ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 397 ของขวัญจากหลินเจียจวิน
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 397 ของขวัญจากหลินเจียจวิน
ตอนที่ 397 :ของขวัญจากหลินเจียจวิน
หลังจากออกจากหอพักของหลินเจียลี่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็คิดอยู่พักหนึ่งและพาเจียงชานไปที่หอพักของเจียงเสี่ยวชิง
ครั้งนี้ ในที่สุดก็พบกันได้เสียที
“พี่รอง พี่มาที่เจียงเฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวชิงก็ถามด้วยความดีใจ
เจียงชานกล่าวว่า “เราสองคนอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว พวกเรามาหาอาเสี่ยวชิงในวันที่สอง แต่อาก็ไม่อยู่”
เจียงเสี่ยวชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอกลับมาเมื่อสองวันก่อน เพื่อนร่วมห้องของเธอบอกเธอบอกว่ามีคนมาหาเธอ เธอเองก็สงสัยว่าใครกันที่มาหาเธอ แต่เธอไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชายของเธอ
“พี่รอง ฉันไปผาแดงเมื่อไม่กี่วันก่อน…”
เจียงเสี่ยวชิงอธิบายออกมาด้วยท่าทีไม่ค่อยดีนัก เธอบอกว่าเธอเข้าร่วมชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัย และชมรมได้จัดทริปถ่ายภาพที่ผาแดง ดังนั้นเธอจึงไปกับชมรม
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวชิงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจึงไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอมากเกินไป เขาแค่ถามว่า “พี่ไม่เห็นเธอส่งจดหมายกลับบ้านทุกสัปดาห์เหมือนที่บอกเลย ? ทำไมถึงไม่ส่งล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ฉันตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะถ่ายภาพให้ดีก่อนที่จะส่งไป”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดถึงครอบครัวมาเป็นอันดับแรกและเห็นคุณค่าของครอบครัวมาเป็นที่หนึ่งเหมือนกับเขา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในชาติที่แล้ว เจียงเสี่ยวชิงแทบไม่ได้กลับมาที่ชิงโจวหลังจากเรียนจบวิทยาลัย ส่วนพ่อแม่ก็มีเจียงเสี่ยวเยว่ พี่สาวคนโตเป็นคนดูแล
ในชาตินี้ เขาเพียงแต่ทำให้เจียงเสี่ยวชิงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่เขาไม่ได้คิดจะไปเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของน้องสาวคนนี้
จนกระทั่งตอนนี้ เขาเข้าใจว่าหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตดูเหมือนจะถูกกำหนดไว้แล้ว แม้ว่าเขาจะเกิดใหม่ แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของมันได้
หลังจากปล่อยให้เจียงชานคุยกับเจียงเสี่ยวชิงสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็พาลูกสาวของเขาออกมา
ระหว่างทางกลับ เจียงซานสังเกตเห็นว่าพ่อของเธอดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี จึงถามไปว่า “ป่าป๊าโกรธอาสี่เหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พ่อไม่ได้โกรธ แค่เสียใจนิดหน่อย”
เจียงซานสับสนและถามว่า “ป่าป๊าเสียใจเรื่องอะไรเหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เอามือลูบหัวลูกสาวของเขาแล้วพูดว่า “หนูยังเด็ก ยังไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิต ตราบใดที่หนูยังเป็นมนุษย์ หนูจะต้องมีความรู้สึกเสียใจบ้าง และหนูจะเข้าใจเองเมื่อโตขึ้น”
เขาไม่อยากคุยเรื่องนี้กับลูกสาวต่อ เลยถามเธอไปว่า “เรามาที่นี่นานแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้เจอแม่แล้ว ชานชานดีใจไหม ? ”
เจียงชานยิ้มรับ “หนูดีใจมากค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถามว่า “แล้วหนูคิดถึงแม่หรือเปล่า ? ”
เจียงชานคิดอย่างจริงจังและพูดว่า “บางครั้งหนูก็คิดถึง แต่ขอแค่หนูได้อยู่กับป่าป๊าทุกวัน หนูก็ไม่ได้คิดถึงหม่าม๊ามากขนาดนั้นแล้วค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีใจหรือเสียใจกันแน่
สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในครอบครัว ลูกควรพึ่งพาพ่อแม่ของตนเท่า ๆ กันจึงจะดี แต่ถ้าลูกพึ่งพาเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป นี่อาจไม่ใช่เรื่องดี
“กลับไปต้องคุยเรื่องนี้กับภรรยาให้ได้ ให้เธอพยายามเข้าหาลูกให้มากกว่านี้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดในใจ
หลังจากกลับมาที่เกสเฮาส์หงซาน สองพ่อลูกก็ไปอาบน้ำและลงไปกินอาหารเช้า
ในตอนที่กำลังกินข้าวเช้าอยู่นั้น หลินเจียจวินก็มาถึง
“ผมบอกพี่แล้วว่าไม่จำเป็นต้องมาส่งผมหรอก ทำไมพี่ยังดื้อมาที่นี่อีก ? ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียจวินกล่าวว่า “ใครมาส่งนายกัน ฉันมาส่งชานชานต่างหาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจ อีกฝ่ายจะหาข้ออ้างอะไรมาพูดก็แล้วแต่ ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความสุขมาก
หลังจากรู้จักกันไม่กี่วัน เขาก็เห็นว่าแม้หลินเจียจวินจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้มีความดื้อรั้น อวดเก่ง หรือชอบใช้อำนาจ เขากลับเป็นคนที่มีน้ำใจมาก
เขารู้สึกสบายใจที่ได้ร่วมงานกับคนแบบนี้
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากห้อง หลินเจียจวินก็เดินมาส่งเจียงเสี่ยวไป๋ที่รถจี๊ป เจียงชานกำลังจะขึ้นรถ แต่หลินเจียจวินก็หยุดเธอไว้ก่อน
“ชานชาน ลุงได้เตรียมของขวัญไว้ให้หนูด้วย รอแป๊บนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ลืมไปเถอะครับ ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้ ไม่ต้องให้อะไรเธอก็ได้”
หลินเจียจวินกลอกตามองมาที่เขา “ฉันจะเอาของให้หลานสาวของฉัน ไม่ใช่เรื่องของนาย”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินไปที่รถจี๊ป เปิดประตูและอุ้มลูกสุนัขขนสีน้ำตาลทองออกมาจากข้างในรถ
“ชานชาน นี่คือของขวัญที่ลุงจะมอบให้หนู หนูชอบไหม ? ”
เมื่อเด็กน้อยเห็นลูกสุนัข ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “มันน่ารักมากเลยค่ะ คุณลุงคะ คุณลุงยกให้หนูจริง ๆ หรอคะ”
หลินเจียจวินหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “แน่นอน ลุงเลือกให้หนูโดยเฉพาะเลยนะ ! ”
“หนูชอบไหม ? ”
“ชอบค่ะ ! ”
เจียงชานกล่าวอย่างมีความสุข
หากหลินเจียจวินให้อย่างอื่นแก่เธอ เธออาจจะถามความคิดเห็นของพ่อของเธอก่อน แต่โดยธรรมชาติแล้ว เด็กจะเอ็นดูสัตว์ตัวเล็ก ดังนั้นเจียงชานจึงวิ่งเข้าไปอุ้มลูกสุนัขออกมาจากมือของหลินเจียจวินทันทีโดยที่ไม่ถามความเห็นจากพ่อของเธอสักคำ
หนูน้อยก้มหัวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก “ขอบคุณนะคะคุณลุง หนูชอบสุนัขตัวนี้มาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าหลินเจียจวินจะให้ลูกสุนัขกับเจียงชาน เขากำลังจะหยอกล้อหลินเจียจวิน แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ลูกสุนัขขนสีน้ำตาลทอง
“พี่จวิน ของที่พี่เอามาให้เธอคือลูกสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟงั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ลูกสุนัขขนสีน้ำตาลทองในอ้อมแขนของเจียงชาน เห็นได้ชัดว่ามันมีลักษณะเป็นหัวสิงโต ในบรรดาสุนัขพันธุ์มาสทิฟทิเบตถือว่าลักษณะแบบนี้มีราคาแพงที่สุด หากคิดที่จะขยายพันธุ์เพื่อขาย ในอนาคตอาจสามารถขายได้ราคาหลายสิบหรือหลายร้อยล้านหยวน
หลินเจียจวินเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “ไอ้โหยว ใช้ได้เลยนี่ ฉันไม่คิดว่านายจะรู้จักสุนัขพันธุ์ทิเบตันด้วยซ้ำ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “พี่จวิน อย่าให้เธอเลย มันแพงเกินไป”
หลินเจียจวินพูดอย่างเมินเฉย “มันเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง จะแพงอะไรขนาดนั้น ? ” และพูดต่อว่า “นอกจากนี้ ชานชานรับมันแล้ว นายขัดเธอไม่ได้แล้วล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่เจียงซาน และเห็นว่าเธอมีความสุขมากที่ได้อุ้มลูกสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟตัวน้อย เขาจึงพูดออกมาด้วยความเอือมระอา “อ่า ครับ งั้นขอบคุณนะครับ ! ”
หลินเจียจวินโบกมือของเขาไปมาเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองลูกสุนัขหน้าสิงโตตัวนี้อีกครั้ง แล้วพูดว่า “เจียงเฉิงอยู่ห่างจากที่ราบสูงทิเบตมาก พี่ไปหาลูกสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟมาจากไหน ? แถมมันยังเป็นพันธุ์แท้อีกด้วย ! ”
หลินเจียจวินกล่าวว่า “นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันเคยเป็นหัวหน้ากองทัพมาก่อน รู้จักคนเยอะ”
ในความเป็นจริง สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาลูกสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟมาสักตัว แต่มันบังเอิญที่สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟของหัวหน้าเก่าของเขาเพิ่งคลอดลูกสุนัขเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเลยได้ลูกสุนัขตัวนี้มาจากหัวหน้าเก่า โดยให้ชื่อปู่หลินของเขาในการขอมา
สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้คือ ถ้าปู่ของเขารู้เรื่องนี้ ปู่จะตีเขาด้วยแส้ม้าไหมนะ ?
เมื่อเห็นว่าหลินเจียจวินปฏิเสธที่จะพูดที่มาของมัน เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ถามต่อ
หลังจากขอบคุณเขาอีกครั้ง เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานก็ขึ้นรถแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ชิงโจว ส่วนหลินเจียจวินก็ต้องไปซื้อรถบรรทุกมาดัดแปลงเป็นรถขนส่งอาหารทะเล
ตอนที่เธอเดินทางมาเจียงเฉิง เจียงชานนั้นรู้สึกเบื่อมากที่ต้องนั่งคนเดียวในรถ เจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องพยายามพูดคุยกับเธอตลอดเวลา แต่คราวนี้เมื่อเดินทางกลับ หนูน้อยไม่รู้สึกเบื่อเลย เธอเล่นกับสุนัขตัวน้อยของเธอตลอดทางและมีความสุขมาก
“ป่าป๊าคะ มาตั้งชื่อสุนัขตัวนี้กันเถอะ ! ” เจียงชานพูดหลังจากเล่นกับมันไปสักพัก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ หนูอยากจะตั้งชื่อมันว่าอะไร ? ”
เจียงชานกอดลูกสุนัขและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ป่าป๊าช่วยหนูตั้งชื่อให้มันหน่อยได้ไหม ? ”