ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 401 ผมยังมีแผนการใหญ่
ตอนที่ 401 :ผมยังมีแผนการใหญ่
ทันทีที่เขาเข้าไปในออฟฟิศ เขาก็เห็นป้าสามของเขา เจี่ยงชุ่ยหยูนั่งอยู่ข้างในนั้น
“ป้าสาม มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เข้ามาทักทาย เขาคว้าถ้วยชาบนโต๊ะแล้วจิบมันลงไป
วันนี้เขาวิ่งเต้นอยู่แต่ข้างนอกเกือบทั้งวัน ซึ่งเขาเหนื่อยมาก
เจี่ยงชุ่ยหยูรอให้เขาดื่มน้ำเสร็จ แล้วพูดอย่างเกรงใจว่า “ป้าได้ยินมาว่าเสี่ยวไป๋กลับมาแล้ว เลยอยากมาพบโดยเฉพาะ อ่า… วันนี้เสี่ยวไป๋งานยุ่งขนาดนี้ ที่จริงป้าไม่ควรรบกวนเธอ แต่ว่า……แต่……”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ค่อยเห็นป้าสามลังเลแบบนี้มาก่อน เขาจึงรีบพูดว่า “ป้าสาม หากป้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมาตามตรงเลยจะดีกว่า”
เจี่ยงชุ่ยหยูกล่าวว่า “ครั้งที่แล้ว เธอไม่ได้บอกว่าจะหางานให้หลานสะใภ้ของฉันทำไม่ใช่หรือ ? ฉันไปที่อิงซานเพื่อเยี่ยมพวกเขาเมื่อสองวันก่อน เฮ้อ……”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ถอนหายใจอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้ง หลังจากงานศพของเจี่ยงจงฉือเสร็จสิ้นไป เขาบอกว่าเขาจะหางานให้หวังผิงภรรยาของเจี่ยงจงฉือ แต่เขาก็ยุ่งมากจนลืมมันไปเสียสนิท
“ป้าสะใภ้สาม ผมต้องขอโทษจริง ๆ นี่เป็นความผิดของผมเอง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอโทษออกมา
เจี่ยงชุ่ยหยูกล่าวว่า “ป้ารู้ว่าเธอยุ่งมาก……”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ แล้วพูดว่า “ป้าสะใภ้สาม ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันเป็นความผิดของผมเอง เดี๋ยวผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เลย”
“ถ้าอย่างนั้น……ป้าต้องรบกวนเธอแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเฉินหยวนทันที บอกให้เขาหาตำแหน่งงานสองตำแหน่ง ตำแหน่งหนึ่งสำหรับหวังผิง และอีกตำแหน่งหนึ่งสำหรับเจี่ยงชุ่ยซาน
เฉินหยวนเฉารีบจัดการให้เจี่ยงชุ่ยซานทำงานเป็นคนทำความสะอาดในโรงงานและทำความสะอาดทางเดินของโรงงาน งานนี้ขอแค่ขยันก็สามารถทำได้
สำหรับหวังผิง เฉินหยวนเฉาให้เธอทำงานในไลน์ผลิตล่าเถียว โดยทำงานเป็น 3 กะ แต่ก็มีภาระงานที่ไม่หนักมาก
เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่านี่อาจจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้พวกเขาไปก่อน และยังให้เฉินหยวนเฉาเตรียมห้องพักแยกต่างหากสำหรับหวังผิง
หลังจากยืนยันสิ่งนี้แล้ว เขาก็บอกข่าวนี้กับเจี่ยงชุ่ยหยู จากนั้นเธอจึงถามว่า “เธอให้พี่ชายและหวังผิงทำงานในโรงงาน สิ่งนี้ดีกว่าการทำไร่ทำสวนในอิงซานมาก แต่การให้ผู้ใหญ่มาทำงานในเมือง แล้วจื่ออันกับจื่อเสวียนล่ะ เด็กทั้งสองคนนั้นจะทำอย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ป้าสามไม่ต้องกังวล ผมคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ผมจะส่งเด็กทั้งสองคนให้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมกลางชิงโจวอันดับ 1 มันเป็นโรงเรียนประถมที่ดีที่สุดในเมือง ดีกว่าโรงเรียนที่พวกเขาเรียนในอิงซานเสียอีก เราต้องให้พวกเขาเรียนในที่ที่ดีที่สุด”
เจี่ยงชุ่ยหยูดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จึงพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะไปบอกพี่ชายของฉันและหวังผิงให้ไปรับพวกเขามาเรียนที่นี่โดยเร็วที่สุด”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ป้าสาม ไม่ต้องกังวล ผมจะให้ชิงซานพาป้าไปที่นั่นเอง”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็โทรหาเฉินซินเพื่อบอกให้ถานชิงซานมาที่นี่
หลังจากนั้นไม่นาน ถานชิงซานก็เดินเข้ามา
ระหว่างทางมาที่นี่ เฉินซินได้เล่าให้เขาฟังแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสี่ยวไป๋ ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปส่งป้าสามจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยเอง ! ”
ถานชิงชานเองก็ชื่นชมเจี่ยงจงฉือไม่น้อย เขาเต็มใจทำเพื่อฮีโร่ในดวงใจของเขา
หลังจากที่ถานชิงชานและเจี่ยงชุ่ยหยูจากไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแอบตำหนิตัวเองที่ลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร
ถ้าวันนี้เจี่ยงชุ่ยหยูไม่มาหา เขาก็คงไม่ลืมต่อไปและไม่ลงมือทำอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นครอบครัวของฮีโร่ก็ไม่ควรถูกลืมเช่นนี้
“รอให้พวกเขาชินกับชีวิตในเมืองก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่าอะไรเหมาะสมกับพวกเขามากที่สุด ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋แอบคิดในใจ พลางหยิบปากกาและสมุดบันทึกขึ้นมาเพื่อจดเรื่องนี้ลงไป
เขาจะได้ไม่ลืมมันอีก
“กริ๊งงงง……”
ทว่าทันใดนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
เป็นสายจากรองนายกเทศมนตรีจาง โทรมาบอกให้เขาเข้าไปพบ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น วันนี้เขาวิ่งเต้นกับธุระที่ต้องจัดการมาทั้งวันแล้ว ซึ่งเวลานี้ก็ใกล้ถึงเวลาจะกลับบ้านเต็มที เขาไม่อยากไปไหนอีกแล้ว
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจะปฏิเสธไป
แต่เมื่อผู้นำเรียก เขาก็ทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น ก่อนจะหันไปบอกเรื่องนี้กับหลินเจียอินอย่างไม่เต็มใจและออกไปที่ศาลากลาง
“ท่านรอง ทำไมถึงเรียกผมมาป่านนี้ล่ะครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีจาง เขายื่นบุหรี่ให้และถามด้วยรอยยิ้ม
รองนายกเทศมนตรีจางเอื้อมมือไปรับมันด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“เป็นเรื่องดีแน่นอน คุณอยากเปิดโรงเรียนสอนขับรถไม่ใช่เหรอ ? เรื่องนี้ได้รับการอนุมัติจากเบื้องบนแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเรื่องนี้จากถังเสี่ยวโจวก่อนที่จะไปเจียงเฉิงแล้ว เขาจึงไม่แปลกใจมากนัก
รองนายกเทศมนตรีจางรู้จากสีหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเขาได้รับข้อมูลแล้ว
ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ลุงรองของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ทราบข่าวล่วงหน้าได้อย่างไร ?
เขายิ้มและพูดว่า “พรุ่งนี้ไปหาผู้อำนวยการเจิ้งปิงอี้ที่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะเพื่อหารือเกี่ยวกับที่ตั้งของโรงเรียนสอนขับรถ เราจะได้เริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วยและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านโทรเรียกผมมาเพราะเรื่องแค่นี้เหรอครับ ทำไมไม่บอกผมในสายเลย ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางเอามือถูเคราและจ้องมอง “อะไรนะ ? คุณไม่พอใจที่ฉันเรียกมาเหรอ ? ”
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรล่ะครับ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบาและจุดบุหรี่ให้รองนายกเทศมนตรีจาง
รองนายกเทศมนตรีจางเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดว่า “วันนี้ที่ฉันเรียกคุณมาก็เพื่อจะคุยเรื่องภูเขาฉีเฟิง”
เจียงเสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นและทำท่าเหมือนว่าเขาไม่ได้ยิน
รองนายกเทศมนตรีจางจึงกล่าวว่า “ครั้งล่าสุดที่คุณบอกว่าเราควรย้ายสวนสัตว์ ทางผู้บริหารระดับจังหวัดได้เจอสถานที่ที่เหมาะสมในเป่ยเฉิง เราจะย้ายสวนสัตว์ไปที่นั่นในไม่ช้านี้ พื้นที่เชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยขนาด 600 หมู่ของคุณก็จะได้รับการอนุมัติแล้ว คุณจะเริ่มปรับปรุงสวนสาธารณะฉีเฟิงเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดี เขาไม่คาดคิดว่าผู้บริหารจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้
นี่เป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับเขา
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็พูดว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง ภูเขาฉีเฟิงมีพืชพรรณเขียวชอุ่มและต้นไม้หายากมากมาย ผมอยากอนุรักษ์ต้นไม้เหล่านี้ และต้องการเปลี่ยนภูเขาฉีเฟิงให้เป็นสวนป่า แล้วสร้างสวนสนุกของเด็ก ๆ ขึ้นมาภายใน สร้างสวนน้ำริมฝั่งแม่น้ำชิงเจียง และสร้างทางเดินที่เป็นมิตรต่อน้ำ”
ดวงตาของรองนายกเทศมนตรีจางเป็นประกาย แต่ก็ถามออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “ในเมื่ออยากสร้างสวนสนุกสำหรับเด็ก แล้วทำไมถึงอยากย้ายสวนสัตว์ออกไปล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมแค่ไม่ชอบกลิ่นของสวนสัตว์”
รองนายกเทศมนตรีจางพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่านี่คือเหตุผล
แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เคยคุยกันมาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะสนใจมันอีก เพราะตอนนี้เขาสนใจแค่เรื่องการสร้างสวนสนุกและการสร้างสวนน้ำ
ต้องรู้ก่อนว่าในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ทั่วประเทศนั้นมีสวนสนุกไม่มากนัก ซึ่งสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดคือสวนสนุกต้าชิงที่สร้างขึ้นในปี 1981 จากนั้นในปี 1984 เซี่ยงไฮ้ก็ได้สร้างสวนสนุกประเภทเครื่องเล่นแห่งแรกของประเทศขึ้นมา มันมีชื่อว่า——จินเจียงพาราไดซ์
แน่นอนว่ารองนายกเทศมนตรีจางยังไม่รู้ว่าเขาจะสร้างอะไรขึ้นมาบ้าง
แต่คนที่เป็นผู้นำนั้นย่อมมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดคำว่า “สวนน้ำ” รองนายกเทศมนตรีจางก็พอจะคาดเดาได้บ้าง
หลังจากฟังคำอธิบายโดยละเอียดจากเจียงเสี่ยวไป๋เกี่ยวกับแผนการสร้างสวนสนุกและสวนน้ำแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่จะมอบหน้าที่ดูแลจัดการสวนสนุกฉีเฟิงให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ดูแล
เมื่อเห็นว่ารองนายกเทศมนตรีจางมีความสุข เจียงเสี่ยวไป๋จึงถือโอกาสพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง ผมยังมีแผนการใหญ่อีก ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้ง
ผู้ชายคนนี้ลงมือทำมามากมาย และสิ่งที่เขาทำก็ไม่มีอะไรเล็กเลย เมื่อเขาพูดว่า ‘แผนการใหญ่’ ออกมาจากปาก ก็ทำให้รองนายกรัฐมนตรีจางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แผนการใหญ่อะไร ? ”