าการสร้างอาคารนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การดำเนินงานนั้นเป็นกุญแจที่สำคัญ”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าและพูดว่า “แล้วคุณวางแผนที่จะดำเนินการยังไงล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมวางแผนมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย แหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งบันเทิง โดยจะอาศัยสภาพแวดล้อมของสวนสาธารณะฉีเฟิงมาช่วยสร้างเอกลักษณ์ของเมืองชิงโจว”
“ซึ่งอาหารขึ้นชื่อของเราคือกุ้งเครย์ฟิชอบน้ำมัน เราจึงจะใช้กุ้งเครย์ฟิชเป็นอาหารประจำถิ่นของชิงโจว จากนั้นก็จะให้ร้านหม้อไฟ หมาล่าทั่ง ร้านปิ้งย่าง และร้านของกินจากทั่วประเทศมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสร้างเป็น ‘ถนนเพื่อนักชิม’ แห่งแรกของประเทศ”
ปากของรองนายกเทศมนตรีจางกระตุกอย่างแรงเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ถนนเพื่อนักชิม’
ชื่อฟังดูติดดินเล็กน้อย แต่ก็ตรงไปตรงมา หยาบโลนและเย้ายวนใจมาก
เขาไม่พูดอะไรและฟังเจียงเสี่ยวไป๋พูดต่อไป
เมื่อพูดถึงแผนการนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการสร้างอาคารที่พักอาศัยสูง 24 ชั้น โดยผู้ที่จะเข้าพักคือผู้คนรอบ ๆ เมือง พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เอาความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ และเป็นกลุ่มผู้บริโภคกระแสหลัก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นอกจากนี้ เมื่อผลิตภัณฑ์ในโรงงานของผมมีการส่งออกไปทั่วประเทศ ชิงโจวจะต้องมีพ่อค้าหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก เมื่อเมืองมีการพัฒนายิ่งขึ้น มันก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้นำระดับสูง ในอนาคต ผู้นำจะมาที่ชิงโจวมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราก็จำเป็นจะต้องมีโรงแรมระดับไฮเอนด์ไว้คอยต้อนรับพวกเขา”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเกสเฮาส์ชิงเจียงในตอนนี้มีขนาดเล็ก และสิ่งอำนวยความสะดวกก็ค่อนข้างล้าหลัง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ดังนั้น อาคารพาณิชย์ 33 ชั้นที่ผมจะสร้าง 9 ชั้นบนสุด ผมมีแผนจะสร้างเป็นโรงแรมห้าดาว”
รองนายกเทศมนตรีจางมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความสงสัย ในปี 1983 โรงแรมในประเทศยังไม่มีการแบ่งด้วยระดับดาว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามาตรฐานของโรงแรมห้าดาวคืออะไร
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขารู้ว่าในตอนนี้ประเทศจีนยังไม่มีการใช้ระบบการจัดอันดับมาตรฐานดาว จนกว่าจะถึงปี 1988 เขาจึงทำได้เพียงบอกรองนายกเทศมนตรีจางว่า “โรงแรมห้าดาวที่ผมพูดถึงก็คือโรงแรมที่เป็นเหมือนโรงแรมหรูในต่างประเทศ เป็นการแบ่งระดับของโรงแรมอย่างหนึ่ง ซึ่งโรงแรมที่ดีที่สุดในบรรดาโรงแรมคือโรงแรมระดับห้าดาว
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้ารับ ในใจคิดว่าที่แท้ก็เป็นการแบ่งระดับโรงแรมเหมือนต่างประเทศนี่เอง !
แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจการจัดลำดับมาตรฐานของโรงแรม แต่เขาก็รู้ว่าโรงแรมห้าดาวที่พูดถึงนี้ เป็นโรงแรมที่ดีที่สุด
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ถึงขั้นที่เขาเริ่มเกิดความรอคอยแล้ว
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า “คุณวางแผนจะสร้างอาคาร 33 ชั้น โดย 8 ชั้นด้านล่างมีไว้สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์ แล้วที่เหลืออีก 25 ชั้นจะทำเป็นโรงแรมทั้งหมดเลยเหรอ ? มีห้องทั้งหมดกี่ห้อง ? แบบนี้มันจะไม่มากเกินไปใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เราจะดูเรื่องนี้อีกทีหลังจากแบบแปลนถูกร่างออกมาแล้ว แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ทำทั้งหมดเป็นโรงแรม เพราะผมยังวางแผนที่จะทำบางชั้นเป็นอาคารออฟฟิศด้วย ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางดูสับสนขึ้นมาอีกครั้ง เขาสงสัยว่าเขาและเจียงเสี่ยวไป๋มาจากโลกเดียวกันหรือไม่ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดเลย ?
“ออฟฟิศคืออะไร ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋เรียบเรียงคำพูดอย่างไม่เป็นทางการ “มันเป็นคำที่ใช้ในต่างประเทศ ซึ่งหมายถึงอาคารสำนักงานที่ผู้คนทำงานภายในโดยไม่ต้องใช้แรงงานทำงานหนัก พวกเขาเพียงแค่ขีด ๆ เขียน ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงมีความหมายถึงอาคารสำนักงาน”
“อ้อ อืม ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา และพยายามจดจำศัพท์ใหม่นี้อีกครั้ง
เฮ้อ……เขาต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือต่างประเทศให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงพูดคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ค่อยรู้เรื่อง !
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงพูดคุยเกี่ยวกับองค์ประกอบหลักสี่ประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ความบันเทิง” เขาจึงตั้งใจจะพัฒนาภูเขาฉีเฟิงให้เป็นสวนสาธารณะ สวนสนุกและสวนน้ำ
เพราะเคยพูดคุยเรื่องนี้มาก่อนแล้ว หลังจากพูดไม่กี่คำ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มเข้าประเด็นสำคัญ
สิ่งสำคัญคือการช้อปปิ้ง !
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง คุณเคยไปเจียงเฉิงมาแล้ว คุณคงรู้จักห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเจียงเฉิงใช่ไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้า ไม่เพียงแต่เขาจะรู้จักห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเจียงเฉิงเท่านั้น แต่เขายังเคยไปซื้อสินค้าที่นั่นด้วย เขาจึงกล่าวว่า “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเจียงเฉิงมีแปดชั้น อย่าบอกว่าคุณก็วางแผนที่จะใช้ชั้นแปดเป็นห้างสรรพสินค้าด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ผมไม่ได้คิดจะเปิดห้างสรรพสินค้า แต่ผมจะเปิดเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ! ”
“ซูเปอร์มาร์เก็ต ! ”
ศัพท์ใหม่อีกคำหนึ่ง แค่รองนายกเทศมนตรีจางได้ยินก็รู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ได้ถามว่ามันหมายถึงอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นภาษาต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แค่ชื่อไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างสรรพสินค้า ก็เป็นสถานที่ขายของเหมือนกัน
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือการเปิดร้านขนาดใหญ่แบบนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จะมีของขายมากมายขนาดนี้หรือไม่ ?
ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้แม้แต่ห้างสรรพสินค้าก็ยังค่อนข้างจะขาดแคลนสินค้า
เมื่อถามข้อสงสัยของเขาออกมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็กล่าวว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง สิ่งที่คุณต้องทำมีแค่ให้การสนับสนุนและอนุญาตให้ผมเปิดซุปเปอร์มาเก็ต ส่วนปัญหาที่เหลือผมจะจัดการเองครับ”
รองนายกเทศมนตรีจางครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นก็กัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ ตราบใดที่คุณมีทาง ฉันก็จะอนุมัติให้สร้าง”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมากและพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีจางรอดูเถอะครับ ในอีก 2 ปีข้างหน้า โรงแรมห้าดาวของชิงโจว ซุปเปอร์มาเก็ต เมืองแห่งกุ้งเครย์ฟิช ถนนเพื่อนักชิมอาหาร สวนสนุกและสวนน้ำจะถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกัน ผมจะทำให้ภูเขาฉีเฟิงแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองชิงโจวให้ได้”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “2 ปี ใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การสร้างอาคารสูงยากยิ่งกว่าการสร้างอาคารแนวราบ ผมต้องใช้เวลา 2 ปีกว่าจะเสร็จสิ้นโครงการขนาดใหญ่นี้ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว”
รองนายกเทศมนตรีจางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นตึกสูงหลายสิบชั้น ไม่ใช่อาคารสองสามชั้นที่จะสามารถสร้างให้เสร็จภายในระยะเวลาหนึ่งหรือสองเดือน
นอกจากนี้ เวลา 2 ปีไม่นับว่านานเกินไป
ไม่นานมานี้ เขาได้รับข่าวมาว่าตำแหน่ง ‘รอง’ ของเขาจะถูกลบออกไปในไม่ช้า และในไม่ช้าเขาก็จะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในชิงโจวแล้ว
ซึ่ง 2 ปีหลังจากนี้ อุตสาหกรรมของเจียงเสี่ยวไป๋ก็จะเริ่มเติบโตทีละแห่ง ด้วยผลลัพธ์นี้ ถึงตอนนั้นเขาคงจะได้ขึ้นเป็นผู้นำระดับสูงของเมือง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รองนายกเทศมนตรีจางก็รู้สึกโล่งใจ
“เอาล่ะ ลงมือทำเลย ฉันจะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งให้กับคุณ ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ฉันจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ! ”
เป็นเรื่องยากที่รองนายกเทศมนตรีจางจะพูดอย่างนี้ออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขหลังจากได้ยินคำพูดนี้ และพูดว่า “ผมยังต้องการความช่วยเหลือจากคุณในบางเรื่องอยู่แล้ว”