ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 396 ซื้อของขวัญให้น้าเจียลี่
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 396 ซื้อของขวัญให้น้าเจียลี่
ตอนที่ 396 :ซื้อของขวัญให้น้าเจียลี่
หลังจากกินหม้อไฟเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานก็กลับไปที่เกสเฮาส์หงซานตามกำหนด
“ป่าป๊าคะ น้าเจียลี่อยากได้เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ท”
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เจียงชานก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกับเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา “หนูรู้ได้อย่างไร ? น้าเจียลี่บอกหนูเหรอ ? ”
เจียงชานส่ายหัวแล้วพูดว่า “น้าเจียลี่ไม่ได้บอกหนู แต่หนูสังเกตเองค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มสนใจขึ้นมาและถามว่า “เก่งมาก บอกพ่อหน่อยสิว่าหนูสังเกตเห็นมันได้อย่างไร ? ”
เจียงชานกล่าวว่า “หนูเห็นตอนน้าเจียลี่กำลังนับเงิน เธอถามหนูว่าเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทของอาเสี่ยวชิงราคาเท่าไหร่ เธอยังถามหนูด้วยว่าอาเสี่ยวชิงซื้อเทปประเภทไหนฟังบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เอานิ้วจิ้มหน้าผากของเจียงชาน พร้อมทั้งเอ่ยชมลูกสาว “ดีมาก หนูเป็นคนที่ช่างสังเกตและวิเคราะห์ได้ดีมาก ! ”
เจียงชานหัวเราะอย่างมาความสุข “ป่าป๊าคะ หนูกำลังนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเป็นการบอกว่าใช่ จากนั้น เจ้าตัวเล็กก็พูดอย่างมีความสุขว่า “ป่าป๊าซื้อให้น้าเจียลี่เถอะค่ะ หนูคิดว่าเธอมีเงินไม่พอ”
“โอเค งั้นเราจะไปซื้อด้วยกัน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วย จากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจียงชานแล้วพาเธอขับรถตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าในเจียงเฉิง
เขาอยู่ที่เจียงเฉิงมาสองสามวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาลูกสาวมาชอปปิ้ง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องเลือกสถานที่ที่ดีที่สุด
เมื่อขับรถมาถึงถนนเจียงฮั่น ห้างสรรพสินค้าที่สูงแปดชั้นก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลากสี เจียงชานอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น “ป่าป๊าคะ ห้างสรรพสินค้าในเจียงเฉิงสวยขนาดนี้เลยหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ในอนาคต ห้างสรรพสินค้าในชิงโจวก็จะสวยไม่แพ้กัน”
ตอนนี้เขามีที่ดินอยู่ในมือทั้งเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัย นอกเหนือจากสร้างที่พักอาศัยคุณภาพสูงแล้ว เขายังวางแผนจะสร้างห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในชิงโจว และสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกด้วย
ท้ายที่สุด เมื่ออุตสาหกรรมหลายอย่างของเขากำลังดำเนินไปในปีหน้า นักธุรกิจจำนวนมากจะเริ่มทยอยมาที่ชิงโจว จึงจำเป็นต้องมีโรงแรมดี ๆ ไว้คอยต้อนรับคนเหล่านั้น
หลังจากที่สองพ่อลูกเข้ามาในห้างสรรพสินค้า เด็กน้อยก็ถูกดึงดูดด้วยสินค้านานาชนิดที่ตื่นตาตื่นใจทันที เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มชอปปิ้งอีกครั้ง เขาซื้อทุกสิ่งที่ลูกสาวชอบและต้องการโดยไม่ลังเลใจ
หลังจากการช็อปปิ้งอย่างสนุกสนาน เขาก็ได้ซื้อเสื้อผ้าและของเล่นมากมาย เละยังซื้อเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทรุ่น Sony WM-7 จำนวนสิบเครื่องด้วย
อย่าถามว่าทำไมเขาถึงซื้อเยอะขนาดนี้ ?
แต่ควรถามว่าทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้มีญาติเยอะมากกว่า !
นอกจากการมาซื้อให้หลินเจียลี่หนึ่งเครื่องแล้ว เขายังจะซื้อไปให้เจียงเสี่ยวเหลย เจียงเสี่ยวหยู เจียงชาน เจียงถิง หวังกัง เฉินปิง เฉินหง หลินจื้อเสียน และหลินจื้อหลินอีกคนละเครื่องด้วย
แน่นอนว่าเขาก็เลือกซื้อเทปมาไม่น้อยเช่นกัน
เจียงชานมีความสุขมากที่เธอเป็นคนเลือกเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทให้น้าเจียลี่ของเธอ แต่เธอก็ไม่คิดว่าพ่อจะซื้อให้ตัวเธอเองด้วย
นอกจากนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังได้ซื้อเทปเปล่าไว้อีกหลายตลับ เพราะเขาตั้งใจจะเอาไปบันทึกบทกวีโบราณให้ลูกสาวของเขาฟังในอนาคตอีก
เนื่องจากในยุคนี้ไม่มีเทปบันทึกเสียงอ่านบทกวี ดังนั้นเขาจึงต้องทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
หลังจากกลับจากการช้อปปิ้งครั้งใหญ่ เด็กน้อยก็นอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ เล่นเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทที่เธอเพิ่งได้มาและพูดด้วยสีหน้าสบายใจว่า “ป่าป๊าคะ นอนที่เกสเฮาส์สบายกว่านอนที่บ้านของคุณลุงผู่เยอะ กลางคืนที่บ้านคุณลุงผู่มียุงเยอะมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ทนฟังคำพูดของลูกสาวด้วยความลำบากใจ และได้แต่กล่าวขอโทษเธอว่า “คราวนี้พ่อไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ หากพ่อพาหนูมาอีกในอนาคต พ่อจะไม่ยอมให้หนูต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้อีกเป็นอันขาด ! ”
เด็กน้อยพูดอย่างเชื่อฟัง “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่หนูได้อยู่กับป่าป๊า หนูก็ไม่กลัวยุงตอนกลางคืนแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาดีใจที่ลูกสาวติดเขาขนาดนี้
หลังจากนั้น สองพ่อลูกก็ได้นอนหลับไปพร้อมกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋พาเจียงชานไปวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า
แม้ว่าตอนที่พวกเขาจะไปพักที่บ้านของผู่ซิ่นหนานในทะเลสาบเหลียงจือ ทั้งสองพ่อลูกก็จะออกไปวิ่งในตอนเช้า หลังจากนั้นไม่กี่วัน เจียงชานก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับมันแล้ว
ตอนนี้เธอสามารถวิ่งได้ครั้งละมากกว่า 40 นาที โดยที่ขาของเธอไม่เจ็บเหมือนหลังจากที่วิ่งในวันแรก ๆ
วันนี้เจียงเสี่ยวไป๋พาเจียงชานไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิง พร้อมของที่ซื้อให้หลินเจียลี่ รวมถึงเสื้อผ้าอีกสองสามชุด เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทหนึ่งเครื่อง ตลับเทปอีกนับสิบตลับ และเงินอีก 500 หยวน
ครั้งนี้เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาที่เจียงเฉิง น้องสะใภ้ก็เอาเจียงชานไปอยู่ด้วย 2 วัน สิ่งของเหล่านี้จึงถือเป็นเหมือนรางวัลตอบแทนเธอ
สำหรับเจียงเสี่ยวชิง เขาไม่ได้ซื้ออะไรให้เธอในครั้งนี้
เพราะเขายังคงโกรธเธออยู่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สองพ่อลูกก็มาถึงหน้าห้องของหลินเจียลี่ เจียงเสี่ยวไป๋ดูนาฬิกาของเขา วันนี้เขาไม่มีเวลาพอที่จะวิ่งในตอนเช้า เขาจึงพาเจียงชานเดินไปรอบ ๆ หลังจากผ่านไป 50 นาที เขาก็มาหยุดอยู่หน้าห้องของหลินเจียลี่อีกครั้ง
และยังคงเหมือนเดิมทุกวัน หลังจากที่พาลูกสาวยืดเส้นยืดสายแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยื่นถุงสะดวกซื้อให้เจียงชานแล้วพูดว่า “ไปเคาะประตูห้องของน้าเจียลี่ แล้วมอบของขวัญให้เธอด้วย อย่าลืมบอกเธอว่าหนูขอบคุณที่เธอดูแลหนูในช่วงนี้ และบอกเธอว่าเราจะกลับชิงโจวแล้ว”
“ได้ค่ะ ! ”
เจ้าตัวเล็กหยิบถุงสะดวกซื้อแล้วเดินไปเคาะประตูตามที่เจียงเสี่ยวไป๋บอก
เมื่อประตูห้องนอนเปิดออก หลินเจียลี่ก็เห็นหลานสาวของเธอ เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ชานชาน ทำไมหนูมาเช้าขนาดนี้ล่ะ ? ”
เมื่อเธอเห็นว่าหลานสาวของเธอเหงื่อออกเต็มหน้าผาก เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนถามเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้างหลัง “เฮ้ นี่พี่ทำอะไรของพี่ หลานสาวของฉันยังเด็กอยู่เลย ทำไมถึงบังคับให้เธอวิ่งตอนเช้าทุกวัน ไม่รู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยท่าทีหดหู่ว่า “ฉันไม่ได้ชื่อเฮ้ ฉันมีชื่อ อย่าลืมว่าฉันเป็นพี่เขยของเธอ เธอควรสุภาพกับฉันให้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ? ”
หลินเจียลี่เค้นเสียงออกมา “เฮอะ ! ” เธอไม่ได้เรียกพี่เขยของเธอเข้าไป แต่เธอดึงเจียงชานเข้าไปในห้องนอนแล้วเช็ดเหงื่อด้วยผ้าเช็ดตัว ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา “ชานชาน หนูก็เหมือนกัน ไม่ต้องตามพ่อไปวิ่งในตอนเช้าอีก เขาเป็นแค่คนโรคจิตที่ชอบทรมานคนอื่นเปล่า ๆ ”
เจียงชานแลบลิ้นออกมา แล้วพูดว่า “น้าเจียลี่ อย่าพูดแบบนั้นกับป่าป๊านะ ! ” เธอยกถุงสะดวกซื้อในมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “ฟังนะ ป่าป๊าซื้อของขวัญให้น้าเจียลี่ แล้วบอกว่าขอบคุณที่ดูแลหนู ป่าป๊าตั้งใจซื้อให้น้าเจียลี่โดยเฉพาะ รอบนี้ป่าป๊าไม่ได้ซื้อของให้อาเสี่ยวชิงด้วยซ้ำ ! ”
หลินเจียลี่หยิบถุงสะดวกซื้อมาวางไว้บนเตียงด้วยอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “ซื้อของมาให้ หวังให้ฉันใจอ่อนล่ะสิ ฝันไปเถอะ ! ”
เจียงชานพูดว่า “พ่อซื้อเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทให้น้าเจียลี่ และมีเทปอีกเยอะแยะเลยนะ ! ”
หลินเจียลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอตั้งใจจะซื้อมันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจริง ๆ แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะซื้อให้ เมื่อรู้แบบนี้ เธอจึงมีความสุขเล็กน้อย แต่ก็ยังปฏิเสธที่จะให้อภัย เธอจึงพูดไปว่า “ชานชาน หนูเป็นหลานสาวของน้า การดูแลหนูคือสิ่งที่น้าเต็มใจทำ ไม่จำเป็นต้องให้เขาแสร้งทำเป็นคนดีซื้อของมาขอบคุณน้าหรอก ! ”
เจียงชานโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ป่าป๊าเป็นคนดีจริง ๆ นะคะ เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง ! ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็มองไปที่หลินเจียลี่ด้วยตากลมโตและพูดด้วยความสงสัย “น้าเจียลี่ ป่าป๊าของหนูเป็นคนใจดีและเก่งมาก ทำไมน้าถึงไม่ชอบเขาล่ะ ? ”
หลินเจียลี่รู้สึกขบขันกับท่าทีของเจ้าตัวเล็ก เธอจึงพูดว่า “หนูไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่หรอก แต่จำไว้ว่าน้าเจียลี่รักหนูก็พอนะ”
เจียงชานขานรับ “อ้อ” แล้วพูดว่า “น้าเจียลี่ เรามาที่นี่เพื่อเอาของมาส่งให้ แล้วมาลาน้าด้วย วันนี้หนูกับป่าป๊าจะกลับไปที่ชิงโจวแล้ว”
“หนูจะกลับแล้วเหรอ ? ” หลินเจียลี่ดูตะลึงและรู้สึกเสียดายเมื่อรู้ว่าหลานสาวจะกลับบ้านแล้ว เธอจึงพูดว่า “ภาพถ่ายที่เราถ่ายที่ทะเลสาบตะวันออกในวันนั้นยังไม่ได้เอาไปอัดเลย ! ”