ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 400 จัดกิจกรรมใหม่
ตอนที่ 400 :จัดกิจกรรมใหม่
ตามแผนเดิม เจียงเสี่ยวไป๋วางแผนที่จะรอจนกว่าฤดูกาลกุ้งเครย์ฟิชจะสิ้นสุดลง จากนั้นทั้งร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงและร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอก็จะเปลี่ยนเมนูทดแทนเป็นหมาล่าทั่ง
หมาล่าทั่งได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสมัยต่อมา และความนิยมของมันก็ไม่แพ้หม้อไฟ
แต่การเดินทางไปเจียงเฉิงครั้งนี้ทำให้เขาเปลี่ยนใจ
หลินเจียจวินรับปากว่าจะซื้อรถบรรทุก 6 คันมาดัดแปลงเป็นรถขนส่งอาหารทะเล ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนจากเดิมที่เป็นหมาล่าทั่งกลายมาเป็นปูผัดเซียงล่า
หมาล่าทั่งสามารถขายได้ตลอดทั้งปี และสามารถแยกน้ำซุปได้เหมือนกับหม้อไฟ
แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย หากต้องมอบเมนูเด็ดนี้ให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ในเครือ
แต่ปูนั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าปูจะสามารถรับประทานได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูกาลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดคือเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน
ฤดูกาลที่กุ้งเครย์ฟิชไม่มี จะเป็นฤดูกาลที่ปูมีเนื้อมากที่สุด ดังนั้นนี่จึงถือเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว
ตามที่ตั้งใจไว้ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เขาจะเริ่มเพาะพันธุ์กุ้งและปู จากนี้ไปจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องกุ้งขาดตลาดตามฤดูกาลอีกต่อไป
หลังจากบอกวิธีการแก้ปัญหาของเขาออกมาแล้ว หลินเจียอินที่ได้ยินก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้คุณก็คิดไว้หมดแล้วนี่เอง ! ”
“ไม่เลว ! ไม่ว่าจะเป็นปูผัดเซียงล่า ปูขนนึ่ง โจ๊กทะเล ทุกเมนูก็อร่อยไม่แพ้กุ้งอบน้ำมันเลย”
เฝิงเยี่ยนหงไม่เคยกินเมนูปูที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำ แต่เธอเชื่อในรสมือของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงพูดว่า “เยี่ยมมาก หากเจ้าของแฟรนไชส์โทรมาถามอีก ฉันจะให้คำตอบนี้กับพวกเขาไป”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า หลังจากอธิบายรายละเอียดบางอย่างแล้ว เขาก็ไปที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง
ภายในห้องทำงานของเฉินหยวนเฉา
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นถุงสะดวกซื้อสองใบให้เฉินหยวนเฉา
“คืออะไร ? ”
เฉินหยวนเฉารับมันมาและถามด้วยความสงสัย
“ผมซื้อเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทและเทปหลายตลับมาให้กับเฉินปิงและเฉินหง”
เฉินหยวนเฉากล่าวว่า “นายก็จริง ๆ เลย จะซื้อให้เด็กสองคนนั้นไปทำไม นายเอาเงินนี่ไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ให้เด็ก ๆ ฟังเพลงตั้งแต่อายุยังน้อย สมองจะได้พัฒนาเร็ว”
เขาโบกมือแล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ช่วงนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ? ”
เฉินหยวนเฉากล่าวขอบคุณเขา และเล่าถึงงานในโรงงานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ได้โฆษณานมถั่วเหลืองพร้อมสโลแกนนี้ที่เย่กวางโต้วได้คิดเอาไว้
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน นอกเหนือจากสโลแกน ‘ดื่มนมทุกวัน คนจีนร่างกายแข็งแรง’ แล้ว ยังมีคำอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับคำว่า ‘แข็งแรง’ เพิ่มเข้ามา อาทิเช่น เพิ่มพลังงานให้ตัวเองทุกวัน ด้วยการดื่มวันละแก้ว ! ’, ‘ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วคุณจะสุขภาพดี ! ’ และ ‘นมถั่วเหลือง นมธรรมชาติดีต่อสุขภาพ ! ’
นอกจากโฆษณาเหล่านี้แล้ว ยังมีบทความสั้น ๆ ถึงคุณค่าทางโภชนาการของนมถั่วเหลือง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนหันมาดื่มนมถั่วเหลืองให้มากขึ้น
ถือว่าไม่เลว !
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาพอใจมากกับความคิดของเย่กวงโต้ว
เฉินหยวนเฉากล่าวต่อว่า “กิจกรรมบริจาคนมถั่วเหลืองเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่โรงเรียนประถมศึกษากลางได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ปกครองหลายคน หลายคนถามว่าจะซื้อนมถั่วเหลืองได้ที่ไหน”
“ห้างสรรพสินค้าเริ่มยอมรับสินค้าของเราแล้ว ส่วนการขายในช่องทางอื่นยังอยู่ระหว่างการเจรจา”
“นอกจากนี้ ฝ่ายขายยังเอานมถั่วเหลืองของเราไปเสนอกับร้านอาหารบางแห่งและสามารถเพิ่มยอดสั่งซื้อให้กับโรงงานได้อีกด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดเล็กน้อย ถือว่าผลลัพธ์ของโฆษณานมถั่วเหลืองค่อนข้างได้ผล
แต่เห็นได้ชัดว่าความพยายามในการขายยังไม่เพียงพอ
ต้องปรับปรุงอีก !
หลังจากพิจารณาแล้ว เขากล่าวว่า “บอกฝ่ายขายว่าสำหรับการจัดส่งนมถั่วเหลืองของร้านอาหารทุกแห่ง เราควรนำรูปแบบการส่งมอบผลิตภัณฑ์มาใช้ก่อนและชำระเงิน เมื่อมีการจัดส่งในครั้งที่สอง ซึ่งหมายความว่าเจ้าของร้านอาหารไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินในการสั่งซื้อครั้งแรก”
เฉินหยวนเฉารู้สึกประหลาดใจ ในช่วงทศวรรษ 1970-1980 ไม่เคยมีการขายแบบนี้มาก่อนเลย ธุรกิจทั้งหมดมีการซื้อขายโดยตรง
หากขายนมถั่วเหลืองโดยไม่ต้องจ่ายเงินในครั้งแรก ไม่ใช่ว่าพอขายไม่ได้ เจ้าของร้านอาหารก็เอาไปแจกจ่ายให้ลูกค้าจนหมดเหรอ
“แล้วถ้าเจ้าของร้านเอานมถั่วเหลืองไปแล้วไม่ยอมขายล่ะ ? ”
เฉินหยวนเฉาแสดงความกังวลของเขาออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “บอกพนักงานขายว่าระยะเวลาในการจำหน่ายคือหนึ่งสัปดาห์ หากร้านอาหารนั้นขายนมถั่วเหลืองได้จำนวนไม่มากในหนึ่งสัปดาห์ เราจะเอาสินค้ากลับ และเราจะไม่ส่งไปยังร้านนั้นอีก”
“ตกลง ฉันจะแจ้งให้เซียวเต้าจุนบอกให้เขาทำตามแผนงานนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋จิบนมถั่วเหลือง ก่อนจะขอปากกาและกระดาษจากเฉินหยวนเฉามาเขียนแผนดัง ‘ฉวับ ฉวับ’
เขาบอกให้เฉินหยวนเฉาไปหาช่างไม้ถานเพื่อช่วยวาดรูปห้าทหารเสือของจ๊กก๊ก ได้แก่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียวและฮองตง ทำเป็นการ์ดใบเล็ก ๆ เพื่อให้ใส่ลงในถุงบรรจุภัณฑ์ล่าเถียวในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน 1:5, 1:10, 1:100, 1:200
นอกจากนี้ หากคำนวณตามอัตราการผลิตล่าเถียว 1,000 ซอง ให้ใส่การ์ดที่มีหน้าของจูกัดเหลียง 1 ใบ และหากผลิตล่าเถียวได้ 10,000 ซอง ให้ใส่การ์ดที่มีหน้าของเล่าปี่ 1 ใบ
จากนั้นเขียนกติกาการสะสมการ์ดไว้ด้านหลังบัตร หากสะสมครบ 5 ทหารเสือ จะได้รับล่าเถียวรสเผ็ด 5 ห่อฟรี
หากสะสมจูกัดเหลียงและห้าทหารเสือ สามารถนำมาแลกเป็นเงินสดได้ 10 หยวน
หากสะสมเล่าปี่และห้าทหารเสือ สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ 50 หยวน
หากสะสมไพ่ครบเจ็ดใบ สามารถนำมาแลกเป็นเงินสดได้ 200 หยวน
ดวงตาของเฉินหยวนเฉาเป็นประกายและพูดว่า “กิจกรรมนี้สนุกดี เด็ก ๆ น่าจะชอบอย่างแน่นอน แต่ล่าเถียวนั้นมันมาก การ์ดอาจจะปนเปื้อนน้ำมันได้ถ้าใส่เข้าไปรวมในซอง”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่ามันก็มีเหตุผล แต่ไม่ใช่ปัญหา เขาบอกให้เฉินหยวนเฉาไปหาเมิ่งเสี่ยวเป่ยให้เธอสั่งทำถุงพลาสติกชุดหนึ่งที่มีขนาดพอกันกับการ์ด จากนั้นก็เอาการ์ดใส่ในถุงพาสติก แล้วถึงใส่ลงในบรรจุภัณฑ์ล่าเถียวอีกทีนั่นเอง
มันอาจซับซ้อนเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาได้ดี
เฉินหยวนเฉาเห็นด้วยทันที
เสร็จจากงานที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ได้ไปที่สำนักงานหนังสือพิมพ์อีกครั้ง เพื่อบอกให้เย่กวางโต้วทำโฆษณา “กินล่าเถียวรสเผ็ด ลุ้นรับรางวัลใหญ่”
ในยุคนี้ รางวัลใหญ่มูลค่า 200 หยวนนั้นนับว่าน่าดึงดูดใจอย่างแน่นอน
หลังจากบอกรายละเอียดให้เย่กวางโต้วรู้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบออกไป เขาตรงไปที่สถานีโทรทัศน์เพื่อไปหาผู้อำนวยการเจิ้งเจียฮุ่ยเกี่ยวกับเซ็นสัญญาว่าจ้างแผนกโฆษณาของสถานีโทรทัศน์
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวไป๋ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ไม่สะดวกในทุกวันนี้ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ เขาก็ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่เหมือนกับในอนาคต ใช้แค่โทรศัพท์หรือส่งข้อความทางวีแชทก็สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง
ตอนนี้ เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการเดินทาง
สถานีโทรทัศน์อยู่ไม่ไกลจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ เจียงเสี่ยวไป๋จึงใช้เวลาไม่นานก็พบกับเจิ้งเจียฮุ่ย
การเซ็นสัญญาเสร็จสมบูรณ์อย่างราบรื่น เจิ้งเจียฮุ่ยยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่เจียง ในอนาคตสถานีโทรทัศน์จะมีเงินทุนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะ ! ”
“ได้ครับ ขอบคุณผู้อำนวยการเจิ้งที่ไว้วางใจ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้โฆษณาเป็นกระแส” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจิ้งเจียฮุ่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “สำหรับรายการสุขภาพดี ชีวีสุขี เราได้ติดต่อกับท่านอธิการบดีหลี่ไคเซียน เขายินดีและบอกว่าจะสนับสนุนรายการนี้เป็นอย่างดี เขาแนะนำแพทย์อาวุโสชื่อสวีเหมาชิง ให้มาเป็นแขกรับเชิญพูดคุยเรื่องการดูแลสุขภาพ เราจะมีการบันทึกเทปตอนแรกของรายการในคืนนี้ คุณมาทันเวลาพอดี คุณจะได้เป็นแขกรับเชิญและพูดคุยกับคุณหมอสวีสักหน่อย”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการเป็นแขกรับเชิญในรายการ
เจิ้งเจียฮุ่ยเข้าใจความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ผิดไป เธอจึงพูดว่า “ก็จริง คุณเป็นถึงผู้สนับสนุนรายการ จะให้เป็นแขกรับเชิญที่ไม่มีบทบาทเด่นได้อย่างไร งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ในตอนที่สองของรายการ เราจะให้คุณเป็นแขกรับเชิญดาวเด่นของตอนเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผู้อำนวยการเจิ้ง อย่าขอให้ผมไปบันทึกรายการเลย หากคุณต้องการคนไปถ่ายจริง ๆ คุณก็ไปถามผู้อำนวยการเฉินหยวนเฉาเถอะ”
เขาไม่ชอบการปรากฏตัวต่อสาธารณชน แต่รายการนี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการขายนมถั่วเหลืองและโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ดังนั้นเขาจึงโยนความรับผิดชอบนี้ไปให้เฉินหยวนเฉา
เจิ้งเจียฮุ่ยยังคงหวังว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเข้าร่วมการถ่ายทำ เธอยังเห็นว่าเฉินหยวนเฉาเป็นเพียงผู้จัดการเท่านั้น ซึ่งผู้ควบคุมโรงงานทั้งหมดคือเจียงเสี่ยวไป๋
แต่หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมเขามาหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้ผล เจิ้งเจียฮุ่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้
หลังจากออกมาจากสถานีโทรทัศน์ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายโมงแล้ว เขาจึงรีบกลับไปที่โรงงานเครื่องปรุงรส